หรงเยว่มีความลับหนึ่งที่ไม่อาจบอกใครได้ ความลับนี้คือความรู้สึกของหญิงสาวที่เก็บงำอยู่ภายในใจของตนเองตลอดมา
หลายปีมานี้นอกจากครอบครัวจะดูตัวให้นางค่อนข้างช้า หรงเยว่เองก็มิได้กระตือรือร้นมากนัก เพราะนางมีคนที่ตนเองชอบอยู่แล้ว แม้คนผู้นี้... คนผู้นี้อาจไม่เคยชอบนางเลย
แต่หรงเยว่ก็ไม่อาจตัดใจ ได้แต่เก็บงำความรู้สึกไว้โดยไม่บอกผู้อื่น แต่นางก็รู้ดีว่าอาจไม่ได้สิ่งใดตอบกลับมา
แท้จริงแล้วนางหลงรักิ่จื้อรุ่ยมาโดยตลอด เขามักอยู่กับรัชทายาทเสมอ ขณะที่ทุกคนต่างมองเห็นแต่รัศมีเปล่งประกายของรัชทายาท ิ่จื้อรุ่ยกลับถูกละเลย ทว่าในใจของหรงเยว่มีภาพเขาชัดเจนเสมอมา
บุรุษหล่อเหลา เผยแววองอาจสง่างามมาั้แ่เด็ก นางเฝ้ารอและวาดหวังมาโดยตลอด แม้ความหวังนั้นจะริบหรี่ก็ตาม
แต่นางเองก็รู้ว่าิ่จื้อรุ่ยอาจมิได้ชอบตนเอง และอาจจะไม่เลือกนางด้วย ต่อให้ถึงเวลาที่เขาต้องเลือกภรรยาขึ้นมาจริงๆ ก็อาจไม่มีสายตาทอดมาที่ตัวนาง เพราะขนาดมารดาของเขาเอ่ยปากออกมาตรงๆ ว่าไม่ชอบเฉียวเยว่ แต่คนที่สกุลิ่เห็นดีเห็นงามมากที่สุดก็ยังเป็น้องสาวของนางผู้นั้น
ถึงอย่างไรก็มีเคยมีความผูกพันกันมาก่อน ไม่ว่าฮูหยินสกุลิ่จะไม่ชอบบุตรสาวของไท่ไท่สามอย่างไร ก็ไม่อาจทัดทานแม่สามีของตนเองได้ ทุกเื่ราวในสกุลิ่ไม่อยู่ในการตัดสินใจของสะใภ้ผู้นี้มาั้แ่ต้น
ดังนั้นนางจะไม่แก่งแย่งกับน้องหญิงเจ็ด นางรู้เพียงแค่น้องหญิงเจ็ดยินยอม นางก็ไม่มีวันสู้ชนะได้ บางครั้งบางเื่ราวก็มิได้ดูเพียงวาสนา แต่ต้องดูที่โชคชะตา นางทำใจแย่งชิงกับน้องสาวที่แสนดีไม่ได้ แม้แต่นางเป็สตรียังชอบน้องหญิงเจ็ดมากเพียงนี้ นับประสาอันใดกับผู้อื่นเล่า
แต่ขณะที่นางตัดใจยอมหมั้นหมายกับผู้อื่นแต่โดยดี และยินยอมพร้อมใจ ยอมเดินตามทางที่ครอบครัวกำหนดเส้นทางไว้ให้เดิน น้องหญิงเจ็ดกลับบอกว่านางกับิ่จื้อรุ่ยผูกพันกันแบบพี่ชายน้องสาว
เป็ความสัมพันธ์เช่นพี่ชายน้องสาว!
ทันใดนั้นหรงเยว่พลันรู้สึกเหมือนว่าตนเองมีความหวังเพิ่มขึ้นในชั่วพริบตา แต่ว่า... สกุลเฉิงก็จะมาสู่ขอแล้ว
นางจมอยู่กับปัญหาหนักอกทั้งสองทาง ทั้งอยากต่อสู้เพื่อตนเอง แต่ก็รู้สึกว่าตนเองทำเช่นนี้ไร้ศักดิ์ศรีเกินไป
ถึงน้องหญิงเจ็ดจะไม่้าิ่จื้อรุ่ย ก็ยังไม่แน่ว่าิ่จื้อรุ่ยจะหันมาเลือกตนเอง
"หรงเยว่ เ้ามานั่งตรงนี้คนเดียวได้อย่างไร?"
