หนิงอ้ายกับลู่ซีใช้เวลาอยู่ในหอตำราเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้นตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อถึงเวลาก็มาตรงจุดนับพบโดยทันที ซึ่งทางฝั่งของหนิงอ้ายนั้นได้เลือกตำรามานับสิบกว่าเล่มเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานทั้งหมดเพื่อที่จะไปศึกษาเพิ่มเติม ทางฝั่งของลู่ซีนั้นได้เลือกตำราเกี่ยวกับพลังธาตุน้ำและเคล็ดวิชาระดับสูงอีกสองสามบทในการศึกษาเพิ่มเติม ด้วยเพราะรู้ตัวว่าฝีมือของเขาในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะปกป้องหนิงอ้ายได้ ดังนั้นเขาต้องฝึกฝนให้มากที่สุด
เมื่อแจ้งจำนวนตำราที่นำออกจากหอตระกูลหวังกับผู้าุโท่านเดิมเสร็จเเล้วนั้น เมื่อถึงเรือนพักเเล้วทั้งสองคนจึงเเยกย้ายกลับห้องของตนเพื่อศึกษาตำราต่อนั่นเอง
หนิงอ้ายใช้เวลาทั้งวันไปกับการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับพลังลมปราณ พลังิญญาและพลังปราณธาตุที่เป็ความรู้พื้นฐานทั้งหมด เมื่ออ่านจบเเล้วทำให้เขานั้นมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เมื่อเดินพลังลมปราณและปรับการหมุนเวียนของร่างกายให้มั่นคงสมดุลชักนำลมปราณฟ้าดินเข้ามากักเก็บเป็พลังิญญาในร่างกายให้เเข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นหลายเท่า
เคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆานั้นนอกจากจะเป็วิชาตัวเบาที่ขึ้นชื่อเเล้วเเต่สิ่งที่แฝงตามมาจากเคล็ดวิชานั่นคือผู้ที่ใช้เคล็ดวิชานี้ไม่ต้องคอยเสียเวลานั่งดูดซับลมปราณฟ้าดิน ผลึกธาตุหรือผลึกอสูรใดใดทั้งสิ้น เพราะว่าเคล็ดวิชานี้จะคอยดึงลมปราณฟ้าดินโดยรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็พลังงานบริสุทธิ์ให้กับพลังิญญานั่นเอง
ทางฝั่งลู่ซีนั้นออกจากห้องพักเมื่อครู่นี้โดยที่ตนตั้งใจจะแวะมาดูอีกฝ่ายเสียก่อน เเต่เมื่อเห็นว่าหนิงอ้ายยังคงเก็บตัวอยู่ในห้องไม่ออกมาเสียทีก็อดที่จะเป็ห่วงไม่ได้
เขารู้ว่าเด็กหนุ่มนั้นมีความตั้งใจทุ่มเทมากเเค่ไหนเพราะดูได้จากเพียงเเค่ปีกว่าเท่านั้นจากผู้ฝึกตนระดับก่อเกิดก็สามารถเลื่อนขั้นเป็ระดับจักรพรรดิขั้นสามัญ่ปลายได้ ถึงแม้เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายนั้นเคร่งเครียดจนเกินไปแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พอเข้าใจได้อยู่เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็ผลดีกับตัวของหนิงอ้ายในวันข้างหน้ายิ่งนัก
ด้วยเพราะตัวตนของหนิงอ้ายในตอนนี้ที่ทุกคนต่างรับรู้นั่นคือในฐานะจ้าวยุทธภพรุ่นเยาว์ของทวีปบูรพาอีกทั้งยังเป็คุณชายเล็กของตระกูลหวังสายหลักหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำ ที่นับได้ว่าเป็อีกตระกูลที่ถูกจับจ้องของผู้คนในยุทธภพ ดังนั้นแล้วหาก้าอยู่รอดอย่างปลอดภัยและสามารถปกป้องคนในครอบครัวที่ตนรักได้ก็ต้องเเข็งแกร่งให้มากขึ้นเท่านั้นเอง...
