การทำลายตนเองของจิติญญาแห่งธรรมชาติช่างเลวร้ายยิ่งนัก แม้สือเสี่ยวเป่าจะเป็เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้า แต่ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะทำลายศัตรูในขอบเขตเดียวกัน
หนิงเทียนคำรามอย่างไม่ยินยอม เขาคิดไม่ถึงว่าสือเสี่ยวเป่าจะบ้าได้ถึงเพียงนี้ มันยอมตายและถูกฝังไปพร้อมกับเขาดีกว่ายอมรับความพ่ายแพ้
ใน่วิกฤตของชีวิตและความตาย หนิงเทียนไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดแล้ว เขาเรียกใช้กายาสุวรรณะนิรันดร์จนถึงขีดจำกัด ทั้งยังใช้น้ำเต้าเจ็ดสีเพื่อปราบปรามการทำลายตนเองของสือเสี่ยวเป่า
เสียงดังก้องสั่นะเืไปทุกทิศ สือเสี่ยวเป่าแหลกสลายเป็เถ้าถ่าน หนิงเทียนได้รับาเ็สาหัสจนิัของเขาฉีกออก ชิ้นเนื้อซ่านกระเซ็น
ทันใดนั้นหินสีดำก็ปรากฏขึ้น เถาวัลย์หัวผีพันิญญาจ้องมองหนิงเทียนที่าเ็สาหัสตาเป็มัน ด้วยความอยากกลืนกินเขาให้สิ้นซาก
เถาวัลย์สีดำกวาดไปมาเหมือนแส้ยาว ศีรษะมนุษย์ที่ปลายเถาวัลย์พ่นควันดำซึ่งมีอำนาจกัดกร่อนทุกสิ่งออกมา
ในเวลาเดียวกัน รอยยิ้มสยดสยองที่น่าขนหัวลุกก็แสยะขึ้น ซึ่งทำให้ร่างกายของหนิงเทียนเย็นลงและเหงื่อแตกพลั่ก
เขาคำรามด้วยความไม่ยินยอม เมื่อทหาริญญาหยั่งรากลงพื้นดิน ใบไม้สีเขียวก็งอกขึ้นบนกิ่งก้านเปลือยเปล่า ขณะที่ดอกท้อบานสะพรั่งเต็มต้น ปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวก็ครอบคลุมทุกทิศทาง และเปลือกไม้ก็ไหลไปตามแสงแห่งอัสนี
นี่เป็ครั้งแรกที่เยาเยาเผยสถานะต่อสู้ของนางหลังจากกลายเป็สหายิญญาของหนิงเทียน ใบท้อเฉียบแหลมราวคมกระบี่ กระบี่นับพันเล่มแต่งแต้มด้วยประกายสีชาดและแฝงด้วยพลังแห่งอัสนี ซึ่งทำให้หนิงเทียนใอย่างยิ่ง
หินสีดำหยุดชะงักไปชั่วครู่ เถาวัลย์หัวผีพันิญญาส่งเสียงคำรามอันแหลมคม ศีรษะมนุษย์แปรเปลี่ยนอย่างแปลกประหลาดและดุร้าย เถาวัลย์กลายเป็แส้และหอกยาวพร้อมพุ่งเข้าหาเยาเยาทันที
ทันใดนั้นสายอัสนีก็ฟาดลงมา ปราณกระบี่ของเยาเยาช่างน่าหลงใหล กลีบดอกสีชมพูลอยล่องเข้าเฉือนใบเถาจนร่วงหล่น ฟันเถาวัลย์จนฉีกขาด ทำให้เถาวัลย์หัวผีพันิญญาต้องล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว และส่งเสียงกรีดร้องแหลมคมราวเสียงหวีดของภูตผีปีศาจ
ใบท้อโบยบิน ดอกท้อแบ่งบาน ปราณกระบี่ทั้งแนวตั้งและแนวนอนกลายเป็ป่าท้อยาวสิบลี้ที่ทอดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับหญิงงามที่ได้ยินเสียงกระซิบจากสหายเก่าและมองย้อนกลับไปเื้ั
ความโศกเศร้าอันบางเบาแทรกซึมอยู่ในอณูอากาศ ราวกับหมอกแห่งห้วงฝันที่ชวนให้นึกถึงกลิ่นหอมกรุ่น
ควันสีดำประหลาดปกคลุมเถาวัลย์หัวผีพันิญญา ราวกับิญญาทรงพลังนับพันดวง จากนั้นก็มีดวงตาชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัวคู่หนึ่งปรากฏขึ้น
หินสีดำหมุนรอบร่างของหนิงเทียนอย่างว่องไว เถาวัลย์ส่งเสียงแหลมคมราวปลายหอก ทำให้ห้วงอากาศสั่นะเืจนอยากจะหลีกหนี
