“เป้าหมายอยู่ในห้องนั้น”
นี่คงจะเป็ความหมายที่เ้าลมกรดจะสื่อ
ซุนเฟยหัวเราะอย่างเ็าในใจ
เขารู้สึกได้ว่า หลังจากฮาซึงจินเข้าไปในห้องโถงนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเงาร่างคนจำนวนหนึ่งผ่านหน้าต่าง ดูเหมือนว่าในห้องโถงนั้นจะมีคนอยู่ที่นั้นไม่น้อยเลย จากกลิ่นอายที่แผ่ออกมา ความแข็งแกร่งของคนที่อยู่ด้านในมีมากกว่าพวกผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านนอก ภายในห้องโถงมีแสงสว่างจ้า มีเงาคนเดินขวักไขว่ บางครั้งก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวเหมือนกำลังจัดงานเลี้ยงอยู่
“โฮ่ ดูสิว่าบิดาฉลาดแค่ไหน เห็นได้ชัดว่าพวกลูกหมามันคงคาดไม่ถึงว่าบิดาจะมาจึงรับมือไม่ทัน! แม้แต่การป้องกันก็ไม่มี!”
ซุนเฟยตัดสินใจไม่ให้อีกฝ่ายได้มีเวลาเตรียมตัว
เขาะโลงจากหลังของลมกรดทมิฬ ร่างของซุนเฟยเหมือนกลายเป็ภาพเบลอในอากาศเขารีบพุ่งตัวเข้าไปทันที เขามั่นใจว่าตัวการที่อยู่เื้ัของนักฆ่าคนนั้นจะต้องอยู่ที่นี่ ดังนั้นตัวเขาก็ไม่มีความจำเป็ต้องเกรงใจ ยกเท้าขึ้นถีบบานประตูไม้ั์ที่แกะสลักอย่างงดงามจนมันหักคาเท้าก่อนจะกระเด็นออกไป...
ปึง!
ทันใดนั้นห้องโถงก็เงียบ
ทุกคนต่างถูกฉากเมื่อกี้ทำเอาตกตะลึงจนเงียบสงบในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะมีเสียงร้องอย่างโมโหออกมา ‘ชิ้ง’ เสียงกระชากดาบและประกายอาวุธดังขึ้น
“ใครบังอาจ?”
“ช่างกล้านัก ไม่รู้หรือไงว่าองค์ชายเป็แขกที่เชิญมา?”
“ผู้คุ้มกัน ไปจับตัวไอ้สวะนี่ให้ข้า!”
ท่ามกลางแสงไฟที่ส่องสว่าง
ปฏิกิริยาตอบสนองของผู้คนที่อยู่ในงานเลี้ยงเร็วมาก
สาวใช้แปดนางที่นุ่งน้อยห่มน้อยกับผู้คุ้มกันและนักรบอีกสิบคนก็พลันพลิกโต๊ะหินและเก้าอี้หินตรงหน้าให้คว่ำลง
ก่อนจะพากันไปล้อมรอบคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานอย่างรวดเร็ว...
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!
สุนัขั์สีดำพลันทะยานเข้ามาก่อนจะแยกเขี้ยว มันคำรามขู่อยู่ในลำคอท่าทางคุกคาม ทันทีที่สุนัขั์สีดำเข้ามาก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานต่างพากันตกตะลึง พวกเขาถูกสัตว์ตรงหน้าขู่จนขวัญกระเจิง มันเป็ม้าหรือสุนัขกันแน่? ทำไมตัวใหญ่แบบนี้?
“เ้าเป็ใคร?”
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่มีใบหน้าหล่อเหลา สวมเสื้อผ้าหรูหรา ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยพวกผู้คุ้มกัน ชี้หน้าะโถาม
ซุนเฟยหัวเราะอย่างเ็า
คราวนี้เขาตัดสินใจที่จะจับโจรพร้อมของกลางเลย
ดังนั้นปฏิกิริยาแรกหลังจากที่พุ่งเข้ามา ไม่ใช่ค้นหาว่าใครเป็ผู้ที่อยู่เื้ัในห้องโถง แต่เป็ควานหาไอ้นักฆ่าที่มาสังหารตัวเองและกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เขาพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วดุดัน ปลดปล่อยพลังน่าเกรงขามของคนเถื่อนเลเวล 21 ออกมา ในห้องโถงก็พลันเกิดลมกรรโชกขึ้นมา
ตูม!
