หลังจากฝึกไปราวสองเค่อ แขนทั้งสองข้างเจ็บเล็กน้อยจึงหยุดฝึก นางเกือบจะได้ความรู้สึกของการยิงธนูในชีวิตก่อนกลับคืนมาแล้ว
นางทรุดตัวลงบนพื้น เช็ดเหงื่อบนหน้าผากพลางนวดแขนที่เจ็บ เมื่อรู้สึกเหนื่อยน้อยลงจึงลุกขึ้น หยิบคันธนูและลูกธนูบนพื้นก่อนจะเดินเข้าไปในูเาต่อ
เดินไปได้ไม่นานก็เห็นกระต่ายตัวหนึ่ง มุมปากหลี่ชิงหลิงยกขึ้น หยิบคันธนูและลูกธนูเล็งไปที่กระต่ายแล้วยิงทันที ความรู้สึกกลับมาแล้ว ลูกธนูก็แม่นขึ้น กระต่ายถูกยิงทะลุโดยลูกศรอันเดียว
เด็กสาววิ่งไปดึงลูกศรออก ใส่กระต่ายลงในตะกร้าสะพายหลัง เพราะจับกระต่ายได้เร็วจึงเดินต่ออย่างอารมณ์ดี นางไม่คิดจะเข้าไปลึกนัก เพราะไม่คุ้นเคยกับที่นี่ หากเข้าไปลึกแล้วเผชิญหน้ากับเสือจะแย่เอาได้
หลังจากเดินไปประมาณหนึ่งชั่วยาม หลี่ชิงหลิงจับไก่ได้สี่ตัว กระต่ายสามตัว ผลเก็บเกี่ยวไม่เลว นางมองท้องฟ้า ััหน้าท้องแบนราบและตัดสินใจกลับ มิฉะนั้นหากค่ำกว่านี้คงจะอันตรายมาก
ทันทีที่หันกลับมา นางก็เห็นกวางน้อยตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากหางตา นางดีใจมาก รีบโน้มตัวซ่อนหลังต้นไม้ หยิบคันธนูและลูกธนูขึ้นเล็ง ก่อนจะยิงอย่างเฉียบขาด
ไม่รู้ว่ามันััได้ถึงอันตรายหรืออย่างไร มันถึงได้ถอยหลังไปสองสามก้าว ลูกธนูปักบนพื้น เ้ากวางใจนวิ่งหนีหายไป
หลี่ชิงหลิงไม่อยากปล่อยมันไป จึงหยิบลูกศรไล่ตาม กวางตัวน้อยที่วิ่งเร็วมาก แม้ว่านางจะอยากยิงแต่เล็งได้ยาก จึงทำได้แค่ไล่ตามไปก่อน คงต้องรอให้หยุดก่อนถึงจะยิงได้
นางสนใจแต่เื่ไล่ตามจนลืมเส้นทางไป ขณะที่กวางวิ่งเข้าไปในพุ่มไม้หนามด้วยความตื่นตระหนกและชะลอความเร็วลง นางก็ยิ้มกว้างเตรียมวิ่งเข้าไป แต่กลับสะดุดล้มลง
บังเอิญตรงนั้นเป็ทางลาด เด็กสาวจึงกลิ้งลงมาตามทางจนกระทั่งถูกหินก้อนใหญ่ที่อยู่ด้านล่างหยุดไว้
หลี่ชิงหลิงพยายามที่จะลุกขึ้น แต่หัวเริ่มวิงเวียนอยู่พักหนึ่ง มือเท้าอ่อนแรง เด็กสาวล้มลงกับพื้นอีกครั้งก่อนจะเป็ลมหมดสติไป
ไม่รู้ว่าหมดสติไปนานแค่ไหน เมื่อหลี่ชิงหลิงตื่นขึ้นอีกครั้งก็มืดแล้ว นางสะดุ้งผุดลุกขึ้น เมื่อเคลื่อนไหวเสร็จก็ต้องสูดหายใจเฮือกใหญ่ ร่างกายเหมือนจะแยกเป็เสี่ยงๆ ปวดร้าวแทบไม่ไหว
ฝ่ามือาเ็มีเืไหล นางกลัวว่ากลิ่นเืจะเรียกเหล่าสัตว์ป่ามาจึงรีบลุกโดยไม่สนใจความเ็ป วิ่งไปที่ลำธารเพื่อชำระล้าง
แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเื่ประหลาดขึ้น ปลาที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนเริ่มว่ายมาวนรอบมือนาง
หลี่ชิงหลิงตกตะลึงไปชั่วขณะ เกิดอะไรขึ้น? คงไม่ใช่เพราะเืใช่ไหม?
ผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กสาวจึงกลับมาได้สติอีกครั้ง รีบหยิบเหยื่อออกจากตะกร้า วางตะกร้าลงไปในลำธารอย่างรวดเร็ว ดักปลาหนักประมาณครึ่งกิโลได้ห้าตัว
หลี่ชิงหลิงหัวเราะจนแทบมองไม่เห็นตา แม้จะได้มาด้วยวิธีแปลกๆ แต่ขอแค่จับได้ก็พอ
ก่อนที่จะมืดสนิท นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง เก็บปลา ไก่ป่า และกระต่ายที่ล่าได้ใส่ตะกร้าอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปอย่างสบายใจ
ตอนที่เข้ามาในป่า นางเห็นจุดที่เหมาะแก่การพักผ่อน จึงวางแผนที่จะพักผ่อนที่นั่นหนึ่งคืนก่อนจะกลับบ้าน
หลังจากเดินไปสองเค่อ เด็กสาวก็มาถึงเนินนั้น นางวางตะกร้า เก็บฟืนรอบๆ มาจุดไฟ หยิบไหดินเผาออกมา นั่งมองไก่ป่าและกระต่ายที่จัดการเรียบร้อยแล้วกลืนน้ำลาย แต่สุดท้ายก็หยิบปลาขึ้นมาแทน
นางคิดจะขายไก่ป่าและกระต่ายในเมือง นางเสียดายไม่อยากกิน นางตัวคนเดียวกินแค่ปลาก็อิ่มแล้ว
นางวิ่งไปที่ลำธารและเติมน้ำในหม้อดิน ล้างปลาก่อนนำไปตุ๋น
หลี่ชิงหลิงนั่งเหม่อมองกองไฟ คิดถึงญาติในชีวิตก่อน อยากกลับไปยังโลกที่ตนคุ้นเคย แต่ก็คิดถึงครอบครัวในชีวิตนี้ด้วย พวกเขาจะทำอย่างไรถ้านางจากไป?
ความคิดฟุ้งซ่านไปไกล จนกระทั่งได้กลิ่นปลา สติจึงกลับมาอีกครั้ง
เด็กสาวเอื้อมมือไปแง้มเปิดฝาแต่โดนลวกเข้า รีบจับติ่งหู ะโไปมา ก่อนจะหันหลังวิ่งไปแช่น้ำเย็นที่ลำธาร แล้วค่อยวิ่งกลับมา หักกิ่งไม้สองอันยกหม้อขึ้น ใช้ไม้ยกเปิดฝา กลิ่นหอมของปลาที่ลอยมากระทบหน้าทำให้หลี่ชิงหลิงดีใจจนเนื้อเต้น
นางหยิบเกลือที่นำใส่กระเป๋ามาจากบ้านโรยลงไปเล็กน้อย ใช้ตะเกียบที่ทำจากไม้เล็กๆ คีบโดยไม่สนใจว่าจะลวกปากปลาในลำธารนี้อร่อยมาก ไม่ต้องปรุงรส แค่ใส่เกลือนิดหน่อยก็อร่อยจนแทบอยากกลืนลิ้นลงไปด้วยแล้ว
หลังจากกินและดื่มจนอิ่ม หลี่ชิงหลิงก็ััท้องที่ยื่นออกมาและหายใจออกอย่างสบายใจ
หลี่ชิงหลิงโตขนาดนี้ แต่ได้ค้างคืนนอกบ้านเป็ครั้งแรก แถมยังเป็ป่าด้วย แม้อายุจิตใจจะไม่น้อยแล้ว ก็อดรู้สึกตื่นตระหนกไม่ได้อยู่ดี
ฟังเสียงลมูเาที่หวีดหวิวและเสียงสัตว์ร้ายโหยหวนแล้ว นางไม่กล้าหลับตาเลย เด็กสาวจ้องกองไฟเล็กๆ และคอยเติมฟืน เพราะกลัวว่าไฟจะดับไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วสัตว์ร้ายที่ไม่เธอรู้จักเ่าั้จะพุ่งออกมากลืนนางทั้งเป็
นางอดทนตลอดทั้งคืนจนพระอาทิตย์ขึ้นอีกครั้ง ส่องแดดสะท้อนร่างเล็กๆ ที่เริ่มแข็งทื่อ นางจึงจะขยับกายนอนลงกับพื้นอย่างสบายใจ หลับตาลงและหลับไป
นางเองก็นับว่าโชคดี หากวันนี้ฝนตก นางคงอยากร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาแน่
