ทันทีที่หรงซิวจากไป กู่ซือฝานก็หยอกเย้านางอยู่นาน
จากร่องรอยแย่ๆ ที่คอ ไปจนถึงอาหารที่นำมาอย่างใส่ใจ พูดจนเรียกได้ว่าน้ำลายปลิวว่อนไปทั่ว
อวิ๋นอี้หมดคำพูดจึงเอาผิงกั่วยัดปากนาง "เ้าหยุดเสียทีเถิด ของทานยังอุดปากเ้ามิได้หรือ?"
กู่ซือฝานเสียงอู้อี้ หยิบผิงกั่วออกแล้วกัดอย่างแรง พูดหยอกเล่นกับนาง "ทานก็ทาน คุยก็คุยสิเพคะ ข้าทำสองอย่างพร้อมๆ กันได้"
"ข้าปฏิเสธ" อวิ๋นอี้ไม่คิดเลยสักนิด พูดอย่างไม่เกรงใจ “ข้าเกรงว่าเ้าจะพูดจนหน้าข้าเต็มไปด้วยเศษผิงกั่ว"
"ท่านพี่สะใภ้!"
กู่ซือฝานถูกพูดจนขายหน้า กระทืบเท้าอย่างดุดัน "ท่าน!"
"พอเลย พอเลย!" อวิ๋นอี้ไม่อยากจะพูดถึงเื่นี้ไม่หยุด พอดีกับที่เหลือบไปเห็นสถานการณ์ที่ชั้นล่างจึงรีบพูดกับนางว่า “หือ? บุรุษหล่อผู้นั้นเขียนกลอนแหนะ?”
เป็ไปตามคาด ทันทีที่พูดไป กู่ซือฝานพลันล้มเลิกที่จะท้วงติงนาง กระโจนเข้าไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น "ที่ใดเพคะ ที่ใด?"
ชั้นล่างกำลังเตรียมเล่นเกมการต่อสำนวน ดูมีชีวิตชีวาครื้นเครงมาก
พิธีกรเป็ใต้เท้าซ่งคราก่อน เขายืนอยู่บนแท่นสูง กระแอม แล้วประกาศกฎกติกา
ทุกที่เต็มไปด้วยคน ดูแออัดนัก
การต่อสำนวนถึงจะบอกว่าเป็การแข่ง ทว่ามันเหมือนเป็เกมเสียมากกว่า ทุกคนสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้
ผู้เข้าแข่งขันจะต้องต่อสำนวนของฝ่ายตรงข้ามในทันที หากคิดไม่ออกจะถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน จากนั้น คนที่เหลือจะเล่นกันใหม่ และทำซ้ำจนกว่าจะแข่งขันกันได้ที่หนึ่ง
หลังจากประกาศกติกาเสร็จสิ้น ใต้เท้าซ่งก็ให้กำลังใจนักเรียนที่มาร่วมงาน
เพื่อเรียกให้นักเรียนเข้าร่วมมากขึ้น เขาถึงขนาดแจ้งทุกคนโดยตรงว่าองค์ชายและผู้ใหญ่หลายคนจากราชวงศ์ได้มาที่โรงน้ำชาด้วย หวังว่าทุกคนจะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและแสดงความสามารถให้ดี
มิมีผู้ใดโง่เกิน คำบอกใบ้ชัดเจนเพียงนี้
ด้วยแรงผลักดันจากการปรากฏตัวของบุคคลสำคัญและขุนนาง บรรยากาศจึงเข้มข้นขึ้นมา จำนวนคนลงทะเบียนเพิ่มขึ้น ทุกคนราวตื่นเต้นราวกับได้เืสุนัข [1] มีความอยากจะลองดู
กู่ซือฝานมองหลี่ซูซวนตลอดเวลา พูดโม้ราวกับผู้ติดตามบ้า ทำเอาอวิ๋นอี้อยากจะปิดหู
“หากให้ข้าพูดนะเพคะ พวกเราปิดตาดูเขาก็ชนะ!”
“อ้า! ท่านพี่! เขาสมัครแล้ว!”
“โอ้พระเ้า! ดวงตาของเขาช่างงามเหลือเกิน! ริมฝีปากของเขาด้วย! สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา!”
“บ้าแล้ว จบแล้วข้า ข้าจะตื่นเต้นราววัยแรกแย้มได้อย่างไรกัน ดูเหมือนเขาจะมองมาที่ข้าเลย!”
อวิ๋นอี้ขนลุก มองนางด้วยสายตาเ็า เห็นว่าในที่สุดนางก็เงียบไป จึงยื่นถ้วยชาให้นาง "เ้าดื่มให้ชุ่มคอหน่อยดีหรือไม่?"
“ขอบพระทัยเพคะท่านพี่” กู่ซือฝานพูดอีก “ท่านคิดว่าเขาจะชนะหรือไม่เพคะ?”
