เป็เวลาเกือบสามชั่วยามกับศึกปะทะครั้งนี้ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังตระกูลหวังและพันธมิตรก็สามารถ่ชิงชัยชนะมาได้ในที่สุด ฮั่นหลี่เฉียงและผู้าุโคนอื่นแม้จะยังคงมีชีวิต ทว่าการถูกดึงกลับของปราณมารเมื่อครู่โดยไม่สมยอมนั้นได้ส่งผลให้สติสัมปชัญญะเลอะเลือนไปเสียแล้วชวนให้รู้สึกเวทนายิ่ง
หนิงอ้ายได้เรียกโอสถรักษาระดับสูงเพื่อมอบให้กับทุกคนพร้อมกับกางม่านพลังเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งเพื่อทำการชำระล้างปราณมารที่อาจจะซ่อนเร้นตามเส้นชีพจรลมปราณในร่างกาย แม้จะได้รับาเ็ไปในศึกครั้งนี้แต่ก็นับเป็เื่ดีที่ไม่ได้เกิดความสูญเสียถึงชีวิตเช่นกัน
แน่นอนว่าหนิงอ้ายสามารถบอกห้องลับได้อย่างถูกต้องแม่นยำที่อาจจะต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ในการแก้ไขค่ายกลอักขระเวทย์ชั้นสูงที่ได้สลักกำกับไว้ แม้จะเต็มไปด้วยกับดักตลอดเส้นทาง แต่หนิงอ้ายก็ได้ถ่ายทอดแผนผังพร้อมกับการแก้ไขกลกับดักที่มีอยู่อย่างมากมาย จากนั้นหวังจิ่งหลง หวังป๋อเหวินและหวังเหยหลงต่างแยกย้ายไปค้นหาผู้รอดชีวิตของตระกูลฮั่นที่เหลืออยู่
ห้องลับที่ได้ถูกซ่อนอยู่ภายในห้องโถงใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีถึงสามทางเข้า แน่นอนว่าภายในล้วนมีคนตระกูลฮั่นจำนวนมากที่หลบซ่อนตัวตามคำสั่งของประมุขตระกูล เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็ประมุขตระกูลหวัง พวกเราก็รับรู้ได้ทันทีว่าศึกครั้งนี้ทางตระกูลฮั่นเป็ฝ่ายปราชัยและคงไม่อาจมีชีวิตรอบแล้วหลังจากนี้
"ตระกูลฮั่นพ่ายแพ้ในศึกาครั้งนี้แล้ว...ฐานะของพวกเ้ายามนี้คือฏที่ไร้ซึ่งการต่อรองแล้ว!!!" แม้จะคาดเดาได้ในสถานการณ์ยามนี้ ทว่าการได้ยินและรับรู้ความจริงดังกล่าวย่อมเป็สิ่งที่ทำร้ายจิตใจอย่างถึงที่สุด พวกเขาล้วนเป็บิดา สามี สหายหรือคนสนิทรู้จักกันทั้งสิ้น
"ข้าฮั่นลู่หลิง บุตรชายคนโตของประมุขตระกูลฮั่นสายหลัก ครั้งนี้ถือว่าทางตระกูลฮั่นได้ล่วงเกินตระกูลหวังอย่างแท้จริง แต่อย่างไรพวกข้าขอให้ท่านเหลือทางรอดให้ได้หรือไม่ขอรับ..." ชายหนุ่มที่มีรูปลักษณ์ภายนอกเพียงสิบเก้ายี่สิบปี ได้ก้าวขึ้นมาตรงหน้าของคนตระกูลฮั่นคล้าย้าปกป้องอย่างถึงที่สุด ก่อนจะเอ่ยคำร้องขอพร้อมกับประสานมือคุกเข่ากับพื้นด้วยความศิโรราบ
หวังจิ่งหลงมองภาพตรงหน้านี้ด้วยความหลากหลาย แน่นอนเขาย่อมรู้จักอีกฝ่ายดี ด้วยเพราะฐานะของฮั่นลู่หลิงนี้เป็ถึงว่าที่ประมุขตระกูลฮั่นคนต่อไป ด้วยเพราะฮั่นหลี่เฉียงนั้นแม้จะมีภรรยาอยู่ไม่น้อย ทว่าพวกนางกับให้กำเนิดบุตรีทั้งสิ้น มีเพียงชายหนุ่มตรงหน้านี้ที่เป็บุรุษคนเดียวเท่านั้น
เขาอาจจะไม่ได้พบเจอกับอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ ทว่าข่าวลือที่ได้ยินมาก็ถือว่าคุณชายฮั่วผู้นี้ถือว่ามีอุปนิสัยที่น่าคบหา หากจะไม่เหลือทางรอดให้ตามคำขอนั้น เขาที่เป็ผู้ปกครองมหานครจูเชว่แห่งนี้คงกระทำไร้ซึ่งขอบเขตไปเสียกระมัง
"ฮั่นลู่หลิง...เ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าหากวันนี้เป็พวกข้าตระกูลหวังที่ต้องพ่ายแพ้ บิดาของเ้าคงเข่นฆ่าสังหารพวกเราทั้งหมดโดยไร้ซึ่งโอกาสร้องขอดั่งเช่นที่เ้ากำลังกระทำในตอนนี้?"
