หลังจากจูอี้ฉวินถอนตัวจากงานนี้ก็ไม่ได้กลับเซี่ยงไฮ้ เพราะ้าอยู่ดูงานแสดงสินค้าของหลินซือฉิงเหม็นโฉ่!
แม้จะไม่รู้ว่าหญิงสาวหาเพชรจักรพรรดิมาจากที่ใด แต่เื่นี้ไม่สำคัญ บริษัทค้าอัญมณีที่จะร่วมงานแสดงสินค้าในครั้งนี้หลายแห่งเป็บริษัทขนาดเล็ก เ้าพ่อตลาดอัญมณีอย่างเขา รวมถึงหลินเหรินเทียน เป็ผู้บอกให้คนเ่าั้ถอนตัวด้วยตัวเอง ด้วยฐานะของทั้งสองคน บริษัทเล็กๆ ต่างไม่กล้าล่วงเกิน
“คุณหนูใหญ่หลิน สบายดีนะ?” จูอี้ฉวินแสร้งยกยิ้ม เหลือบมองหลินซือฉิงที่วิ่งเต้นจัดการงานได้อย่างสมบูรณ์แบบพลางพูดคุกคาม “ผมขออภัยจริงๆ ที่ทำให้คู่หมั้นของคุณต้องมาด้วย และขอชดเชยเื่กังวล ไดมอนด์กรุ๊ปของผมรับประกันว่าจะส่งสินค้ามาทันทีเพื่อเติมบูธที่ว่างเปล่านี้ เป็อย่างไร?”
การกระทำนี้ของจูอี้ฉวินชั่วร้ายมาก ตอนแรกชักชวนให้บริษัทอื่นถอนตัว จากนั้นถือโอกาสคุกคามหลินซือฉิง การแสดงเครื่องเพชรทั้งหมดของไดมอนด์กรุ๊ปไม่ใช่เพียงไดมอนด์กรุ๊ปจะช่วยกู้หน้าได้ แต่ยังจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นด้วย!
หลังจากขายเครื่องประดับในงานแสดงสินค้า ไดมอนด์กรุ๊ปสามารถรับส่วนแบ่งมากที่สุด ขณะที่กลุ่มผู้จัดงานของตระกูลหลินได้รับเพียงค่านายหน้านิดหน่อยเท่านั้น
น่าเสียดายที่หลินซือฉิงไม่งับเหยื่อ แค่สายตาชั่วร้ายของจูอี้ฉวินก็ทำให้หลินซือฉิงอยากตบหน้าเขาสักครั้ง แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองจึงได้แต่อดกลั้น
“เพ้อเจ้อ” เพียงสองคำนี้ก็แสดงให้เห็นถึงท่าทีของหลินซือฉิง เธอเหยียดมองจูอี้ฉวิน “ที่นี่ไม่ได้เชิญคุณ แต่คุณก็ยังมาตามอำเภอใจนะ”
เมื่อจูอี้ฉวินได้ยินก็โมโห หรือสาวสวยคนนี้จะไม่รู้ผลลัพธ์? ช่างไม่รู้สถานการณ์อะไรเลย น่าโมโหนัก เนื่องจากหลินซือฉิงเป็คุณหนูตระกูลหลิน เขาแทบมอมเหล้าเธอและพาเข้าโรงแรมเพื่อจัดการสักร้อยรอบ
“คุณหนูใหญ่หลิน หวังว่าคุณจะไม่เสียใจก็แล้วกัน”
จูอี้ฉวินพูดจบก็หัวเราะเ็าแล้วหันหลังจากไป การแต่งกายทำให้เขาดูเหมือนนักธุรกิจตัวจริง แต่หลินซือฉิงรู้ว่าชายคนนี้สกปรกแค่ไหน
หลังจากจูอี้ฉวินเดินจากไป หลินซือฉิงก็มองบูธที่ว่างเปล่าบางแห่ง ในใจกังวลเล็กน้อย คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี หรือว่าจะเล่นละคร?