“เ้ามิได้พูดหรือไงว่าหลับตาก็ชนะ?” อวิ๋นอี้เย้ยหยันนาง “พอแล้ว ข้าบอกเลยว่าเขาจะชนะ บอกเลยผู้นี้มิได้ดีอย่างที่เ้าคิด ยกเว้นหน้าใบนั่น อย่างอื่นไม่ดีเลยจริงๆ โดยเฉพาะอารมณ์ของเขา อารมณ์ร้ายเสียยิ่งกระไร"
"ท่านรู้ได้อย่างไรเพคะ" กู่ซือฝานยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
อวิ๋นอี้มิมีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบอกนางถึงความคับข้องใจระหว่างพวกเขาตามความจริง โดยเน้นย้ำถึงความปากคอเราะรายของเขา
เดิมคิดว่าจะทำให้กู่ซือฝานคิดได้ ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าอีกฝ่ายกลับพูดหลังจากได้ฟัง "ชื่อเขาไพเราะจังเพคะ ส่วนเื่ปากร้าย ข้าว่าเขาไม่ผิดนะเพคะ! อีกอย่างหนึ่ง นิสัยของท่านพี่เป็อย่างไรข้ารู้ดี ท่านเป็ผู้ที่ว่าเขาก่อนเองนี่เพคะ ท่านผิดก่อนนะ”
จริงหรือ?
อวิ๋นอี้แทบจะะโขึ้น อยากจะทุบนางให้ตายด้วยถ้วยน้ำชา โชคดีที่ยั้งใจไว้ได้
“ไม่อยากจะพูดกับเ้าแล้ว!” นางทำเสียงจิ๊จ๊ะ พึมพำโดยไม่ยิ้ม “เดี๋ยวเราลงไปเจอเขา แล้วเ้าจะรู้ว่าเขานิสัยแย่อย่างไร!”
แม้ว่าสตรีสองคนจะพูดถึงหลี่ซูซวน พวกเขามีทัศนคติที่แตกต่างกัน ทว่ามิได้ขัดขวางพวกเขาจากการดูเกมและนินทาด้วยกัน
ภายใต้การควบคุมดูแลของใต้เท้าซ่ง เกมดำเนินไปอย่างคึกคัก
เขากำหนดหัวข้อแล้วจึงเข้าร่วมเป็ลำดับตามเข็มนาฬิกาตามที่นั่ง หากผู้ใดต่อมิได้ จะถูกคัดออกทันทีและให้ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ถัดไปมาตอบ
ทุกคนไม่อยากจะยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะว่ามีองค์ชายอยู่หลายคน ไม่แน่ว่ามันจะเป็โอกาสดีสำหรับความก้าวหน้าของพวกเขา
การแข่งขันดุเดือด ใบหน้าของทุกคนจริงจัง
เว้นเพียงหลี่ซูซวนเท่านั้น
เขายังคงนั่งอยู่ตรงมุมห้องด้วยสีหน้านิ่ง ความไม่แยแสเช่นนั้น ราวกับไม่ว่าจะเกิดกระไรขึ้นก็กระทบเขามิได้
มีใบชาอยู่บนโต๊ะ เขาค่อยๆ วางใบชาลงในกาน้ำชา ชงชาอย่างใส่ใจและล้างถ้วย ขณะรินชา เมื่อถึงตาของเขา เขาพลันต่อสำนวนได้โดยไม่ลังเล
“วิเศษมาก!”
ไม่ว่าเขาจะตอบอย่างไร ตราบใดที่เขาตอบได้ กู่ซือฝานจะชื่นชมเขาเช่นนั้น
แม้อวิ๋นอี้จะมีอคติต่อเขา แต่ปฏิเสธมิได้ว่าเขาเป็ผู้ที่มีความสามารถมาก
ยิ่งเกมดำเนินไปนานเท่าใด ก็ยิ่งยากขึ้นเพราะสำนวนที่พูดไปแล้วไม่สามารถใช้ซ้ำได้ เป็การทดสอบความรู้คลังสำนวนของผู้เข้าแข่งขันเป็อย่างมาก
ในบรรดาหกเจ็ดคนที่เหลือ แต่ละคนสีหน้ายิ่งไม่น่าดู เว้นแต่เพียงหลี่ซูซวนเช่นเดิม แทนที่จะแสดงความประหม่า เขากลับยิ้มอย่างสง่างาม
ดูราวกับยั่วยวน แต่ก็ดูเหมือนปลอบโยน
มันทำให้กู่ซือฝานมีความสุขมาก นางยืนขึ้นเต้นแล้วพูดว่า "ข้าบอกแล้วเพคะ ว่าเขาจะยิ้มได้ถึงตอนสุดท้าย ท่านพี่ก็ยังไม่เชื่อ!"
นางไม่เชื่อตอนไหนกัน?
