บทที่ 3 หีบโอสถเทวะของตระกูลกู้
“ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกเรากลับ”
หลังจากแม่สื่อหลี่วิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว คณะของหลิวซื่อที่ตามมาอย่างเอิกเกริกก็สะบัดหน้ากลับไปเช่นกันด้วยความโมโห เมื่อขบวนฮูหยินรองจากไป ความเงียบสงัดก็กลับคืนสู่เรือนทรุดโทรมท้ายจวนอีกครั้ง กู้ชิงอวิ๋นทรุดกายนั่งลงบนตั่งไม้เก่าๆ ที่ขาโยกเยกจนแทบจะหักเต็มที พลังที่ใช้ข่มขู่ฮูหยินรองและแม่สื่อเมื่อครู่ทำให้นางเหนื่อยอ่อนกว่าที่คิด
"คุณหนูใหญ่!"
อาหนิงรีบถลาเข้ามาประคองร่างที่โซซัดโซเซของคุณหนูของนางด้วยความห่วงใย น้ำตายังคงนองหน้า
"คุณหนูใหญ่เป็อะไรไหมเ้าคะ? บ่าวสมควรตาย! บ่าวปกป้องคุณหนูไม่ได้!"
ร่างกายนี้...อ่อนแอเกินไปจริงๆ เธอยกมือขึ้นจับชีพจรของตัวเองตามสัญชาตญาณแพทย์ คิ้วเรียวขมวดมุ่น
"ชีพจรเบาและเต้นช้าผิดปกติ ขาดสารอาหารอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อฝ่อลีบ ม้ามและกระเพาะอาหารอ่อนแอ... สภาพแบบนี้ แค่เดินเร็วหน่อยก็อาจจะหัวใจวายตายได้เลยนะเนี่ย"
นี่ไม่ใช่การประชด แต่คือการวินิจฉัยตามหลักการแพทย์ล้วนๆ!
ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ เรือนซอมซ่อหลังนี้อีกครั้ง มันแทบไม่มีอะไรเลยนอกจากฝุ่นและความผุพัง โต๊ะเก้าอี้เก่าคร่ำคร่า เตียงไม้แข็งกระด้างที่ปูด้วยฟางแห้งๆ ไม่กี่กำ ไม่มีแม้แต่ถ้วยชาดีๆ สักใบ... นี่น่ะหรือคือชีวิตของคุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพ? ช่างน่าสมเพชสิ้นดี!
แต่แล้วสายตาของเธอก็สว่างวาบขึ้นเมื่อนึกถึงหีบโอสถของตน มือเล็กผอมแห้งรีบคว้าคลำไปที่คอของตัวเองทันที ทันทีที่มือัักับจี้หีบอันเล็กที่ติดตัวร่างนี้อยู่ มุมปากของเธอก็ยกยิ้มขึ้นมาข้างหนึ่ง ก่อนที่เธอหลับตาลง ส่งกระแสจิตเชื่อมต่อเข้าไปในหีบโอสถ ในพริบตาเดียว โลกภายนอกก็ดับหายไป ปรากฏเป็มิติส่วนตัวอันกว้างใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุดขึ้นในมโนนึกของเธอ
หลังจากที่กู้ชิงอวิ๋นได้ัักับจี้หีบโอสถบนลำคอ เธอหลับตาลง ส่งกระแสจิตเชื่อมต่อเข้าไป...
