บนเวทีประลองขนาดใหญ่ เยาวชนจากกลุ่มต่างๆเริ่มขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็ว แม้ว่าบางคนจะไม่ได้มาจากตระกูลขุนนางหรือตระกูลหลัก หากมีความแข็งแกร่งเพียงพอหรือเงื่อนไขตรงตามข้อกำหนด พวกเขาก็สามารถเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ได้ ด้วยสิ่งล่อใจที่เป็สมบัติจากคลังของราชวงศ์ใครจะต้านท้านความโลภได้?
ผู้ตัดสินกำลังรอให้ทุกคนมาอยู่บนเวที เขาส่งสัญญาณเรียกผู้ช่วยให้เริ่มทำหน้าที่ในตรวจสอบสอบอายุกระดูกของผู้เข้าแข่งขัน
โลกของผู้ฝึกฝนนั้นมีวิชาลับหรือทักษะหลายอย่างที่สามารถทำให้ผู้สูงอายุดูอ่อนกว่าเยาว์ได้ ดังนั้นการตรวจสอบอายุกระดูกก่อนเริ่มการแข่งขันเป็ทางเลือกที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้มีข้อพิพาทในภายหลัง
อีกด้านหนึ่งบนอัฒจันทร์ของตระกูลปิง มีหญิงสาวผมขาวอยู่ในชุดสีฟ้ากำลังมองลงไปที่เวที แม้ว่าผู้คนบนเวทีจะมากกว่า 200 คน แต่ด้วยสายตาของผู้ฝึกฝนระดับลมปราณลึกซึ้ง เธอสามารถมองผ่านผู้คนได้อย่างรวดเร็ว
หญิงสาวผมสีขาวที่สวมชุดสีฟ้ามองไปที่ที่หลี่ชิงหยุนยืนอยู่ ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มเล็กน้อยราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
"หัวหน้าตระกูล เด็กหนุ่มผู้นั้นคือหลี่ชิงหยุน" เสียงชายชราดังขึ้นจากด้านข้างหญิงสาวผมขาว ชายชราผู้นี้คือผู้าุโของตระกูลปิง ปิงเฟิงคนรู้จักของหลี่ชิงหยุน
"ข้าพบเขาแล้ว เขามีรูปลักษณ์ที่ดีมากจริงๆ และเหมาะกับเสวี่ยเอ๋อร์อย่างยิ่ง" หญิงสาวผมสีขาวผู้นี้คือหัวหน้าตระกูลของตระกูลขุนนางปิง ปิงหยา แม้ว่านางจะอายุมากแล้วแต่ด้วยผลของเม็ดยาและทักษะบางอย่าง นางจึงดูไม่ต่างจากหญิงสาวอายุ 25 ปีมากนัก และรูปร่างของนางยังคงดูมีเสน่ห์
"หัวหน้าตระกูล เหตุใดท่านจึงสนใจชายหนุ่มผู้นั้น?" ปิงเฟิงแค่เล่าเื่ราวของหลี่ชิงหยุนให้กับปิงหยาฟังแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีเหตุผลที่ปิงหยาจะกำหนดเป้าหมายไปที่หลี่ชิงหยุนเลย
"ปิงเฟิง ดูเหมือนว่าเ้าจะยังไม่รู้เื่นี้..." ปิงหยาคุยอยู่กับปิงเฟิง แต่สายตาของนางกำลังมองไปบนเวทีและกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "เมื่อไม่กี่วันก่อน ฃตระกูลหงได้ส่งคนมาเสนอการแต่งงานให้กับเสวี่ยเอ๋อร์ พวกมันกล้าจริงๆที่จะกำหนดเป้าหมายเรา"
"คนที่ตระกูลหงส่งมาคือลูกชายคนที่สองของหงชาเทียน พวกมันกล้าส่งขยะมาขอแต่งงานลูกสาวข้าจริงๆ!" รัศมีที่หนาวเย็นของปิงเฟิงกระจายออกไปรอบๆ ดูเหมือนนางกำลังโกรธจัด ผู้คนรอบๆตัวมีอาการสั่นจากความหนาวเย็นและพวกเขาทั้งหมดเงียบโดยไม่พูดอะไร
ทุกคนในเมืองหลวงรู้ดีว่านายน้อยคนที่สองของตระกูลหงเป็เช่นไร แต่หงชาเทียนก็ยังกล้าเสนอการแต่งงานเช่นนี้ มันเท่ากับกำลังหยามเกียรติของตระกูลปิงอย่างชัดเจน!
