หนิงอ้ายพบว่าโรงครัวที่ศิษย์พี่ของตนพามาได้ต่างไปจากสิ่งที่ตนคาดคิดเอาไว้เป็อย่างมาก เป็อาคารห้าเหลี่ยมหนึ่งชั้นที่มีรูปลักษณ์สวยงาม ถูกล้อมรอบไปด้วยสระบัวขนาดใหญ่
ภายในถูกตกเเต่งอย่างเรียบง่ายคล้ายกับว่าเน้นไปที่การใช้งานเสียมากว่า ยามสายนี้เหล่าบรรดาศิษย์จากทุกตำหนักในสำนักศึกษาแห่งนี้ต่างนั่งกินข้าว พูดคุยกันอย่างคึกคักเเต่ก็ไม่ได้วุ่นวายสักเท่าไหร่เนื่องจากว่ามีพื้นที่กว้างขวางและมีที่นั่งเป็สัดส่วนนั่นเอง
ทันทีที่หนิงอ้ายได้ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับไป๋เหลียนฮวาผู้ที่ได้ชื่อว่างดงามเป็อันดับหนึ่งของสำนัก ทุกความสนใจ ทุกสายสายตาต่างจับจ้องมาทางพวกเขาทั้งสองคนอย่างพร้อมเพรียง เนื่องจากว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในการทดสอบรับศิษย์ใหม่ของเมื่อวานนี้นั้นในตอนนี้ทุกคนในสำนักศึกษาต่างรับรู้โดยทั่วกันเเล้วว่าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษานั้นในที่สุดก็มีศิษย์ผู้สืบทอดเสียสักที หลังจากที่ตำแหน่งนี้ได้ว่างเว้นมายาวนานนับสิบปีเลยทีเดียว
ตัวคนที่รับตำแหน่งนี้ก็เป็เพียงเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น หากเทียบกับศิษย์ผู้สืบทอดอีกสามตำหนัก ที่ต่างมีอายุประมาณยี่สิบห้าปีขึ้นไปนั่นนับว่าเป็ศิษย์ผู้สืบทอดที่มีอายุน้อยเช่นนี้นับว่าเป็สิ่งที่น่าสนใจ สร้างความประหลาดใจแก่ผู้ที่ได้รับรู้กันแทบทั้งสิ้น ทุกคนในที่นี้ต่างรับรู้โดยทั่วกันว่าในทุก ๆ สี่ปีนั้นศิษย์ผู้สืบทอดทั้งสี่คนต้องประลองกันตามกฎสืบทอดของสำนักศึกษาที่มีมาอย่างยาวนานหลายร้อยหลายพันปีตั้วแต่แรกเริ่มก่อตั้งสำนัก
ฐานะศิษย์ผู้สืบทอดต่างเป็ฐานะที่ศิษย์ทุกคนนั้น้าเป็อย่างยิ่งเพราะว่าผู้ที่ได้รับฐานะตำแหน่งนี้นอกจากจะได้รับทรัพยากรสนับสนุนที่มากกว่าศิษย์คนอื่นเเล้วนั้น ตำแหน่งนี้ยังการันตรีได้ว่าในวันข้างหน้าศิษย์ผู้สืบทอดผู้นั้นจะได้เป็ศิษย์สายในได้อย่างแน่นอน
แน่นอนว่าย่อมมีการถกเถียงกันเกิดขึ้นเป็อย่างมาก การที่เด็กหนุ่มที่อายุยังน้อยอีกทั้งยังมีรูปร่างที่บอบบางไปไม่ต่างจากสตรีสามารถผ่านการทดสอบจากผู้าุโเหวินหวู่ผู้เป็เ้าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา พวกเขาอยากจะรู้ยิ่งว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีดีอย่างไรกันถึงสามารถตำแหน่งดังกล่าวได้กัน ด้วยเพราะมีหลายคนในที่นี้ที่ไม่ได้เข้าร่วมรับชมการทดสอบศิษย์ใหม่ในเมื่อวานนี้ จึงทำให้บางคนนั้นเชื่อว่านี่คงเป็เื่เล่าที่แต่งสีเติมไข่ไปเสียมากกว่า
