วันนี้เย่เฟิงและนักดาบแขนเดียวสร้างความอัปยศให้เขา วันหน้าเขาจะชำระแค้นคืนเป็ร้อยเท่า
ลำดับต่อไป เซี่ยเชียนชิวเดินขึ้นเวทีเพื่อจับฉลาก การปรากฏตัวของนางดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมาย ดังนั้นทุกคนในที่แห่งนั้นจึงสนใจเซี่ยเชียนชิวเป็พิเศษ
“ช่างงดงามราวกับเทพธิดาก็ไม่ปาน” คนผู้หนึ่งพึมพำขณะมองเซี่ยเชียนชิวด้วยดวงตาลุกโชน
เซี่ยเชียนชิวกวาดตามองผู้คนด้วยท่าทีสูงส่งราวองค์หญิง ดื่มด่ำไปกับความเชิดชูของเหล่าผู้คน ครู่ต่อมาเมื่อเซี่ยเชียนชิวจับฉลากเสร็จ ผลที่ออกมาก็ทำผู้คนต่างใ นั่นเพราะว่านางจับได้คู่กับฉินเยียนหราน ไม่คาดคิดว่ารอบนี้สองหญิงงามแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนจะได้สู้กัน แต่ว่าฉินเยียนหรานอายุน้อยกว่าเซี่ยเชียนชิว ดังนั้นตอนที่ฉินเยียนหรานเพิ่งเข้าสำนักยุทธ์ เซี่ยเชียนชิวก็อยู่อันดับที่ 2 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาแล้ว บัดนี้ฉินเยียนหรานไล่ตามเซี่ยเชียนชิวจนตามทัน แม้อายุจะน้อยกว่า ฉินเยียนหรานก็พิสูจน์ตนเองได้ว่าตนนั้นมีพร์โดดเด่นมากเพียงใด
“ระวังตัวด้วย ิญญาาพืชพรรณของเซี่ยเชียนชิวผู้นี้ร้ายกาจมาก” เย่เฟิงกำชับฉินเยียนหราน
“อืม” ฉินเยียนหรานพยักหน้า จากนั้นนางเอ่ยกับเย่เฟิงว่า “เ้าคิดว่าเซี่ยเชียนชิวสวยหรือไม่?”
เย่เฟิงกะพริบตาปริบ ๆ คล้ายนึกไม่ถึงว่าฉินเยียนหรานจะถามคำถามเช่นนี้ ก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ เมื่อฉินเยียนหรานเห็นท่าทีของเย่เฟิงก็รู้สึกขุ่นเคือง ก่อนเอ่ยถามต่อว่า “งั้นเ้าคิดว่าใครสวยกว่ากันระหว่างข้ากับนาง?”
“เอิ่ม...” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ผู้หญิงก็เป็เช่นนี้แล บางครั้งก็มักจะถามคำถามไร้สาระ
“เ้าสวยกว่า” เย่เฟิงกล่าว ระหว่างเซี่ยเชียนชิวกับฉินเยียนหรานนั้นมีความสวยต่างกัน มิอาจนำมาเปรียบเทียบได้ แต่ว่าฉินเยียนหรานอยู่ตรงหน้า เย่เฟิงย่อมตอบว่านางสวยกว่า ดังนั้นฉินเยียนหรานได้ยินก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นนางเดินเข้าสู่เขตประลองที่เซี่ยเชียนชิวยืนอยู่
“ไม่คิดว่าพวกเราสองคนจะเจอกันเร็วขนาดนี้ ครั้งนี้ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะเ้า” เซี่ยเชียนชิวมองฉินเยียนหรานด้วยสายตาคมกริบ ท่าทีที่นิ่งเฉยยังแฝงด้วยเจตจำนงต่อสู้ บนโลกนี้มีการแข่งขันไม่เว้นวัน ผู้หญิงก็เช่นกัน เมื่อพบเจอผู้มีคุณสมบัติทัดเทียมกับตน ก็ย่อมเกิดศึกปะทะ
“งั้นข้าจะเรียนรู้เป็อย่างดี!” ฉินเยียนหราน สตรีผู้ไม่ยอมเป็รองบุรุษเผยสีหน้าเฉยเมย พลันพลังหงส์แดงพวยพุ่งออกจากร่างพร้อมเงาหงส์แดงที่แผ่กลิ่นอายเกรงขามปรากฏตัวด้านหลังนาง ทั้งยังมีแสงหลากสีส่องระยิบระยับท่ามกลางอากาศ