อวิ๋นอี้กลอกตาขาว ี้เีเถียงกับสาวคลั่งเพลานี้
จำนวนผู้เข้าร่วมลดลงจากเจ็ดเป็ห้าและในที่สุดก็เหลือสองคน บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้น
แม้แต่ใต้เท้าซ่งยังอดถอนหายใจมิได้ “ลำดับต่อไปสำคัญมาก สุดท้ายผู้ใดจะเหนือกว่ากันนะ? ฮ่าฮ่า เราจะรอดู ข้าขอบอกก่อนว่า หัวข้อสุดท้ายเป็หัวข้อจากท่านองค์ชายเจ็ด เราจะปรับวิธีกันเล็กน้อย คำเดียวกัน ภายในหนึ่งกำยาน ผู้ใดที่เขียนสำนวนได้มากที่สุดจะเป็ผู้ชนะ! ทั้งสองนั่งเข้าที่!"
องค์ชายเจ็ด?
อวิ๋นอี้เลิกคิ้ว เื่กระไรเขาก็อยากจะร่วมสนุกล่ะนะ
“องค์ชายเจ็ดจะออกหัวข้อกระไรกันนะ?” กู่ซือฝานตื่นเต้น หากผู้ใดมิรู้ คงจะคิดว่านางเป็ผู้ลงแข่งเอง
อวิ๋นอี้ส่ายหัว "รอดูไปก็รู้เองแหละ"
หลี่ซูซวนและบุรุษอีกคนหนึ่งนั่งลงที่ของตน จากนั้นใต้เท้าซ่งก็ก้าวไปข้างหน้า กระซิบให้พวกเขาฟังข้างหู แล้วเดินจากไป
การแสดงออกของทั้งสองแตกต่างกัน หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็พากันเขียน
เวลาหนึ่งกำยาน ทุกคนต่างกลั้นหายใจรอ สายตาหันไปมา พบว่าหลี่ซูซวนสามารถเขียนออกมาได้ตลอด ทว่าบุรุษอีกคนหนึ่งกลับเหงื่อตกเต็มหน้าผากแล้ว
“ใกล้แล้ว” อวิ๋นอี้พูดเบาๆ
ไม่นานหลังจากนั้น ใต้เท้าซ่งก็บอกให้หยุดและดึงกระดาษของทั้งสองคน
หลี่ซูซวนเขียนออกมาแทบจะเต็มกระดาษ ส่วนอีกคนเขียนได้มิถึงครึ่งเสียด้วยซ้ำ
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ประจักษ์แล้ว
กู่ซือฝานดีใจมาก พูดเสียงเบาในห้องว่า "น่าทึ่ง! เยี่ยม! เขาน่าทึ่งมาก! ท่านพี่สะใภ้ ไปทำความรู้จักเขากับข้าเถอะ!"
ไม่ทันที่อวิ๋นอี้จะปฏิเสธ พลันถูกนางดึงลงชั้นล่างไปแล้ว
ผู้ใดจะรู้ว่าตอนอยู่ที่บันได จะได้ชนกับหลี่ซูซวนที่กำลังจะขึ้นมา
ดวงตาของอวิ๋นอี้หรี่ลง เมื่อเห็นว่าเป็เขา มุมปากก็กระตุกอย่างห้ามมิอยู่ พูดอย่างหยาบคายว่า “เหตุใดจึงเป็เ้าอีกแล้ว! เ้าตั้งใจใช่หรือไม่! ความบาดหมางเล็กน้อยจะตามเวรตามกรรมกันเช่นนี้เชียวหรือ?”
“ท่านพี่สะใภ้!” กู่ซือฝานดึงชายเสื้อนาง “ไว้หน้าข้าหน่อยสิเพคะ”
อวิ๋นอี้อ้าปาก นางยังมีคำพูดด่าไม่หมดนะ ทว่าทำได้เพียงกลืนมันลงไปอย่างเงียบๆ
นางคิดว่า หลี่ซูซวนกำลังจะแสดงนิสัยที่แท้จริงของเขาออกมาแล้ว หากเขาไม่ว่านางกลับ นางยอมใช้นามสกุลตามเขาเลย!
อวิ๋นอี้เชิดคางขึ้นและกอดอกมองเขา รู้ว่าเขากำลังจะขึ้นไปชั้นบน แต่นางขวางไว้มองดูว่าเขาจะทำอย่างไร
“ขออภัยที่ชนกับท่านหญิงทั้งสองพ่ะย่ะค่ะ เป็ความผิดของข้าเอง” หลี่ซูซวนพยักหน้าเบาๆ “ได้โปรดหลีกทางให้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ ข้ายังมีเพื่อนที่รอข้าอยู่้า ขอทาง...”
“ได้สิเ้าคะ ได้สิ!" กู่ซือฝานดึงอวิ๋นอี้ราวกับดอกไม้ "เชิญเ้าค่ะ!"
อวิ๋นอี้กลอกตาขาวเป็เวลานานหลังจากที่เขาจากไป ถึงได้สติกลับมา แม่เ้า สรุปว่านางเป็พูดเท็จ หรือว่าหลี่ซูซวนแสดงเก่งเกินกันแน่!
เชิงอรรถ
[1] ได้เืสุนัข 打狗血 หมายถึงการแสดงออกที่เกินจริงมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้