พลังอนธการรวมตัวและพัฒนาเป็หอกเถาวัลย์ ดวงตาชั่วร้ายส่งคลื่นจิตคุกคาม พยายามปราบปรามทหาริญญาเยาเยา
กิ่งท้อแกว่งไปมา ห้วงอากาศพังทลายลง สายอัสนีเต็มไปด้วยพลังหายนะจาก์ราวกับดวงอาทิตย์สีแดงสาดส่องจากท้องนภา เข้าแผดเผาพลังอนธการจนไหม้เกรียม
เถาวัลย์หัวผีพันิญญาคำรามขู่ รัศมีทรงพลังจากทหาริญญาเยาเยามีพลังอัสนีทำลายล้าง ซึ่งสามารถปราบปรามมันได้
ควันสีดำค่อยๆ ยุบตัวและส่งเสียงกรีดร้องแหลมคม ปราณกระบี่ตัดผ่านห้วงมิติ ตัดใบเถาจนกระจายทั่วท้องนภา ศีรษะมนุษย์ถูกคลี่ออกทีละหัว พลังสังหารสูงส่งจนเถาวัลย์สีดำไม่สามารถปัดป้องได้
ความแข็งแกร่งของเยาเยานั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ซึ่งเป็สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเถาวัลย์หัวผีพันิญญา
กว่ามันจะรู้สถานการณ์โดยรวมของเยาเยา อาการาเ็ของหนิงเทียนก็หายเป็ปกติแล้ว
กระแสน้ำรูปวงแหวนมีพลังในการหล่อเลี้ยงทุกสิ่ง ซึ่งมันปลดปล่อยกลิ่นเถาวัลย์หัวผีพันิญญาที่น่ารังเกียจออกมา
เงามายาของกระแสน้ำปรากฏขึ้นทันทีที่หนิงเทียนลุกขึ้นยืน เถาวัลย์หัวผีพันิญญาจึงหันหลังกลับและเลือกที่จะหลบหนี
“อย่าหนีนะ!” หนิงเทียนไล่ตามมันไป เถาวัลย์สีดำนี้ทั้งแปลกประหลาดและชั่วร้าย เขาไม่สามารถปล่อยให้มันหนีไปได้ อีกทั้งสุ่ยหลิงยังกล่าวว่าเถาวัลย์สีดำต้นนี้ต้องทำลายทิ้ง มิฉะนั้นจะเกิดผลร้ายตามมา
เถาวัลย์สีดำว่องไวเหมือนบินได้ มันเคลื่อนไหวภายใต้ความสูงกว่าร้อยจั้ง และเส้นเถาวัลย์นับพันซึ่งมีหลายร้อยหัวก็วิ่งไปทั่วูเาราวกับิญญาชั่วร้าย
...
ในวันที่เก้าของการชุมนุมล่าสัตว์ฤดูเหมันต์ ผู้าุโของแต่ละสำนักกำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่ออยู่นอกพื้นที่สาธารณะ โดยหวังว่าศิษย์ของตนจะได้บางสิ่งบางอย่างกลับมาด้วย
ทันใดนั้นก็มีลำแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องนภา ทะลุชั้นฟ้าและกระจายพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกไป
บนแท่นบูชา ปรมาจารย์ของสำนัก์และสำนักวั่นจื๋อต่างลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาของพวกเขาจับจ้องไปยังทิศทางที่ลำแสงจางหายไป
“เหมือนว่าจะเป็เขตหนึ่ง กลิ่นอายนี้ต้องเร่งตรวจสอบทันที!”
ใบหน้าของเทพวานรแห่งสำนัก์ดูเคร่งขรึม เขามีหน้าที่รับผิดชอบการชุมนุมล่าสัตว์ฤดูเหมันต์คราวนี้ เดิมทีเขาคิดว่าจะไม่มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้น ทว่ากลับมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในวันสุดท้าย
เยี่ยหลิงหลานก็มองไปยังบริเวณที่ลำแสงหายไปเช่นกัน ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงคราม รัศมีที่หายวับไปนั้นมีพลังที่ไม่ธรรมดา
ใบหน้าหยาบกร้านของชวีจงจื๋อเริ่มเคร่งขรึม เขาเอ่ยกระซิบ “เป็พลังที่น่ากลัวยิ่งนัก มีอะไรซ่อนอยู่ในเขตหนึ่งกันแน่?”