ก่อนจะชกอย่างดุเดือด
แผ่นหินที่อยู่ใต้เท้าก็ถูกโจมตีจนเกิดรอยแตกปริแตกบนพื้นออกมา
ซุนเฟยหัวเราะพลางยื่นมือลงไปกระชากฮาซึงจินที่อยู่ในสภาพปางตายและพยายามหลบหนีขึ้นมา ซุนเฟยกระชากหัวฮาซึงจินขึ้นมาจากด้านในชั้นใต้ดินเหมือนดึงแครอท
ปึง!
ฮาซึงจินที่อยู่ในสภาพปางตายก็ถูกโยนไปตรงกลางห้องโถง
เปลวไฟสีส้มลุกโชนขึ้นมา ร่างของชายร่างั์ก็กลายเป็ของเหลวคิดจะหลบหนีอีกครั้ง แต่ลมกรดทมิฬไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสทำแบบนั้น มันแยกเขี้ยวเผยฟันขาวแวววาว ก่อนจะกระโจนเข้าไปกัดข้อเท้าของฮาซึงจิน ชายร่างั์ร้องโหยหวนก่อนจะสลบไป
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นและจบลงภายในเสี้ยววินาที
ไม่ว่าจะเป็ท่าทางเหี้ยมโหดของซุนเฟยหรือดุร้ายของสุนัขั์สีดำ ก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงตัวสั่น
เดิมทีมีผู้คุ้มกันบางคนอยากจะประจบเอาใจเ้านายด้วยการสั่งสอนคนตรงหน้าสักเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นฉากตรงหน้า พวกเขาก็พากันขาสั่นพั่บๆ ไม่กล้าขยับตัว ผู้ชายที่บุกเข้ามาตรงหน้าแข็งแกร่งเกินไป พวกเขาไม่สงสัยเลยว่าหากตัวเองพุ่งเข้าไป แค่อีกฝ่ายชกตัวเองหมัดเดียว มีหวังร่างพวกเขาคงกลายเป็ซากแน่ๆ
“พูดมา พวกเ้าเป็ใคร ทำไมส่งนักฆ่ามาสังหารข้า?”
ซุนเฟยเหยียบไปที่หน้าของฮาซึงจินที่เปรอะไปด้วยเืและเศษดิน สองมือเท้าเอวก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ มองหน้าทีละคน แต่ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
ในตอนนั้นพวกผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านนอกก็วิ่งเข้ามา
ในห้องโถงเกิดเสียงอึกทึกครึกโครมขนาดนี้ ทำให้พวกทหารที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงทั้งหมด เสียงฝีเท้ายิ่งดังขึ้น ทหารจำนวนมากก็พากันวิ่งเข้ามาดุจกระแสน้ำเชี่ยวกราก พวกเขาโอบล้อมซุนเฟยไว้ ดาบ หอก กระบี่ต่างหันไปทางซุนเฟยอย่างหนาแน่น ประกายแสงเย็นเหยียบจากใบดาบส่องประกาย ท่าทางของพวกทหารอยู่ในสภาพพร้อมรบเต็มที่
ฉากนี้เหมือนกับเซี่ยจว่าจวี๋ที่ผลิบาน
โดยมีซุนเฟยและสุนัขั์สีดำเป็เกสรดอกไม้ที่เปราะบางกลางดอกไม้
แม้ว่าซุนเฟยถูกล้อม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงรู้สึกปลอดภัยสักนิด นั่นรวมไปถึงเด็กหนุ่มที่สวมอาภรณ์หรูหราและอยู่ตรงกลางวงล้อมของพวกผู้คุ้มกัน ใบหน้าของเขากลายเป็ไม่น่าดูขึ้นมา เพราะพลังอันน่าเกรงขามที่พรั่งพรูออกมาจากร่างของซุนเฟยอย่างไม่ปิดบัง มันทำให้พวกเขารู้ว่า ต่อให้พวกเขาทุกคนร่วมมือกันก็ไม่อาจเป็คู่ต่อสู้ของหนึ่งคนหนึ่งสุนัขได้
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!
‘ลมกรดทมิฬ’ ตอนนี้แสดงท่าทางหมาที่อาศัยอิทธิพลบารมีของนาย1 มันเห่าช่วยเ้านายข่มขู่พวกเขาอย่างถือดี เสียงขู่คำรามดังอยู่ในลำคอ ทำให้บางคนเกิดภาพหลอนว่าเ้าสุนัขที่กำลังอ้าปากอีกครั้ง เป็เทพักำลังพ่นไฟออกมาล้างโลก
“ใครเป็หัวหน้ามัน ออกมายืนตรงหน้าบิดา!”
