ตระกูลหวังมีคนที่มีความคิดบริสุทธิ์และซาบซึ้งในบุญคุณอยู่มากมาย พวกเขาจดจำความดีของบ้านหลี่ได้ขึ้นใจ จึงพากันนำของขวัญปีใหม่มามอบให้บ้านหลี่
บ้านหลี่ไม่จำเป็ต้องซื้อถั่วลิสง เมล็ดแตง เนื้อหมู และน้ำตาล ของที่คนตระกูลหวังมอบให้มากพอที่จะกินไปถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเลยทีเดียว
บ้านสวี่ก็มอบของขวัญปีใหม่ให้บ้านหลี่เช่นกัน ได้แก่ ขาแกะสองขาและของเล่นเด็กทารกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้หม่าซื่อและอู่โก่วจื่อยังทำรองเท้าให้หลี่หรูอี้และเด็กทารกอีกสองคนด้วย
ั้แ่สวี่เจิ้งกลับมาจากเมืองเยี่ยน ก็ไม่ให้ซื่อโก่วจื่อและอู่โก่วจื่อออกไปขายเต้าหู้อีกเลย
สวี่เจิ้งพาเอ้อร์โก่วจื่อผู้เป็บุตรชายคนโตนั่งเกวียนล่อไปขายเต้าหู้ที่อำเภอซั่งทุกวัน เมื่อขายหมดแล้วก็จะรับจ้างพาคนจากอำเภอซั่งไปยังตำบลจินจี หลายวันมานี้ได้เงินมายี่สิบกว่าตำลึงแล้ว
บ้านสวี่มีเงินแล้วจึงสร้างห้องใหม่สองห้อง และจัดแจงเื่งานแต่งงานให้เอ้อร์โก่วจื่อ
เติ้งอิ๋นฮวา ว่าที่ภรรยาของเอ้อร์โก่วจื่อเป็คนจากหมู่บ้านเติ้ง หมู่บ้านเติ้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านหลี่สามสิบกว่าลี้ อยู่ทางเหนือของอำเภอซั่ง
หมู่บ้านเติ้งยากจนกว่าหมู่บ้านหลี่มาก
สภาพครอบครัวของเติ้งอิ๋นฮวาย่ำแย่กว่าครอบครัวสวี่ในเมื่อก่อนเสียอีก ครอบครัวเติ้งกินอาหารเพียงมื้อเดียว เมื่อถึงฤดูหนาวก็มีเสื้อผ้าอาภรณ์และผ้าห่มไม่พอใช้ คนในครอบครัวจึงได้แต่ผลัดกันออกจากบ้าน
ที่หม่าซื่อเลือกเติ้งอิ๋นฮวา ก็เป็เพราะครอบครัวเติ้งเป็คนดีและมีความเรียบง่าย
บิดามารดาของเติ้งอิ๋นฮวามีชื่อเสียงเื่ความซื่อสัตย์ในหมู่บ้านเติ้ง สองสามีภรรยามีบุตรชายหนึ่งคนและบุตรสาวหนึ่งคน
มารดาของเติ้งอิ๋นฮวาเสียชีวิตไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน บิดาของนางก็ไม่ได้แต่งงานอีก เพียงแค่ดูแลลูกๆ เท่านั้น เมื่อปีก่อนก็จัดแจงเื่งานแต่งงานให้พี่ชายของเติ้งอิ๋นฮวาแล้ว ปีนี้จึงรีบจัดแจงเื่งานแต่งงานให้กับบุตรสาวด้วย
บิดาของเติ้งอิ๋นฮวากลัวว่าเมื่อบุตรสาวแต่งเข้าบ้านสวี่แล้วจะถูกรังเกียจ จึงไม่ได้ร้องขอสินสอดมากมายนัก หม่าซื่อและสวี่เจิ้งหารือกันแล้วจึงมอบสินสอดให้ครอบครัวเติ้งสามตำลึงตามประเพณีปกติ จากนั้นก็มอบเนื้อหมู เนื้อไก่ น้ำตาล และแป้ง ให้เป็ของขวัญสี่อย่าง