เสียงตอบกลับจากหนิงอ้ายว่าเขานั้นยังไม่หิวสักเท่าไหร่ จึงขอศึกษาตำราที่หยิบยืมมาเสียก่อนและฝากให้เขาบอกท่านตา ท่านยายและท่านเเม่ด้วยเพื่อไม่ให้พวกท่านต้องเป็ห่วง เช่นนั้นเเล้วลู่ซีจึงได้เเต่กล่าวเตือนอีกฝ่ายด้วยความเป็ห่วงเล็กน้อยก่อนจะไปแจ้งผู้ใหญ่ทั้งสามท่านในเรือนให้คลายความกังวล
ทางฝั่งของหนิงอ้ายนั้นในตอนนี้นับว่ามีความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเกี่ยวกับเื่ของพลังลมปราณพื้นฐานทั้งหมดเเล้วเขาจึงคิดว่าถึงควรแก่เวลาที่จะศึกษาคัมภีร์เบญจธาตุได้เสียที หลังจากที่ไปหยิบตำราเล่มนี้จากหีบเก็บของตรงมุมห้อง หลังจากสิ่งที่้าอยู่ในมือของตนเเล้วนั้นจึงพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
คัมภีร์เบญจธาตุเล่มนี้เราผู้เฒ่ารวบรวมมาได้อย่างอยากลำบากหาก ไม่ถึงด้วยสายเือันเเข็งแกร่งและพลังิญญาระดับจักพรรดิจะไม่สามารถเปิดอ่านได้...
ผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติดังกล่าวให้หยดเืหนึ่งหยด และถ่ายทอดพลังิญญาทั้งหมดเเล้วเราผู้เฒ่าคนนี้จะเป็ผู้ตัดสินเองว่าเ้านั้นคู่ควรเหมาะสมหรือไม่...
เช่นเดิมทุกครั้งที่หนิงอ้ายนั้นได้ถ่ายพลังิญญาลงไปในคัมภีร์เบญจธาตุก็จะปรากฎข้อความนี้ขึ้นมาเหมือนเดิมทุกครั้ง ตอนนี้เขามีพลังิญญาระดับจักรพรรดิขั้นต้น่ปลาย จึงนับว่าผ่านหนึ่งเงื่อนไขแล้ว เเต่กลับความเข้มข้นของสายเืนั้นเขาไม่แน่ใจสักเท่าไหร่เเต่ถึงอย่างนั้นก็คุ้มค่าที่จะลองไม่น้อย
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นหนิงอ้ายจึงตั้งสมาธิเรียกพลังิญญาของตนออกมา ด้านหลังของเขานั้นพลันปรากฎวงเเหวนเวทย์สีเขียวเข้มหนึ่งชั้นเเสดงถึงระดับจักรพรรดิขั้นต้น พินิจจากความเข้มข้นของสีวงเเหวนนั้นนับว่าอยู่ใน่ปลายใกล้จะทะลุขั้นกลางเเล้ว หนิงอ้ายไม่รอช้าที่จะหยิบมืดพับที่เขาสั่งทำขึ้นในตอนนั้นกรีดนิ้วของตนเบา ๆ และปล่อยให้หยดเื รวมรวมพลังิญญาแผ่พุ่งไปในคีมภีร์เบญจธาตุเล่มนี้
ทันใดนั้นเองคัมภีร์เบญจธาตุได้ลอยตัวขึ้นอยู่ตรงใบหน้าของ หนิงอ้ายพร้อมกับสาดส่องเเสงสีทองอร่ามเจิดจ้าออกมามากมาย ละอองเเสงนั้นงดงามราวกับมีหิ่งห้อยนับร้อยนับพันตัวโบยบินอยู่รอบห้องจนทำเอาสายตาของเขาพร่ามัวจนต้องหลับตาไปสักชั่วครู่ เเต่ก่อนที่เขาจะลืมตานั้นกลับได้ยินเสียงเด็กน้อยอายุราวสิบขวบปีดังขึ้นอยู่ใกล้หูของตนชวนให้รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก
"โอ้!!!! สวัสดีเด็กน้อย กลิ่นอายเ้าทำเอาข้าประหลาดใจยิ่งนัก
เอาละ ลืมตาขึ้นมาคุยกับเราผู้เฒ่าคนนี้ได้เเล้ว...."