งานแสดงสินค้าต้องเปิดต่อเนื่องสามวัน วันแรกเล่นละครและทำให้คนทั้งหมดรู้ถึงความแข็งแกร่งของเย่เฟิง สองวันหลังก็ควรมีการแข่งขันบ้าง
ขณะหลินซือฉิงครุ่นคิด ทางเข้าศูนย์การแสดงสินค้าพลันปรากฏกลุ่มคนร่างกำยำใส่ชุดสูทสีดำและแว่นกันแดดผลักกระแทกผู้คน ในมือแต่ละคนถือท่อนเหล็ก
ยามหลายคนตรงทางเข้าศูนย์การแสดงสินค้าไม่กล้าเข้าไปขวาง พวกเขาคิดว่าตนเป็เพียงผู้ช่วยตัวสำรอง ไม่คุ้มค่าที่จะทุ่มสุดตัวกับงานนี้ นายจ้างของพวกเขาคือศูนย์การแสดงสินค้าเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาจะปกป้องแค่ทางเข้า ไม่เกี่ยวข้องกับงานแสดงเครื่องประดับ
เมื่อกลุ่มคนร่างกำยำชุดดำเหล่านี้บุกเข้าไปในศูนย์การแสดงสินค้า คนอื่นๆ ต่างใ มีเพียงหลินซือฉิงผู้เดียวที่ใบหน้าประดับรอยยิ้ม
ช่างเป็โอกาสดีจริงๆ!
แม้จะไม่รู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็พวกของใคร แต่เย่เฟิงเตรียมพร้อมอยู่ข้างในแล้ว คนพวกนี้แทบไม่ต่างอะไรกับเอาไข่ไปกระทบหิน ถึงเวลาที่จะต้องจัดการแล้ว
โอ้ ที่แท้สหายกลุ่มนี้รวมตัวกันมาเพื่อรนหาเื่โดนทุบตี!
บนชั้นสองของศูนย์การแสดงสินค้า เย่เฟิงกำลังเดินเล่นกับหญิงสาวทั้งสาม ซูเมิ่งหานสนใจงานแสดงเครื่องประดับพวกนี้เล็กน้อย เย่เฟิงจึงมากับเธอ แน่นอนว่าหลงหว่านเอ๋อร์และจื่อเจี้ยนหลานก็ต้องตามมาด้วย
เย่เฟิงเดินอยู่ข้างจื่อเจี้ยนหลาน เพราะหลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหานจับมือกันอย่างสนิทสนม มองไปทางนั้นทีทางนี้ทีด้วยท่าทางตื่นเต้นสนใจ ดูเหมือนมีสินค้าค่อนข้างน้อย บางบูธก็ว่างเปล่า ซูเมิ่งหานจึงผิดหวังเล็กน้อย
“เจี้ยนหลาน เธอไม่ชอบเครื่องประดับเหรอ?”
ขณะเย่เฟิงเดินอยู่ก็พบว่าจื่อเจี้ยนหลานไม่ตื่นเต้นสักนิดจึงแปลกใจ พวกผู้หญิงต่างชอบสิ่งของที่ส่องประกายพวกนี้ไม่ใช่หรือ?
“ก็ไม่เลวนะ”
จื่อเจี้ยนหลานหัวเราะอย่างเขินอาย โฉมหน้างดงามไร้การแต่งแต้มเครื่องสำอาง เรียบแต่งดงามราวเทพธิดา รอยยิ้มนี้ทำให้เหล่าชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆ เดินชนเสากันเลยทีเดียว
“โอ้จริงสิ ฉันเกือบลืมไปแล้ว”
เย่เฟิงเกาหัวตัวเอง ขนาดแหวนเพชรเม็ดโตอย่างเพชรจักรพรรดิ จื่อเจี้ยนหลานยังไม่สนใจ เครื่องประดับเหล่านี้ย่อมเทียบไม่ติด
ไม่กี่วันที่ผ่านมา จื่อเจี้ยนหลานเริ่มคุ้นเคยกับชีวิตในเมืองที่ทันสมัยและอยู่กับทุกคนอย่างมีความสุข แต่คนที่ใกล้ชิดที่สุดในใจของเธอย่อมเป็เย่เฟิง การได้เดินคู่กับเขาในศูนย์การแสดงชั้นสองทำให้หญิงสาวต้องอดกลั้นความรู้สึก ใบหน้าอันงดงามจึงเริ่มแดง ผู้เข้าร่วมงานเห็นพวกเขาต่างก็คิดว่าทั้งคู่เป็คู่รักกัน
“พี่เย่ ออกมาข้างนอกหน่อย!”