ในพริบตาเดียว โลกภายนอกที่ซอมซ่อก็ดับหายไป ปรากฏเป็มิติส่วนตัวอันกว้างใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุดขึ้นในมโนนึกของเธอ ที่นี่ถูกจัดสรรไว้อย่างเป็ระเบียบราวกับมหานครแห่งองค์ความรู้ส่วนตัวของเธอ
เบื้องหน้าของเธอคือ โกดังหลังที่หนึ่ง...ศูนย์การแพทย์แห่งอนาคตของเธอ มันส่องสว่างด้วยแสงสีขาวนวลสะอาดตา ชั้นวางที่ทำจากโลหะไร้สนิมเรียงรายเป็ทิวแถว บนนั้นเต็มไปด้วยอุปกรณ์การแพทย์ที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 จะสร้างได้ อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ทุกชนิดที่เธอได้ขนใส่เข้ามา ทั้งเครื่องสแกนร่างกายแบบพกพา, มีดเลเซอร์สำหรับการผ่าตัดไร้รอยแผล,และกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน ในตู้ควบคุมอุณหภูมิที่ปิดผนึกอย่างดีนั้น คือยาปฏิชีวนะรุ่นล่าสุด, วัคซีน, และยาเฉพาะทางต่างๆ ที่นางคิดค้นหรือรวบรวมมาจากแพทย์ผู้เก่งกาจทั่วโลก หรือแม้กระทั่งยาสามัญประจำบ้านเธอก็ใส่มาด้วย ทุกอย่างถูกจัดเก็บอย่างเป็ระบบ รอคอยวันที่เธอจะหยิบมันออกมาใช้งาน
ถัดไปทางขวาคือ โกดังหลังที่สอง...คลังเสบียงของนาง ที่นี่มีขนาดใหญ่โตราวกับซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดั์และถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็ระเบียบตามหมวดหมู่ชัดเจน ทุกครั้งที่เธอเดินทางไปต่างประเทศ เธอมักจะซื้อข้าวของที่ดีที่สุดเก็บสะสมไว้เสมอ ภายในโกดังอาหารของเธอนั้นจึงจัดแบบเป็โซนอย่างเป็ระเบียบ
โซนของแห้งและธัญพืช: ชั้นวางมหึมาทอดยาวสุดสายตา เต็มไปด้วยข้าวสารหอมมะลิจากไทย, ข้าวบาสมาติจากจากอินเดีย, ข้าวญี่ปุ่นสำหรับทำซูชิ, พาสต้าเส้นต่างๆ จากอิตาลี,ชีสชั้นเลิศ และแป้งหลากหลายชนิด ถัดไปเป็ชั้นของเครื่องกระป๋อง อาหารกระป๋องและของหมักดอง ทั้งปลาซาร์ดีนในน้ำมันมะกอก, มะกอกดอง, แยมผลไม้โฮมเมด, และผงปรุงรส ผงชูรส ซีิอิ้ว น้ำปลา น้ำตาล ซอสปรุงรสจากทั่วโลกทุกอย่างล้วนเป็ของเกรดพรีเมียม
โซนเครื่องเทศและเครื่องดื่ม ราวกับยกตลาดเครื่องเทศมาไว้ที่นี่ ทั้งแท่งอบเชย, โป๊ยกั้ก, พริกไทยดำจากมาดากัสการ์, หญ้าฝรั่นสีแดงสดจากอิหร่าน, วานิลลาจากตาฮิติ, และสมุนไพรแห้งของจีนอีกนับร้อยๆ ชนิด ในส่วนของเครื่องดื่ม มีใบชาชั้นเลิศจากจีนหลากสายพันธุ์, เมล็ดกาแฟคั่วบดจากบราซิลและเอธิโอเปีย, และผงโกโก้บริสุทธิ์จากเบลเยียม เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำอัดลม น้ำหวานทุกชนิดอัดแน่นเต็มชั้นวางไปหมด ไม่ว่าอยากจะลองจากประเทศไหนล้วนมีให้ได้ชิมทั้งหมด แม้แต่น้ำแร่น้ำเปล่านางก็ขนใส่ถังขนาดใหญ่มาด้วย ใครว่าน้ำดื่มนั้นสำคัญขนาดไหนจริงไหม...
