ฉางหนิงในวันนี้นับว่าพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ มาดูกันว่าจะทำตัวหยิ่งทะนงต่อหน้านางไปได้อย่างไร!
ครั้นฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยประโยคนี้ออกมา ความสนใจของทุกคนพลันจับจ้องไปที่ฉางไทเฮา
สีหน้าของฉางไทเฮาดูผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนตระหนักถึงได้ถึงบางสิ่ง เขารีบก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวลทันทีว่า "คิดดูแล้ว เสด็จแม่คงเหนื่อยมากแล้ว อี้เอ๋อร์ พวกเราไปส่งฮองเฮาและไทเฮากลับวังด้วยกันเถิด!"
ในขณะที่จ้าวเยี่ยนเดินไปหาจ้าวอี้พลางแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ท่าทีสง่างามไร้ความปรารถนา ราวเทพเซียน
กลับวังหรือ?
"ไม่ ข้ายังอยากเจอยวี่เอ๋อร์!"
จ้าวอี้เอ่ยปฏิเสธแทบจะทันที เขาหันไปมองฉู่ชิงและสอบถามเกี่ยวกับที่อยู่ของเหนียนยวี่ต่อ ฮองเฮาอวี่เหวินกลับก้าวออกไปก่อนก้าวหนึ่ง พลางเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูยวี่มีมือมีเท้า เ้าจะตามหานางไปทำไม? ตอนนี้เ้าต้องกลับวังไปกับเปิ่นกงก่อน!”
ด้วยน้ำเสียงของฮองเฮาอวี่เหวิน นางเหลือบมองจ้าวอี้ สายตานั้นเต็มไปด้วยคำเตือน
ร่างนั้นผุดขึ้นในหัวนาง เหนียนยวี่...
ฮองเฮาอวี่เหวินกำลังคิดอะไรบางอย่างและนางก็ไม่มีอารมณ์จะเหยียบย่ำฉางหนิงต่อแล้ว
จ้าวอี้ผงะไปครู่หนึ่ง ฮองเฮาอวี่เหวินยื่นมือออกมาและรอให้จ้าวอี้เข้ามาประคอง ในใจจ้าวอี้รู้สึกไม่เต็มใจ ทว่าเขานึกถึงวันที่ขัดคำสั่งของมารดา ในใจรู้สึกผิด จึงก้าวเข้าไปช่วยประคองฮองเฮาอวี่เหวินขึ้นรถม้า
หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนช่วยประคองฉางไทเฮาขึ้นรถม้าอีกคัน จ้าวอี้เดิมทีอยากขี่ม้า แต่ถูกฮองเฮาอวี่เหวินบังคับให้นั่งในรถม้า รถม้าทั้งสองคันจากไปทีละคันและนางกำนัลเดินตามหลังรถม้าไป ไม่มีผู้ใดสังเกตว่าในเหล่านางกำนัลนั้นมีคนหายไปหนึ่งคนและคนผู้นั้น...
ในตอนนี้ความสนใจของทุกคนจับจ้องไปที่จ้าวอี้ สายตาของฉู่ชิงมองไปยังสตรีที่แต่งกายเป็นางกำนัลเป็ครั้งคราว แม้นใบหน้าจะผ่านการแต่งเสริมเติมแต่งมาและไม่เหมือนใบหน้าเดิม ทว่าเขายังคงเห็นนางโดดเด่นออกมาจากกลุ่มผู้คน
เมื่อครู่นี้ เขาเห็นนางอย่างชัดเจน ยามที่ผู้คนไม่สนใจ เงาร่างนั้นเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ
นางจะไปทำสิ่งใด?
มิรู้ว่าเริ่มั้แ่เมื่อใด หัวใจของฉู่ชิงรู้สึกสนใจและอยากรู้อยากเห็นในตัวเหนียนยวี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ...
นอกเขตพำนัก ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง หนานกงฉี่และเหนียนอีหลานเองต่างก็ขึ้นรถม้า ไม่ได้มุ่งหน้ากลับจวนหนานกง ทว่ากลับเปลี่ยนเส้นทาง มุ่งหน้าไปยังจวนเหนียนแทน เื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ล้วนอยู่ในสายตาของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงและหนานกงฉี่ ยามนี้บนรถม้าปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน
อวี่เหวินหรูเยียนเฝ้ามองรถม้าของวังหลวงจากไป นางยืนอยู่ที่นั่นเป็เวลานาน จ้องมองความว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
ณ เขตพำนัก ลานทางใต้
นานมากแล้วที่ทุกคนจากไป ฉางหงเยียนและทั้งสามคนในห้องยังคงนอนอยู่บนพื้น สีหน้าจนตรอก เวลาล่วงเลยผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง นางยังคงไม่ได้สติจากเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
เมื่อครู่นางเกือบสิ้นใจ...