คราวนี้ซุนเฟยแสดงนิสัยอันธพาลออกมาอย่างเต็มที่ เนื่องจากว่าที่นี่ไม่มี ‘คนคุ้นเคย’ ดังนั้นจึงปลดปล่อยนิสัยออกมา ที่โลกเก่าเขาไม่ค่อยเปิดเผยนิสัยอันธพาลแบบนี้ พอมาโลกนี้ก็ต้องเก็บไว้เพราะสวมบทเป็าา แต่ตอนนี้ซุนเฟยได้โยนมารยาทที่ชนชั้นสูงควรจะมีทิ้งไปทั้งหมด เขาเหยียบยอดหน้าของฮาซึงจินด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ดูอย่างไรก็ยิ่งเหมือนโจรที่ชอบดักปล้นข้างถนน ขาดอยู่แค่ประโยค ‘หยุดนะนี่คือการปล้น ไม่อยากตายก็ทิ้งเงินไว้ซะ’
“แฮ่มๆๆ...” ในขณะที่ความเงียบกลืนกินไปทั่วบริเวณ ในที่สุดก็มีบางคนเปิดปากพูด “ฝ่าา ท่าน...”
“อย่ามาตีสนิท ใครเป็ฝ่าาเ้า?” ซุนเฟยสวนกลับไปประโยคหนึ่ง “พวกเ้าส่งคนมาสังหารบิดา แล้วยังเห็นบิดาเป็าาอยู่อีกเหรอ?” ด้วยความโกรธซุนเฟยกะจะด่าอีกสักยก แต่จู่ๆ ก็ชะงัก เสียงที่พูดเมื่อกี้ฟังดูคุ้นเคยเล็กน้อย เสียงนี้เหมือน...เหมือน...หือ?
ซุนเฟยพลันตัวแข็งทื่อ
วินาทีต่อมาเขาก็เห็นชายวัยกลางคนเดินแหวกฝูงชนออกมา มองซุนเฟยเหมือนไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี “ฝ่าา...ท่าน”
หงิ๋ง หงิ๋ง หงิ๋ง หงิ๋ง!
เมื่อเห็นคนที่ออกมา ผู้ที่มีปฏิกิริยาตอบสนองคนแรกคือ ‘ลมกรดทมิฬ’
เมื่อหนึ่งวินาทีก่อนเ้าสุนัขั์สีดำยังทำตัวเป็ัผู้เลืองอำนาจ แต่มาตอนนี้ก็พลันเหี่ยวเฉาลง
ตอนนี้ จากสัตว์เลี้ยงที่เย่อหยิ่งดุร้ายกลายเป็น่ารัก หางของมันแกว่งไปมาเหมือนกังหันลม แสดงท่าทางออดอ้อนออเซาะเต็มที่ มันเดินมาตรงหน้าชายที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนจะหมอบกับพื้น แล้วช้อนสายตาขึ้นมอง ดวงตาของสุกสกาวราวกับได้พบหน้าแม่ของมัน
ซุนเฟยเองก็ไม่ต่างกัน อยากจะเผ่นหนีไปจากตรงนี้ตอนนี้เสียด้วยซ้ำ
“เอ่อ...นั่น...เอ่อ...ท่าน...อ่า ท่านอาเบสท์ ท่านทำไมอยู่ที่นี่?” เขาถามก่อน ก่อนจะรีบยกมือปิดหน้า
หน้าขายหน้าที่สุด
ดูเหมือนว่าน่าจะเข้าใจผิดไปเสียแล้ว
คนที่เดินออกมาจากฝูงชนคือเบสท์ พ่อตาในอนาคตของซุนเฟย มุมปากของเบสท์กระตุกสองสามที ก่อนจะฟื้นฟูความสงบกลับมาเหมือนเดิมแล้วโค้งให้ จากนั้นก็ตอบอย่างฉะฉานว่า “รายงานฝ่าา ท่านนี้คือหนึ่งใน ‘สิบวีรบุรุษ’ องค์ชายมอดริช!”
ซุนเฟยรู้สึกเหมือนเห็นฟ้าดินพลิกกลับตรงหน้า
เวรเอ๊ย นี้ข้าเข้าใจผิดไปไกลแค่ไหนเนี่ย?