โซนของสดและเนื้อสัตว์แช่แข็ง ที่สุดของความอลังการคือตู้แช่ขนาดใหญ่ที่ควบคุมอุณหภูมิด้วยพลังของหีบโอสถ ภายในเต็มไปด้วยเนื้อวัววากิว A5 จากญี่ปุ่นที่ถูกแล่และซีลอย่างดี, สเต็กโทมาฮอว์ก, ขาแกะจากนิวซีแลนด์, ปลาแซลมอนจากนอร์เวย์, และอาหารทะเลสดๆ กุ้งลอสเตอร์ใหญ่ั์ หอยเชลล์ตัวเท่าฝ่ามือ ที่ถูกแช่แข็งทันทีเพื่อรักษารสชาติที่ดีที่สุดเอาไว้ เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อเปฺ็ด ถูกแล่เอาไว้พร้อมใช้งาน ปลาชนิดต่างๆ เครื่องในสัตว์ที่ถูกทำความสะอาดเอาไว้เรียบร้อยในกรณีที่เธออยากจะนำมาประกอบอาหารเอง และยังมีพวกอาหารที่ปรุงสำเร็จแล้วหลายร้อยหลายพันชนิดจากทั่วทุกมุมโลกที่เธอได้ชิมแล้วชอบก็สั่งซื้อยกหม้อเข้าเก็บทันที ดังนั้นหากว่าเธอไม่อยากจะปรุงอาหารก็สามารถนำออกไปกินได้ทันที สะดวกสุด
โซนผักและผลไม ด้วยพลังของมิติเวลา ผักและผลไม้ในโซนนี้จึงสดใหม่ราวกับเพิ่งเด็ดจากต้น ทั้งสตรอว์เบอร์รีลูกโต, องุ่นไชน์มัสแคท, อะโวคาโด,มะม่วง แตงโม และผักสลัดนานาชนิด
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีโซนเครื่องอุปโภคบริโภคจำเป็ครบครัน ั้แ่สบู่, แชมพู,ยาสระผม,ครีมต่างๆ ไปจนถึงเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เครื่องประดับ เพชร ทอง ผ้าไหมและผ้าฝ้ายคุณภาพเยี่ยม ปริมาณของที่สะสมไว้ทั้งหมดนี้มหาศาลพอที่จะทำให้เธออยู่รอดได้สบายๆ แม้จะเกิดภัยพิบัติวันสิ้นโลกก็ตาม
แต่สิ่งที่ทรงพลังที่สุด...คือ โกดังหลังที่สาม ที่ตั้งอยู่ใจกลางมิติ มันไม่ได้มีลักษณะเหมือนโกดังสมัยใหม่ แต่เป็ตำหนักไม้จันทน์หอมโบราณที่แผ่กลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์และดึกดำบรรพ์ออกมา ที่นี่คือมรดกที่มาพร้อมกับหีบโอสถเทวะั้แ่แรกเริ่ม
ทันทีที่จิตของนางก้าวเข้าไป ชั้นวางที่ทำจากหยกและไม้มะเกลือก็ปรากฏแก่สายตา บนนั้นไม่ได้บรรจุยาทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็ของวิเศษที่เหนือจินตนาการ...หญ้าคืนิญญา ที่ส่องแสงสีเงินเรืองรอง, ดอกบัวหิมะพันปี โสมสีทองพันปี เห็ดหลินจือสีทองพันปี ที่แผ่ไอเย็นบริสุทธิ์ออกมาและสมุนไพรในตำนานอีกนับไม่ถ้วนที่ถูกบันทึกไว้แค่ในตำราหมอหัตว์เทวะ
สายตาของเธอจับจ้องไปยังขวดหยกสีขาวบริสุทธิ์ใบหนึ่งที่วางอยู่ในตำแหน่งสูงสุด บนขวดสลักคำว่า "ยาเม็ดฟื้นฟูร่างกาย"
กู้ชิงอวิ๋นจำได้ดี...ในชาติก่อนเธอเคยทดลองใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่เซลล์ร่างกายถูกทำลายขั้นรุนแรง มันให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์เทียบเท่ากับการใช้สเต็มเซลล์บำบัดด้วยเทคโนโลยีในอีกห้าสิบปีข้างหน้า พลังในการฟื้นฟูของมันเกือบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ 100%
ตอนนี้...นางรู้ได้ทันทีว่าร่างกายเล็กๆ ที่แสนอ่อนแอและขาดสารอาหารมานานปีของกู้ชิงอวิ๋นผู้นี้ ้ายานี้มากที่สุด!