จู่ๆ เสียงเตาปาก็ดังมาจากหูฟังที่หูของเย่เฟิง
“มาก่อเื่งั้นหรือ?”
เย่เฟิงถามไปอย่างนั้นแต่ไม่ได้สนใจจริงจัง
ศูนย์การแสดงสินค้าแห่งนี้ไม่นับว่าเล็ก มีพื้นที่มากกว่าสองร้อยหมู่ จิตหยั่งรู้ของเย่เฟิงไม่สามารถครอบคลุมได้หมด ของหลงหว่านเอ๋อร์ก็เช่นกัน นี่เป็งานของเขา เย่เฟิงไม่อยากรบกวนหลงหว่านเอ๋อร์ และไม่สามารถสนใจสถานการณ์โดยรอบขณะชื่นชมเครื่องประดับ
ดังนั้นนอกจากตาเฒ่าเย่เวิ่นเทียน คนข้างกายเย่เฟิงก็ออกไปรับหน้ากันหมดแล้ว
เหล่าลูกน้องที่ฝึกเคล็ดวิชาซิวหลัวและเตาปาคือกำลังต่อสู้สำคัญของเย่เฟิง พวกหนานฟางและผู้ฝึกิญญาอย่างจ้าวอี้เปยกับหลิงเฉินเป็กองกำลังสำคัญที่ใช้สอดแนม
หนานฟางมีฝีมือด้านอาวุธสมัยใหม่หลายอย่าง และหยิบยืมอุปกรณ์จากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติไว้แล้ว ขณะที่จ้าวอี้เปยและหลิงเฉินซึ่งไม่มีกายเนื้อทำเพียงสอดส่องอยู่ตลอด หากเกิดสิ่งผิดปกติในศูนย์การแสดงสินค้า พวกเขาสามารถแจ้งให้เย่เฟิงรู้ได้ทันที
“ดูเหมือนจะเป็พวกอันธพาลถือท่อนเหล็กมาก่อเื่...” เตาปารายงานผ่านหูฟัง
“งั้นให้เป็หน้าที่พวกนาย จัดการโยนพวกมันออกไป” เย่เฟิงออกคำสั่งอย่างเฉยชา
ถือท่อนเหล็กมาแบบอันธพาล เย่เฟิงคร้านจะลงมือด้วยตัวเอง จึงให้พวกเตาปาได้ออกกำลังเคลื่อนไหวร่างกายสักหน่อย ั้แ่ฝึกเคล็ดวิชาซิวหลัว พวกเขาต่างไม่ได้ออกแรงเลย คงรู้สึกคันไม้คันมืออยู่แล้ว
“ครับ!” เตาปาตอบรับทันที
เย่เฟิงเดินเล่นกับสาวสวยต่อ ใครส่งพวกอันธพาลมา? ช่างไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย เมื่อเข้ามาแล้วก็คงแสร้งทำให้ผู้คนหวาดกลัวเท่านั้น ถ้าเป็หลินเหรินเทียนและคนอื่นที่ชักใยอยู่เื้ัก็พอเป็ไปได้ ด้วยอิทธิพลของหลินเหรินเทียน ตนคงไม่สามารถทำให้พวกนั้นต้องไปกินข้าวแดงในคุก
ชายหนุ่มส่ายหัว ไม่สนใจการแสดงเล็กๆ ซึ่งไร้ภัยคุกคามนี้ ในใจของเขากังวลเพียงอย่างเดียว คือเพ่ยเค่อกรุ๊ปจะลงมือเมื่อไร?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้