"ข้าทราบดีขอรับท่านประมุข...เพียงแต่ว่าพวกเขาทุกคนในที่นี้ล้วนเป็ผู้บริสุทธิ์และได้รับผลกระทบจากการกระทำของท่านพ่อทั้งสิ้น..."
"ข้ารู้ว่าคำร้องขอนี้อาจจะมากเกินไปในฐานะของตระกูลฏ ต้องรบกวนท่านประมุขด้วยขอรับ..." ฮั่นลู่หลิงเอ่ยตอบไปด้วยความเด็ดเดี่ยวองอาจ ในฐานะของว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไปนั้นสิ่งนี้้ป็นเื่กระทำมากที่สุดโดยไม่ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีเสียด้วยซ้ำ
"ประมุขตระกูลฮั่นและผู้าุโท่านอื่น ๆ ที่ยังมีชีวิตรอด ยามนี้พวกเขาต่างถูกดึงกลับของปราณมารไปในตัวจนส่งให้พวกเขาไม่อาจเป็เหมือนเดิมแล้ว..."
"สิ่งที่ข้า้าคือคนตระกูลฮั่นยังมีการลอบติดต่อกับทางฝั่งของพรรคมารอยู่หรือไม่และมีแผนการใดหลังจากนี้ที่ยังคิดลักลอบกระทำ หวังว่าเ้าจะมีคำตอบที่น่าพึงพอใจให้ข้าได้รับฟัง" หวังจิ่งหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนที่ฮั่นลู่หลิงจะเอ่ยถึงแผนการของบิดาที่เขาพอรับรู้อยู่บ้าง และพาหวังจิ่งหลงไปยังห้องลับที่ฮั่นหลี่เฉียงใช้งานอยู่เสมอ เมื่อได้ข้อมูลและเบาะแสที่้าแล้วจึงเรียกรวมพลอีกครั้งตรงทางเข้าม่านมิติตระกูลฮั่น
ยามนี้ผู้ที่ลักลอบเห็นเหตุการณ์รวมไปถึงผู้คนในมหานครจูเชว่ต่างได้รู้อย่างแน่ชัดแล้วว่าศึกครั้งนี้เป็ทางฝั่งของตระกูลที่เป็ฝ่ายเอาชนะได้ในที่สุด ทั้งยามนี้พวกเขายังได้รับรู้ถึงพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของอดีตผู้นำตระกูลฮั่นหลี่เฉียงรวมไปถึงผู้ที่ร่วมอยู่ในแผนการ จึงทำให้บรรดาชาวบ้านหรือชาวยุทธภพที่เคยตกเป็เหยื่อจากการกระทำของทางตระกูลฮั่วต่างลุกฮือประท้วงเพื่อขับไล่ตระกูลฮั่นออกจากมหานครนี้ไปเสีย
"ข้าหวังจิ่งหลง...ในฐานะของผู้ปกครองมหานครจูเชว่ขอตัดสินโทษแก่ฮั่นหลี่เฉียงและผู้าุโที่ร่วมในแผนการครั้งนี้ให้โดยทำลายวรยุทธ์และจุดตันเถียร หลังจากนี้ชั่วชีวิตไม่อาจหวนคืนสู่เส้นทางผู้ฝึกตนได้อีกต่อไป!!"