การส่งลูกสาวของตัวเองให้แต่งงานกับขยะ นี่เป็สิ่งที่ยอมไม่ได้สำหรับปิงหยา!
"หัวหน้าตระกูลโปรดสงบสติอารมณ์" ปิงเฟิงกล่าวตักเตือนด้วยเสียงสั่น แม้แต่เขาเองก็ยังหวาดกลัวกับออร่าของนาง
"หึ!" ปิงหยาพ่นลมหายใจอย่างเ็า จากนั้นไม่นานนางก็เริ่มพูดต่อ "ดังนั้นเมื่อข้าได้ยินเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่เ้าเล่าให้ฟัง ข้ารู้สึกว่าเขาเป็ผู้ชายที่ดีไม่น้อย"
"เขามาจากตระกูลเล็กๆนอกเมือง เขาไม่มีแม้แต่ภูมิหลังที่ดีด้วยซ้ำ แต่เมื่อมีคนทำร้ายคนรอบข้างของเขา เขาก็จะกลายเป็ปีศาจสำหรับศัตรูของเขาทันที การทำให้พวกตระกูลหงพิการนั้น...แย่ยิ่งกว่าการฆ่าเสียอีก"
"อีกทั้งศัตรูของชายหนุ่มคนนั้นยังเป็ถึงตระกูลขุนนางที่แข็งแกร่ง ความกล้าหาญเช่นนี้หาไม่ได้จากเด็กหนุ่มที่อายุแค่ 15 ปีทั่วๆไป ผู้ชายเช่นนี้คือแบบอย่างของชายในฝันสำหรับสาวๆอย่างพวกเราแน่นอน"
"บางทีหากข้ายังไม่มีสามี ข้าเองก็อาจจะลองยั่วยวนเด็กคนนั้นดู" ปิงหยาหัวเราะคิกคัก น้ำเสียงของนางเต็มไปเสน่ห์เฉพาะตัว บ่งบอกว่านางอาจจะไม่ได้ล้อเล่นกับสิ่งที่เพิ่งพูดไป
ปิงเฟิงที่ได้ยินดังนั้น เหงื่อเย็นๆไหลออกมาจากกลางหลังของเขาทันที เขาอยากจะพูดว่า 'เอาล่ะ หัวหน้าตระกูล ท่านเป็หญิงชราแล้วแต่ท่านยัง้ากินเด็กคนนี้ ท่าน้าเป็ะหรือไม่?'
แน่นอนว่าหากปิงเฟิงพูดออกไป เขาคงโดนปิงหยาตบตายในที่เกิดเหตุเป็แน่
"ดังนั้นข้าจะลองดูเขาผลงานของเขาเสียหน่อย ว่าเขาจะมีความสามารถแค่ไหนกัน" ปิงหยายิ้มมุมปากอย่างลึกลับ
ปิงเฟิงพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ได้พูดอะไร เหตุการณ์ที่หน้าศาลายาตระกูลหลี่ในวันนั้น เขาได้เห็นมันเป็การส่วนตัว จิตสังหารของชายหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่เื่ที่จะล้อเล่น
~ อัฒจันทร์ตระกูลเล่ย ~
ขณะนี้เล่ยตงเทียนกำลังคุยอยู่กับหยางฉีเกี่ยวกับอาการาเ็ของเขา หยางฉีได้เล่าให้กับเล่ยตงเทียนฟังถึงเหตุการณ์ที่หลี่ชิงหยุนช่วยฟื้นฟูพลังหยางที่เสียหายของเขา
"ดูเหมือนว่าเื่นี้อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่จริงๆ" เล่ยตงเทียนคาดเดาว่าก่อนหน้านี้คนรับใช้ของมันอาจจะถูกฆ่าโดยคนของตระกูลหลี่ แต่เมื่อฟังเื่ราวจากปากของหยางฉีแล้ว ความเห็นเกี่ยวกับหลี่ชิงหยุนก็เริ่มเปลี่ยนไป หากหลี่ชิงหยุนเป็ศัตรูกับตระกูลเล่ยจริงๆ ไม่มีเหตุผลที่หลี่ชิงหยุนจะช่วยรักษาอาการของหยางฉีอย่างแน่นอน