สายตาของทุกคนที่มองมาต่างเเสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่หลากหลายทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ เนตรแห่ง์ของหนิงอ้ายนั้นััได้ถึงความคิดของทุกคนที่มีต่อเขานั้นก็ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกโมโหหรือว่าเสียใจเเต่เป็อย่างใด ในโลกเดิมของเขานั้นคนประเภทนี้ก็อยู่มากเช่นกัน
ดังนั้นเเล้วหนิงอ้ายจึงไม่ได้สนใจกลุ่มคนเหล่านี้สักเท่าไหร่นักเพราะว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่มีค่ามากพอที่จะต้องใส่ใจอันใด จากนั้นทั้งสองคนมุ่งตรงเดินเข้ามาอย่างมั่นคงก่อนที่จะเห็นว่ามีโตะว่างอยู่ ไป๋เหลียนฮวาจึงพาหนิงอ้ายไปยังที่นั่งยาวนั้นในทันที เเต่ทว่าก่อนที่เด็กหนุ่มจะนั่งลงไปได้มีเสียงดังจากด้านหลังขึ้น
"หนิงอ้ายเ้าลงมาแล้วอย่างนั้นรึ?? พวกข้าตั้งใจว่าจะไปหาเ้าที่ตำหนัก ดีแล้วที่ได้พบเจอเ้าที่นี่จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา..." เสียงของอี้หลินดังขึ้นก่อนจะเห็นตัวเสียอีกจากทางด้านหลังตามมาด้วยจินหั่ว หลี่ซวงและจ้าวหลาน เมื่อเดินมาถึงเเล้วทั้งสามคนจึงทำการโอบไหล่หนิงอ้ายด้วยความสนิทสนม
"ก่อนหน้านี้ตั้งเเต่แยกย้ายกันไปในเมื่อวานนี้อี้หลินบ่นถึงเ้าเเต่เช้ายังไม่หยุด เ้าคงคิดไม่ออกว่าพวกข้านั้นรู้สึกเช่นไร ฮ่าฮ่าฮ่า" หลี่ซวงเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่เ้าของชื่ออย่างอี้หลินนั้นจะเข้ามาทุบหลังสหายของตนเสียงดังจนน่ากลัว
"เ้าหุบปากไปเลย ที่สำคัญอย่ามาโอบไหล่หนิงอ้ายของข้านะ!!!" หลังจากััสหายตัวโตของตนไปด้วยความแ่เบา? เเล้วนั้นอี้หลินจึงผลักอีกฝ่ายออกไปก่อนที่จะคล้องเเขนสหายตัวน้อยของตนในทันที เสียงของกลุ่มของหนิงอ้ายดังขึ้นอย่างมีความสุข
"ลู่เกอกับอู๋ฮั่นยังไม่มาอย่างนั้นรึ?? เช่นนั้นพวกเราไปตามที่ตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลดีหรือไม่??" หนิงอ้ายเอ่ยถามขึ้นกับทุกคนเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนนั้นยังไม่ปรากฎตัวในโรงครัวเเห่งนี้
"พวกข้าได้แวะไปหาพวกเขาทั้งสองคนเเล้วเห็นว่าทางตำหนักมีการเรียกรวมตัวกันอยู่อีกสักพักคงตามมา นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี..." จ้าวหลานตอบกลับหนิงอ้ายไปก่อนที่จะเห็นว่าสหายทั้งสองของตนนั้นได้มาถึงแล้วจึงเอ่ยเสริมขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
"ลู่ซี อู๋ฮั่นพวกข้ากำลังรอพวกเ้าทั้งสองคนพอดี มานั่งกันได้เเล้ว" จินหั่วเอ่ยทักสหายทั้งสองคนขึ้นเมื่อเห็นว่ามาถึงเเล้วพร้อมกับจัดแจงที่นั่งในทันที
"ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์เรียกคุยเล็กน้อย เเล้วนี่พวกเ้ามาถึงกันนานเเล้วหรือ?? หนิงอ้ายเเล้วเ้าเป็อย่างไรบ้าง??" ลู่ซีเอ่ยบอกกับสหายของตนก่อนที่จะถามเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกครั้งด้วยความเป็ห่วง
"ข้าสบายดีขอรับลู่เกอท่านไม่ต้องเป็ห่วง ศิษย์พี่ทุกคนและท่านอาจารย์ใจดีกับข้ามาก ท่านนี้คือศิษย์พี่ห้าไป๋เหลียนฮวาขอรับ!!" หนิงอ้ายตอบกลับลู่ซีไปพร้อมกับส่งยิ้มเล็กน้อยเพื่อยืนยันสิ่งที่พูดไปก่อนที่จะนึกได้ว่ายังไม่ได้แนะนำให้สหายได้รู้จักศิษย์พี่ของตน
"คำนับศิษย์พี่ไป๋เหลียนฮวาขอรับ!!!" ชายหนุ่มทั้งหกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกันพร้อมกับใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย
พวกเขาทุกคนในที่นี้นั้นย่อมได้ยินชื่อเสียงของศิษย์พี่ไป๋เหลียนฮวาผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็สตรีที่งดงามที่สุดในสำนักกันมาก่อน เมื่อได้เห็นในระยะที่ใกล้เช่นนี้เเล้วนับได้ว่าคำกล่าวนี้ไม่ได้เกินจริงไปเสียด้วยซ้ำ
ทว่ากับลู่ซีที่เคยเห็นรูปลักษณ์ที่เเท้จริงของหนิงอ้ายเเล้ว ตัวเขาเองย่อมมีแรงต้านทานในเื่ของความงามอยู่บ้างไม่น้อย ถึงอย่างไรนั้นก็ต้องยอมรับว่าศิษย์พี่ไป๋เหลียนฮวานั้นนับว่าเป็สตรีผู้หนึ่งที่งดงามสมคำร่ำลือที่เคยได้ยินมา
"พวกเ้าเป็สหายของศิษย์น้องหนิงอ้าย เช่นนั้นแล้วเรียกข้าว่าศิษย์พี่ไป๋เถิด ไม่ต้องมากพิธีอันใดไป..." เห็นท่าทางที่น่าเอ็นดูของเด็กหนุ่มเหล่านี้นางอดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้
สหายของศิษย์น้องหนิงอ้าย นับได้ว่าเป็ผู้ที่มากไปด้วยหน้าตาและความโดดเด่นเสียจริง โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่มีนามว่าลู่ซีที่ศิษย์น้องของนางเรียกนับถืออีกฝ่ายว่าพี่ชายของตน ในการทดสอบก่อนหน้านางััได้ว่าเด็กหนุ่มนั้นมากไปด้วยฝีมือพร์ที่โดดเด่น ดูท่าเเล้วเด็กหนุ่มทั้งสองคนคงได้รับการบ่มเพาะที่ดีจากตระกูลหวังกันอย่างแน่นอน
กลุ่มของหนิงอ้ายเมื่อมาพร้อมหน้ากันแล้วจึงต่างพากันเเยกย้ายไปรับอาหาร โดยที่ศิษย์พี่ไป๋เหลียนฮวาได้ขอเเยกตัวออกไปทำธุระที่ท่านอาจารย์ได้มอบหมายไว้ก่อนจะทิ้งให้เด็กหนุ่มนั่งอยู่ด้วยกันเพราะนางวางใจเเล้วว่าศิษย์น้องของนางย่อมไม่เหงาเป็แน่เมื่อได้อยู่กับสหายของตน อีกทั้งยังแนะนำว่าหากเบื่อหน่ายก็สามารถไปเดินเที่ยวเล่นตลาดที่อยู่ไปไม่ไกลจากตรงนี้ได้เช่นกัน
