จูชิงเฟิงสามารถทำให้หลายคนหัวปวดไปตามๆ กันได้ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนที่พูดคุยกันได้โดยง่ายแน่ ถ้าหลิงมู่เอ๋อร์พูดแค่คำสองคำแล้วเชิญเขากลับไปได้ นางกลับจะสงสัยว่าคนผู้นี้เป็ตัวปลอมใช่หรือไม่แล้ว ด้วยเหตุนี้ตอนที่จูชิงเฟิงปฏิเสธหลิงมู่เอ๋อร์ หลิงมู่เอ๋อร์จึงไม่ได้รู้สึกใเลยแม้แต่น้อย นางพูดเพียงแค่ประโยคเดียวว่าพรุ่งนี้จะมาอีกครั้งแล้วจึงเดินจากไป
หลังจากที่หลิงมู่เอ๋อร์กลับไป เหยาซื่อภรรยาของจูชิงเฟิงก็มองไปที่จูชิงเฟิงและชายหนุ่มจูชีที่อยู่ด้านข้างอย่างสับสนงุนงง
จูชิงเฟิงไม่ได้กล่าวอะไรก็เดินถือไม้เท้ากลับไปที่ห้อง เหยาซื่อยืนทอดถอนใจด้วยความกลัดกลุ้มอยู่ตรงนั้น จูชีตบไหล่ของเหยาซื่อเพื่อปลอบใจนาง
“ชีเอ๋อร์ แม่นางท่านนั้นแตกต่างจากผู้อื่นยิ่งนัก ไม่แน่ว่าอาจจะ…” เหยาซื่อไม่กล้ากล่าวออกมาได้เต็มปาก เพราะหากถึงตอนนั้นแล้วต้องผิดหวังอีกครั้ง จูชีอาจจะรับไม่ไหว
จูชีกลับไม่ได้นำคำพูดของเหยาซื่อมาใส่ใจ เขายิ้มอย่างอ่อนโยนพลางพูดว่า “ท่านแม่ ต่อให้ไม่ใช่เพราะเื่ของข้า แต่เพื่อท่านพ่อ ท่านก็ต้องเกลี่ยกล่อมให้ท่านพ่อรับเป็อาจารย์ที่บ้านของแม่นางท่านนั้นให้ได้นะขอรับ ท่านพ่อมักจะอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน ไม่ช้าก็เร็วร่างกายจะรับไม่ไหว อาการเจ็บป่วยของเขาก็เป็เพราะเกิดจากความกังวลมากเกินไป ป่วยโรคทางใจก็ต้องรักษาด้วยยาใจถึงจะถูก”
“ข้าก็อยากให้พ่อเ้าออกไปข้างนอกบ้าง แต่ว่านิสัยของเขาช่างดื้อรั้นเหลือเกิน แม้แต่ฮ่องเต้ในรัชสมัยนั้นยังถูกเขารั้นใส่จนทำเอาลำบากใจไปหมด” เหยาซื่อจนปัญญา
“ข้าเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวัน ท่านพ่อจะกลับมามีจิติญญาที่ฮึกเหิมดังเช่นปีนั้นได้แน่นอน ไม่รู้เป็เพราะเหตุใด ข้าถึงได้รู้สึกเชื่อมั่นในตัวของแม่นางผู้นั้นเป็อย่างยิ่ง” จูชียิ้มเล็กน้อย
เหยาซื่อมองบุตรชายร่างสูงโปร่งตรงหน้าคนนี้ เขามีนิสัยอ่อนโยนทั้งยังมีรูปลักษณ์หล่อเหลาขนาดนี้ หากไม่ใช่เพราะดวงตาคู่นั้น ก็ไม่รู้ว่าจะมีแม่นางมากมายเพียงใดที่ชื่นชอบในตัวเขา ทว่าไม่เพียงแต่ดวงตาเท่านั้นที่เป็ตัวถ่วงของเขา แม้แต่บิดามารดาทั้งสองอย่างพวกเขาก็เป็ตัวถ่วงของเขาเช่นกัน ถ้าหากเขาเกิดมาในครอบครัวที่ดีกว่านี้ ก็คงไม่ต้องมีชีวิตความเป็อยู่ที่ลำบากแบบนี้
อีกด้านหนึ่ง หลิงมู่เอ๋อร์กลับมาถึงบ้านและจัดการเื่ของร้านค้าต่อ อีกห้าหกวันเหลาอาหารสกุลหลิงก็จะสามารถเปิดทำการได้แล้ว ตอนนี้กำลังตกแต่งในขั้นตอนสุดท้ายอยู่ สิ่งของที่จำเป็ต้องเตรียมของโรงหมอค่อนข้างเยอะกว่า ตอนนี้ได้วางเค้าโครงของด้านในเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่หาร้านขายยามาร่วมมืออีกสองสามราย เพียงแต่ว่าเื่หาร้านขายยานั้นเป็เื่ใหญ่ นางจำต้องสอบถามให้แน่ชัดก่อนที่จะตัดสินใจ คุณสมบัติของเ้าของร้านขายยาก็เป็จุดแข็งอย่างหนึ่งที่นางจะต้องตรวจสอบให้ดีเช่นเดียวกัน นางเกลียดพ่อค้าประเภทที่แอบลดวัตถุดิบยาเป็ที่สุด