“วี้ด!” หงส์แดงส่งเสียงกู่ร้อง จากนั้นกระพือปีกแล้วบินโฉบเข้าหาเซี่ยเชียนชิว ทุกที่ที่มันผ่านล้วนทำให้ห้วงอากาศสั่นไหว
เซี่ยเชียนชิวเผยสีหน้าเย็นเยียบ ก่อนจะมีเถาวัลย์หลายเถาออกจากด้านหลังนางแล้วพุ่งขึ้นฟ้า ทั้งยังมีบุปผางอกงามบนตัวเถาวัลย์และส่งกลิ่นหอมไปทั่วพื้นที่ ทว่าในความงามกลับแฝงด้วยจิตสังหารเยือกเย็น ิญญาาพืชพรรณเป็การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเซี่ยเชียนชิว และนางยังสามารถหยิบยืมพลังของิญญาาให้กำเนิดการโจมตีหลากหลายและอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล
“ฟิ้ว” เถาวัลย์จำนวนมากมายพุ่งออกจากด้านหลังเซี่ยเชียนชิว กลีบดอกไม้ที่ปรากฏบนตัวเถาวัลย์เ่าั้สามารถตัดทุกสิ่งทุกอย่างราวกับใบมีดก็ไม่ปาน ก่อนจะเข้าปะทะกับิญญาาหงส์แดงของฉินเยียนหราน พร้อมกับมีคลื่นพลังทำลายล้างเข้าปกคลุมทั่วพื้นที่ ซึ่งหงส์แดงนั้นเป็สี่สัตว์เทพโบราณ มีพลังแกร่งกล้า ทุกการโจมตีที่มันปลดปล่อยล้วนแฝงด้วยพลังน่าทึ่ง ถึงกับทำให้หมื่นเถาวัลย์ของเซี่ยเชียนชิวสั่นคลอน พวกนางมีฝีมือพอ ๆ กัน จึงมิอาจตัดสินภายในเวลาอันสั้นได้
“ปัง!” เสียงะเิดังกึกก้อง การโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของเซี่ยเชียนชิวและฉินเยียนหรานเข้าปะทะกัน ห้วงอากาศแตกะเิ คลื่นกระแทกแพร่กระจายดุจคลื่นทะเลซัดสาดโดยมีทั้งสองอยู่จุดศูนย์กลาง
“พวกนางทั้งสองไม่เพียงแต่สวยงดงาม แต่พลังยังแกร่งกล้า ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!” ผู้คนต่างตกตะลึงขณะมองศึกต่อสู้ของผู้หญิงสองคน พวกเขารู้สึกว่าหายใจถี่เร็วเล็กน้อย พลังต่อสู้ระดับนี้ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษแม้แต่น้อย
บนอัฒจันทร์ ขณะที่ผู้าุโฉินดูศึกต่อสู้ของบุตรสาวตนกับเซี่ยเชียนชิวก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจ บุตรสาวของเขาโตเป็ผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ บัดนี้เฉิดฉายบนเวทีประลองและฝีมือไม่เป็รองใคร แล้วจะไม่ทำให้เขาผู้เป็บิดาดีใจได้อย่างไร
“หญิงผู้นี้ก้าวหน้าเร็วมาก่นี้ เห็นทีข้าจะเป็ห่วงมากเกินไป” เย่เฟิงอดยิ้มไม่ได้ขณะมองฉินเยียนหรานที่ต่อสู้อยู่บนเวทีประลอง
แม้เซี่ยเชียนชิวจะเก่งกาจ แต่ฉินเยียนหรานได้เปรียบในด้านพร์มากกว่า กระทั่งถูกฉินเยียนหรานที่เข้าช้ากว่าหนึ่งปีตามทัน ตู๋กูหลงเผยสีหน้าเคร่งเครียด ด้วยพลังของเขาเหตุใดจะมองไม่ออกว่าเซี่ยเชียนชิวถูกฉินเยียนหรานกดดัน ในฐานะว่าที่สามีของเซี่ยเชียนชิว ไม่ว่าเซี่ยเชียนชิวเคยทำอะไรไว้กับเย่เฟิง เขายังหวังว่านางจะเป็ฝ่ายชนะ เช่นนี้แล้วเขาตู๋กูหลงจะได้ไม่ขายหน้า
“เ้าไม่ใช่คู่มือของข้า ยอมแพ้ซะเถอะ!” ฉินเยียนหรานกล่าวเสียงเย็นพร้อมกับง้างฝ่ามือหงส์แดง คล้ายไม่อยากทำให้เซี่ยเชียนชิวเป็ตัวตลกไปมากกว่านี้