ญาณััอันล้ำลึกของหนิงอ้ายนั้นเจาะทะลวงเข้าไปภายในคัมภีร์เบญจธาตุดังกล่าว ด้านหน้าของเขาพลันปรากฎเป็มวลหมู่เมฆาสีฟ้าครามประกายทองขนาดน้อยใหญ่ที่ลอยล่องกระจัดกระจายไปทั่วผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ราวกับเป็ทะเลเมฆอันไร้ที่สิ้นสุด สถานที่ยืนอยู่ตรงนี้คือผืนดินโล่งเตียนซึ่งบรรยากาศโดยรอบได้อบอวลไปด้วยพลังลมปราณฟ้าดินหนาเเน่นที่มีความผันแปรซับซ้อนจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า
เเต่ถึงอย่างนั้นจากญาณััเขาก็พอทราบได้ว่าสถานที่เเห่งนี้คล้ายคลึงกับห้วงมิติที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังิญญาระดับสูง ทันใดนั้นห้วงอากาศตรงด้านหน้าอันว่างเปล่าพลันปรากฎเเสงสีทองอร่ามสาดเเสงไปทั่ว หมู่เมฆและท้องฟ้าต่างถูกย้อมไปด้วยเเสงสีทองอันงดงาม นับว่าเป็ภาพที่หาชมได้ยากยิ่งนักในมหาพิภพเเห่งนี้
"สายเืตระกูลหวังในตัวเ้านั้นนับว่าเข้มข้นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว...." เสียงกึกก้องกัมปนาทดังสะท้านขึ้นไปทั่วทุกสารทิศห้วงมิติผืนนี้ถึงกับสั่นไหวด้วยความรุนแรงหนิงอ้ายพยายามเพ่งสายตาจ้องมองภาพตรงด้านหน้าของตนด้วยความยากลำบากเขาถึงกับต้องเรียกพลังิญญาระดับจักรพรรดิขั้นสามัญทั้งสิบส่วนของตนออกมาอย่างท่วมท้น จนทำให้เขานั้นสามารถเห็นภาพเบื้องหน้าที่ชัดเจนได้มากยิ่งขึ้น
"หงส์เเดงหรือเฟิ่งหวงอย่างงั้นรึ!!!" สองขาของหนิงอ้ายนั้นสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวอยู่ไม่น้อยมือทั้งสองข้างเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่ออีกทั้งน้ำเสียงที่กล่าวออกมานั้นสั่นเครืออย่างที่ไม่สามารถ ควบคุมได้ ต่อให้มหาพิภพอันกว้างใหญ่ไพศาลเเห่งนี้จะเต็มไปด้วยเผ่าพันธ์และสัตว์อสูรมากมายนับไม่ถ้วนก็จริงอีกทั้งสัตว์อสูรตำนานหรือสัตว์อสูรานั้นหาได้ยากยิ่งคงเหลือเพียงในตำราเื่เล่า
เบื้องหน้าที่เขาเห็นคือสัตว์อสูรขนาดใหญ่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้ามีรูปร่างคล้ายกับนกยูงขนาดใหญ่และคล้ายกับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ก็เป็ไปได้เช่นกัน เพราะว่าส่วนตรงหัวนั้นมีขนสีทองเเดงอันจรัสเเสง ดวงตา หงอน้าเป็สีทองอร่าม ในส่วนของกรงเล็บส่วนปีกทั้งสองข้างนั้นประกายสีแดงเข้ม ทั่วทั้งตัวนั้นปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเเดงและส่วนขนสีแดงทองที่เปล่งประกายแวววับราวกับว่าสามารถทอเเสงออกมาได้ด้วยตัวเองอันเเสดงถึงตัวตนระดับตำนานที่จารึกในตำราเผ่าพันธ์นั้นที่เรียกว่าหงส์แดงหรือเฟิ่งหวง หนึ่งในสี่สัตว์อสูราที่มีความเชื่อว่าเป็หนึ่งในสี่ของสิ่งมีชีวิตแห่ง์หลังการสร้างโลก เพราะ์นั้นได้ถูกถูกแบ่งออกเป็สี่ส่วนดังนี้
ส่วนที่หนึ่งคือเต่าดำ ซึ่งครอง์ปกครองทางทิศเหนือและฤดูหนาว
ส่วนที่สองคือหงส์เเดงหรือเฟิ่ง–หวง ซึ่งครอง์ปกครองทางทิศใต้ฤดูร้อน