แม้ว่าตอนแรกเขาจะโลภนาหลันเสี่ยวฉี แต่ขณะนี้หลี่ชิงหยุนและนางได้อยู่ภายใต้การปกครองขององค์หญิงโม่หยุนซีแล้ว การที่จะลักพาตัวเหมือนครั้งก่อนคงจะทำไม่ได้ ดังนั้นมันจึงคาดเดาว่าน่าจะเป็บุคคลอื่นที่อยู่นอกเหนือจากราชวงศ์โม่ที่สังหารเล่ยเฉียนและเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของเขา
หยางฉีก็พยักหน้า แม้นว่ามันจะรู้จักหลี่ชิงหยุนแค่จากการคุยกันไม่กี่ครั้ง แต่มันรู้สึกว่าหลี่ชิงหยุนไม่ใช่คนไม่ดี ดังนั้นมันจึงเชื่อหลี่ชิงหยุนอย่างสุดใจ
"หยุนเซิง ติดต่อกลับมาหรือยัง?" เล่ยตงเทียนถามคนรับใช้ใกล้ๆตัว
"นายน้อย ปรมาจารย์หยุนเซิงบอกว่าเขาจะปรากฏตัวหลังจากจบการแข่งขัน" คนรับใช้รายงานข้อมูลการพูดคุยของเขาให้กับเล่ยตงเทียนฟัง
"ดีมาก ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะเคลื่อนไหว" เล่ยตงเทียนพยักหน้าและแสดงความคิดเห็นเล็กน้อย
บนเวทีประลองมีเยาวชนหลายคนกำลังตรวจสอบอายุกระดูกของพวกเขา ผู้คนส่วนใหญ่จะมีอายุราวๆอยู่ที่ 23-28 ปี หลังจากตรวจไปได้หลายร้อยคน คราวนี้ถึงตาของหลี่ชิงหยุนแล้ว
หลี่ชิงหยุนเดินออกมาและหยุดอยู่ตรงหน้าของผู้ตรวจสอบ
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของหลี่ชิงหยุน สาวๆบนเวทีต่างก็หลบหน้าเขาอย่างเขินอาย แก้มของพวกนางมีสีชมพูจางๆจนไม่กล้ามองไปที่หลี่ชิงหยุนตรงๆ
แต่กลุ่มผู้ชายบนเวทีนั้นกลับกัน พวกเขาจ้องมองหลี่ชิงหยุนด้วยสายตาที่เป็ศัตรู ดูเหมือนพวกเขาจะอิจฉาหลี่ชิงหยุนที่มีสาวๆชื่นชอบมากขนาดนี้
ผู้ตรวจสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของหลี่ชิงหยุน "ข้อมูลส่วนตัวของเ้า"
"ขอตอบผู้าุโ ข้าชื่อหลี่ชิงหยุนจากตระกูลหลี่จากเมืองอาทิตย์สีชาด อายุ 15 ปี ระดับการบ่มเพาะลมปราณหยกขั้นสูง" หลี่ชิงหยุนชูกำปั้นตอบอย่างสุภาพ แต่คำตอบที่เรียบง่ายของเขานั้นทำให้เยาวชนบนเวทีพูดไม่ออก
[เด็กหนุ่มอายุ 15 ปี แต่มีระดับการฝึกฝนลมปราณหยกขั้นสูง? ความเร็วในการพัฒนาเช่นนี้ สูงกว่าอัจฉริยะจากตระกูลขุนนางด้วยซ้ำ...]
หลังจากหลี่ชิงหยุนพูดจบ ฝ่ายมหาอำนาจเริ่มขมวดคิ้วพร้อมๆกัน พวกเขาทั้งหมดกำลังเล็งเป้าและ้ารับสมัครหลี่ชิงหยุนทันที
"ชายหนุ่มอายุแค่ 15 ปีแต่ระดับลมปราณหยกขั้นสูง หัวหน้า เราจะรับสมัครเขาหรือไม่?"
