หลังจากวันนั้นลั่วเสี่ยวซีก็ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านไม่นานสภาพจิตใจของเธอก็เริ่มดีขึ้น
ความโกรธเกลียดฉินเว่ยเริ่มคลายลงแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากเจอหน้าเขาอีกทุกครั้งที่พ่อจะเชิญเขามาเป็แขกที่บ้าน ลั่วเสี่ยวซีจึงปฏิเสธเสียงแข็งตลอดฉินเว่ยจึงไม่มีโอกาสได้มาหาเธอ
เธอแอบซ่อนความคิดถึงที่มีให้ซูอี้เฉิงเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจถึงบางครั้งความรู้สึกนั้นจะเข้ามาในสมองเธอบ้าง แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อชีวิตประจำวัน
บ้านคือที่พักใจไม่ว่าจะพบเจออะไร ขอแค่กลับบ้านทุกอย่างจะดีขึ้น คำพูดนี้ไม่ผิดสักนิด
่ที่ผ่านมาทำให้เธอกลายเป็คนใส่ใจรายละเอียดมากขึ้นเธอพบว่าพ่อกับแม่เริ่มแก่ตัวลงขึ้นทุกที แต่ในสายตาของพวกเขาเธอยังคงเป็เด็กที่ต้องคอยใส่ใจอยู่เสมอ
ลั่วเสี่ยวซีเสียดายเวลาที่เธอมัวแต่ทำอะไรตามใจถึงบางครั้งจะชอบล้อเล่นกับพ่อว่า ‘คุณลั่วคะถ้าหนูกินข้าวเป็เพื่อนต้องให้เงินหนูใช้ด้วยนะ’ ก็ตาม
เงินเ่าั้ที่พ่อให้มาเธอเอาไปซื้อของมาให้พ่อกับแม่จนหมด พ่อของเธอเป็คนนอนหลับยากเธอจึงซื้อหมอนที่ช่วยให้เขานอนหลับสบายขึ้น แม่เธอนั้นขี้หนาวเธอเลยซื้ออ่างแช่เท้าและซื้อยามาจากแพทย์จีนทีู่เี่อันไปหาคนนั้นกลับมาผสมน้ำให้แม่แช่เท้า
เธอเห็นรอยยิ้มภาคภูมิใจของพ่อแม่แล้วก็ยิ้มตามทั้งที่ในใจกลับเริ่มรู้สึกเ็ปขึ้นมา
ที่แท้พ่อกับแม่ไม่ได้หวังอะไรมากมายพวกเขาเลี้ยงดูเธอจนเติบใหญ่อย่างยากลำบากเธอเอาเงินที่ได้จากพวกเขาไปซื้อของมาให้ เพียงแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้ว
แต่ที่น่าเศร้ากว่านั้นเื่ง่ายๆ แค่นี้เธอกลับไม่เคยคิดจะทำให้กับพ่อแม่มาก่อน เธอมักคิดว่าพวกเขามีเงินตั้งมากมาย ถ้าอยากได้อะไรก็คงซื้อเองได้ ถ้าี้เีออกไปซื้อจะใช้ให้คนอื่นไปช่วยซื้อมาให้ก็ได้
ตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใจว่าเื่บางอย่างต้องลงมือทำด้วยตัวเองถึงจะมีความหมาย
ประธานลั่ว่นี้อารมณ์ดีขึ้นมากเจอหน้าใครก็ชื่นชมว่าลูกสาวเป็ผู้ใหญ่แล้วให้คนคนนั้นฟังพวกเพื่อนสนิทเขาจึงแกล้งแหย่ว่า
“เหล่าลั่วลูกนายอายุตั้งยี่สิบสี่แล้วไม่ใช่หรือไง เพิ่งจะโตเป็ผู้ใหญ่งั้นเหรอ?”
“ฮ่าๆ”เหล่าลั่วยิ้มจนตีนกาขึ้นที่หางตาอย่างมีความสุข “ฉันตามใจลูกสาวสุดที่รักของฉันมายี่สิบสี่ปีถึงโตเนี่ยสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ!”