“โปรดนำหยกพกนี้มอบให้กับเ้านายของพวกเ้า แล้วกล่าวว่าข้ามาตามคำขอของเขาแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์ยังหาร้านยาที่เหมาะสมไม่ได้ นั่นจึงทำให้นางนึกถึงซูเช่อขึ้นมา
ซูเช่อเป็คนที่มีอิทธิพลของที่นี่ จะต้องเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่ดีแน่นอน นางผู้ที่มาจากต่างแดนอยากจะมาตั้งรกรากที่มั่นคงอยู่ที่นี่ ถ้าไม่มีคนคอยหนุนหลัง นั่นย่อมไม่มีทางเป็ไปได้ ซูเช่อเหมาะสมที่สุดที่จะเป็ผู้อยู่เื้ัของนางในตอนนี้ มิใช่ว่าซูเช่ออยากให้นางรักษาอาการป่วยท่านย่าของเขาหรอกหรือ?เป็การดีที่จะฉวยโอกาสนี้มาทำความคุ้นเคย
หลิงมู่เอ๋อร์นำสิ่งของยืนยันตัวตนที่ซูเช่อมอบให้มาที่โรงเตี๊ยมที่เขาเคยกล่าวเอาไว้ แล้วนำสิ่งของยืนยันตัวตนมอบให้กับหลงจู๊ของที่นั้น จากนั้นก็รอให้ซูเช่อมาหานาง
ทว่าซูเช่อกลับรีบร้อนมากกว่าที่นางได้คิดเอาไว้ นางเพิ่งจะกลับมาถึงบ้านก็เห็นรถม้าหรูหราโอ่อ่าคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าประตูแล้ว
ซูเช่อเดินลงมาจากรถม้า มองหลิงมู่เอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเขาแย้มรอยยิ้มออกมาอย่างสว่างไสว “ไม่พบกันนานเลย แม่นางหลิง”
หลิงมู่เอ๋อร์ถือกล่องเครื่องมือแพทย์ มองไปที่เขาอย่างสงบนิ่ง “ไปตอนนี้เลยหรือไม่?”
ซูเช่อเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าลงแล้วกล่าวด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดี “อาการป่วยของท่านย่าข้าสาหัสมาก ถ้าแม่นางไม่มีเื่อื่นใด เช่นนั้นเชิญไปกับข้าตอนนี้เลย ขอเพียงแค่เ้าช่วยท่านย่าของข้า เ้าก็จะเป็ผู้มีพระคุณต่อตระกูลซูของพวกเรา หลังจากนี้หากมีผู้ใดกล้ารังแกพวกเ้า คนแซ่ซูไม่มีทางที่จะนิ่งเฉยอย่างแน่นอน”
สิ่งที่หลิงมู่เอ๋อร์รออยู่ก็คือคำพูดประโยคนี้ของเขา มีคำพูดประโยคนี้ของเขาแล้ว แม้ว่าจะลำบากสักเพียงใดก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
นางปีนขึ้นไปและเข้าไปนั่งในรถม้าของซูเช่อ ติดตามซูเช่อมาถึงจวนซู
จวนซู ควรจะกล่าวว่าจวนจวิ้นอ๋อง ซูเช่อผู้นี้มีฐานะเป็ถึงจวิ้นอ๋องน้อย หลิงมู่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะมองดูให้มากหน่อย
ซูเช่อเคยชินกับการมองสำรวจของคนอื่นนานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาที่สงสัยของหญิงสาว สำหรับเขาแล้วราวกับเป็เื่ที่เกิดขึ้นบ่อยจนเคยชินอย่างไรอย่างนั้น เขาโบกพัดในมือและยิ้มต้อนรับ
“นำทางไป” หลิงมู่เอ๋อร์เบะปากอย่างไม่พอใจ “โปรยเสน่ห์เสียจริง”
รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเช่อหยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง เขามองหญิงสาวที่สาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้าไปในจวนจวิ้นอ๋องอย่างจนใจ เขาลูบที่ใบหน้าของตนเอง แอบถอนหายใจหรือว่าเสน่ห์ของเขาได้ลดลงแล้วจริงๆ มิเช่นนั้นเหตุใดหญิงสาวนางนี้ถึงเมินเฉยทำเป็เหมือนมองไม่เห็น?