บุตรชายคนโตของบ้านหลี่และบ้านสวี่ได้หมั้นหมายในเวลาไล่เลี่ยกัน นายผู้หญิงของสองบ้านจึงคุยกันได้ถูกคอยิ่งนัก
่สายๆ หม่าซื่อมาที่บ้านหลี่ เพื่อมาหารือกับจ้าวซื่อ “ปีหน้าเอ้อร์โก่วจื่อของข้าก็จะอายุสิบห้าปีแล้ว จะอย่างไรก็รอได้ แต่ปีหน้าอิ๋นฮวาก็อายุสิบแปดแล้ว คราวที่แล้วข้าได้ยินคำพูดของครอบครัวอีกฝ่ายคล้ายแฝงความนัยเร่งรัดอยู่บ้าง”
การแต่งงานของเติ้งอิ๋นฮวาทำให้การไว้ทุกข์แก่มารดาแท้ๆ ของนางต้องหยุดชะงัก มิเช่นนั้นคงแต่งงานไปนานแล้ว เติ้งอิ๋นฮวาอายุมากกว่าเอ้อร์โก่วจื่อถึงสามปี แต่ในพื้นที่มีคำพูดประโยคหนึ่งกล่าวว่าสตรีอายุมากกว่าเป็ดั่งอิฐห่อทองคำ ดังนั้นบ้านสวี่จึงไม่ได้รู้สึกไม่พอใจในเื่นี้
จ้าวซื่อกล่าวไปตามตรงว่า “ข้าจำได้ เ้าเคยบอกว่า พี่สะใภ้อิ๋นฮวาจะคลอดลูก่ต้นฤดูใบไม้ผลิ ก่อนหน้านั้นก็ตั้งท้องไปแล้วครั้งหนึ่ง หนึ่งปีมอบเด็กให้ครอบครัวเติ้งไปแล้วสองคน ครอบครัวเติ้งมีห้องไม่มาก อิ๋นฮวาอาศัยอยู่เพียงคนเดียวก็ใช้ไปห้องหนึ่งแล้ว เ้าว่าหากอิ๋นฮวาแต่งงานแล้วห้องของนางจะเอาไปทำอะไรได้ เื่ห้องก็เป็เื่หนึ่ง อีกเื่คือ อายุของอิ๋นฮวาก็มากแล้ว หากอยู่ที่บ้านคงไม่ดี เ้าก็ควรช่วยสะใภ้ใหญ่ของเ้าบ้าง”
เมื่อกล่าวถึงการแต่งงานของบุตรชายคนโต หม่าซื่อก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ “อีกสองวันข้ากับสามีจะไปที่บ้านฝ่ายเ้าสาว เพื่อพูดคุยว่า จะจัดงานมงคลใน่เดือนหนึ่ง เ้าว่าดีหรือไม่”
จ้าวซื่อกล่าว “ดี เหตุใดจะไม่ดีเล่า พวกเราไม่ใช่ครอบครัวใหญ่ที่ต้องพิถีพิถันถึงเพียงนั้น”
หม่าซื่อพูดคุยอีกครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นว่า “บ้านเ้าจะแต่งเยี่ยนเอ๋อร์เข้ามาเมื่อใด”
จ้าวซื่อตกลงกับเฟิงซื่อไว้นานแล้ว จึงตอบไปว่า “รอให้ถึงปีหน้าก่อน ให้เยี่ยนเอ๋อร์บรรลุนิติภาวะก่อนค่อยว่ากัน”
อีกด้านหนึ่ง อู่โก่วจื่อนำของที่คล้ายกับสนับเข่ามาให้หลี่หรูอี้ดู “ข้าได้ยินว่าเ้าซื้อผ้ามาสองพับ เป็สีดำและสีฟ้าอย่างละหนึ่งพับ ทั้งยังซื้อผ้าฝ้ายมาอีกสิบห้าชั่ง แล้วไปหาเสี่ยวตงกับเหอฮวา ทำของออกมาสิบห้าชิ้น”
อู่โก่วจื่อไม่ต้องขายเต้าหู้แล้ว ในฤดูหนาวก็ไม่อาจไปเก็บสมุนไพรบนูเาได้ แต่ละวันจึงว่างมาก ไหนเลยนางจะทนไหว หลายวันก่อนจึงมาหาหลี่หรูอี้ให้นางช่วยคิดวิธีหาเงินอีก