หวังหรูเมิ่งเข้ามาในสวนดอกไม้ ก็เห็นหรงเยว่นั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวในศาลาที่เงียบเหงาและหนาวเย็น
หรงเยว่เงยหน้าขึ้นเห็นน้าสาวของตนเอง ั้แ่อีกฝ่ายคิดร้ายต่อมารดาของนาง พวกนางก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
หรงเยว่ยิ้มอ่อนจาง ไม่คิดจะแยแสหวังหรูเมิ่ง ขณะเตรียมจะปลีกตัวไป กลับถูกอีกฝ่ายรั้งมือไว้
"หรงเยว่ เื่ครานั้น น้าผิดไปแล้ว" นางเอ่ยเสียงเบา
ความจริงหรงเยว่ชอบน้าสาวคนนี้ของตนเองมาก หน้าตาสะสวย ใจกว้าง และเฉลียวฉลาด แต่ไม่รู้ว่าท่านน้าของนางเริ่มเปลี่ยนไปั้แ่เมื่อไร เปลี่ยนไปเหมือนกับมารดาของนางที่เอาแต่นั่งอยู่ในมุมแคบๆ คิดแผนการทำร้ายผู้อื่น และบัดนี้ก็ถึงขั้นแว้งมาปองร้ายมารดาของนางแล้ว
"ได้โปรดปล่อยมือ ท่านมาพูดกับข้ามีประโยชน์อันใดเล่า" หรงเยว่เอ่ยอย่างเฉยชา
นางไม่อาจให้อภัยท่านน้าที่กลายมาเป็คนเลวคิดทำร้ายผู้อื่นได้
"ท่านน้า ที่ข้าเรียกท่านว่าท่านน้าก็เพราะยังเคารพท่านอยู่ แต่เื่ที่ท่านก่อขึ้นเ่าั้ ข้ามิอาจให้อภัย ท่านโปรดปล่อยมือ หากให้มารดาเห็นเข้า ข้าเกรงว่าจะอธิบายไม่ได้"
หวังหรูเมิ่งขบริมฝีปาก "หรงเยว่ น้ารู้ว่าเ้าโกรธเกลียดที่น้าทำร้ายท่านแม่ของเ้า แต่ข้ามิได้ตั้งใจ เพียงแต่หากให้ใครรู้ว่าข้ารักษาบุตรเอาไว้ไม่ได้ ข้ากลัวว่าท่านลุงใหญ่ของเ้าจะไม่้าข้าแล้วจริงๆ"
น้ำเสียงของนางระคนไปด้วยความขมขื่น "ข้าไร้หนทาง หรงเยว่ เ้าเข้าใจหรือไม่? แม้ข้าจะไม่ชอบท่านลุงใหญ่ของเ้า แต่เมื่อแต่งให้เขาแล้ว ก็ได้แต่ต้องทำเช่นนี้ ข้าต้องพะเน้าพะนอเอาใจ วอนขอความโปรดปรานจากเขา แม้ไม่มีความรักก็ต้องมีชีวิตต่อไป ข้าลำบากมากจริงๆ"
"แต่นั่นมิใช่เหตุผลที่ท่านจะคิดร้ายต่อผู้อื่น อาสะใภ้สามกับเฉียวเยว่ไม่เคยทำผิดต่อท่าน มารดาข้าก็ไม่เคยทำผิดต่อท่าน เพราะเหตุใดท่านถึงต้องทำร้ายพวกนาง" หรงเยว่เอ่ย
หวังหรูเมิ่งก้มศีรษะ "ข้าชอบฉีจือโจว ตราบใดที่พวกนาง... ตราบใดที่พวกนางออกแรงสักนิด ให้ความช่วยเหลือสักหน่อย ผลลัพธ์ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่พวกนางไม่ยอมช่วยข้า ถึงข้าจะโกรธแค้นพวกนาง แต่ข้าเกลียดชังโชคชะตาของตนเองมากกว่า"
หวังหรูเมิ่งหยุดเว้นจังหวะไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยอีกว่า "หรงเยว่ น้าชอบบุรุษผู้นั้น หากเ้า... หากภายหน้าเ้ามีคนที่ตนเองชอบ เ้าต้องยืนหยัดเพื่อตนเองให้ถึงที่สุด อย่าได้ละทิ้งความพยายามไปง่ายๆ และยิ่งไม่ควรเดินผิดทางจนต้องเสียใจไปชั่วชีวิตเหมือนกับน้า"
หรงเยว่ตะลึงงัน