ลั่วเสี่ยวซีบังเอิญได้ยินคำพูดของพ่อเลยเข้าไปกอดเขาพลางหัวเราะคิกคัก
“เหล่าลั่วหนูหาเงินได้แล้วนะคะ อีกหน่อยหนูจะทำดีกับพ่อให้มากๆ เลย!”
เธอหาเงินได้แล้วจริงๆหลังสภาพจิตใจเริ่มเข้าที่เข้าทาง เธอก็ไปถ่ายแบบให้นิตยสารอยู่หลายเล่มหลังจากนิตยสารพวกนั้นวางขาย งานของเธอก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆบางครั้งต้องทำงานยันเที่ยงคืนกว่าจะได้กลับบ้านนี่ขนาดพี่แคนดี้ช่วยคัดทิ้งไปหลายงานแล้วนะ
ในวงการนางแบบชื่อของลั่วเสี่ยวซีจึงเริ่มเป็ที่รู้จัก ยอดผู้ติดตามในเวยป๋อค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากหลักพันกลายเป็หลักหมื่น
พูดง่ายๆ ก็คือลั่วเสี่ยวซีดังขึ้นทุกวันๆ
ลู่เป๋าเหยียนเคยพูดไว้ว่าสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งจะจัดแข่งขันประกวดนางแบบ ซึ่งแคนดี้กำลังติดต่อทางนั้นอยู่แต่ตอนนี้คงไม่ต้องใช้เส้นสายของแคนดี้อีกต่อไปเพราะทางช่องได้ส่งจดหมายเชิญมาให้เธอไปเข้าร่วมแล้วเรียบร้อย
โปรดิวเซอร์ของรายการเห็นว่าลั่วเสี่ยวซีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวบางอย่างที่พิเศษออกไปเธอคงเฉิดฉายเป็ประกายหากได้เดินอยู่บนแคทวอล์คเป็แน่
ลั่วเสี่ยวซีจะช่วยเรียกเรทติ้งของรายการขณะเดียวกันรายการนี้ก็จะกลายเป็เวทีที่สามารถทำให้เธอดังขึ้นมาได้ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์ที่น่าพอใจ
“เสี่ยวซี เธอว่าไง”แคนดี้ถาม “อยากไปแข่งไหม? ถ้าทำผลงานออกมาได้ดี่ออกฉายเธอคงดังแน่ๆ ถึงจะไม่ได้ดังในชั่วข้ามคืนก็ไม่เป็ไร พวกเราค่อยๆ เป็ค่อยๆไปก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือรายการนี้จะทำให้คนรู้จักเธอมากขึ้น”
“ไปค่ะ!”ลั่วเสี่ยวซีในชุดเสื้อกล้ามออกกำลังกายนั่งลงบนพื้นพลางดีดจดหมายเชิญเบาๆ“ไม่ลองไม่รู้จริงไหมล่ะคะ”
ด้วยเหตุนี้แคนดี้จึงตอบรับทางผู้จัดรายการไปว่าลั่วเสี่ยวซีจะเข้าร่วมการแข่งขันแน่นอน ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่า
“จริงสิผู้สนับสนุนหลักของรายการนี้คือเครือเฉิงอันล่ะ”
“...”ลั่วเสี่ยวซีทั้งดีใจและกังวลในเวลาเดียวกัน
ที่ดีใจเพราะเธอสามารถอาศัยโอกาสนี้ในการติดต่อกับซูอี้เฉิงได้อีกครั้งแต่ที่กังวลก็คือ ต่อให้ได้เจอกันเธอกับเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว
สองวันให้หลังทางผู้จัดรายการก็จัดงานปาร์ตี้เล็กๆ ขึ้นมาพวกเขาเชิญสปอนเซอร์และนางแบบที่จะเข้าร่วมรายการมาเพื่อให้พบปะพูดคุยทำความรู้จักกันแน่นอนว่าใครจะไปหรือไม่ก็แล้วแต่ความสมัครใจ
ทางด้านลั่วเสี่ยวซีเธอกำลังลังเลว่าจะไปหรือไม่ไปดี
ถ้าไปแล้วเจอซูอี้เฉิงจะทำอย่างไร?