"ผู้นำทั้งสี่ตระกูลใหญรวมไปถึงบรรดากลุ่มอิทธิพลต่างมีมติถอดถอนตระกูลฮั่นออกจากห้าตระกูลใหญ่ของแคว้นและขับไล่เนรเทศ ชั่วชีวิตนี้ไม่อาจเหยียบมหานครจูเชว่ได้อีกสามรุ่น..." หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นท่ามกลางสายตานับพัน นับหมื่นที่มองมาด้วยความสนใจ
"ทรัพย์สินของตระกูลฮั่นทั้งหมดสองในสามส่วนจะถูกริบคืน โดยที่ส่วนหนึ่งจะเป็การเยียวยาผู้ที่เคยตกเป็เหยื่อจากการกระทำของตระกูลฮั่นและส่วนที่เหลือจะถูกแบ่งไว้เป็กองหลางสำหรับใช้ภายในมหานครจูเชว่แห่งนี้!!!"
"ฮั่นลู่หลิงขึ้นเป็ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันและจะต้องส่งของบรรณการให้ทางตระกูลหวังทุกเดือนเป็ระยะเวลาสิบปี หากครบถ้วนตามสัญญาแล้วจะถือว่าทางตระกูลหวังและตระกูลฮั่วจะไม่มีสิ่งใดข้องเกี่ยวกันอีกต่อไป ข้าขอเตือนด้วยความหวังดีเป็ครั้งสุดท้าย หากเ้ายังไม่อาจอบรมสั่งสอนควบคุมคนในตระกูลฮั่นให้ดี ครั้งต่อไปตระกูลฮั่นคงเหลือเพียงแต่เชื่อ เข้าใจหรือไม่?" หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาไปโดยรอบ ก่อนจะหยุดสายตาไปที่ฮั่นลู่หลิง
"ข้าฮั่นลู่หลิง...ในฐานะของประมุขตระกูลฮั่นคนปัจจุบัน ขอยอมรับเงื่อนไขตามที่ท่านผู้ปกครองหวังได้เอ่ยมาทั้งหมด ขอเวลาไม่เกินสองวันตระกูลฮั่นจะย้ายม่านพิภพออกจากมหานครจูเชว่ในทันที!!!" ฮั่นลู่หลิงก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกับประสานมือคำนับตอบกลับไป
ถ้อยคำของชายหนุ่มนั้นแม้ยามนี้จะสร้างความขุ่นเคืองและคับแค้นใจในหมู่คนตระกูลฮั่นทั้งหมดทว่าพวกเขาก็ไม่อาจกระทำสิ่งใดได้ หากจะแก้แค้นคงไม่ใช่เื่ที่จะเกิดขึ้นในอีกเร็ววันนี้แน่
จากนั้นหวังเฟยหลงที่ได้แยกตัวไปก่อนหน้าพร้อมกับกองกำลังนั้นต่างจับกุมตัวประมุขตระกูลฟางรวมไปถึงประมุขตระกูลอื่นที่ร่วมอยู่ในแผนการครั้งนี้ของฮั่นหลี่เฉียงมาจนครบถ้วน คำตัดสินนั้นเท่าเทียบไม่แตกต่างกับตระกูลฮั่นมากนักเพียงแต่ว่าพวกเขาจะถูกลดขั้นระดับของตระกูลหาใช่เป็ชนชั้นรองและกลุ่มอิทธิพลเฉกเช่นเดิม
แม้ไม่อาจถูกขับไล่ให้เคลื่อนย้ายออกจากมหานครจูเชว่ ทว่าบรรดาตระกูลและกลุ่มอิทธิพลเหล่านี้จะต้องอยู่ในสายตาสอดส่องของตระกูลหวังอย่างใกล้ชิด การเข้าออกแคว้นจำเป็ต้องยื่นแจ้งตามระเบียบ หากพบพฤติกรรมที่น่าสงสัยโทษครั้งต่อไปคือการขับไล่ออกจากมหานครนี้
หวังจิ่งหลงได้ทิ้งให้ผู้าุโอีกสองคนคอยจัดการเื่ทรัพย์สมบัติจากทางตระกูลฮั่วและค่าปรับที่ต้องได้รับจากตระกูลฟางและกองกำลังพันธมิตร เมื่อได้รับข่าวว่าหวังจางจิ้งที่ก่อนหน้านี้ได้แอบหลบหนีจากตระกูลฮั่นตอนนี้สามารถดักจับได้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงได้เอ่ยสักเล็กน้อยกับผู้นำตระกูลที่เหลือให้เลื่อนการประชุมครั้งนี้ไปก่อนแล้วค่อยนัดหมายใหม่อีกครั้ง จากนั้นจึงได้มุ่งตรงกลับตระกูลหวังในทันที...