เทพวานรส่ายหัว เขาก็สับสนมากเช่นกัน
ก่อนมีการชุมนุมล่าสัตว์ฤดูเหมันต์ สำนัก์ได้ตรวจสอบพื้นที่หลักทั้งสามแห่งอย่างละเอียดแล้ว พื้นที่เขตหนึ่งเป็บริเวณที่ค่อนข้างปลอดภัย แล้วเหตุใดจึงเกิดอุบัติเหตุที่นั่นได้?
“เราจัดพื้นที่เขตหนึ่งและสองเพื่อปกป้องจื๋อซิว กุญแจที่แท้จริงอยู่ที่หลุมั์ หลุมลึก และทะเลสาบในพื้นที่สาธารณะ ทว่าตอนนี้กลับมีบางอย่างเกิดขึ้นในเขตหนึ่ง เราเองก็สับสนมากเช่นกัน”
เทพหมาป่าสีเงินผู้มีภาพลักษณ์ราวคนวัยห้าสิบต้นๆ กล่าวขึ้น แม้เขาจะแต่งกายด้วยชุดคลุมสีเทาและมีรูปร่างหน้าตาธรรมดา แต่เขาก็เป็ถึงผู้มีชื่อเสียงแห่งสำนัก์ ซึ่งคำพูดของเขามีความน่าเชื่อถือมาก และชวีจงจื๋อก็เชื่อว่าเทพหมาป่าสีเงินย่อมไม่พูดไร้สาระ
เมื่อผู้าุโของสำนักหยวนซิวทั้งเจ็ดที่อยู่ด้านล่างเห็นลำแสงนั้น พวกเขาก็พูดถึงมันทันที และบางคนก็แนะนำให้เข้าไปดูใกล้ๆ ซึ่งมีเพียงผู้าุโของสำนักร้อยอสูรและสำนักพยัคฆ์โผนเท่านั้นที่ปฏิเสธอย่างสุภาพ พร้อมเกลี้ยกล่อมผู้าุโของสำนักต่างๆ ให้วางใจ
ในเวลานี้ เมฆสีม่วงลอยมาจากระยะไกล มันฉีกห้วงอากาศออกจากกันราวสายฟ้าพร้อมเสียงดังตูมที่สั่นะเืท้องนภา ซึ่งดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือจากทุกกลุ่ม
เมฆสีม่วงลอยไปทั่วบริเวณ เสียงหวีดหวิวที่คมชัดราวมีดแหลมพุ่งตัดผ่านห้วงมิติ สร้างความสั่นสะท้านในใจผู้คน
เรือรบโลหะทรงรีลอยออกจากหมู่เมฆสีม่วงอย่างรวดเร็ว จนทิ้งเสียงเอาไว้เื้ั
บนแท่นบูชา ดวงตาของเทพวานรกระตุกเล็กน้อย พร้อมเผยให้เห็นประกายแปลกๆ “เรือซ่อนเร้นเมฆาม่วงของสำนักอินทนิล! มันเป็อาวุธิญญาระดับกลางที่บินได้ เช่นนี้หรือว่ามีคนจากราชวงศ์กำลังมาเยือนที่นี่?”
เทพหมาป่าสีเงินกล่าว “ข้าได้ยินมาว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมา จักรวรรดิเชียนซานถือกำเนิดองค์ชายผู้หนึ่งซึ่งมีสายเืพิเศษ และได้เข้าร่วมสำนักอินทนิลของกลุ่มหยวนซิว”
เรือรบโลหะส่งเสียงดังสนั่นก่อนจะร่อนลงด้านล่างแท่นบูชา พร้อมเปล่งแสงสีม่วงที่ไหลอาบทั่วลำเรือ
เรือลำนี้มีแหลมปลายสองข้าง เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสองจั้ง เป็เรือบินขนาดเล็กที่แกะสลักด้วยลวดลายเหรียญโบราณ
เมื่อเปิดใช้งาน ปีกเรือจะกางออกเหมือนรูปพัด ซึ่งมีความงดงามตระการตาอย่างมาก
ชายหนุ่มวัยยี่สิบปีสวมเสื้อผ้าหรูหราเดินลงมา ใบหน้าของเขามีความสง่างาม บนศีรษะสวมกวานสีม่วงและคาดสายรัดเอวสีเขียว ดวงตาของเขาทอประกายสีม่วง และมีรอยยิ้มมั่นใจบนริมฝีปาก
“ผู้เยาว์ชิวซานอวิ๋นขอคารวะปรมาจารย์แห่งสำนัก์และสำนักวั่นจื๋อ รวมถึงผู้าุโจากสำนักต่างๆ” เขายกกำปั้นและโค้งคำนับด้วยท่าทางน่านับถือ แลดูสุภาพและมีอัธยาศัยดี
เทพวานรจ้องมองชิวซานอวิ๋น ชายผู้นี้มีบุคลิกที่ไม่ธรรมดา เขามีความสงบเสงี่ยม อีกทั้งกิริยาท่าทางก็สมกับการเป็เ้าคนนายคน
“เ้าคงเป็องค์ชายสามแห่งจักรวรรดิเชียนซานสินะ”
“นั่นคือผู้เยาว์เอง”
เทพหมาป่าสีเงินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ว่ากันว่าเ้าเป็อัจฉริยะแห่งจักรวรรดิเชียนซานที่หาได้ยากในรอบหลายร้อยปี อีกทั้งเ้ายังได้ปลุกสายเืเงาอินทนิลที่หายาก และเป็หนึ่งในผู้ที่เก่งที่สุดในหมู่สหายรุ่นเดียวกันของสำนักอินทนิล เช่นนั้นวันนี้เ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด?”