“จวิ้นอ๋องน้อย” เหล่าบ่าวรับใช้หญิงเห็นซูเช่อพาหญิงสาวเข้ามาในจวน ดวงตาแต่ละคู่ก็กวาดมองทั้งสองคน
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้หันกลับไปมองก็ััได้ถึงดวงตาหลายคู่ที่มองมาอย่างไม่พอใจราวหึงหวงก็มิปาน นางแอบด่าทอคนตัวซวยผู้นั้นอยู่ในใจ
“ฮูหยินเฒ่าพักผ่อนแล้วหรือ?” ซูเช่อพาหลิงมู่เอ๋อร์มาถึงหน้าประตูจวนอันโอ่อ่าสวยงาม
มีแม่นมเฒ่านางหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับ ทำความเคารพต่อซูเช่อ ครั้นได้ยินคำพูดของซูเช่อ แม่นมเฒ่าพลันกล่าวอย่างเคารพนบนอบ “ทูลจวิ้นอ๋องน้อย ฮูหยินเฒ่าเพิ่งจะเสวยเกาเตี่ยน [1] ไป เพลานี้อาหารยังไม่ย่อยเล็กน้อย ยังไม่ได้พักผ่อนเพคะ”
“เช่นนั้นก็เป็เื่ดี ข้าพาหมอมาพอดี” ซูเช่อมองที่หลิงมู่เอ๋อร์ กล่าวกับแม่นมว่า “ท่านนี้ก็คือหมอเทวดาที่ข้าพบตอนอยู่ด้านนอก ถ้าไม่ใช่เพราะท่านหมอเทวดา ชีวิตน้อยๆ ของข้าก็คงดับสิ้นไปนานแล้ว อย่าได้ดูแคลนว่าแม่นางท่านนี้อายุน้อย นางได้ถูกขนานนามว่าเป็เซียนหมอในหมู่เหล่าชาวบ้านสามัญชน แม่นมอย่าได้ละเลยแขกคนพิเศษของข้าเป็อันขาด”
ครั้นแม่นมเฒ่าเห็นหญิงสาวที่อายุยังน้อยขนาดนี้ล้วนดูถูกแคลนหลิงมู่เอ๋อร์อยู่ในใจพอดี นางกำลังคิดว่าไม่รู้ว่าแม่นางน้อยผู้นี้ใช้กลอุบายใดประจบประแจงจวิ้นอ๋องน้อยของพวกเขา ตอนนี้ได้ยินคำขู่ของจวิ้นอ๋องน้อยแล้วนั้น แม่นมเฒ่าย่อมไม่กล้าคิดดูแคลนอีกต่อไป นางนำหลิงมู่เอ๋อร์เดินเข้ายังเขตชั้นในพลางกล่าวว่า “เชิญแม่นางรีบเข้ามาในห้องเถิดเ้าค่ะ ในเมื่อท่านเป็แขกคนพิเศษของจวิ้นอ๋องน้อยแล้ว จะต้องได้รับการต้อนรับเป็อย่างดี บ่าวชราไม่กล้าละเลยแน่นอนเ้าค่ะ”
หลิงมู่เอ๋อร์พินิจมองการจัดแต่งภายในห้อง ภายในมีนางกำนัลรูปโฉมงดงามหลายนางที่กำลังเล่นไพ่นกกระจอกกับหญิงชรานางหนึ่งอยู่ เมื่อหญิงชราเห็นซูเช่อเดินเข้ามา ก็รีบร้อนวางสิ่งของที่อยู่ในมือลงอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวทักทายด้วยความดีอกดีใจว่า “หลานชายคนดีของข้า เหตุใดวันนี้เ้าถึงได้มีเวลาว่างมาเยี่ยมย่าได้ล่ะ?รีบเข้ามาให้ย่าดูหน่อยเถิด”
ซูเช่อมีรูปลักษณ์หล่อเหลา ไม่ว่าสตรีในวัยใดล้วนไม่อาจปฏิเสธความหล่อของบุรุษได้ โดยเฉพาะบุรุษผู้นี้ที่ยังเป็หลานชายของนางอีกด้วย ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ยังรู้สึกมองไม่พอสักที เื่นี้ทำให้ฮูหยินเฒ่าประหลาดใจมาก