กู้ชิงอวิ๋นเพ่งจิตระลึกถึงยาฟื้นฟูร่างกายเม็ดนั้นทันที ทันใดนั้นบนชั้นวางยาใกล้ตัวที่สุด ขวดหยกใบหนึ่งก็ส่องแสงสว่างวาบขึ้น ยาเม็ดสีเขียวมรกตกลิ่นหอมสดชื่นหนึ่งเม็ดก็ลอยออกมาแล้วปรากฏขึ้นจริงในฝ่ามือของเธอ!
นี่แหละ! ไพ่ตายที่จะใช้พลิกสถานการณ์ของเธอ!
กู้ชิงอวิ๋นมองยาเม็ดสีเขียวมรกตในฝ่ามือด้วยแววตาแน่วแน่ นางไม่ลังเลที่จะกลืนมันลงไปในทันทีทันทีที่ยาเม็ดัักับลิ้น มันก็ละลายกลายเป็กระแสธาราแห่งชีวิตที่บริสุทธิ์และทรงพลัง พุ่งตรงลงสู่ท้องน้อยก่อนจะแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกายอย่างรวดเร็ว!
มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกอุ่นๆ ธรรมดา แต่เป็พลังงานชีวิตอันเข้มข้นที่กำลังเข้าซ่อมแซมร่างกายนี้อย่างจริงจัง กู้ชิงอวิ๋นรู้สึกได้ถึงกระแสพลังที่ไหลผ่านเส้นลมปราณที่เคยตีบตันของเธอ ชำระล้างความอ่อนแอและความเจ็บป่วยที่สะสมมานานหลายปีให้มลายหายไป กล้ามเนื้อที่เคยฝ่อลีบเริ่มสั่นะเืเบาๆ ราวกับกำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความหนาวสะท้านที่เกาะกินลึกถึงไขกระดูกถูกขับไล่ออกไปจนหมดสิ้น ความเหนื่อยล้าที่ถ่วงร่างกายนางไว้เมื่อครู่หายไปกว่าครึ่ง!
ภายนอกนั้น อาหนิงมองนายสาวของตนที่นั่งนิ่งหลับตาด้วยความประหลาดใจ นางไม่เห็นกระแสพลังงานที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่นางเห็นนั้นน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่า!
ใบหน้าที่เคยซีดขาวราวกับกระดาษของคุณหนูใหญ่ ค่อยๆ ปรากฏสีเืฝาดจางๆ ขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ริมฝีปากที่เคยแห้งแตกกลับดูชุ่มชื้นขึ้น ลมหายใจที่เคยแ่เบาและติดขัด บัดนี้กลับลึกและสม่ำเสมอ...ราวกับต้นไม้ที่ใกล้จะเหี่ยวเฉาตาย กลับได้รับน้ำทิพย์จาก์จนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่ต่อหน้าต่อตา!
อาหนิงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง นางเผลอยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้องออกมาที่อยู่ๆ คุณหนูของนางที่เพียงแค่นั่งหลับตา ก็ดูสุขภาพกายแข็งแรงขึ้นมา
ครู่ต่อมา กู้ชิงอวิ๋นก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของนางสุกใสและเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน!
นางรู้สึกได้...ร่างกายนี้ยังไม่แข็งแรงเต็มร้อย แต่ก็ดีขึ้นมากพอที่จะทำให้นางเริ่ม แผนการขั้นต่อไปได้แล้ว!
