หานอวิ๋นซีที่ได้สติกลับคืนมาก็รีบหดเท้ากลับเข้าไปในชายกระโปรงอย่างรวดเร็วราวกับไฟฟ้าช็อต จากนั้นก็มองไปที่ดวงตาของหลงเฟยเยี่ย ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็สีแดงทันที!
ชายผู้นี้คงไม่ได้คิดว่านางเป็คนสำส่อน? หรือคิดว่านางกำลังยั่วยวนเขาใช่หรือไม่?
บ้าบอ!
รู้ถึงไหนอายถึงนั่น!
“ท่านอ๋อง ข้าใส่ยาเองได้ ท่านออกไปก่อนเถอะ” หานอวิ๋นซีพูดอย่างใจเย็น
อย่างไรก็ตาม แทนที่หลงเฟยเยี่ยจะออกไป เขากลับลากเก้าอี้มานั่งข้างหน้านางและเปิดรอยฟกช้ำ
นี่้าช่วยใส่ยาให้นางหรือไม่?
เมื่อนึกถึงสายตาของเขาเมื่อครู่ หานอวิ๋นซีรู้สึกอึดอัดและฝืนยิ้มออกมา “ท่านอ๋อง ข้า...ทำเองได้”
“หวังเฟยถอดรองเท้าถุงเท้าเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าข้าก็ต้องรับใช้สิ” น้ำเสียงเยือกเย็นของหลงเฟยเยี่ยแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
ไม่ว่าหานอวิ๋นซีจะฟังอย่างไร นางก็รู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นมันไม่ถูกต้อง อีกอย่าง นางไม่เชื่อว่าชายผู้นี้จะใจดีขนาดใส่ยาให้นางด้วยตนเอง หากเขาไม่ยั้งมือขึ้นมา นางจะไม่เจ็บตายเลยหรือไร?
“ท่านอ๋อง แม้ว่าท่านกับข้าจะเป็สามีภรรยากัน แต่...แต่ว่า...”
หานอวิ๋นซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดไปว่า “ท่านอ๋อง ชายหญิงไม่ควรสนิทชิดเชื้อกัน ท่านออกไปก่อนจะดีกว่า”
หลงเฟยเยี่ยยกยิ้มอย่างเ็า มองนางขึ้นและลงด้วยสายตาที่เย่อหยิ่ง “ฉินหวังเฟย เ้าแน่ใจหรือว่า้าพูดเื่ผิดจารีตประเพณีกับข้า?”
หานอวิ๋นซีรู้สึกผิดเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้ แต่ก็ยังตอบอย่างมั่นใจว่า “ท่านอ๋อง ท่านกับข้าเป็สามีภรรยากันแค่ในนาม ข้าเองก็เป็หวังเฟยแค่ในนาม เหตุใดข้าจะไม่สามารถพูดเื่ผิดจารีตประเพณีกับท่านได้ล่ะ? ได้โปรดท่านจริงจังด้วย!”
ใครจะรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยถามกลับว่า “หานอวิ๋นซี ข้าบอกว่าเ้าตอนไหนกันว่าเ้าเป็หวังเฟยแค่ในนาม? เ้าเข้ามาในประตูจวนฉินอ๋องแล้ว เช่นนั้นเ้าก็เป็คนของข้า หลงเฟยเยี่ย”
เขาพูดพลางเหลือบไปมองรองเท้าและถุงเท้าด้านข้าง แล้วเตือนอย่างเ็าว่า “โปรดจำไว้ว่าเ้าเป็สตรีที่แต่งงานแล้ว จงรักษาความเป็สตรีของเ้าไว้!”
“ท่าน!” หานอวิ๋นซีโกรธ ชายผู้นี้กำลังทำให้นางขายหน้าอย่างเห็นได้ชัดเพราะนางไร้ความเป็สตรี!
แค่ถอดรองเท้ากับถุงเท้า นางจะไปคิดมากขนาดนั้นได้อย่างไร เพราะเขามีเจตนาไม่ดีต่างหาก เลยคิดมากไปขนาดนั้น!