หลับยาวจนถึงเที่ยงจึงจะตื่นขึ้น ขยี้ตาและพบว่านิ้วชี้เปียกจนมีน้ำหยด เด็กสาวเอามันเข้าปากและดูดโดยไม่รู้ตัว
หวาน…
น้ำนี้มาจากไหน? หมอกหรือ? นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อนึกไม่ออกจึงหยุดคิด ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเดินไปที่ล้างหน้าลำธาร
น้ำในลำธารเย็นจนทำให้เธอสั่นสะท้าน ตอนนี้เธอตื่นเต็มตาแล้ว
เด็กสาวตุ๋นปลาอีกชิ้นในหม้อดิน คราวนี้ไม่กล้ารอช้า รีบกินรีบเก็บข้าวของ สะพายขึ้นหลังแล้วเดินออกจากูเา
ระหว่างเดินก็มองไปรอบๆ ว่ามีอะไรกินได้บ้าง
โชคไม่เลวจริงๆ แค่กวาดตามองก็เจอต้นส้ม นางรีบวิ่งไปเขย่งเท้าเด็ดมาชิม รสชาติใช้ได้ หวานอมเปรี้ยว นางรีบเก็บมาหลายสิบลูก
ถ้าลูกอื่นไม่สูงเกินไปจนนางเก็บไม่ถึง นางคงจะจัดการทั้งต้นแน่
คราวนี้นางเลิกมองซ้ายมองขวาและจดจ่ออยู่กับเส้นทาง พละกำลังของร่างกายนี้ไม่มากนัก ต่อให้เจออะไรอีกก็แบกไม่ไหวแล้ว ไว้คราวหน้าพาหลิวจือโม่มาหาของดีๆ อีกครั้งดีกว่า!
หนทางค่อนข้างไกล บวกกับพักผ่อนไม่พอ เด็กสาวจึงเหนื่อยกับการแบกของ ขากลับใช้เวลานานยิ่งกว่าขามา กว่าจะถึงบ้านก็เป็เวลาดึกดื่นแล้ว
นางยืนอยู่ที่ประตู เรียกแม่ผ่านรอยแยกของประตู สิ้นเสียงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและประตูก็เปิดผางออก
เมื่อเห็นนางจ้าวที่ดวงตาแดงก่ำ หลี่ชิงหลิงก็ส่งยิ้มให้ "ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว"
"อืม... " นางจ้าวจุดตะเกียงน้ำมัน สำรวจมองหลี่ชิงหลิงด้วยแสงตะเกียงน้ำมัน เมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่เป็อะไรจึงสบายใจ
หลี่ชิงหลิงวางตะกร้า หยิบเหยื่อออกมา "ท่านแม่ รอบนี้เก็บเกี่ยวมาไม่เลว ได้กระต่ายสามตัว ไก่ป่าสี่ตัว ปลาตะเพียนหญ้าป่าสามตัว แล้วก็ได้ส้มป่ามาด้วย” นางเหลือบมองนางจ้าว "แบ่งไก่ป่ากับปลาให้พี่โม่อย่างละหนึ่ง บ้านเราเก็บไก่ป่าและกระต่ายอย่างละหนึ่ง ปลาสองตัว แล้วขายส่วนที่เหลือ ดีไหม? "
นางจ้าวมองเหยื่อ พยักหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ เพราะนางไม่ดีพอ ลูกสาวถึงต้องคอยลำบากเพื่อครอบครัว
“ข้าจะเอาไปขายในเมืองพรุ่งนี้”
"ไม่ต้อง ข้าไปเอง!" หลี่ชิงหลิงส่ายหัว ท้องของนางจ้าวใหญ่ขนาดนี้แล้ว ตัวเมืองอยู่ไกลขนาดนั้น นางไม่วางใจหรอก “คราวก่อนข้าถามมาแล้วว่าขายเหยื่อที่ล่ามาได้ที่ไหน ข้าทำได้" เมื่อเห็นว่านางจ้าวยังคิดจะพูด คนเป็ลูกสาวจึงเสริม
นางจ้าวเม้มปาก หยิบตะกร้าไปเก็บ "เ้าไปนั่งบนเตียง เดี๋ยวแม่จะต้มน้ำร้อนให้ล้างเท้า"
"ข้าทำเอง!"