"หวังจางจิ้ง...เ้ามีอะไรแก้ตัวหรือไม่?" หวังป๋อเหวินได้เสนอตัวขอเป็ผู้รับดูแลการสืบสวนครั้งนี้ ได้เค้นถามความจริงน้องชายของตนที่ถูกจับมัดอยู่เบื้องหน้า เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาเลยแม้แต่น้อย
"เ้าคิดคดทรยศ้าทำลายตระกูลหวัง การกระทำของเ้าหากต้องตกตายไปและพบเจอกับท่านบรรพบุรุษที่สิ้นชีพไปแล้ว เ้าไม่มีความละลายเลยหรือไม่!!!"
"หวังจางจิ้งตอบข้ามาเดี๋ยวนี้ เ้าอย่าคิดว่า..."
"ท่านพี่...ข้า..."
อ้ากกกซ์!!!
ก่อนที่หวังป๋อเหวินจะเอ่ยจบนั้น หวังจางจิ้งได้กรีดร้องดังทรมานราวกับเผชิญต้องความทรมานอย่างสาหัสที่สุด หยาดโลหิตล้วนแตกะเิปะทุออกมาทั่วทั้งทวารทั้งห้า ก่อนจะชักกระตุกแรง ๆ หนึ่งครั้งพร้อมกับลมหายใจจะขาดห้วงขาดไปในที่สุด
ไม่!!!!
หวังป๋อเหวินกรีดร้องออกมาราวกับกำลังเสียสติ ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดนั้นเขาสนิทสนมกับอีกฝ่ายมากที่สุด ภาพจำในวันวานที่อีกฝ่ายคอยเรีกขานว่าพี่ใหญ่นั้นยังคงดังสะท้อนชัดเจนในความทรงจำ ทว่าหลังจากเหตุการณ์ที่อีกฝ่ายได้สูญเสียคนรักและบุตรในท้อง หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ได้แต่เก็บตัวเงียบไม่พูดคุยกับผู้ใดทั้งสิ้น
จนเมื่อหลายปีก่อนคล้ายกับว่าหวังจางจิ้งได้ปลดผนึกบางอย่างและกลับมาเป็ปกติอีกครั้ง แม้ว่าความสนิทสนมใกล้ชิดของพวกเขาที่คนภายนอกอาจมองว่าปกติ ทว่าเขารู้ดีว่ายังคงมีกำแพงที่คั่นกลางพวกเขาอยู่ หลายครั้งการกระทำของอีกฝ่ายจะทำให้มีคนเดือดร้อน แต่หากไม่เหนือบ่ากว่าแรงเขาย่อมล้วนปล่อยผ่าน ด้วยคิดว่าครั้งอดีตที่คนรักและบุตรในท้องของอีกฝ่ายได้ตกตายไปจากการถูกโจรปล้นฆ่า เขาในตอนนั้นที่เป็ประมุขตระกูลก็มีความผิดเช่นกันที่หละหลวมในเื่ความปลอดภัยจนนำมาถึงความสูญเสียและเกิดเป็ความร้าวฉานของพวกเขาสองพี่น้องมาจนถึงวันนี้
"ท่านพ่อเกิดสิ่งใดขึ้นขอรับ...ทำไมปู่ทวดสามถึงได้..." หลังจากจัดการมอบหมายหน้าที่ที่สำควรกระทำแล้ว หวังจิ่งหลงกับหนิงอ้ายได้มุ่งตรงไปยังชั้นใต้ดินแห่งนี้ ไม่คาดว่าเมื่อมาถึงจะพบเจอกับเหตุการณ์ไม่สู้ดีเข้า
"..." หวังป๋อเหวินคล้ายกับว่าตกอยู่ในภวังค์ความเสียใจจึงไม่อาจตอบสิ่งใดกลับไป ทำได้เพียงยืนเงียบและปล่อยให้น้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมาเท่านั้น
พรึบ!!!