โกรธก็โกรธ แต่ให้ตายเถอะ หานอวิ๋นซีก็พบว่าตนเองไม่มีอะไรจะเถียงกลับไปเช่นกัน
เมื่อมองไปยังสายตาที่เ็าของหลงเฟยเยี่ย หานอวิ๋นซีก็ทุ่มสุดตัว เหยียดเท้าออกไปตรงหน้าหลงเฟยเยี่ย จนเกือบจะเตะเข้าที่หน้าเขา
“เช่นนั้นข้ารบกวนท่านอ๋องก็แล้วกัน!” นางพูดเน้นย้ำทุกคำพลางกัดฟันแน่น
หลงเฟยเยี่ยนั่งนิ่ง แววตาที่เ็าคู่นั้นกลับมองอย่างลึกล้ำ เขายกมือขึ้นจับเท้าเล็กๆ ของหานอวิ๋นซี และดึงลงด้วยแรงทั้งหมด!
“โอ๊ย!”
หานอวิ๋นซีร้องด้วยความเ็ป มือของชายผู้นี้จับบริเวณที่เคล็ดและบวมของนางไว้แน่น แล้วจะไม่ให้เจ็บได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม นางก็ยังทำตัวดื้อรั้น ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว แม้กระทั่งความเ็ปที่น่ากลัวที่สุดนางก็ผ่านมาแล้ว นับประสาอะไรกับความเ็ปเล็กน้อยนี้?
หลงเฟยเยี่ยเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยใบหน้ามืดมน ยื่นมืออีกข้างออก ประคองเท้าของนางจากด้านล่างและบีบข้อเท้าที่าเ็จากล่างขึ้นบน
“ท่านมันคนนิสัยไม่ดี!”
หานอวิ๋นซีด่าทออยู่ในใจ กัดฟันอย่างลับๆ และยังคงไม่ส่งเสียงใด
ด้วยเส้นโค้งที่เ็าและแน่วแน่บนริมฝีปากของหลงเฟยเยี่ย เขาเทน้ำมันสมุนไพรลงไปบนรอยฟกช้ำของหานอวิ๋นซี
ยานี้เย็นและทันทีที่ัักับาแ ความเ็ปจากการโกรธของหานอวิ๋นซีก็ลดลงอย่างมากในทันที และถอนหายใจด้วยความโล่งอกโดยไม่รู้ตัว
แต่ใครจะไปรู้ว่านางที่เพิ่งจะโล่งอกไป หลงเฟยเยี่ยก็เหยียดนิ้วออกมาและเริ่มละเลงทายาด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง! ละเลง!
มันเป็การละเลงอย่างแท้จริง แรงมือของชายผู้นี้แข็งแกร่งอยู่แล้ว ยิ่งเขาทำมันอย่างตั้งใจในการทาและกดลงไป ออกแรงละเลงยาใส่ลงบนร้อยฟกช้ำของนาง
เจ็บ!
มันเจ็บทุกครั้ง และเมื่อเขาออกแรงทายา ความรู้สึกเย็นของยาก็หายไปอย่างรวดเร็วแทนที่ด้วยความรู้สึกแสบร้อน ไม่ต้องพูดถึงิั แม้แต่กล้ามเนื้อกระดูกยังรู้สึกได้ถึงความแสบร้อน!
ความรู้สึกนี้เหมือนกับการควักเนื้อในแผลออกมาอย่างไรอย่างนั้น! สุดจะเหลือทน!
ในเวลาเพียงครู่เดียว แผ่นหลังของหานอวิ๋นซีก็เปียกโชก มีเม็ดเหงื่อที่ขมับของนาง อย่างไรก็ตามนางยังคงกัดฟันแน่น ก้มศีรษะลงและจ้องมองที่าแโดยไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยให้หลงเฟยเยี่ยทำไป
ไม่ถึงตายหรอก ก็แค่เจ็บเท่านั้น!