จากความเข้าใจก่อนหน้านี้ของซุนเฟย อาณาจักรเล็กซัสเป็มิตรกับเมืองแซมบอร์ดมาร้อยปี สนิทชิดเชื้อราวกับเป็พี่น้อง เคยช่วยเมืองแซมบอร์ดไว้นับครั้งไม่ถ้วน ในการซ้อมรบที่ราชอาณาจักรเซนิทเมื่อครั้งที่แล้ว ก็ได้อาณาจักรเล็กซัสแอบช่วยเมืองแซมบอร์ดไว้ และองค์ชายมอดริชก็เป็ตัวแทน ‘มิตรภาพระหว่างเมืองแซมบอร์ด’ ทั้งยังได้รับความนิยมในอาณาจักรอีกด้วย...อาณาจักรนี้ คนคนนี้ ไม่ว่าทางใดก็เป็ไปไม่ได้ที่จะส่งนักฆ่ามาสังหารตัวเอง
ดูเหมือน...จะทำเื่ที่ผิดพลาดไปแล้ว
คิดไม่ถึงว่า การคลำหาแตงไปตามเครือ นอกจากจะคลำไม่เจอแตง ยังคลำไปโดนต้นกระบองเพชรอีก
ซุนเฟยคิดว่าตัวเองฉลาดที่คิดจะใช้ชายร่างั์ที่ถูกตัวเองกระทืบปางตาย ค้นหาต้นตอ
โชคดีที่เบสท์เป็พวกรู้จักเอาตัวรอด
บนใบหน้าของเบสท์ไม่มีท่าทางลำบากใจสักนิด เพียงคำพูดไม่กี่คำก็สามารถหาทางลงให้แก่ลูกเขยในอนาคตที่ชอบทำตัวมุทะลุได้ จากนั้นก็หันไปแนะนำเหล่าผู้คุ้มกันที่ปกป้ององค์ชายเมื่อคู่ให้ซุนเฟยรู้จัก องค์ชายมอดริชเป็องค์ชายลำดับสามของอาณาจักรเล็กซัส อาณาจักรบริวารระดับสามของราชอาณาจักรเซนิท พวกเขาต่างเป็มิตรกับเมืองแซมบอร์ด
บรรยากาศในห้องโถงกลับมาเป็ปกติหลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของเบสท์
พวกทหารต่างเหงื่อแตกทั่วร่าง พวกเขาต่างพากันตกตะลึงก่อนจะพากันถอยออกไป
งานเลี้ยงก็ดำเนินต่อ
ทุกคนมองซุนเฟยด้วยสายตาแปลกๆ นี่เป็สิ่งที่ไม่คาดฝันจริงๆ ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าผู้บุกรุกที่พาสุนัขดุร้ายพรวดพราดเข้ามา จะเป็องค์าาอเล็กซานเดอร์ของเมืองแซมบอร์ด ไม่ใช่ว่าอเล็กซานเดอร์เป็เด็กปัญญาอ่อนที่มีสติปัญญาเท่าเด็กเจ็ดแปดขวบหรือ? แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้กลายเป็ยอดฝีมือขึ้นมาได้?
โชคดีที่องค์ชายมอดริชเป็คนที่สุภาพอ่อนโยนมาก
บนใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มนุ่มนวล กริยาท่าทางสง่างาม น้ำใจกว้างขวาง
เมื่อเทียบกับท่าทางอันธพาลของซุนเฟยเมื่อครู่แล้ว ต่างกันราวกับฟ้าและดิน
บรรยากาศงานเลี้ยงค่อยๆ เริ่มคึกคักอีกครั้ง
ซุนเฟยรู้สึกอับอายเล็กน้อย เขาค่อยๆ อธิบายเื่ราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟัง
“อืม คนคนนี้ข้ารู้จักนะ?”
หลังจากที่ดื่มไปเล็กน้อย องค์ชายมอดริชครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะชี้ไปทางร่างโทรมๆ ของชายร่างั์ที่ถูกโซ่เจาะตามรยางค์ทั้งสี่2 “คนคนนี้น่าจะเป็ฮาซึงจิน เป็ผู้คุ้มกันข้างกายคนหนึ่งขององค์ชายโอบินนาแห่งอาณาจักรเธรซ มันเป็หนึ่งในยอดฝีมือสี่ดาวของอาณาจักรเธรซ”
---------------------
1 หมาที่อาศัยอิทธิพลบารมีของนาย อุปมาว่า อาศัยอิทธิพลและบารมีของเ้านายเที่ยวข่มเหงรังแกผู้อื่น
2 รยางค์ทั้งสี่ หมายถึง แขนขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้