แต่ถ้าทิ้งโอกาสดีๆ ที่จะได้เจอเขาแบบนี้เธอก็รู้สึกว่าตัวเองจะโง่ไปหน่อย
ั้แ่คืนนั้นเธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลยจนถึงตอนนี้ก็ยี่สิบเจ็ดวันแล้ว
“ไปเถอะเสี่ยวซี”แคนดี้เชียร์ “อนาคตยังอีกยาวไกล เธอกับน้องสาวของเขาก็สนิทกันยังไงสักวันก็ต้องเจอหน้ากันอยู่ดี อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่เอาเธอแล้วนี่เธอคิดเองทั้งนั้น จะมั่นใจได้ยังไงว่าตัวเองหมดโอกาสแล้ว?”
ลั่วเสี่ยวซีได้ยินดังนั้นจึงตัดสินใจได้ว่าไปก็ไป!
หลังสวมชุดเดรสตัวยาวแต่งหน้าอย่างประณีต เซตผมลอนยาวสลวยของตนเรียบร้อย ลั่วเสี่ยวซีก็ไปปรากฏตัวที่ห้องจัดเลี้ยงขนาดไม่ใหญ่นักทว่าถูกตกแต่งอย่างละเอียดลออ
หลังตามแคนดี้ไปพบปะผู้กำกับและผู้ช่วยผู้กำกับรายการแล้วเธอก็ไปทำความรู้จักกับเพื่อนนางแบบที่จะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วยกัน
เทคนิคการแสดงของทุกคนไม่เลวเลยถึงแม้ใกล้จะต้องแข่งขันกัน ถึงแม้จะไม่เคยเจอหน้าค่าตากันมาก่อนแต่ทุกคนกลับทักทายกันราวกับเป็เพื่อนสนิทกันมาเป็สิบๆ ปี
หญิงสาวที่สามารถเข้าร่วมการประกวดนางแบบได้แน่นอนว่ารูปร่างของแต่ละคนไม่เป็สองรองใคร รูปร่างสูงโปร่งสุดเซ็กซี่ การแต่งกายที่เผยผิวและเรือนร่างอย่างยั่วยวนทำให้คนมองอดอยากจะเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างในไม่ได้
ไม่รู้ว่าลับหลังพวกเธอฝึกซ้อมกันมามากแค่ไหนกิริยาท่าทางของแต่ละคนจึงยั่วยวนกระชากใจอย่างเป็ธรรมชาติ ไม่ดูปั้นแต่งเลยสักนิด
เื่ซับซ้อนขนาดนี้แต่พวกเธอก็ยังทำออกมาได้แเี มิน่าคนถึงชอบพูดกันว่า สาวสวยมักจะน่ากลัว
ลั่วเสี่ยวซีเห็นสาววัยรุ่นที่พยายามโชว์ความเซ็กซี่ของตัวเองออกมาแล้วอดคิดถึงตัวเองสมัยก่อนไม่ได้ หลังทักทายกับพวกเธอตามมารยาทเธอก็ไม่คิดจะไปเปรียบเทียบกับพวกเธอว่าใครสัดส่วนดีกว่า ใครผอม ใครอวบอิ่มมากกว่าเธอยืนจิบน้ำผลไม้อยู่เงียบๆ พลางมองไปยังประตูทางเข้าเป็ครั้งคราว
เธอมาตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นซูอี้เฉิงบนกำแพงที่ให้เซ็นชื่อก็ไม่เห็นมีลายเซ็นของเขา
เขาไม่คิดจะมาหรือมาช้ากันนะ? เธอรอคอยเขาอย่างคาดหวังแต่ก็กลัวที่จะต้องเจอหน้า
“ผมเคยเจอคุณนี่นา!”จู่ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็โผล่เข้ามา เขายิ้มจนแก้มแทบปริ “คุณแซ่ลั่วชื่อลั่วเสี่ยวซี!”