หลงเฟยเยี่ยคิดว่านางจะร้องขอความเมตตา แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากผ่านไปนาน มือของเขาก็รู้สึกเจ็บเล็กน้อย ทว่าสตรีผู้นี้ยังคงนิ่งเงียบ
หลงเฟยเยี่ยเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่านางยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้เป็ลมไปเสียแล้ว เขาจึงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกโดยไม่ทันได้สังเกตตัวเอง
เมื่อมองดูใกล้ๆ จึงได้เห็นว่าหานอวิ๋นซีก้มหน้าลง พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ เขาคิดว่าอีกไม่นานสตรีผู้นี้ก็คงทนไม่ได้ และน่าจะยอมจำนนใช่หรือไม่?
แต่ใครจะรู้ว่าในขณะเดียวกัน หานอวิ๋นซีจะเงยหน้าขึ้นมาและไม่มีท่าทีว่าจะยอมจำนนเลยแม้แต่น้อย กลับกันใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความดื้อรั้น ดวงตาที่ไร้ซึ่งความกลัวของนางจ้องตรงมาที่ดวงตาของเขา ราวกับว่า้าที่จะเห็นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขา
หลงเฟยเยี่ยถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและมองเข้าไปในดวงตาของนาง
สองสายตาประสานกัน ทุกทิศทุกทางเต็มไปด้วยความเงียบ คนหนึ่งรั้น อีกคนก็เฉยเมย พวกเขาเป็เหมือนศัตรู ไม่มีใครกะพริบตาก่อนและไม่มีใครยอมแม้แต่น้อย
แต่หลงเฟยเยี่ยกลับหยุดมือตนเองโดยไม่รู้ตัว และหานอวิ๋นซีก็ไม่รู้ตัวเช่นกันว่าเท้าของนางไม่เจ็บอีกต่อไป
เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ และโลกทั้งใบก็เงียบลงอย่างไม่รู้ตัว...
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตู “ปัง ปัง ปัง” ดังขึ้นมา พร้อมกับเสียงรายงานอย่างกระวนกระวายขององครักษ์ “ท่านอ๋อง มีคนตายในคุกอีกคนหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ!”
ในเวลานี้ ทั้งคู่จึงจะได้สติกลับคืนมา มองกันและกันอย่างนิ่งสงบและเบนสายตาหนีทันที
หานอวิ๋นซีก้มหน้าลง จำไม่ได้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกับตนเอง มองเขาไปทำไมกัน?
หลงเฟยเยี่ยขมวดคิ้ว ความเ็าลดลงเล็กน้อย เขาเม้มริมฝีปากแล้วโยนยาไปให้นาง พร้อมกับพูดอย่างเ็าว่า “จัดการให้เสร็จ แล้วรีบออกมา ข้ารอเ้าที่หน้าประตู”
ขณะที่เขาพูด ก็หันหลังกลับและเดินออกไป เขาย่างเท้าเร็วขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าเป็เพราะความเร่งด่วนของเื่ภายนอกหรือเพราะเหตุผลอื่น
หานอวิ๋นซีเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นเขาปิดประตู นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกราวกับยกูเาออกจากอก
“ไอ้บ้า!” นางส่งเสียงด่าทอ ทันทีที่นางพูดจบ หลงเฟยเยี่ยก็เร่งเร้าอยู่ที่หน้าประตู “หานอวิ๋นซี เ้ารีบหน่อย!”
“ไอ้คนสารเลว!”
หานอวิ๋นซีด่าทออีกครั้ง นางใส่ยาอย่างรวดเร็วและพันด้วยผ้าพันแผลสีขาว เมื่อคิดที่จะสวมรองเท้าและถุงเท้า กลับพบว่าถุงเท้าและรองเท้านั้นยุ่งยากเกินไป เท้าที่พันด้วยผ้าพันแผลไม่สามารถใส่เข้าไปได้เลย
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และทำได้เพียงพันเท้าเปล่าของนางทั้งหมดด้วยผ้าพันแผลสีขาวไว้แน่นหลายๆ ชั้น แบบนี้ ก็ไม่ถือว่านางเปลือยเท้าเปล่าแล้วใช่หรือไม่?