ตอนอยู่ด้านนอกซูเช่อก็คงรักษาภาพลักษณ์สง่างามของคุณชายได้เป็อย่างดี แต่หลังจากที่นั่งลงข้างกายของฮูหยินเฒ่าแล้วนั้น ก็มีท่าทีทะเล้นขึ้นมาทันที หยอกล้อเสียทำเอาฮูหยินเฒ่ายิ้มไม่หุบ
“แม่นางท่านนี้คือ…” ฮูหยินเฒ่ารู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของหลิงมู่เอ๋อร์ นางเลิกคิ้วหลิ่วตามองไปที่ซูเช่อ
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นท่าทางราวกับเด็กซุกซนของหญิงชรา ในใจก็คิดว่ามิน่าเล่าเหตุใดซูเช่อถึงได้เป็กังวลต่อท่านย่าของเขามากขนาดนั้น เกรงว่าความสัมพันธ์ของสองย่าหลานคู่นี้จะดีเป็อย่างมาก
“ท่านย่า ยังจำที่ข้าเคยเล่าให้ท่านฟังเมื่อครั้งก่อนได้หรือไม่ขอรับ?” ซูเช่อเล่าถึงเื่ที่เขาได้รับาเ็ และถูกหลิงมู่เอ๋อร์ช่วยชีวิตไว้อีกรอบ “แม่นางท่านนี้คือคนที่เคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้ขอรับ วิชาแพทย์ของนางสูงส่งเป็อย่างมาก มีชื่อเสียงโด่งดังในที่นั่น แม่นางได้รับคำเชื้อเชิญจากข้าให้มาเมืองหลวง ตลอดทางล้วนถูกคนขนานนามว่าเซียนหมอ ข้าให้นางมาดูอาการให้ท่านย่า นี่ไม่ใช่เพราะกังวลว่าสุขภาพของท่านย่าจะมีปัญหาอันใด เพียง้าให้นางตรวจชีพจรของท่านย่าดู ให้หลานชายได้วางใจสักหน่อย เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็กังวลตอนที่หลานอยู่ด้านนอกขอรับ”
“แม่นางที่งดงามขนาดนี้ แท้จริงแล้วกลับเป็เซียนหมอ” ฮูหยินเฒ่าซูมองหลิงมู่เอ๋อร์เต็มไปด้วยความปรารถนาดี “เข้ามาให้ข้าดูเสียหน่อย”
หลิงมู่เอ๋อร์เดินเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัว นางปล่อยให้ฮูหยินเฒ่าซูจับมือและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบนางสักพักหนึ่ง หากเป็เช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคนในครอบครัวของนางคงถูกซักถามจนละเอียดแล้ว
“ฮูหยินเฒ่า ให้ข้าได้จับชีพจรของท่านเถิดเ้าคะ!” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยขัดจังหวะฮูหยินเฒ่า
ฮูหยินเฒ่ายืนข้อมือออกไปให้หลิงมู่เอ๋อร์อย่างเต็มใจ
ซูเช่อมองดูอยู่ด้านข้าง เขากล่าวหยอกล้อฮูหยินเฒ่าเพื่อให้นางผ่อนคลาย เช่นนี้ก็จะทำให้หลิงมู่เอ๋อร์จับชีพจรได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
“ร่างกายของฮูหยินเฒ่าแข็งแรงดี เพียงแต่ในยามปกติต้องเดินในจวนให้มากหน่อย ข้าเชื่อว่าร่างกายจะต้องแข็งแรงมากยิ่งขึ้นเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มพลางกล่าวกับฮูหยินเฒ่าซู