หวังหรูเมิ่งมองฟ้า แล้วถอนหายใจเอ่ยว่า "น้าปรารถนาให้เ้ามีความสุข หาคนที่ตนเองชอบให้ได้" พูดมาถึงตรงนี้ ก็หัวเราะออกมา "ดูข้าสิ มาพูดเื่เหล่านี้กับเ้าทำไม สกุลเฉิงจะมาสู่ขออยู่แล้ว เ้าย่อมจะยินดี มิเช่นนั้นคงไม่ตอบตกลง น้าหวังว่าเ้าจะทะนุถนอมวาสนานี้ไว้ให้ดี"
พูดจบ ก็ทิ้งหรงเยว่ไว้คนเดียว ส่วนตนเองก็ผละจากไปอย่างรวดเร็ว
หรงเยว่อึ้งอยู่กับที่ไม่ขยับ
แต่นางกลับไม่เห็นรอยยิ้มมีเลศนัยของหวังหรูเมิ่งยามจากไป นางเดินผ่านระเบียงสวนดอกไม้ด้วยใบหน้ายิ้มย่องเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมชั่วร้าย
หรงเยว่อาจซ่อนงำความในใจจากสายตาของทุกคน แต่นางเห็นหรงเยว่ั้แ่เล็กจนโต จะมองไม่ออกได้อย่างไร นางจำได้ว่าเคยเห็นกระดาษที่เขียนคำว่าิ่จื้อรุ่ยมากมายนับไม่ถ้วนในห้องของหรงเยว่
บัดนี้ถึงเวลาที่จะเอาแผนนี้มาใช้
หวังหรูเมิ่งไม่สนใจว่าหรงเยว่จะเป็เช่นไร ใครใช้ให้พี่สาวทำไม่ดีกับตนเองก่อนเล่า หากไม่ใช่นางอยากสอพลอซูต้าหลาง ตนเองก็คงไม่ต้องตกมาเป็อนุภรรยาของผู้อื่น ดังนั้นนางก็จะทำให้หรงเยว่เกิดความบาดหมางกับเฉียวเยว่ ิ่จื้อรุ่ยไม่มองหรงเยว่อยู่แล้ว เมื่อหรงเยว่ไม่ได้รับการตอบสนองจากิ่จื้อรุ่ย ก็ย่อมจะเอาความเกลียดชังมาลงที่เฉียวเยว่ซึ่งเป็สตรีที่เขาชมชอบ ตราบใดที่นางชิงชังเฉียวเยว่ ตนเองก็จะมีความสุข
สองแม่ลูกจากเรือนสามไม่ยอมช่วยเหลือนาง ทำให้นางต้องจมอยู่ในความทุกข์ทรมานเช่นตอนนี้ นางจะปล่อยไปได้อย่างไร
นึกมาถึงตรงนี้ หวังหรูเมิ่งก็ยิ้มออก
หรงเยว่มองเงาหลังน้าสาวของตนเองที่ไกลออกไป นึกถึงถ้อยคำของนางแล้วขบริมฝีปาก
แต่ทั้งสองคนล้วนไม่เห็นว่าเฉียวเยว่ยืนอยู่หลังพุ่มไม้ไม่ไกลนัก เฉียวเยว่มองดูพวกนาง แล้วจมดิ่งสู่ภวังค์ความคิด
หลังกลับไปถึงเรือน ดวงหน้าเล็กจ้อยก็เผยแววหนักอกหนักใจอยู่หลายส่วน
ไท่ไท่สามไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงไปเรือนหลักนานนัก ย่อมจะถามขึ้นมา เฉียวเยว่อิดเอื้อนอยู่ครู่ใหญ่ถึงเอ่ยปาก "ข้ารู้สึกว่าการหมั้นหมายของพี่หญิงสามน่าจะไม่ราบรื่น"
ไท่ไท่สามตะลึงงัน หลังจากนั้นก็ถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"