"ศิษย์พี่ไป๋ช่างงดงามสมคำร่ำลือที่เคยได้ยินมาตอนนี้ข้าเริ่มรู้สึกอิจฉาเ้าเเล้วนะหนิงอ้ายที่มีศิษย์พี่งดงามเช่นนี้ ที่ตำหนักข้ามีเเต่บุรุษตัวโตทั้งนั้นส่วนศิษย์พี่หญิงนั้นก็ตัวโตมากกว่าข้ากับเ้าเสียอีก..." อี้หลินเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับมองตามหลังศิษย์พี่ร่วมตำหนักสหายของตนด้วยแววตารำพึงรำพัน
"ศิษย์พี่ไป๋หาได้มีเพียงความงามเท่านั้น นางเป็ถึงกับหลานของท่านเ้าตำหนักเหวินหวู่อีกทั้งฝีมือปรุงโอสถของนางนั้นนับได้ว่าขึ้นชื่อเป็อันดับต้น ๆ เช่นกัน..." หลี่ซวงเอ่ยเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม ด้วยเพราะก่อนเข้าสำนักศึกษานั้นเขาย่อมรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสำนักและศิษย์ที่มีชื่อเสียงของเเต่ละตำหนักทั้งสี่เขาย่อมรับรู้และได้ยินมาบ้างเช่นกัน
"เเล้วลู่เกอกับอู่ฮั่นเล่าทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่หรือไม่??" หนิงอ้ายถามกลับไปยังทั้งสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับตน
"ทุกอย่างเรียบร้อยเพียงเเต่ด้วยเพราะปีนี้ทางตำหนักได้รับศิษย์ใหม่เข้ามาเป็จำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้นที่พักจึงไม่เพียงพอจึงทำให้มีการเเบ่งศิษย์ใหม่สองคนพักอยู่ในเรือนพักหนึ่งหลัง เกอกับอู๋ฮั่นได้จับคู่กันพอดี..." ลู่ซีตอบกลับหนิงอ้ายไปก่อนที่อู่ฮั่นนั้นจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะทุกอย่างลงตัวอย่างพอดีราวกับถูดจัดวาง
"ดีจริงที่พวกเ้าทั้งสองคนได้พักด้วยกัน พวกข้านั้นต้องจับกลุ่มสี่คนต่อเรือนพักหนึ่งหลังเเล้วเ้าคิดดูเสียเถอะ ข้าที่ตัวเล็กเพียงนี้เเต่ต้องอยู่กับพวกตัวโตทั้งสามคนเหล่านี้พูดไปเเล้วก็สงสารตัวเองเสียจริง..." อี้หลินเอ่ยขึ้นไปด้วยน้ำเสียงตัดพ้อก่อนที่จ้าวหลานที่นั่งอยู่ข้างกันจะจับหัวของเด็กหนุ่มไปมาจนมีเสียงโวยวายดังขึ้นตามหลังที่เรียกเสียงหัวเราได้เป็อย่างดี
"เรือนพักของตำหนักพวกเราหลังใหญ่มากเพียงพอสำหรับสี่คน เ้าอย่าไปสนใจคำของอี้หลินเลยเขาบ่นไปอย่างนั้นเเหละ..." จินหั่วเอ่ยเสริมไปพร้อมกันหันหน้าคุยกับหนิงอ้ายเพราะเขาเป็สหายของอี้หลินตั้งเเต่อีกฝ่ายยังเด็กจึงทำให้รู้ถึงนิสัยช่างหยอกของอีกฝ่ายได้เป็อย่างดี
หนิงอ้ายพยักหน้ารับรู้อย่างว่าง่าย ก่อนที่ทุกคนจะพากันกินอาหารที่ตนไปรับมาในทันที อาหารในโรงครัวนั้นถือว่ามีรสชาติที่ดีมาก นับว่าเกินความคาดหมายจากที่คิดไว้เลยทีเดียว เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเเล้วนั้นจึงตกลงกันว่าจะไปเดินเล่นกันเสียหน่อยนั่นคือตลาดที่ศิษย์พี่ไป๋แนะนำนั่นเอง