ส่วนที่สามคือัเขียว ซึ่งครอง์ปกครองทางทิศตะวันออกและฤดูใบไม้ผลิ
ส่วนที่สี่คือเสือขาว ซึ่งครอง์ปกครองทางทิศตะวันตกและฤดูใบไม้ร่วง
หงส์เเดงหรือเฟิ่งหวงนั้นได้รับการยกย่องให้เป็เ้าแห่งนกทั้งปวง มีความเชื่อว่านั้นเป็ตัวเเทนสัญลักษณ์ของความรอบรู้ ความเป็สิริมงคล และความจงรักภักดี เป็ไปในลักษณะตัวแทนของผู้ให้และผู้รับที่ทำให้เกิดความสมดุล ซึ่งมาพร้อมกับเสียงร้องอันน่าหลงไหล อีกทั้งใครก็ตามที่ได้ดื่มเืของหงส์แดงหรือเฟิ่งหวงแม้เพียงนิดจะมีชีวิตเป็ะ และน้ำตาอันบริสุทธิ์นั้นมีสรรพคุณในการรักษาาแและแก้พิษทุกชนิดอีกด้วย ว่ากันว่าหงส์แดงหรือเฟิ่งหวงนั้นมีอายุยืนยาวกว่าพันปีจากนั้นก็จะบินตรงไปยังดวงอาทิตย์เพื่อให้แสงแดดแผดเผาร่างกายให้กลายเป็เถ้าถ่านเพื่อเป็การบูชายันต์ตนเอง เพราะอย่างนั้นหงส์จึงถือว่าเกิดมาจากดวงอาทิตย์และไฟนั่นเอง
"ตัวตนที่เเท้จริงของเ้ามีนามว่านที เมื่อได้ตายลงด้วยน้ำมือของคนรักแล้วจึงฟื้นตัวเกิดใหม่ในร่างนี้ตอนอายุสิบสี่ปี อายุสิบห้าปีบรรลุพลังิญญาระดับจักรพรรดิิญญา ความสามารถเช่นนี้ปรากฎขึ้นในมหาพิภพนี้เเล้วรึ?? หลายพันปีก่อนตระกูลหวังของเราก็เคยปรากฎรุ่นเยาว์มากพร์อย่างมากมายเเต่ตอนนี้ตัวคนคงออกท่องในพันหมื่นพิภพเสียแล้วกระมัง..." เสียงของหงส์เเดงหรือเฟิ่งหวงด้านหน้าของหนิงอ้ายนั้นเป็เสียงของเด็กหนุ่มราว ๆ สิบขวบปี
ดวงตาสีแดงชาดจับจ้องลงมายังหนิงอ้ายที่ยืนอยู่ตรงเบื้องล่างด้านหน้าของตนกลิ่นอายความเเข็งแกร่งที่ผ่านเวลามานานนับพันนับหมื่นปีเเต่ยังคงสามารถคงร่างจิติญญาเอาไว้ได้เห็นได้ชัดว่าในครั้งกาลก่อนนั้นคงมีระดับพลังิญญาไม่สามัญอย่างแน่นอน
"ท่านรู้ว่าข้าไม่ใช่หนิงอ้ายตัวจริงเช่นนั้นรึ?? ท่านาุโท่านเป็ใครกันแน่??" นทีเมื่อได้ยินชื่อและประวัติคร่าว ๆ ของตนพลันรู้สึกใเป็อย่างมาก
"ข้าก็คือเ้า...เ้าก็คือข้าไงเด็กน้อยฮ่าฮ่าฮ่า" หงส์เเดงสีเพลิงกล่าวตอบก่อนจะหัวเราะอย่างสำราญใจ คำกล่าวนี้ทำเอาหนิงอ้ายนั้นมึนงงกว่าเดิมอยู่ไม่น้อยเเต่เช่นนั้นหาได้รอดพ้นสายตาอันเเหลมคมได้
"เราผู้เฒ่าคือพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์หรืออาจเรียกได้ว่าข้าคือบรรพชนของตระกูลหวัง!!! ตัวข้าเมื่อมีชีวิตอยู่ถูกกล่าวขานว่าเป็ราชันย์เ้าเเห่งสัตว์อสูรทิศใต้ทั้งปวงเ้าสามารถเรียกข้าได้ว่าผู้เฒ่าหวังได้...'' พญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์กล่าวตอบพร้อมกับจับจ้องหนิงอ้ายอย่างไม่คลาดสายตา
"ตัวข้าแม้จะไม่ใช่คนของโลกนี้เเต่กำเนิด เเต่ถึงอย่างนั้นร่างกายที่ข้าอาศัยอยู่ในตอนนี้นับว่าเป็ของตระกูลหวังครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นสิ่งที่สำคัญกับข้ามากที่สุดนั่นคือครอบครัวของข้าในตระกูลหวัง ตัวข้าเพียง้าศึกษาตำราเบญจธาตุเล่มนี้ว่าภายในนั้นบรรจุเคล็ดวิชาอันใด ไม่คิดว่าจะมีวาสนาพบท่านผู้เฒ่าหวังในสถานที่เเห่งนี้..."