“คุณหนูใหญ่ เป็อะไรไปเ้าคะ? ” อาหนิงพูดด้วยความเป็ห่วง
กู้ชิงอวิ๋นมองอาหนิง...สาวใช้ที่ซื่อสัตย์ของนาง จากสาวใช้คนสนิทข้างกายฮูหยินใหญ่ เมื่อฮูหยินใหญ่เสียชีวิตนางถูกลดขั้นให้มาทำงานหนักและถูกรังแกสารพัด แต่ก็ยังลอบนำอาหาร แม้จะเป็เพียงมันเผา มาให้คุณหนูของนางเสมอ สภาพของอาหนิงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ร่างกายผอมแห้ง ผิวเหลืองซีด และมีรอยฟกช้ำจางๆ ที่ข้อมือ ใบหน้ามีรอยฟกช้ำหลายแห่งกู้ชิงอวิ๋นไม่ได้ตอบในทันที แต่กลับยื่นมือไปจับชีพจรที่ข้อมือของอาหนิงอย่างแ่เบา
"คุณหนูใหญ่?" อาหนิงมองอย่างไม่เข้าใจ
“ร่างกายของเ้าก็อ่อนแอไม่ต่างจากข้า” กู้ชิงอวิ๋นกล่าวเสียงเรียบ
“การไอเรื้อรังและอาการอ่อนเพลียของเ้า...หากปล่อยไว้นานกว่านี้จะยิ่งรักษายาก”
“บ่าว...บ่าวไม่เป็ไรเ้าค่ะ!”
“เงียบ” กู้ชิงอวิ๋นกล่าวสั้นๆ แต่น้ำเสียงกลับเด็ดขาดจนอาหนิงไม่กล้าพูดอะไรต่อ
“เ้าคือคนของข้าคนแรกและคนเดียวในตอนนี้ หากเ้าล้มป่วยไปอีกคน แล้วข้าจะพึ่งพาผู้ใดได้?”
คำพูดนั้นทำให้อาหนิงถึงกับน้ำตารื้น นางไม่เคยรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญถึงเพียงนี้มาก่อน!
กู้ชิงอวิ๋นเพ่งจิตระลึกถึงยาฟื้นฟูร่างกายอีกครั้ง ทันใดนั้นยาอีกหนึ่งเม็ดก็ปรากฎบนฝ่ามือทันที เพราะว่ายานั้นเม็ดเล็กทำให้อาหนิงนั้นไม่เห็นว่ามันมาอยู่ในมือของคุณหนูใหญ่ได้อย่างไร กู้ชิงอวิ๋นยื่นยาเม็ดหนึ่งให้แก่อาหนิง
“กินเข้าไปเสีย”
อาหนิงมองยาที่อยู่ในมือคุณหนู นางไม่รู้ว่ายานี้เป็ยาแก้อะไร
“กินเถอะยานี้จะช่วยให้ร่างกายของเ้าแข่งแรงขึ้น ร่างกายของเ้าสำคัญต่อแผนการของข้า...จงจำไว้”
อาหนิงรับยามาด้วยมือที่สั่นเทา นางมองยาเม็ดสีเขียวมรกตในมือสลับกับใบหน้าที่แน่วแน่ของคุณหนูใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจกลืนมันลงไปทั้งน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจ
ทันทีที่อาหนิงกลืนยาเม็ดฟื้นฟูร่างกายลงไป มันก็ละลายกลายเป็กระแสธาราแห่งชีวิตอันทรงพลัง แผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกายเพื่อเข้าซ่อมแซมอย่างจริงจัง นางรู้สึกได้ถึงพลังที่กำลังชำระล้างความอ่อนแอและความเจ็บป่วยและาแที่ถูกทำร้าย รวมถึงขับไล่ความหนาวสะท้านที่เกาะกินลึกถึงไขกระดูกให้หมดไป ส่งผลให้ความเหนื่อยล้าของนางหายไปกว่าครึ่งในทันที
อาหนิงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงความรู้สึกของร่างกายที่แข็งแรงและมีชีวิตชีวาจากยาที่คุณหนูให้มา
"คุณหนูใหญ่! ท่าน...ท่านคือเทพธิดามาโปรดโดยแท้! บ่าว...บ่าวขอถวายชีวิตนี้ให้ท่าน!"