“ข้าบอกแล้วว่าข้าแข็งแรงดี เ้าเด็กคนนี้มักจะชอบกระวนกระวายใจไปเอง ตอนนี้ท่านหมอก็กล่าวเช่นนี้ เ้าคงจะเชื่อได้แล้วกระมัง?” ฮูหยินเฒ่าถลึงตาจ้องไปที่ซูเช่อพลางกล่าว
ซูเช่อรีบตอบรับ เขามองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง “ในเมื่อท่านย่าไม่ได้เป็อันใด เ้าก็กลับไปก่อนเถิด!วันหลังข้าค่อยไปสนทนากับเ้า”
หลิงมู่เอ๋อร์หยัดกายลุกขึ้นยืน ย่อกายคารวะไปทางทั้งสองคน แม่นมเฒ่านางนั้นก็นำนางเดินออกไป แม่นมเฒ่าเดินมาส่งนางที่หน้าประตูใหญ่
หลิงมู่เอ๋อร์นั่งอยู่บนรถม้าของตระกูลซูและจากไปต่อหน้าทุกคน ในตอนที่รถม้ากำลังเคลื่อนตัวออกไป เงาร่างสีแดงสายหนึ่งพลันะโขึ้นมา เงาร่างสีแดงนั้นชำเลืองมองที่หลิงมู่เอ๋อร์หนึ่งที พลางขมวดคิ้วหรี่ตาเล็กน้อย ั์ตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นหญิงสาวนางนี้ก็รู้สึกว่าท่าจะไม่ดีแล้ว วันนี้ช่างโชคไม่ดีเสียจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับคุณหนูเอาแต่ใจท่านนี้ ทั้งยังใบหน้าของนาง…เวลาผ่านไปนานมากแล้ว ดูเหมือนว่าใบหน้าจะหายดีแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้นางใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ถ้าหากให้นางรู้ว่าคนที่วางยานั้นเป็ตนเอง เกรงว่าจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งแน่นอน
“ข้าเป็หมอ มาที่นี่ก็ย่อมต้องมาตรวจอาการป่วยให้กับคนไข้ หากคุณหนูไม่มีเื่อื่นใดแล้ว โปรดหลีกทางด้วย!” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวเรียบราบ
หญิงสาวในชุดสีแดงเบะปาก ส่งเสียงหึในลำคอแล้วออกจากที่นั่น นางะโลงมาจากม้า โยนเชือกให้กับข้ารับใช้ที่อยู่ด้านข้าง แล้วสาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้าไปในจวน
หลิงมู่เอ๋อร์มองแผ่นหลังของหญิงสาวในชุดแดงพลางทำท่าทางครุ่นคิด “พี่ชาย คุณหนูท่านนั้นเป็ผู้ใดในจวนของพวกท่านเ้าคะ?”
คนรถม้าตอบกลับ “ท่านนั้นคือคุณหนูของจวนพวกเรา ก็คือจวิ้นจู่แห่งราชวงศ์หยางขอรับ”
หลิงมู่เอ๋อร์เข้าใจอย่างถ่องแท้ ซูเช่อเป็จวิ้นอ๋องน้อย นางเป็จวิ้นจู่ อันที่จริงถ้ามองอย่างละเอียดทั้งสองคนก็มีหน้าตาที่คล้ายคลึงกันมากๆ ดูเหมือนว่าจะเป็พี่น้องกัน
ซูเช่อเป็คนหน้าเนื้อใจเสือ ถึงแม้จะเป็บุคคลค่อนข้างอันตราย หากสามารถแสร้งทำทีเป็คุณชายผู้สง่าได้ตลอดเวลา แต่จวิ้นจู่น้อยท่านนี้เป็ช่างโเี้เสียจริง ไม่แม้แต่จะเสแสร้งอันใด
เชิงอรรถ
[1] เกาเตี่ยน (糕点) หมายถึง ชื่อของขนมชนิดหนึ่งที่ทำจากแป้งโดยทั่วไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้