ชิวซานอวิ๋นตอบด้วยความเคารพ “เมื่อสองวันก่อนข้ากลับเรือนมาเพื่อจะพักผ่อนสักสองสามวันหลังจากศึกษาอยู่ในสำนักมาระยะหนึ่ง แต่คาดไม่ถึงว่าข้าจะััได้ถึงคลื่นอันทรงพลัง จึงอยากมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น หวังว่าผู้าุโทุกท่านจะไม่ขุ่นเคือง”
การมาเยือนที่แห่งนี้ในฐานะศิษย์หยวนซิว เขาย่อมไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีนัก แต่สถานะของชิวซานอวิ๋นนั้นไม่ธรรมดา เขาเป็ถึงองค์ชายแห่งจักรวรรดิเชียนซาน และยังเป็อัจฉริยะที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ของสำนักอินทนิล ซึ่งเป็หนึ่งในสี่แดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าหยวนซิว ดังนั้น แม้หยวนซิวและจื๋อซิวจะมีความบาดหมางต่อกัน แต่สำนัก์ก็ไม่คิดรังแกคนรุ่นเยาว์
“เ้าเพียงแต่มาดูเท่านั้นหรือ?”
“หากได้รับอนุญาต ข้าก็อยากจะเข้าไปสำรวจสักหน่อย” ชิวซานอวิ๋นก้มศีรษะด้วยท่าทางสุภาพอย่างยิ่ง
เทพหมาป่าสีเงินเหลือบมองเมฆาม่วงบนท้องฟ้า แล้วผลักปัญหาให้ชวีจงจื๋อและเยี่ยหลิงหลาน “พวกท่านคิดเห็นอย่างไร?”
ชวีจงจื๋อลอบบ่นในใจแล้วตอบว่า “นี่คืออาณาเขตของเ้า เ้าย่อมมีสิทธิตัดสินใจ”
เทพหมาป่าสีเงินพึมพำ “ขอบเขตขององค์ชายสามเป็ไปตามเงื่อนไขในการเข้าร่วมการชุมนุมล่าสัตว์ฤดูเหมันต์ ข้ายอมยกเว้นและอนุญาตให้เ้าเข้าไปดูได้”
“ขอบคุณผู้าุโที่เมตตา” ชิวซานอวิ๋นรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง เขาเก็บเรือซ่อนเร้นเมฆาม่วง แล้วรีบวิ่งเข้าไปในพื้นที่สาธารณะ
ยามนั้น ยอดฝีมือจากสำนัก์ที่ไปตรวจสอบสถานการณ์ก็กลับมาพอดี
“มีเถาวัลย์สีดำอยู่ในพื้นที่เขตหนึ่ง ขณะนี้ศิษย์สำนักร้อยบุปผากำลังไล่ตามเถาวัลย์สีดำนั้นอยู่”
สำนัก์ สำนักวั่นจื๋อ และยอดฝีมือจากกลุ่มต่างๆ ล้วนได้ยินคำรายงาน ซึ่งการปรากฏตัวของเถาวัลย์สีดำลึกลับก็สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน
ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่ทุกคนรับฟังรายงานอย่างตื่นเต้น อาณาเขตที่ปิดล้อมพื้นที่หลักทั้งสามก็พังทลายลงอย่างเหนือความคาดหมาย กลิ่นอายชั่วร้ายและแปลกประหลาดกระตุ้นให้อสูริญญาแห่งยอดเขาหมื่นอสูรตื่นตระหนก
“รีบเรียกศิษย์ทั้งหมดที่เข้าร่วมการชุมนุมกลับมาโดยเร็วที่สุด! ไม่เช่นนั้นอาจสายเกินไปหากสิ่งต่างๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง” เทพวานรตัดสินใจสั่งการทันที ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสง์ พร้อมจ้องมองไปยังทิศทางของยอดเขาหมื่นอสูร
เมฆดำทะมึนค่อยๆ ก่อตัว เถาวัลย์สีดำขยายใหญ่ท่ามกลางพายุ พร้อมดูดพลังิญญาฟ้าดินและพัฒนาเป็ิญญาชั่วร้าย
ปรมาจารย์ทั้งสี่บนแท่นบูชาพุ่งตัวออกไปพร้อมกัน พวกเขารีบเร่งไปยังทิศทางที่เถาวัลย์หัวผีพันิญญากำลังอาละวาด และปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
โฮก!