เฉียวเยว่นิ่งคิดอยู่นาน ก่อนเข้ามากระซิบข้างหูของไท่ไท่สามสองสามประโยค ไท่ไท่สามมองบุตรสาวอย่างไม่คาดคิด ถามซ้ำอีกคราเพื่อความแน่ใจ "เ้าพูดมาทั้งหมดเป็ความจริงรึ?"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ข้าเองก็ไม่รู้ แต่น่าจะประมาณนี้ เป็ความรู้สึกส่วนตัวของข้าเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่ย่อมไม่กล้าฟันธง เื่ราวในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่จริงแท้แน่นอน แต่นางก็นับว่ารู้จักหรงเยว่ดี เมื่อวานตอนได้ยินหรงเยว่เอ่ยถึงิ่จื้อรุ่ย นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ พอมาเจอสถานการณ์วันนี้ นางไม่คิดว่าหวังหรูเมิ่งจะหวังดีต่อหรงเยว่จริง เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามีเจตนาอื่นแอบแฝง นึกมาถึงตรงนี้ นางก็พูดต่อ "ท่านแม่ไปแจ้งให้ท่านย่าทราบดีกว่า ข้าคิดว่าเื่นี้พวกเราไม่ควรเข้าไปข้องเกี่ยว"
ยิ่งเป็นางแล้วก็ยิ่งไม่อาจพูดอะไรกับหรงเยว่
ไท่ไท่สามย่อมเข้าใจเหตุผล นางมุ่นคิ้วเอ่ยว่า "ไม่นึกเลยว่าเื่จะเยอะขนาดนี้"
เฉียวเยว่ทอยิ้มน้อยๆ "ที่ใดมีคน ที่นั่นย่อมมีการแก่งแย่งแข่งขัน"
แต่ไท่ไท่สามกลับไม่อยู่ฟังหลักเหตุผลที่ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่ของนางเหล่านี้ นางผละจากไปอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปที่เรือนหลัก ส่วนเฉียวเยว่นั่งอยู่ในห้องคนเดียว ท่าทางกำลังใช้ความคิด
มีเสียงเคาะหน้าต่างจากด้านนอก เฉียวเยว่มองออกไป ก่อนขบริมฝีปากถาม "ใคร?"
"ข้าเอง"
ใบหน้าของเฉียวเยว่แดงขึ้นเล็กน้อย นางไม่ได้พบหรงจ้านมาครึ่งเดือนแล้ว ได้ยินว่าเขาไปต่างเมือง เฉียวเยว่ก็ไม่พอใจอยู่บ้าง คนผู้นี้ช่างใจแคบยิ่งนัก จะไปไหนก็ไม่บอกนางสักคำ
เฉียวเยว่ทำแก้มป่องเ้าแง่แสนงอน แต่ก็ยังไปปิดประตูหน้าต่าง มุมปากของนางคว่ำลงเอ่ยว่า "นับว่าท่านยิ่งขวัญกล้าขึ้นทุกที เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอให้ฟ้ามืด ก็กล้าปีนกำแพงเข้ามาแล้ว ไม่กลัวว่าใครจะเห็นเข้าหรือ ท่านน่าจะตระหนักได้ว่าการทำเช่นนี้ไม่เป็ผลดีต่อชื่อเสียงของข้า"
เฉียวเยว่แสดงท่าทีปั้นปึ่งเ็า
หรงจ้ามองท่าทีชอบกลของนางก็นิ่งคิดสักพัก แล้วเอ่ยว่า "ข้าไปเจียงโจว เอาสาลี่น้ำแข็ง [1] ของดีเมืองเจียงโจวมาฝากเ้าด้วย"
ดวงหน้าเล็กบูดบึ้งของเฉียวเยว่พลันเบิกบานปานบุปผา นางขบริมฝีปาก ชะโงกศีรษะออกไป "อ้อ... สาลี่น้ำแข็งหรือ"
กระต่ายน้อยจะกละมักถูกลวงล่อด้วยของอร่อยเสมอ
หรงจ้านพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดกำลัง "ก็ใช่น่ะสิ ไม่รู้ว่าเ้าชอบหรือไม่ หากไม่ชอบ ข้าจะได้ยกให้ฉีอันทั้งหมด เมื่อครู่เขายังบอกว่าชอบมาก"
"ข้าเอาอยู่แล้ว" เฉียวเยว่ตอบทันควัน พลางยื่นมือน้อยๆ ขาวเนียนดุจหยกออกไป "เอาล่ะ ให้ข้าเถอะ"
แต่ไม่ช้า เฉียวเยว่ก็ย้อนถามขึ้นมาอีก "ท่านพบฉีอันแล้วหรือ?"