หนิงอ้ายประสานมือตอบกลับไปอย่างนอบน้อมดูท่าสิ่งที่เขาคาดคิดจะเป็จริง ตระกูลหวังนั้นหาได้มีความเป็มาที่สามัญหากว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็ความจริงเเสดงว่าตระกูลหวังได้สืบเชื้อสายมาจากพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ประจำทิศใต้ เเต่เหตุใดตระกูลหวังถึงได้มีการย้ายรกรากที่ตั้งอยู่ในแคว้นเต่าดำเช่นนี้ได้กัน ซึ่งเป็ไปได้ว่าราว ๆ หนึ่งพันปีก่อนคงเกิดสิ่งใดขึ้นกับตระกูลหวัง
"ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นข้ารับรู้ได้ผ่านตัวเ้าเเล้วไม่จำเป็ต้องอธิบายสิ่งใดเพิ่ม ด้วยตอนนี้พลังิญญาระดับจักรพรรดิของเ้า แม้จะโดดเด่นกว่าในรุ่นเยาว์วัยเดียวกัน เเต่หากจับวางไว้ในมหาพิภพเเห่งนี้เ้าไม่ต่างไปจากมดน้อยตัวหนึ่งเท่านั้นเราผู้เฒ่าจะบอกสิ่งที่เ้าควรรู้ให้..."
พญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์กล่าวขึ้นจากนั้นได้บอกเล่าความเป็มาของตระกูลหวัง ตระกูลหวังเเท้ที่จริงนั้นมีอีกชื่อคือเผ่าพันธ์ของหงส์เเดงสุริยะกระจ่างฟ้าแห่งทิศใต้
เผ่าพันธ์หงส์แดงาที่มีมาตั้งเเต่เริ่มสร้างสรรค์มหาพิภพเปลวเพลิงของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของชีวิตและความร้อนแรงเป็รองเพียงเปลวเพลงแท้เเห่งัเท่านั้น หลังจากผ่านกาลเวลามายาวนานสายเืของตระกูลหวังเริ่มมีการปนเป
จนในที่สุดก็มีสายเืของมนุษย์มากกว่าสายเืของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ในตระกูลหวัง จนทำให้พลังอันยิ่งใหญ่ในครั้งอดีตกาลนั้นได้ถดถอยลงและค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา เเต่ถึงเช่นนั้นสายเืของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ยังคงไหลเวียนอยู่ในสายเืของรุ่นหลังตระกูลหวังและสร้างชื่อในฐานะผู้ฝึกตนที่มีชื่อเสียงอย่างมากมาย
แม้จะไม่ปรากฏชื่อของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์มานานหลานพันปีจนทุกคนในมหาพิภพได้เชื่อว่าเผ่าพันธ์ของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ได้ล่มสลายลงไปเสียเเล้ว หาได้เป็เช่นนั้นไม่
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันชื่อเสียงของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์หายไปจากมหาพิภพเเต่ถึงอย่างนั้นในบรรดาผู้ฝึกตนแกร่งกล้ารุ่นลายครามทุกคนล้วนทราบดี ว่าความน่าหวั่นเกรงของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์เเห่งทิศใต้นั้นน่าหวั่นเกรงเช่นใด
"ในบรรดาสุดยอดรุ่นเยาว์ของตระกูลหวังผู้สืบสายเืของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ที่ผ่านมาหาก้าศึกษาตำราเบญจธาตุเล่มนี้ จำเป็ต้องมีพลังสายเืที่เข้มข้นมากเพียงพอ ยิ่งสายเืเข้มข้นมากเท่าใดอานุภาพและความสำเร็จก็จะมากขึ้นไปตามนั้น การที่เ้าสามารถอัญเชิญเราผู้เฒ่าคนนี้ออกมาได้นั่นเป็ข้อพิสูจน์เเล้วว่าความเข้มข้นในสายเืของเ้านั้นพิเศษมากเพียงใด..."
พญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์กล่าวจบลง บริเวณด้านหน้าที่ว่างเปล่าของหนิงอ้ายนั้นพลันปรากฏเป็เพลิงสีแดงทองอร่ามจากนั้นจึงพุ่งหายเข้าไปในตัวของเขาในทันที ปริมาณที่มองเห็นจะเป็เพียงก้อนขนาดเล็ก เเต่ทว่าหนิงอ้ายนั้นััได้ว่าภายในนั้นอัดเเน่นไปด้วยพลังที่อัดแน่นมากเพียงใด
"ตำราเบญจธาตุนั้นหากผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถอย่างเเท้จริงจะสามารถบัญชาการมหาธาตุทั้งห้าได้อย่างใจนึกในเวลานี้ด้วยพลังิญญาจักรพรรดิของเ้าทำให้สามารถฝึกฝนได้เพียง เพลิงธาราหงส์ทลายฟ้า เท่านั้น ด้วยเพราะความเข้มข้นของพลังธาตุน้ำต้นกำเนิดในตัวเ้า เมื่อใดที่เ้าบรรลุถึงระดับเทวะิญญาเมื่อใดเราผู้เฒ่าจะเป็ผู้ชี้แนะเพลิงสุริยะธาตุในตัวเ้าเป็ลำดับถัดไปให้ พึงทราบเอาไว้เสมอว่าในอดีตเราผู้เฒ่าพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์เคยยิ่งใหญ่ได้มากเพียงใดอนาคตของเ้าก็จะยิ่งใหญ่ได้ไม่แพ้กัน..."
หลังจากเสียงของผู้เฒ่าหงส์แดงกล่าวจบลงร่างอันใหญ่โตของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ก็แตกสลายกลายเป็กลุ่มเเสงสีเเดงทองจากนั้นพุ่งทะยานเข้าไปในตัวของหนิงอ้ายบริเวณใจกลางหน้าผาก หลังจากนั้นข้อมูลของเพลิงธาราหงส์ทลายฟ้า การฝึกฝนทั้งหมดได้ปรากฏในหัวของหนิงอ้ายในทันที...
เสียงร้องดังอย่างเ็ปของหนิงอ้ายดังขึ้นอยู่ภายในห้องของเรือนเล็กหลังนี้ เเต่ด้วยม่านพลังอันเเข็งแกร่งของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ได้กางม่านเอาไว้ในก่อนหน้านี้จึงสามารถป้องกันการรับรู้ของคนภายนอกได้ เเสงสีแดงทองอร่ามราวกับดวงอาทิตย์ได้แผ่ไปทั่วทั้งบริเวณซึ่งในห้วงมิตินั้น หนิงอ้ายได้เพ่งััพลังิญญาเพื่อเริ่มศึกษาเพลิงธาราหงส์ทลายฟ้า
เขารู้สึกได้ว่าเสียงของท่านผู้เฒ่าหวังอยู่ด้านข้างของตนที่คอยชี้แนะขั้นตอนในการฝึก การร่ายบทเวทย์เพลิงธาราหงส์ทลายฟ้าให้ คุ้นชิน รวมไปถึงยังให้เขานั้นรวบรวมพลังลมปราณฟ้าดินในห้วงมิตินี้ให้เต็มที่เพื่อทะลุขั้นต่อไป ราวกับว่าถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเสียอย่างนั้นเพราะในขณะที่ผู้คนในตระกูลหวังนั้นหลับไหลไปอย่างสงบในยามราตรีที่เวลาและเเสงของจันทราค่อยหมุนเวียนผันผ่านไปอย่างช้า ๆ ทว่าเวลาในห้วงมิติเเห่งนี้กลับหมุนวนไปเรื่อย ๆ จนครบหนึ่งปีเสียเเล้ว
ตอนนี้หนิงอ้ายได้เลื่อนพลังิญญาได้สำเร็จเป็ผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูงอย่างเต็มเท้าแล้ว ด้วยการเคี่ยวกรำอย่างยิ่งยวดไปไม่ต่ำกว่าห้าสิบรอบนั้น ส่งผลให้รากฐานบ่มเพาะในห้วงจิตลมปราณของหนิงอ้ายนั้นนับได้ว่ากว้างขวางแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนในระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูงด้วยกันหลายขั้นเลยทีเดียวเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาขั้นต้นเสียด้วยซ้ำ