สนับเข่าเป็สินค้าใหม่ที่หลี่หรูอี้คิดให้อู่โก่วจื่อใช้หาเงิน
ในโลกเดิมของนาง สนับเข่าเป็ของที่มีมาั้แ่โบราณ ในโลกนี้ แคว้นต้าโจวยังไม่มีใครทำออกมา
อีกไม่นานจะผ่านปีใหม่ไปแล้ว หลี่หรูอี้คิดว่าแต่ละคนต้องนำของขวัญปีใหม่ไปมอบให้สหาย สนับเข่ามีทั้งความแปลกใหม่และใช้ประโยชน์ได้จริง อีกทั้งยังใช้ทุนต่ำ ไม่มีความเสี่ยง และไม่มีปัญหาตามมา จึงให้อู่โก่วจื่อไปชวนคนมาทำและถือโอกาสขายออกไป
นี่เพิ่งผ่านไปวันเดียว อู่โก่วจื่อที่มีความสามารถในการปฏิบัติตามคำสั่งสูงก็ไปทำสินค้าตัวอย่างออกมาแล้ว
หลี่หรูอี้มองไปยังสนับเข่าทั้งสองชิ้น คุณภาพของผ้าค่อนข้างดี เป็ผ้าฝ้ายสีฟ้าและสีดำ เมื่อลูบดูแล้วให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มสบายมือ ด้านในยัดผ้าฝ้ายที่เพิ่งได้มาปีนี้อยู่ด้วย ฝีเข็มละเอียดดี หากขายให้ครอบครัวธรรมดาที่ไม่้าความพิถีพิถันอะไรก็คงขายได้ แต่หากเป็ครอบครัวที่ค่อนข้างพิถีพิถันอาจจะยังไม่ไหว
อู่โก่วจื่อกล่าวขึ้นด้วยความเคร่งเครียด “เป็อย่างไรบ้าง”
หลี่หรูอี้ผูกสนับเข่าเข้ากับเข่าของตนเอง สายรัดดูแข็งแรงดี เหมาะสมและสบายมาก เพียงแต่จะมองอย่างไรก็ดูเรียบเกินไป ไม่ควรใช้เป็ของขวัญที่มอบให้ผู้อื่น โดยเฉพาะในยามปีใหม่เช่นนี้ นางชี้ไปที่สนับเข่าแล้วพูดว่า “เ้าให้พวกนางใช้ดิ้นเงินดิ้นทองปักตัวอักษร ฝู ลู่ โซ่ว สี่ (มีความสุข ร่ำรวย อายุยืน เป็มงคล) ไว้้าด้วยเถิด จำไว้ว่าจะต้องใช้ด้ายคู่”
ฝู ลู่ โซ่ว สี่ ล้วนเป็อักษรที่มีความหมายดีงาม
เพียงปักตัวอักษรทั้งสี่ลงไป ก็ทำให้มูลค่าของสนับเข่าเพิ่มขึ้นแล้ว ของเช่นนี้หากนำไปมอบให้ขุนนางหรือผู้สูงศักดิ์ก็ยังได้
“ได้” อู่โก่วจื่อเรียนรู้อักษรกับหลี่หรูอี้ไปแล้ว ทว่าไม่ค่อยได้ฝึกคัดอักษรเท่าใดนัก จึงเขียนอักษรค่อนข้างโย้ไปเย้มา สุดท้ายก็ขอให้หลี่หรูอี้ช่วยร่างแบบอักษรทั้งสี่ตัว
เมื่อจ้าวซื่อทราบเื่นี้ก็กล่าวชื่นชมไปว่า “ความคิดของหรูอี้ดีจริงๆ”
หม่าซื่อซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ “อู่โก่วจื่อของพวกเรามีสหายดีๆ เช่นหรู้อี้ ช่างเป็วาสนาั้แ่ชาติปางก่อนจริงๆ”