ต้องบอกว่ายาของหลงเฟยเยี่ยนั้นมีประโยชน์มาก สามารถใช้ได้กับแผลโดยตรง ทั้งยังรู้สึกเย็นสบายและบรรเทาความเ็ปได้มาก
อย่างไรก็ตาม หานอวิ๋นซีไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรมาก นางโยนยาลงบนโต๊ะอย่างไม่ตั้งใจ ค่อยๆ เอาเท้าลงและเดินกะโผลกกะเผลกออกไป
หลงเฟยเยี่ยมองไปที่เท้าของนาง แต่ก็ไม่เห็นอะไร ด้วยเพราะกระโปรงของนางยาวมาก จนเท้าส่วนใหญ่ของนางซ่อนอยู่ในกระโปรงเวลาที่เดิน
“คนที่ถูกวางยาพิษตายแล้วหรือ?” หานอวิ๋นซีถาม
“มีคนตายหนึ่งคน” หลงเฟยเยี่ยพูด ย่อตัวลงเล็กน้อยข้างหน้านาง เพื่อที่จะแบกนางไว้บนหลัง “ขึ้นมา”
หานอวิ๋นซีลังเล ทว่าหลงเฟยเยี่ยกลับใจร้อน “เร็วเข้า พิษออกฤทธิ์แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานอวิ๋นซีก็ตระหนักได้ว่าเขากำลังรีบไปล้างพิษ ด้วยความจำใจ นางจึงรีบปีนขึ้นไป โอบแขนรอบคอเขาและงอขาทั้งสองข้างเกี่ยวเอวเขาเอาไว้
หานอวิ๋นซีนั้นตัวเบามาก หลงเฟยเยี่ยจึงไม่มีปัญหาในการแบกนางไว้บนหลัง หานอวิ๋นซีไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าการถูกเขาแบกบนหลังรู้สึกอย่างไร เพียงพริบตา ร่างของเขาก็หายไปในความมืด
ความเร็วของเขานั้นเร็วมาก เขาเดินผ่านสวน ผ่านทางลับและมาถึงคุกใต้ดินในเวลาเพียงครู่เดียว จากนั้นก็วางหานอวิ๋นซีลงด้านหลังแท่นวางโลงศพ
แม้ว่าหานอวิ๋นซีจะถูกแบกขึ้นหลังมา แต่ก็รู้สึกราวกับว่าตนเองวิ่งสี่่ร้อยเมตรมาในเวลาที่จำกัด รีบจนหายใจไม่ออก
นางยืนนิ่งๆ และระบบล้างพิษก็ส่งเสียงเตือน
มีพิษ!
ในความเป็จริง แม้จะไม่มีสัญญาณเตือนจากระบบการล้างพิษ หานอวิ๋นซีก็สามารถบอกได้ว่าศพบนแท่นวางโลงศพถูกวางยาพิษและเสียชีวิต
ดวงตา ริมฝีปาก และนิ้วของผู้ตายเป็สีดำทั้งหมด ซึ่งเป็การเสียชีวิตจากการถูกวางยา
หานอวิ๋นซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดว่า “คนผู้นี้คงตายมาหนึ่งหรือสองวันแล้วใช่หรือไม่?”
หลงเฟยเยี่ยพยักหน้า ชี้ไปที่ศพอีกศพข้างๆ “ส่วนคนนั้นเพิ่งตาย”
หานอวิ๋นซีมองผ่านไป และแน่นอนว่าเห็นอีกศพหนึ่ง เมื่อนางเดินเข้าไปมองใกล้ๆ พิษยังไม่กำเริบเต็มที่แต่ริมฝีปากกลับเป็สีดำไปแล้ว
นางตรวจสอบดวงตา ริมฝีปากและเล็บของผู้ตาย จากนั้นก็พูดอย่างสงบนิ่งว่า “กินยาพิษฆ่าตัวตายหรือ?”