“คุยโวโอ้อวด!” เซี่ยเชียนชิวขึ้นเสียงอย่างกราดเกรี้ยว พลันิญญาาพืชพรรณส่องแสงกะพริบ ก่อนจะมีเถาวัลย์หลายเถาพุ่งเข้าหาฉินเยียนหรานหมายพันธนาการ เพียงแต่สีหน้าของเซี่ยเชียนชิวดูไม่ค่อยดีเท่าไร ก่อนหน้านี้ที่แดนมายานางมีผลคะแนนเท่าฉินเยียนหราน บัดนี้ปะทะกันก็ยิ่งรู้สึกว่าตนนั้นไม่ใช่คู่มือของฉินเยียนหราน
คนคนหนึ่งจะก้าวหน้าเร็วภายในเวลาอันสั้นได้อย่างไร จู่ ๆ ฉินเยียนหรานก็แข็งแกร่งขึ้นมาก ซึ่งมีความเป็ไปได้เพียงหนึ่งเดียว นั่นคือศึกก่อนหน้านี้ฉินเยียนหรานไม่ได้เผยพลังที่แท้จริงออกมาเพราะออมมือ
“ฝ่ามือหงส์แดง!” ฉินเยียนหรานตาเผยประกายเยือกเย็น ในเมื่อเซี่ยเชียนชิวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี เช่นนั้นนางก็จะไม่เกรงใจอีกต่อไป พลันอัดพลังหยวนใส่ฝ่ามือและแฝงด้วยพลังหงส์แดงทวนลิขิต ก่อนจะปล่อยโจมตีเซี่ยเชียนชิว
“วี้ด!” หงส์แดงกู่ร้อง ก่อนจะสลัดตัวออกจากพันธนาการของเถาวัลย์นับไม่ถ้วนนั่น พร้อมกับที่ฉินเยียนหรานวาดฝ่ามือโจมตีเซี่ยเชียนชิว ทำเซี่ยเชียนชิวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะวาดฝ่ามือโจมตีติดต่อกันหลายครั้ง จนกลิ่นอายแห่งพืชพรรณปกคลุมไปทั่วพื้นที่ แต่เมื่อฝ่ามือของนางเข้าปะทะกับฝ่ามือของฉินเยียนหราน กลับสั่นคลอนอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ฝ่ามือหงส์แดงของฉินเยียนหรานราวกับผสานด้วยพลังแห่งวิหคเทพหงส์แดงอย่างแท้จริง ไร้ซึ่งสิ่งใดทัดเทียม เพียงพริบตาก็มาเยือนเบื้องหน้าเซี่ยเชียนชิว
กระแสลมโหมกระหน่ำ จนพัดผมของเซี่ยเชียนชิวเสียยุ่งเหยิง ท้ายที่สุดเซี่ยเชียนชิวก็มิอาจสงบนิ่งได้อีกต่อไป และแทนที่ด้วยความหวาดผวา
“ข้ายอมแพ้แล้ว!” ภายใต้การกดดันของฝ่ามือหงส์แดงที่น่าสะพรึงกลัวนั่น สุดท้ายความมั่นใจของเซี่ยเชียนชิวก็พังทลายลงจนเอ่ยปากขอยอมแพ้ เมื่อฉินเยียนหรานเห็นเซี่ยเชียนชิวยอมแพ้ก็ถอนพลังฝ่ามือหงส์แดงกลับไป ขณะเดียวกันเงาหงส์แดงค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด
เซี่ยเชียนชิวจ้องเงาร่างงดงามตรงหน้าด้วยความไม่เต็มใจ
“หวังว่าต่อไปจะมีโอกาสได้ประมือกับเ้าอีก” เสียงเฉยชาดังออกจากปากของเซี่ยเชียนชิว จากนั้นเห็นนางค่อย ๆ หมุนตัวจากไป ก่อนจะเดินลงจากเวทีประลอง
“เฮ้อ!” ผู้คนต่างทอดถอนใจพลางใจเต้นตึกตัก ๆ จำต้องบอกว่าพวกนางทั้งสองสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะด้านรูปโฉมหรือศักยภาพ พวกนางต่างเป็หญิงงามที่หาได้ยาก เพียงแต่ฉินเยียนหรานเฉิดฉายกว่า ส่วนเซี่ยเชียนชิวยังคงด้อยกว่า
“นังหนูคนนี้ไม่ทำให้ข้าผิดหวังอย่างที่คาดไว้” ผู้าุโฉินเผยรอยยิ้มพึงพอใจ
“ผู้าุโฉิน ยินดีกับท่านด้วย!” เหล่าผู้าุโสำนักยุทธ์เทียนเสวียนต่างแสดงความยินดีกับผู้าุโฉิน