"อายุ 15 ปีงั้นรึ? เขากำลังโกหกหรือไม่?"
"เด็กคนนี้มาจากบ้านนอก แต่ถ้าหากพร์ของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ หลังจากจบการต่อสู้เราจะคุยกันอีกครั้ง"
มหาอำนาจฝ่ายต่างๆก็เริ่มพูดคุยกันจอแจ ด้วยพร์ของหลี่ชิงหยุนพวกเขา้ารับหลี่ชิงหยุนให้เข้าร่วมกับพวกเขาเป็โดยธรรมชาติ
แม้ว่าจะเป็งานเลี้ยงของราชวงศ์ แต่กลุ่มมหาอำนาจต่างๆ ต่างก็้ารับสมัครผู้ฝึกฝนรุ่นเยาว์ที่มีแนวโน้มที่ดีให้เข้าสู่กลุ่มของพวกเขาเพื่อฝึกฝนและใช้งานในอนาคต หากใครสามารถทำให้อัจฉริยะที่แข็งแกร่งเชื่อฟังพวกเขาได้ บางทีพวกเขาอาจจะได้รับค่าตอบแทนที่ดีในวันข้างหน้า
ผู้ตรวจสอบพยักหน้า เขาเดินเข้าไปตรวจสอบกระดูกของหลี่ชิงหยุนทันที ไม่นานนักเขาก็พูดออกมาเบาๆ "หลี่ชิงหยุน อายุกระดูก 15 ปี"
"ห๊ะ!?" ทันใดเสียงอุทานของใครหลายๆคนดังขึ้น ดูเหมือนพวกเขาจะใไม่น้อย
"ดังนั้นเขาอายุแค่ 15 ปีจริงๆ"
"เขามีระดับการฝึกฝนที่สูงมาก แต่อายุเพียงแค่ 15 ปี...ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ"
"หนุ่มน้อย ข้ามีหลานสาวอยู่ที่บ้าน นางยังไม่มีคนรัก เ้าสนใจหรือไม่?"
"พล่าม! หลานสาวของเ้าอายุแค่ 8 ขวบเท่านั้น! ต้องหลานสาวของข้า ปีนี้นางอายุ 10 ขวบแล้ว นางต้องเหมาะกับชายหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นเ้าอย่างแน่นอน"
"อย่าไปฟังชายชราผู้นี้! ข้ามีป้าที่ยังโสดอยู่ เ้าสนใจหรือไม่?"
"น้องชาย พี่สาวยังว่าง หากเ้า้า ข้าสามารถไปกับเ้าได้ตลอดเวลา"
หลายๆคนเริ่มะโคุยกับหลี่ชิงหยุนอย่างไร้ยางอาย เขาแทบพูดไม่ออก
[ข้ามาประลอง เ้าคิดว่าข้ามาเพื่อดูตัวหรืออย่างไร?]
[ช้าก่อน เด็กสาวอายุ 8 และ 10 ขวบ เ้า้าให้ข้าเป็สัตว์ร้ายหรือ?]
[ป้าของเ้ายังโสด? งั้นเ้าต้องเรียกข้าว่าบรรพบุรุษด้วยหรือไม่?]
[โอ้พี่สาว ท่านดูเหมือนอายุใกล้จะ 60 แล้ว ท่านกล้าเรียกตัวเองว่าพี่สาวจริงๆ]
หลี่ชิงหยุนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เขาไม่รู้จะรับมือกับเหตุการณ์เช่นนี้อย่างไร
ด้านล่างนาหลันเสี่ยวฉี เสิ่นชิงและโม่หยุนซีต่างหัวเราะจนปวดท้องเมื่อได้ยินเสียงะโขึ้นไปบนเวที
"หลี่ชิงหยุนมีเสน่ห์จริงๆ แม้แต่คนรุ่นป้าก็ยัง้าเขา" โม่หยุนซีพยายามหยุดตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมา นานแล้วที่นางไม่ได้หัวเราะเช่นนี้
"ดูเหมือนว่าเขาจะมีเสน่ห์กับทุกวัยอย่างแท้จริง" นาหลันเสี่ยวฉีหัวเราะและปิดปากเบาๆ
เสิ่นชิงแค่ยิ้มจางๆ นางรู้อยู่แล้วว่าหลี่ชิงหยุนมีเสน่ห์เกินไป ด้วยพร์เช่นนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนต้านทานรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเขาได้
โม่หยุนเทียนบนอัฒจันทร์บนพระราชวังเขาหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่สนใจผู้คนรอบๆ "ดี! ลูกเขยของข้า ช่างยอดเยี่ยม ฮ่าๆๆๆ!"