ทันใดนั้น บานประตูไม้ผุๆ ก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง สาวรับใช้หญิงอายุราวยี่สิบสองยี่สิบสามปีคนหนึ่งเดินเชิดหน้าเข้ามา ในมือถือถาดอาหารที่วางชามบิ่นๆ ไว้ใบหนึ่ง นางวางถาดลงบนโต๊ะเสียงดังปัง จนน้ำแกงกระฉอกออกมา
"อาหารของเ้า!"
นางพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ และสายตาดูแคลน
กู้ชิงอวิ๋นเหลือบมองอาหารในชาม...ข้าวเย็นชืดแข็งๆ คลุกกับเศษผักเหี่ยวๆ และน้ำแกงใสโจ๋งที่มีไขมันลอยฟ่อง กลิ่นเหม็นเปรี้ยวจางๆ บ่งบอกว่ามันคือของเหลือที่ใกล้จะบูดเต็มที
นี่คืออาหารสำหรับคุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพงั้นรึ?
"เอากลับไป" กู้ชิงอวิ๋นเอ่ยเสียงเรียบ
สาวรับใช้คนนั้นเลิกคิ้ว "ว่าไงนะ?"
"ข้าบอกให้เอาอาหารขยะนี่กลับไป"
"เ้า!" สาวรับใช้หญิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
"นังเด็กโง่ มีให้กินก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว ยังจะเื่มากอีก! ไม่อยากกินก็อดตายไปเลย!"
พูดจบนางก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไปอย่างไม่ใส่ใจ
แต่แล้ว...เสียงเย็นๆ ของกู้ชิงอวิ๋นก็ดังขึ้นข้างหลัง
"เดี๋ยวก่อน"
สาวใช้ชะงัก หันกลับมามองอย่างเอาเื่
"มีอะไรอีก!"
กู้ชิงอวิ๋นลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้จะผอมบาง แต่แววตาของเธอกลับกดดันจนน่ากลัว นางก้าวไปขวางหน้าสาวใช้คนนั้นไว้
"เ้าบอกว่าอาหารนี่กินได้ใช่หรือไม่?"
"ก็ใช่น่ะสิ! พวกข้าก็กินกันแบบนี้!" นางเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
"ถ้าเช่นนั้น..." กู้ชิงอวิ๋นหยิบชามข้าวบูดขึ้นมา ยื่นไปตรงหน้าสาวใช้จนเกือบจะชิดจมูกของนาง
"...เ้าก็กินมันให้ข้าดูสิ"
"บ้าไปแล้วรึ!" สาวใช้ผลักมือนางออกอย่างแรง
"ข้าจะกินอาหารขยะแบบนี้ได้ยังไง!"
"อ้อ...เ้าก็รู้ตัวนี่ว่ามันคืออาหารขยะ'" กู้ชิงอวิ๋นยิ้มเยาะ "ในเมื่อเ้าไม่กล้ากิน แล้วเหตุใดจึงกล้านำมาให้ข้าที่เป็คุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพกิ ผู้ใดกันที่ให้ความกล้ากับพวกเ้ามากมายเช่นนี้...ข้าอยากจะรู้จริงๆ?"
"ก็เ้ามัน..."
ฟุ่บ!
ไม่ทันที่สาวใช้จะได้พูดจบประโยคดูถูกนั้น กู้ชิงอวิ๋นก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนน่าใ นางใช้ปลายนิ้วสองนิ้วจิ้มลงไปที่จุดชีพจรบริเวณต้นคอของสาวใช้ผู้นั้นอย่างแม่นยำ!