ลั่วเสี่ยวซียิ้มรับตามมารยาท“สวัสดีค่ะ”
“ผมชื่อฟางเจิ้ง”เขาพูดพลางยื่นมือออกมา “ผมเป็ประธานของเครือฟางเจิ้งครับเมื่อไม่กี่วันก่อนผมเห็นเลขาสองคนของผมกำลังยืนอ่านนิตยสารกันคนที่อยู่หน้าปกก็คือคุณนี่เอง ผมจำได้แล้ว!”
ลั่วเสี่ยวซีจับมือกับเขาเล็กน้อยก่อนเอ่ย
“ผอ.ฟาง สวัสดีค่ะ”พูดจบเธอจึงทำท่าจะชักมือกลับมา
“ครับ!”ฟางเจิ้งรีบคว้ามือเธอไว้แน่นก่อนจะยิ้มตาหยี “คุณลั่วั้แ่เห็นภาพคุณผมก็ชอบคุณทันทีเลย ถ้ายังไงเราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีไหมครับ? อ้อผมเป็สปอนเซอร์ที่ใหญ่เป็อันดับสองของรายการนี้นะ”
ความหมายของเขาก็คือเงินที่ทางรายการได้มา กว่าครึ่งนั้นเป็ของเขาเพราะฉะนั้นอนาคตของเธออยู่ในกำมือเขา จะไป ‘คุย’ กับเขาหรือไม่ก็แล้วแต่ว่าเธอจะฉลาดแค่ไหน
ลั่วเสี่ยวซีจะไม่เข้าใจความหมายแฝงของเขาได้อย่างไรถ้าเป็เมื่อก่อนเธอคงเตะผ่าหมากเขาไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอโตแล้วเพราะฉะนั้นต้องนิ่งไว้ นิ่งเข้าไว้!
ลั่วเสี่ยวซียิ้มบาง“ไว้โอกาสหน้าหากได้เจอกันเราค่อยมาคุยกันดีไหมคะผอ.ฟาง”
“โอกาสหน้า?”ผอ.ฟางคิดตามก่อนจะยิ้มอย่างดีใจ “นั่นสินะ ไว้ผมจะไปดูพวกคุณแข่งทุกเทปเลยถึงเวลาเดี๋ยวผมไปหาที่หลังเวทีนะ” พูดจบเขาก็ตบมือลั่วเสี่ยวซีเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือเธอออก“เสี่ยวซี ห้ามลืมผมเด็ดขาดเลยนะครับ”
ลั่วเสี่ยวซีรู้สึกขนลุกขนพองไปหมดเธอยิ้มแห้งๆ ก่อนจะหาข้ออ้างเดินแยกออกมาแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็เจอกับซูอี้เฉิง
ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาั้แ่เมื่อไรไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นมานานแค่ไหน หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งกำลังควงแขนเขาขณะที่สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธอ
เขาเห็นตอนที่เธอกำลังคุยกับผอ.ฟางหรือเปล่านะ?