เเต่ละร้านค้าก็คือบรรดาศิษย์สายในและศิษย์สายนอกในสำนักทั้งสิ้น แน่นอนว่าตัวของสินค้านั้นก็มีหลากหลายตามไปด้วย อี้หลินที่เป็คนที่ชื่นชอบในการพูดคุย ดังนั้นตลอดเส้นทางเดินจึงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะในบางครั้ง พวกเขาเองต่างเป็ผู้รับฟังบ้างก็โต้ตอบกลับไปตามความคิดเห็นของตนเช่นกัน
ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อก็ไปถึงพื้นที่ที่ถูกเรียกว่าตลาดเเล้ว มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว้างขวางเลยทีเดียว ด้วยความที่สำนักสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์มีมหาค่ายกลระดับสูงที่ถูกร่ายกับกำกับไว้ จึงส่งผลให้อากาศภายในเขตพื้นที่แม้จะเป็่เวลาที่สายมากเเล้วเเต่อากาศยังคงเย็นสบาย ตลาดแห่งนี้มีศิษย์พี่สายใน ศิษย์พี่สายนอกมากหน้าหลายตาที่ต่างพากันตั้งร้านขายของกันอยู่เต็มไปหมด ภาพบรรยากาศนี้ทำให้หนิงอ้ายนึกถึงตลาดนัดในโลกเดิมของตนเป็อย่างมาก เสียงร้องะโดังขึ้นจากทั่วทั้งพื้นตลาดที่ดังขึ้นยิ่งทำให้พวกเขานั้นต่างรู้สึกตื่นเต้นคึกคักอยู่ไม่น้อย
"ไม่น่าเชื่อว่าในสำนักของเราจะมีตลาดเช่นนี้ในตลาดนัดครั้งถัดไปข้าอาจจะหาของมาตั้งขายด้วยก็เป็ได้"อี้หลินเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับขบคิดว่าตนนั้นจะเอาของสิ่งใดมาขายกัน"
"จากที่ศิษย์พี่ไป๋เหลียนฮวาได้บอกไว้ ตลาดนัดนี้จะมีขึ้นในทุก ๆ เจ็ดวัน ซึ่งจะเป็ศิษย์ในสำนักของพวกเรานี้เเหละที่เป็พ่อค้าเเม่ค้าและเป็ลูกค้าด้วยกันเอง เนื่องจากว่าศิษย์สายใน ศิษย์สายนอกที่อยู่ในระดับชั้นปีสองเป็ต้นไปจะสามารถเข้ารับภารกิจกับทางสำนักได้ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ศิษย์เ่าั้จึงมีข้าวของมากมายที่นำมาวางขายเเลกเปลี่ยนกันได้อย่างมากมายเช่นนี้..." จ้าวหลานเอ่ยเสริมขึ้นพร้อมกับมองไปโดยรอบด้วยความสนใจเช่นกัน
กลุ่มของหนิงอ้ายต่างเดินเที่ยวในพื้นที่ตลาดอย่างไม่รีบเร่ง อีกทั้งยังพูดคุยกันอย่างคึกคัก เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาอย่าง ๆ สม่ำเสมอต่างได้เรียกสายตาจากผู้คนโดยรอบให้จ้องมองมาพร้อมกันหันหลังคุยกัน ด้วยเพราะเกือบทุกคนในนี้ต่างอยู่ในงานทดสอบศิษย์ใหม่เมื่อวานนี้
ทุกคนต่างจดจำกลุ่มของหนิงอ้ายได้เป็อย่างดีด้วยเพราะเเต่ละคนนั้นมีฝีมือที่โดดเด่นที่สามารถเอาชนะศิษย์สายนอกผู้เป็คู่ประลองได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะกับเด็กหนุ่มร่างบางที่มีนามว่าหนิงอ้ายนั้นก็มีฐานะเป็ถึงศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาเลยทีเดียว ข่าวลือในเื่นี้จึงเป็ที่รับรู้กันโดยทั่วของสำนัก จุดสนใจของทุกคนในตลาดนี้นั้นคือกลุ่มของเด็กหนุ่มนี้นั่นเอง