อาจารย์นี่จ้านเทียนกะพริบตาถี่ จำต้องบอกว่าพร์ของฉินเยียนหรานดีเยี่ยม เพียงเวลาหนึ่งปีก็ก้าวข้ามเซี่ยเชียนชิวแล้ว
หลังจากศึกนี้ สองหญิงงามแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนจะถือว่าเป็ผู้สูงส่งและผู้ต่ำต้อย เซี่ยเชียนชิวจะตกเป็รองฉินเยียนหราน ทว่าเื่นี้ต้องทำให้สีหน้าของตู๋กูหลงดูไม่สู้ดี เซี่ยเชียนชิวพ่ายแพ้ สำหรับเขามันเป็เื่ขายหน้า ขณะเดียวกันภาพลักษณ์ของเซี่ยเชียนชิวที่อยู่ในใจของตู๋กูหลงก็ตกต่ำลง
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เหลืออยู่บนเวทีประลองเผยสีหน้าคึกคัก ถึงอย่างไรพวกนางทั้งสองก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ใครจะชนะหรือแพ้ก็ช่าง แต่มีเพียงหนานกงหลิงซวงที่มีสีหน้าสับสน หญิงงามอย่างฉินเยียนหรานให้ความสนใจเย่เฟิง แต่นางกลับทอดทิ้งเย่เฟิงในตอนแรก บัดนี้ฉินเยียนหรานเฉิดฉายโชติ่ ผู้คนต่างเชิดชู
“เยียนหราน ยินดีกับเ้าด้วย” เย่เฟิงเดินมาแล้วแสดงความยินดีกับฉินเยียนหราน เมื่อฉินเยียนหรานได้ยินเย่เฟิงเรียกสรรพนามตนก็ต้องประหลาดใจ เพียงแค่ยิ้มกลับไปโดยไม่ได้พูดอะไร
“เห็นทีข้าต้องพยายามบ้างแล้ว ไม่งั้นถูกผู้หญิงของข้าทิ้งห่างคงไม่ดีงามเท่าไร” เย่เฟิงกล่าว
ในขณะเดียวกันนักดาบแขนเดียวเดินขึ้นเวทีจับฉลาก ซึ่งเขาจับได้คู่กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 จากนั้นทั้งสองเริ่มการประลอง เนื่องด้วยรอบนี้เป็ศึกตัดสิน ทั้งสองฝ่ายจึงเผยไพ่ตายออกมาทั้งหมดโดยไม่กล้าออมมือแม้แต่นิด
“เ้าจะเข้าสิบอันดับแรกได้ไหม?” ฉินเยียนหรานเอ่ยถามเย่เฟิง
“ไม่มีปัญหาแน่นอน เพื่อเ้าแล้ว ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ” เย่เฟิงกล่าว จากนั้นจับมือเรียวงามของฉินเยียนหราน ฉากนี้ทำใครหลาย ๆ คนต่างมองด้วยความอิจฉาริษยา
“เด็กคนนี้ใจกล้าเสียจริง!” บนอัฒจันทร์หลัก ผู้าุโฉินเห็นการกระทำอันกล้าหาญของเย่เฟิงก็ชะงักเล็กน้อย ั้แ่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีผู้ใดกล้าจับมือบุตรสาวต่อหน้าเขา เย่เฟิงผู้นี้ถือเป็คนแรก
“ปล่อยนางนะ!” ขณะนั้นมีเสียงเย็นเยือกดังมาจากที่ไหนสักแห่ง จากนั้นมีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวที่เบื้องหน้าพวกเย่เฟิง พร้อมกับมองด้วยสายตาเย็นเยียบ
เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองผู้มา ก่อนกล่าวว่า “ไปให้พ้น!”
“หมอนี่บ้าไปแล้วหรือ เขารู้ไหมว่ากำลังพูดอยู่กับใคร? นี่จ้านเทียนใช่คนที่เขาล่วงเกินได้หรือ? ไม่รู้จักประมาณตนเสียแล้ว!” ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างต้องใ จากนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมา โดยคิดว่าเย่เฟิงบ้าไปแล้ว!