ลั่วเสี่ยวซีอยากจะเข้าไปอธิบายแต่...มันจำเป็หรือเปล่า? ในเมื่อเขาเองก็มีคู่ควงมาด้วยแบบนี้
สมองบอกเธอว่าเธอควรเดินจากไปแต่เพราะไม่ได้เจอหน้าเขามาเป็เดือน เธอจึงไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้
เขาดูไม่เปลี่ยนไปเลยยังคงหล่อเหลาคมคาย เมื่อยืนอยู่กับสาวสวยข้างกายจึงดูโดดเด่นสะดุดตา
ดูท่าเื่ที่เกิดขึ้นคงไม่ได้ส่งผลกระทบกับเขามากเท่าไรคนที่เปลี่ยนไปคงมีแต่เธอ
คิดถึงตรงนี้ลั่วเสี่ยวซีจึงเบือนหน้าหนีก่อนจะเดินจากไป
เธอไม่อาจเดินเข้าไปทักทายเขาอย่างเป็ธรรมชาติได้อีกอย่างเขาเองก็...มีคนอยู่เคียงข้างแล้ว
“เื่หายากนะเนี่ย”หญิงสาวที่อยู่ข้างกายซูอี้เฉิงเอ่ย “ถ้าเป็เมื่อก่อน เธอคงเข้ามาหาเื่หนูไม่ก็เข้ามาก่อกวนพี่สินะ ท่าทางเื่ที่เกิดขึ้นจะทำให้เธอเปลี่ยนไปไม่น้อย”
“มันเป็ความผิดพลาด”ซูอี้เฉิงกล่าว
“พี่จะไม่บอกความจริงกับเธอจริงๆเหรอ” หญิงสาวถาม
“เื่มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”ซูอี้เฉิงตอบสีหน้านิ่ง ทว่าน้ำเสียงกลับดูลังเล“เื่นี้เกี่ยวพันไปถึงอนาคตของจางเหมยพี่ต้องหาวิธีที่ดีกว่ามาจัดการเื่นี้”
“เห็นเธอเปลี่ยนไปแบบนี้พี่คงดีใจล่ะสิ”
ซูอี้เฉิงยิ้มมุมปาก“เธอคงไม่ทำอะไรวู่วามไม่คิดหน้าคิดหลังอีกแล้ว พี่ควรต้องดีใจ” แต่ลั่วเสี่ยวซีต้องแลกอะไรไปบ้างถึงกลายมาเป็แบบนี้เขารู้ดีที่สุด
ถ้าเป็ไปได้เขาอยากให้เื่ทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นเขาไม่อยากให้ลั่วเสี่ยวซีเปลี่ยนแปลงอะไรอยากให้เธอเป็ลั่วเสี่ยวซีคนเดิมที่แสนเอาแต่ใจ คอยตามตื๊อเขาไม่ห่าง
อีกด้านลั่วเสี่ยวซีเดินกลับไปหาแคนดี้เธอเดินตามแคนดี้ไปทุกที่ราวกับลูกเจี๊ยบเดินตามแม่ไก่จนแคนดี้เริ่มรำคาญเธอ
“สาวสวยแสนฉลาดและร่าเริงคนนั้นหายไปไหนแล้วเธอจะมาตามฉันทำไมเนี่ย! คนมากมายจ้องเธอตาเป็มัน แค่ส่งสายตาให้พวกเขานิดหน่อยผู้ชายพวกนั้นก็คงวิ่งเข้ามาหาเธอแทบไม่ทันแล้ว”
“เมื่อกี้หนูอดทนกับตาฟางเจิ้งแทบแย่พี่แคนดี้อย่ามาบีบหนูได้ไหม!” ลั่วเสี่ยวซีซดน้ำผลไม้ไปค่อนแก้วอย่างเซ็งๆ“ไม่งั้นหนูคงโดนเก็บก่อนจะดังแน่ๆ...”
แคนดี้ผิวปาก“ฉันเกือบลืมไปเลยว่าเธอคือลั่วเสี่ยวซี ถึงจะนิ่งขึ้นยังไงก็ยังเป็ลั่วเสี่ยวซีอยู่ดีคนอื่นอาจจะน่ากลัวเหมือนเสือ แต่เธอมันก็แม่สิงโตสาวดีๆ นี่เอง”
“...”
สุดท้ายลั่วเสี่ยวซีก็ไม่เดินตามแคนดี้อีกเธอยืนหลบมุมกินอาหารอยู่คนเดียวโดยไม่กล้ามองไปทางซูอี้เฉิงเพราะเธอคงรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่เห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น