"อึก!"
สาวใช้เบิกตากว้างด้วยความใ ร่างกายของนางพลันแข็งทื่อราวกับถูกสาป แขนขาชาวาบจนไร้เรี่ยวแรง นางพยายามจะอ้าปากกรีดร้อง แต่กลับพบว่าลิ้นของตัวเองแข็งจนพูดไม่ออก ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ในลำคอด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
"เห็นหรือไม่?" กู้ชิงอวิ๋นกระซิบข้างหูนางด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
"นี่เป็เพียงอาการเริ่มต้นของพิษซากศพที่อยู่ในอาหารชามนั้น...มันเริ่มจากอาการชาที่ปลายประสาท ทำให้ลิ้นแข็ง พูดไม่ได้ แขนขาขยับไม่ไหว...อีกไม่นานมันก็จะลามไปทั่วร่างจนเ้ากลายเป็อัมพาต...ทำได้เพียงนอนมองเพดาน รอให้ร่างกายเน่าเปื่อยอย่างช้าๆ ทั้งที่ยังมีลมหายใจ"
แววตาของสาวใช้เต็มไปด้วยความหวาดผวาและอ้อนวอน น้ำตาไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย
กู้ชิงอวิ๋นจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นอย่างเ็า
"ในฐานะบ่าว...เ้ากลับกล้าเหยียบนายขึ้นไปอยู่บนหัว ในฐานะมนุษย์...เ้ากลับไร้ซึ่งความเมตตา...คนอย่างเ้า สมควรแล้วที่จะได้ลิ้มรสความทุกข์ทรมานที่เ้ามอบให้ผู้อื่น"
นางปล่อยให้สาวใช้จมอยู่กับความหวาดกลัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้นิ้วกดลงไปที่จุดเดิมอีกครั้งเบาๆ
พลั่ก!
ความรู้สึกทั้งหมดกลับคืนสู่ร่างของสาวใช้ในทันที นางทรุดลงไปกองกับพื้น ร้องไห้โฮออกมาอย่างเสียสติ พลางก้มลงโขกศีรษะกับพื้นซ้ำๆ
"คุณหนูใหญ่เ้าขา! บ่าวผิดไปแล้ว ได้โปรดเมตตาบ่าวด้วย ได้โปรดยกโทษให้บ่าวด้วยเ้าค่ะ!"
กู้ชิงอวิ๋นมองภาพนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า
"อาหารขยะนั่น...เอาไปทิ้งซะ"
นางหันหลังเดินไปนั่งที่ตั่งไม้ตัวเดิมอย่างไม่ใส่ใจ
"แล้วคุกเข่าอยู่ตรงนั้นจนกว่าข้าจะอนุญาตให้ลุก...คิดทบทวนให้ดีว่าเ้าควรจะปฏิบัติต่อนายของเ้าอย่างไร"
สิ้นคำพูดนั้น กู้ชิงอวิ๋นก็ไม่มองไปยังสาวใช้ผู้นั้นอีกเลย ปล่อยให้นางคุกเข่าตัวสั่นร้องไห้อยู่บนพื้นเย็นๆ เพียงลำพัง ส่วนตัวนางนั้น...กำลังวางแผนขั้นต่อไป
"ครัวใหญ่สินะ...น่าสนุกดีนี่"
***มาถึงก็จะล้างบางเขาเลยนะน้องกู้****
***นางเอกจะใช้คำแทนตัวว่า นางแล้วเพราะเริ่มปรับตัวได้**
***ขออภัยรีดที่รักทุกท่าน วันนี้ลงช้า พอดีคุณแม่ของไรท์หกลุ้มข้อมือหักสะโพกหัก..วันนี้ไรท์วุ่นอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งวัน เพิ่งจะได้ห้องค่ะ ่นี้อาจจะลงช้าหน่อยนะเ้าคะ ****
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้