หลี่หรูอี้เห็นอู่โก่วจื่อดีใจจนแทบเต้น ก็กังวลว่าอีกฝ่ายกลับไปแล้วอาจหาเงินได้ไม่มากเท่าที่คิด จะพานให้ผิดหวัง จึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “ข้าขอบอกไว้ก่อน วิธีการทำสนับเข่าค่อนข้างเรียบง่ายไม่ซับซ้อน หากผู้ใดคิดอยากทำก็อาจจะซื้อไปแกะแบบ เพียงไม่นานก็จะรู้แล้วว่าทำอย่างไร ดังนั้นของสิ่งนี้ขายได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น”
“อืม... หรูอี้กล่าวได้อย่างมีเหตุผล” เมื่อครู่จ้าวซื่อหยิบสนับเข่าออกมาดู ก็ทราบแล้วว่าทำอย่างไร คนที่นี่ต่างก็ไม่ใช่คนโง่ หากสนับเข่าขายดี ไม่กี่วันทุกคนก็คงจะทำออกมาขายกันแล้ว ถึงตอนนั้นอู่โก่วจื่อคงหาเงินไม่ได้
“ข้ารู้แล้ว” ตอนที่อู่โก่วจื่อทำถุงเงินไหมผสานก็เป็เช่นนี้ ตอนแรกเริ่มมีนางขายอยู่ผู้เดียว ภายหลังมีคู่แข่งโผล่ขึ้นมามากมาย ทำให้นางขายไม่ออก สนับเข่านี้ก็เหมือนกับถุงเงินไหมผสาน ขอเพียงเป็คนที่มีฝีมือในการเย็บปัก ดูเพียงครู่เดียวก็ทำเป็แล้ว
หลี่หรูอี้ถามขึ้นว่า “เช่นนั้นเ้ายังดีใจถึงเพียงนี้อีกหรือ”
“ตอนนี้หาเงินยาก หากข้าหาเงินได้บ้างก็ยังดี ดีกว่าหาไม่ได้เลยแม้แต่ทองแดงเดียว” อู่โก่วจื่อกลอกตาก่อนกล่าวต่อไป “หรูอี้ ข้าตัดสินใจแล้วว่า วันนี้จะนำผ้าและผ้าฝ้ายส่วนที่เหลือไปทำสนับเข่าให้หมด จะให้พวกนางปักอักษรกันตลอดคืน พรุ่งนี้เช้าก็เอาออกไปขาย”
ในเมื่อจะขายได้ไม่กี่วันเช่นนั้นก็ขายให้มากสักหน่อย อย่างไรก็ตามการทำธุรกิจจะต้องมีความมั่นคง สมควรลองตลาดดูเสียก่อน
หลี่หรูอี้พยักหน้า “ข้าคิดว่าได้ พรุ่งนี้เ้าก็ลองนำออกไปเดินขายเถิด หากดีก็เพิ่มปริมาณการผลิต”
“ได้” อู่โก่วจื่อกล่าวจบแล้วก็กลับไป
หม่าซื่ออยากช่วยเหลือบุตรีของตน จึงนั่งอยู่ที่บ้านหลี่เพียงครู่เดียวแล้วกลับไป
จ้าวซื่อคิดว่าหลายวันมานี้บุตรชายทั้งสี่คนมักจะไปขอความรู้จากเจียงชิงอวิ๋นที่จวนเจียงอยู่บ่อยๆ ครอบครัวตนไม่มีของล้ำค่าอันใด จึงพูดไปว่า “หรูอี้ ข้าจะทำสนับเข่าให้นายท่านเจียงสองชุด เ้าเห็นว่าใช้การได้หรือไม่”
“ใช้ได้เ้าค่ะ” เดิมทีหลี่หรูอี้ก็คิดจะมอบสนับเข่าให้กับเจียงชิงอวิ๋นสองชุดอยู่แล้ว ในเมื่อจ้าวซื่อจะทำด้วยตนเอง เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก
“เ้าว่าข้าปักอักษรอะไรดี” จ้าวซื่อนึกไปถึงความสง่างามของเจียงชิงอวิ๋น หากปักอักษรฝู ลู่ โซ่ว สี่ อาจจะยังไม่ค่อยเหมาะสมนัก
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้