จิตััของนักปรุงโอสถระดับเจ็ดของหนิงอ้ายแผ่ซ่านปกคลุมห้องใต้ดินแห่งนี้ ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าเข้าไปและจับเส้นชีพจรของท่านปู่ทวดสามที่ยามนี้เหลือแต่เพียงร่างไร้ิญญาแล้ว
"สิ่งที่ข้าััได้คือ...ร่างกายของปู่ทวดสามเต็มไปด้วยปราณมารบริสุทธิ์ไหลเวียนอยู่ด้วยพันธสัญญามารที่มีความล้ำลึกกว่าระดับพลังของสองมารเฒ่าเสียอีก...เป็ไปได้ว่าก่อนหน้านี้ท่านปู่ทวดสามอาจได้เอ่ยสัจจะแห่งพันธสัญญามารนี้และพอจะบอกกล่าวความจริงแล้วจึงถูกอำนาจพันผูกทำลายจิติญญาจนแตกสลายไปสิ้นขอรับ..." หนิงอ้ายบอกถึงสิ่งที่เขานั้นรับรู้จากวิชาจักษุมหามายา์
"เป็ไปได้อย่างไรกัน..." หวังจิ่งหลงที่ได้ยินหลานของตนพูดถึงพันธสัญญามารจึงรู้สึกใอยู่ไม่น้อย
"ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม...พันธสัญญามารไม่ได้ปรากฎในยุทธภพนับร้อยปีแล้ว หรือว่าเวลาหวนคืนของจอมมารจะมาถึงในเร็ววันนี้กัน?"
"หากเป็เช่นนั้นจริง บิดาว่าเ้าควรนำข่าวสารนี้ไปปรึกษากับผู้ปกครองดินแดนอย่างเร่งด่วนเสียเถอะ อย่างน้อยจะได้เตรียมแผนการรับมือได้ทัน ไม่เช่นนั้นหากเกิดการปะทะกับกองกำลังฝ่ายมืดคงไม่อาจต้านทานได้..."
"ขอรับท่านพ่อ...ข้าจะรีบจัดการติดต่อในเื่นี้ให้เร็วที่สุดขอรับ...แล้วเื่ของท่านปู่ทวดสาม"
"หลังจากงานเลี้ยงเปิดตัวของเหลนหวังหนิงอ้ายในอีกสามวันนี้ จวนตระกูลหวังจะทำการไว้ทุกข์เป็เวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนเพื่อเป็การส่งิญญาของจางเอ๋อร์ให้จากไปอย่างสงบ"
"ขอรับท่านพ่อ..."
"ท่านปู่ทวด ท่านตา...หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นข้าจะกลับไปยังสำนักศึกษาที่พิภพระดับกลางโดยเร็วที่สุดนะขอรับ"
"ได้...แล้วหลานจะทำการปรุงโอสถวันใดอย่างนั่นรึ? ให้ตาเตรียมสถานที่ให้เลยหรือไม่" หวังจิ่งหลงถามความ้าของหนิงอ้าย ด้วยเพราะจากที่อีกฝ่ายได้บอกก่อนหน้า การข้ามผ่านห้วงมิติได้ส่งผลให้พลังปราณในร่างกายไม่เสถียร จำเป็ต้องได้รับโอสถวิเศษเพื่อทำการฟื้นคืนความสามารถทั่งหมดที่มีให้คืนมาดังเดิม
"ข้าคิดว่าจะทำการปรุงโอสถในวันพรุ่งนี้...อย่างไรรบกวนท่านตาด้วยนะขอรับ" หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมประสานมือขึ้นเล็กน้อย
จากนั้นจึงปลีกตัวออกจากห้องใต้ดิน จากนั้นจึงได้ขออนุญาติเข้าไปยังคลังสมุนไพรของตระกูล อีกทั้งยังต้องเร่งดูดซับพลังปราณฟ้าดินเพื่อเติมเต็มมหาสมุทรทะเลลมปราณให้สมบูรณ์พร้อมมากที่สุดสำหรับการปรุงโอสถในวันพรุ่งนี้...