กลิ่นอายของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ในตัวของเขานั้นเข้มข้นขึ้นมาอีกเล็กน้อย ส่งผลให้พลังปราณสุริยะธาตุนั้นมีความเข้มข้นขึ้นมาอีกหนึ่งส่วน แม้จะดูเพียงน้อยนิดเเต่ถึงอย่างนั้นพลานุภาพของเพลิงอัคคีแห่งพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์นั้นเป็ของจริง
หนิงอ้ายสามารถควบคุมเปลวเพลิงของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ได้อย่างใจนึก ในส่วนของพลังธาตุน้ำนั้นด้วยเพราะว่าคัมภีร์เบญจธาตุเล่มนี้มีศาสตร์ลับยกระดับพลังปราณธาตุน้ำเช่นกันโดยการดูดซับผลึกปราณธาตุน้ำระดับสูง จึงส่งผลให้พลังปราณธาตุน้ำในตัวของหนิงอ้ายตอนนี้สามารถใช้ได้อย่างหลากหลาย สามารถพลิกเเพลงได้อย่างมากมาย ด้วยหนิงอ้ายมักจะนำศิลปะการต่อสู้จากโลกเดิมการปรับใช้ในโลกนี้ ดังนั้นต่อให้จะเป็ผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาขั้นต้นก็ไม่สามารถรับมือหนิงอ้ายในตอนนี้ได้ง่ายดายเท่าไหร่นัก
เเต่ถึงจะเต็มไปด้วยข้อดีหากได้ศึกษาคัมภีร์เบญจธาตุนี้ เเต่ข้อเสียนั่นคือเเต่ละครั้งที่ใช้เพลิงธาราหงส์ทลายฟ้า อันเป็ศาสตร์ลับของมหาปราณธาตุน้ำในเเต่ละครั้งนั้น ยิ่งพลังการทำลายล้างมากเท่าใดก็จะยิ่งใช้ปริมาณของพลังลมปราณมากขึ้นเท่านั้น
เเต่ด้วยเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาอันเป็เคล็ดวิชาระดับเทวะสำหรับการดูดซับพลังลมปราณฟ้าดินอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องเพ่งจิตกำกับให้ดูดซับซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้เคล็ดวิชานี้ อีกทั้งกระดูกิญญาของอสูรอสรพิษาที่ถูกประสานเข้ามาในร่างกายของ หนิงอ้ายนั้น เปลวเพลิงเเห่งพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์จะชำระล้างจนผลึกดังกล่าวมีความบริสุทธิ์อย่างยิ่งยวดจนสามารถดูดซับพลังลมปราณฟ้าดินเข้ามาในร่างกายเช่นกัน เท่ากับว่าร่างกายของหนิงอ้ายนั้นสามารถดูดซับพลังลมปราณได้ดีกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปมากกว่าสองถึงสามเท่าเลยทีเดียว...
เสียงของท่านผู้เฒ่าหวังอันเป็สัญญาณว่าได้เวลาที่เขาควรออกจากห้วงมิติฝึกฝนเเห่งได้เเล้ว ทันทีที่ลืมตาขึ้นมานั้นดวงตาของหนิงอ้ายปรากฏสีแดงทองอยู่วูบหนึ่งก่อนจะหายไป เขาััได้ว่าตอนนี้ศักยภาพในร่างกายของเขานั้นถูกยกระดับขึ้นอีกขั้นเเล้ว
หลังจากเสร็จพิธีนำรายชื่อเข้าเเผนผังตระกูลหวังเสร็จเเล้วนั้นอีกไม่กี่วันคงได้เวลาเดินทางไปเข้าร่วมสำนักศึกษาเสียที ด้วยฝีมือที่ถูกขัดเกลาด้วยท่านผู้เฒ่า และพลังิญญาระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูง่ปลายที่คาดว่าอาศัยเวลา โชคจาก์เพียงเล็กน้อยเขาคงก้าว สู่ระดับเทวะิญญาได้เเล้ว เเต่ถึงอย่างนั้นการเพิ่มพลังิญญาในขั้นใหญ่หนิงอ้ายไม่อยากรีบร้อนเท่าไหร่ เขาอยากที่จะบ่มเพาะรากฐานให้มั่นคงเสียก่อนจะได้ไม่ส่งผลต่อการเลื่อนระดับในอนาคตได้ซึ่งหากเป็อย่างนั้นเเล้วเขาคิดว่าคงไม่ใช่เื่ดีอย่างแน่นอน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้