"ไปนั่ง!" นางจ้าวมองใบหน้าเล็กๆ ที่เหนื่อยล้าของหลี่ชิงหลิง หันหน้าหนีด้วยความเ็ปหัวใจ เดินก้าวใหญ่ไปที่ห้องครัว
หลี่ชิงหลิงเหนื่อยจริงๆ นางเลิกเถียงกับนางจ้าว อ้าปากหาวก่อนจะเข้าไปในห้อง คลุมผ้าห่มที่หลี่ชิงเฟิงเตะออกก่อนจะนั่งลง
ทันทีที่นั่งลงบนเตียง เด็กสาวก็ผล็อยหลับไป
เมื่อนางจ้าวนำน้ำที่ต้มเสร็จเข้ามา หลี่ชิงหลิงก็หลับสนิทแล้ว
นางจ้าวถอดรองเท้า บิดผ้าเช็ดหน้า จากนั้นล้างเท้าอย่างระมัดระวัง เช็ดให้แห้ง วางลงบนเตียง ห่มผ้าห่ม เด็กสาวก็ยังหลับสนิทไม่รู้สึกตัว
ดูท่าแล้วคงจะเหนื่อยจริงๆ...
นางเอื้อมมือไปลูบผมแห้งสากของหลี่ชิงหลิง ถอนหายใจเบาๆ หันหลังและออกจากห้องไป
เมื่ออยู่ที่บ้านจึงไม่ต้องระแวดระวัง กว่าหลี่ชิงหลิงตื่นขึ้นมาก็เป็ตอนรุ่งเช้าแล้ว นางรีบลุกขึ้น ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ นางจ้าวก็ต้มโจ๊กเสร็จพอดี
"ยังเช้าอยู่ ไม่ต้องรีบ"
หลี่ชิงหลิงตอบรับ แต่ความเร็วในการกินโจ๊กไม่ได้ช้าลง หลังหมดชามก็เช็ดปาก สะพายตะกร้าที่มีเหยื่อขึ้นหลัง บอกลานางจ้าวและจากไป
ถ้าเข้าเมืองเช้าหน่อยก็จะไม่เจอกับคนในหมู่บ้าน มิฉะนั้นหากเจอเข้าก็อาจจะกลายเป็เื่อีกได้
นอกจากนี้ปู่ย่าของนางก็ไม่ธรรมดาเลย หากรู้ว่านางล่าสัตว์ได้ ครอบครัวต้องไม่สงบสุขแน่
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ นางจึงต้องไปแต่เช้า
เมื่อไปถึงในเมือง ร้านค้าบางร้านในเมืองยังไม่เปิด เด็กสาวจึงอาศัยความทรงจำครั้งล่าสุด ตรงไปที่ตึกฝูหมั่น นางได้ข่าวมาว่าที่นี่ไม่เลว ไม่รังแกผู้คนตามใจชอบ
ตึกฝูหมั่นเพิ่งเปิดไม่นานนัก ยังไม่มีลูกค้า เธอจึงโผล่หัวเข้าไปดู
เสี่ยวเอ้อคนหนึ่งเห็นนางเข้ามาหา "แม่นาง มีธุระอะไรหรือ"
ไม่ได้ไล่นางเพราะเสื้อผ้าที่ซอมซ่อ แค่จุดนี้ก็ทำให้หลี่ชิงหลิงจึงมีความประทับใจที่ดีแล้ว
เด็กสาวยิ้ม วางตะกร้าลง หยิบใบไม้ออก “พี่ชาย ที่นี่รับเหยื่อไหม ดูสิ เหยื่อสดใหม่อ้วนพีเชียว!"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้