เมื่อพูดจบผู้คนรอบๆตัวโม่หยุนเทียนต่างก็หันไปมองโม่หยุนเทียนอย่างสงสัย
'เดี๋ยวก่อน! ฝ่าา ท่านพูดว่าลูกเขย? เด็กหนุ่มผู้นั้นไปเป็ลูกเขยท่านั้แ่เมื่อใด?' นี่คือสิ่งที่ผู้คนรอบๆอยากจะพูดออกมา
โม่หยุนเทียนเห็นสายตาของผู้คนรอบๆตัวเขา เขาก็กระแอมเบาๆ "อะแฮ่มๆ ข้าหมายถึง...เขาเหมาะจะเป็ลูกเขยของข้าจริงๆ"
"ดูสิ บางทีข้าอาจจะหมั้นหมายเขากับหยุนซีก็ได้" โม่หยุนเทียนพยายามแก้ต่าง แต่คำพูดที่เขาใช้นั้นกลับมีความหมายที่แย่ยิ่งกว่าเดิม
"ท่านพ่อ ท่านพูดบ้าอะไร!?" โม่หยุนซีอดไม่ได้ที่จะดุด่า นางเขินอายอย่างมากขณะคิดในใจ
[ท่านพ่อ ท่านจะแก้ตัวทั้งที แต่เหตุใดท่านถึงทำให้ดูแย่ลงไปอีก?]
...
บนเวทีขณะนี้การตรวจสอบอายุกระดูกเสร็จสิ้นแล้ว บนเวทีมีผู้เข้าร่วมเหลือเพียงแค่ 185 คนเท่านั้น
"กติการอบแรก ผู้เข้าร่วมทั้ง 185 คนอยู่บนเวทีพร้อมกัน หากผู้ใดออกนอกสนามประลองหรือยอมแพ้ คนผู้นั้นจะถูกตัดสิทธิ์ การต่อสู้จะดำเนินไปเรื่อยๆจนกว่าจะเหลือแค่ 16 คนสุดท้าย" ผู้ตัดสินอธิบายเกี่ยวกับการแข่งขันรอบแรก
การแข่งขันรอบแรกนี้มีช่องโหว่อยู่หลายจุดที่ผู้เข้าแข่งขันสามารถใช้ประโยชน์ได้ หากผู้คนบนสนามรู้จักกันเป็การส่วนตัว พวกเขาสามารถจับกลุ่มกันและต่อสู้กับกลุ่มอื่นๆได้ นี่อาจจะไม่ยุติธรรมกับผู้ประลองที่ไม่เข้าร่วมกับใครเลย
สำหรับหลี่ชิงหยุนนี่เป็ข่าวร้ายอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่รู้จักใครเลยบนเวทีแห่งนี้ อีกทั้งเขายังโดนหมายห้วจากกลุ่มผู้ชายที่ขี้อิจฉาเขาอีกด้วย นั่นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสบถในใจ 'ให้ตายเถอะ กติกาบ้าบอนี่มันอะไรกัน! หมายความว่าข้าจะถูกล้อมกรอบใช่หรือไม่?'
อีกทั้งยังมีตระกูลหงที่กำหนดเป้าหมายมาที่เขาด้วย เขาไม่รู้ว่าตระกูลหงส่งใครมาสร้างปัญหาให้กับเขาบ้างในการแข่งขันครั้งนี้
หลี่ชิงหยุนกุมขมับทันที "ฮ่าย~ นี่มันแย่จริงๆ..."