พอรู้ว่าไม่ได้มาหาตนเองก่อน ก็เริ่มไม่พอใจอีกแล้ว
ดวงหน้าเล็กจ้อยเริ่มบูดบึ้ง อารมณ์เปลี่ยนไปอีกแล้ว หรงจ้านรู้สึกสับสนอยู่บ้าง คนฉลาดอย่างเขากลับไม่เข้าใจความคิดของเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เลยจริงๆ ว่านาง้าอะไรกันแน่
"พบมาเมื่อครู่ ยังเจอมารดาของเ้าด้วย นางให้ข้าเดินมาก่อน"
เฉียวเยว่เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ "นี่ท่านมาอย่างเปิดเผยเลยหรือ?"
หรงจ้านพยักหน้า อมยิ้มน้อยๆ "ใช่ ทำให้เ้าผิดหวังแล้ว ข้ามิได้แอบมา แต่เข้ามาทางประตูใหญ่อย่างเปิดเผยสง่างาม"
"มารดาข้าปล่อยให้ท่านเดินเข้ามาเรือนสามเองตามอำเภอใจ?"
ชอบกลยิ่งนัก
เฉียวเยว่เกาศีรษะ
หรงจ้านกลับทำตัวปรกติ "มารดาเ้าชอบข้ามาก แค่เห็นก็รู้ว่าข้าเป็คนจิตใจดีงาม ย่อมไม่ขัดขวางเป็ธรรมดา"
เฉียวเยว่กลอกตา ยืนพิงหน้าต่างเอามือทั้งสองเท้าคาง น่าเอ็นดูเป็พิเศษ "แต่ข้ารู้สึกว่าท่านไม่น่าจะเป็ที่นิยมชมชอบสักเท่าไร"
หรงจ้านอมยิ้ม ไล้ปลายนิ้วไปบนสาลี่น้ำแข็งเบาๆ
"ท่านจะเอาของกินมาข่มขู่ผู้อื่นไม่ได้ เช่นนี้ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง" เฉียวเยว่เอ่ยปากทันที
"ข้าว่าเ้าคิดมากไปแล้ว" หรงจ้านเอ่ยอย่างเอ้อระเหย
"ที่ไหนกันเล่า" เฉียวเยว่ทำเสียงกระเง้ากระงอด
ความอ่อนหวานน่ารักของเฉียวเยว่ทำให้หรงจ้านยากจะควบคุมความรู้สึกของตนเองได้ ปลายนิ้วของเขาไล้ไปบนใบหน้าของเฉียวเยว่เบาๆ
"หรงจ้าน ถอนกีบเท้าสุนัขของเ้าออกไปเดี๋ยวนี้"
หลังจากสิ้นเสียงนั้น หมัดหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามา
หรงจ้านพลิ้วหลบไปด้านหลัง ก่อนเงยหน้าขึ้นมอง เหอะๆๆ ฉีจือโจว!
...
[1] สาลี่น้ำแข็ง หรือต้งหลี เป็ของขึ้นชื่อใน่ฤดูใบไม้ร่วงของคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน มีกรรมวิธีคือนำผลสาลี่ไปแช่ในน้ำแข็ง่ฤดูใบไม้ร่วง เปลี่ยนจากสาลี่สดให้เป็สาลี่แช่แข็ง เปลือกภายนอกจะกลายเป็สีดำ วิธีการกินคือเอาไปแช่น้ำให้น้ำแข็งละลายเนื้อจะมีความใสน้ำเยิ้มๆ หวานนุ่มอร่อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้