ห้วงอากาศสั่นสะท้านพร้อมเสียงคำรามแห่งการทำลายล้างที่ทำใหู้เาแตกกระจายลูกแล้วลูกเล่า ราวกับคลื่นกัมปนาทที่ควบคุมจิตใจของทุกคน
ใบหน้าของเทพวานร เทพหมาป่าสีเงิน เยี่ยหลิงหลาน และชวีจงจื๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาหยุดก้าวไปข้างหน้าแล้วจ้องมองเงาของอสูรที่น่าสะพรึงกลัวบนยอดเขาหมื่นอสูร
มันมีความสูงถึงแสนจั้งและปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก ทำให้ยากต่อการแยกแยะรูปลักษณ์ที่แท้จริง ดวงตาสีเข้มราวโลหิต พร้อมปลดปล่อยพลังแห่งฟ้าดิน และก่อให้เกิดกระแสน้ำวนแห่งการทำลายล้างที่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่มั่นคง
พลังของมันเทียบเท่ากับปรมาจารย์ทั้งสี่ พวกเขาต่างก็รู้สึกไม่สบายใจ และเริ่มฉายความหลาดกลัวออกมาผ่านแววตา
ในดินแดนหยวนซิง อสูรระดับห้านั้นหายากมาก การดำรงอยู่ของพวกมันเทียบได้กับปรมาจารย์สูงสุด ซึ่งมีพลังต่อสู้ที่รุนแรงอย่างยิ่ง
สาเหตุที่ยอดเขาหมื่นอสูรมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งใต้หล้าก็เพราะที่นี่มีอสูรระดับห้าอาศัยอยู่ ทั้งยังมีสิ่งมีชีวิตชั้นยอดจำนวนมากถูกฝังเอาไว้
“เราขอเตือนว่าอย่าล้ำเส้นจะดีกว่า เื่นี้ควรส่งศิษย์ขอบเขตเปลี่ยนผ่านมากำจัดมันเท่านั้น พวกท่านคิดว่าอย่างไร?” เทพหมาป่าสีเงินมีสีหน้ามืดมน เขาหันมองชวีจงจื๋อและเยี่ยหลิงหลานเพื่อถามความคิดเห็น
ชวีจงจื๋อกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อเป็เช่นนี้ก็ต้องลองส่งศิษย์ในขอบเขตเปลี่ยนผ่านไปดูก่อน”
ทางด้านหนิงเทียน เขากำลังไล่ตามเถาวัลย์สีดำที่วิ่งไปข้างหน้า อยู่ภายในพื้นที่เขตหนึ่ง
ระหว่างทาง เถาวัลย์หัวผีพันิญญาได้รุกรานอสูริญญาไปจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็ดอกไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า เถาวัลย์ ไปจนถึงเหล่านก แมลง และปลา เมื่อพวกมันตกเป็เป้าหมายแล้ว ร่างของพวกมันก็จะเน่าเปื่อยหรือถูกดูดซึมพลัง และในที่สุดก็กลายเป็ทาสของเถาวัลย์
หนิงเทียนถูกบรรดาิญญาและอสูรเ่าั้โจมตีอย่างดุเดือด การไล่ล่าของเขาจึงมีอุปสรรคอย่างมาก
ยิ่งเถาวัลย์หัวผีพันิญญารุกรานิญญาอสูรมากเท่าใด มันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดมันก็ทะลุข้อจำกัดในสามพื้นที่หลักและบุกไปถึงเชิงเขาหมื่นอสูรแล้ว
พลังิญญา ณ ที่แห่งนั้นมีความอุดมสมบูรณ์และมีจำนวนมหาศาล ในเวลาเพียงชั่วครู่ เถาวัลย์หัวผีพันิญญาก็สูงถึงหนึ่งพันจั้ง พร้อมปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ซึ่งทำให้เกิดเสียงคำรามของเหล่าอสูรระดับห้า