“นางไม่มีโอกาสให้กินยาพิษหรอก” หลงเฟยเยี่ยพูดอย่างเ็า
คนทรยศที่เขาคุมขังในคุกใต้ดินนี้ถูกมัดมือมัดเท้า อาวุธและยาพิษทั้งหมดที่พกมาก็ถูกค้นเอาออกไปทั้งหมด ยิ่งกว่านั้น คนเหล่านี้ถูกขังเดี่ยวไว้ ทั้งยังเอาผ้ายัดปากเพื่อป้องกันเสียงและกัดลิ้น
และยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากคนทรยศเหล่านี้เก่งเื่การใช้ยาพิษ หลงเฟยเยี่ยจึงสั่งให้หมอพิษมาตรวจช่องปากของพวกนางก่อนที่จะถูกคุมขัง และไม่พบร่องรอยของการซ่อนยาพิษ
พวกเขาทั้งหมดเคยถูกฉู่ซีเฟิงสอบปากคำมาก่อน คนกลุ่มนี้ไม่พูดอะไรเลย ไม่กินไม่ดื่ม ้าที่จะค่อยๆ อดตาย ก่อนหน้านี้เองก็มีคนอดตายไปหลายคน
และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลงเฟยเยี่ยมาสอบปากคำด้วยตัวเอง และลงทัณฑ์ทรมาน หลังจากจึงได้พบว่าบางคนถูกวางยาพิษและตายไป
ไม่มีทางมีไส้ศึกอยู่ในคุกใต้ดิน เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ทนทัณฑ์ทรมานไม่ได้และตายเพราะพิษ
ตอนนี้สิ่งที่หลงเฟยเยี่ยคิดไม่ออกคือ พวกนางไปเอาพิษมาจากไหนแล้วกินมันเข้าไปได้อย่างไร?
ตอนนี้เหลือไส้ศึกเพียงสองคน หากถูกวางยาพิษและตายลงทีละคนๆ การสอบสวนของเขาที่ยืดมาเป็เวลานานก็จะไร้ผล
หานอวิ๋นซีใช้เข็มเงินเก็บเืพิษจากศพทั้งสองเพื่อตรวจสอบ ขณะที่ฟังหลงเฟยเยี่ยอธิบายสถานการณ์
ในตอนแรกนางไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อได้ยินเื่นี้ นางก็เริ่มสงสัย
โดยทั่วไปแล้วผู้ที่ฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพิษจะซ่อนยาพิษไว้ในฟัน แค่กัดเบาๆ ก็จะโดนพิษได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ได้มีการตรวจสอบช่องปากของนักโทษเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว
พวกนางกินยาพิษได้อย่างไร?
หานอวิ๋นซีฉวยโอกาสนี้หยิบบางอย่างจากถุงยา แล้วใส่ตัวอย่างเืเข้าไปในระบบการล้างพิษ ไม่กี่วินาทีผลลัพธ์ก็ออกมา มันคือพิษจากข้าว!
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็พิษจากข้าว!” หานอวิ๋นซีใและมองไปที่หลงเฟยเยี่ยด้วยความไม่เชื่อ
หลงเฟยเยี่ยรู้สึกงงงวย “พิษจากข้าว?”
หานอวิ๋นซีจริงจังมาก “ยังมีคนรอดชีวิตเหลืออยู่หรือไม่?”
“มีอีกสองคน” หลงเฟยเยี่ยตอบตามความจริง
หานอวิ๋นซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดอย่างจริงจังว่า “เก็บเืของแต่ละคนมา แล้วนำชามข้าวต้มมาด้วย”
หลงเฟยเยี่ยทำตามที่บอก และในไม่ช้าเืของนักโทษสองคนและชามข้าวต้มก็ยื่นมาให้หานอวิ๋นซี
หานอวิ๋นซีตักข้าวต้มหนึ่งช้อนแล้วใส่เืของนักโทษลงไปและเฝ้าดูอย่างเงียบๆ
ผ่านไปนาน เืก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ หลงเฟยเยี่ยรู้สึกงงงวย ได้แต่มองไปที่สีหน้าจริงจังของหานอวิ๋นซีที่ขมวดคิ้ว และไม่พูดอะไรออกมา องครักษ์สองนายที่อยู่รอบๆ ต่างก็สงสัยว่าหวังเฟยกำลังทำอะไร?