"เ้าคือศิษย์ตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาที่นามว่าหนิงอ้ายใช่หรือไม่???" เสียงของบุรุษคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของกลุ่มหนิงอ้ายที่ยังคงพูดคุยกันและเลือกหาซื้อสินค้า
เสียงของบุรุษที่ดังขึ้นคล้ายกับจะหาเื่นั้นส่งผลให้กลุ่มของหนิงอ้ายทั้งเจ็ดคนพร้อมกันหันหลังกลับมองไปยังต้นเสียงในทันที จากนั้นจึงเห็นว่ากลุ่มของชายหนุ่มประมาณสี่ถึงห้าคนที่เดินมุ่งตรงเข้ามานั้นเสื้อคลุมตัวนอกสีเเดงทำให้รับรู้ได้ว่าเป็ศิษย์สายนอกรุ่นพี่จากตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้นั่นเอง
"ข้าหนิงอ้ายศิษย์ลำดับที่เจ็ดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาพวกท่านมีธุระอันใดกับข้าเช่นนั้นรึ?" หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับมองไปยังกลุ่มบุรุษที่เป็ศิษย์พี่ร่วมตำหนักของสหายตน
จากเนตรเเห่ง์ทำให้หนิงอ้ายรู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต่างเป็ศิษย์สายนอกของตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้มาหลายปีเเล้ว เเต่ละคนนั้นมีอายุยี่สิบห้ายี่สิบหกปีขึ้นไปและต่างมีรากฐานบ่มเพาะพลังิญญาอยู่ในระดับเทวะิญญาขั้นต้นทั้งสิ้น นับได้ว่าเป็ผู้ฝึกตนที่มีฝีมืออยู่บ้างเช่นกัน
"พวกเ้าทั้งสี่คนนับว่าเป็ศิษย์น้องร่วมตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ เหตุใดพวกเ้าจึงคบหากับสหายที่ดูอ่อนแอดั่งสตรีในห้องหอเช่นนี้เล่า..." เสียงของบุรุษคนหนึ่งในกลุ่มของศิษย์พี่สายนอกพวกนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไร้มารยาทพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
"ดูท่าเเล้วตำแหน่งผู้สืบทอดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาที่เ้าได้มานั้นคงได้มาจากใบหน้าล่อลวงดั่งนางจิ้งจอกของเ้าเสียแล้วกระมัง ราชทินนามจักรพรรดิิญญาเพียงเท่านี้หาได้คู่ควรกับตำแหน่งที่เ้าได้รับไม่!!!" ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาดุดันเอ่ยขึ้น
ดูจากท่าทางแล้วน่าจะเป็หัวหน้าของกลุ่มนี้ เพราะหลังจากจบคำกล่าวนั้นคนที่เหลือต่างพยักหน้าเห็นด้วยก่อนที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังเรียกทุกสายตาให้มองมายังจุดนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน ที่บ้างก็ขบขัน บ้างก็พยักหน้าเห็นด้วยบ้างก็มองมาอย่างคาดหวังว่าหลังจากนี้จะมีเื่สนุกเกิดขึ้น...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้