แต่ยามนี้นางปลอดภัยแล้วใช่หรือไม่?
ไม่ ไม่เลย!
ฉางหงเยียนรู้ดีว่า หากฮองเฮาอวี่เหวิน้าตรวจสอบเื่นี้ ไม่ว่าจะเป็ฉางไทเฮา อูเสียนอ๋องหรือแม้แต่...ฮ่องเต้ นางคงถูกผลักไสให้เป็เหยื่อ วันนี้นางไม่มีค่าเลย แต่นางจะยอมจำนนต่อโชคชะตาเช่นนี้จริงหรือ?
ไม่ นางไม่้า!
แต่นางควรทำอย่างไรเล่า?
ในห้อง ฉางหงเยียนในใจยังคงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นางไม่กล้าแม้แต่จะแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
"นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"
หลังจากเงียบอยู่นาน ในที่สุดอูเสียนอ๋องก็อดไม่ได้ เขามีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับเื่ในยามนี้ ฮ่องเต้ทรงรู้ว่าเื่นี้มีความร้ายแรงอย่างไร เหตุใดยังไปสุ่มสี่สุ่มห้าคว้าหงเยียนอีก?
อีกอย่าง หากฮ่องเต้ตกหลุมรักฉางหงเยียน ฉางหงเยียนคงเป็คนของเขาไปนานแล้ว ไม่ต้องรอให้มาถึงยามนี้ รอจนเกิดเื่แบบเมื่อครู่ขึ้นหรอก!
แม้ว่าเขาจะถามจะออกไป ทว่าในใจเขาเองก็เข้าใจว่าเื่ในวันนี้ ทุกอย่างมันช่างเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด
ที่ข้างเตียง ชายหนุ่มแต่งกายเรียบร้อยแล้วโดยไม่ต้องมีคนปรนนิบัติ เขาในยามนี้ แม้นจะแต่งกายเป็บ่าวรับใช้ ทว่าพลังความน่าเกรงขามกลับยังเผยชัด ทำให้ผู้คนไม่กล้าจ้องมอง เปี่ยมด้วยอำนาจรัศมีแห่งกษัตริย์
ครั้นอูเสียนอ๋องถามเช่นนั้น สายตาของฉางหลิงเกอกวาดมองสตรีบนพื้นอย่างเ็า “ใครบางคนลอบวางยา!"
เมื่อหวนนึกถึงความปรารถนาที่มิอาจควบคุมได้ในร่างกาย ยามที่ตื่นขึ้นมาในวันนี้ ฉางหลิงเกอยิ่งรู้สึกมั่นใจ
"วางยา?" อูเสียนอ๋องหรี่ตามองตามสายตาของฉางหลิงเกอ สายตาตกไปที่ฉางหงเยียน หรือจะเป็นาง?
ฉางหงเยียนที่นอนอยู่บนพื้น ครั้นรู้สึกได้ถึงความคิดคาดเดาของเขาในยามนี้ นางพลันตื่นตระหนก รีบคลานเข้าไปตรงหน้าฉางหลิงเกอทันที เงยมองฮ่องเต้ผู้น่าเกรงขาม “ไม่ ไม่ใช่หม่อมฉัน...ไม่ใช่ยาของหม่อมฉัน แม้นหม่อมฉันจะกินดีหมีหัวใจเสือ[1]ก็ไม่ใจกล้าถึงขั้นวางยาฝ่าา”
"ไม่ใช่เ้า" ดวงตาที่แหลมคมของฉางหลิงเกอหรี่ลงเล็กน้อย เขารู้ว่าไม่มีทางเป็ฉางหงเยียน ฉางหงเยียนไม่ใจกล้าเยี่ยงนั้น ทว่าหากไม่ใช่นาง แล้วเป็ผู้ใด?
“ดูเหมือนว่า เราจะตกหลุมพรางของผู้อื่นเสียแล้ว” ฉางหลิงเกอพึมพำ ความโกรธปะปนอยู่ในน้ำเสียงของเขา เขาขึ้นครองบัลลังก์ทีละย่างก้าว เดิมทีเขาเป็คนหนึ่งที่เชี่ยวชาญการวางแผน ทว่ายามนี้คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะตกหลุมพรางของผู้อื่น ทั้งยังมิรู้ด้วยว่าเป็หลุมของผู้ใด
ฉางหลิงเกอไม่เคยเจ็บใจเท่านี้มาก่อน
อูเสียนอ๋องเหลือบมองฉางหลิงเกออย่างระมัดระวัง ในใจเขาเข้าใจดีว่า ยามนี้หากฝ่าาจะตำหนิเขาเื่ที่ป้องกันได้ไม่ดีก็ไม่แปลก เขาเองยากจะแก้ตัว ทว่าครั้นนึกถึงประโยคทิ้งท้ายของฮองเฮาอวี่เหวิน...
'ยังมีเื่พิษกู่ที่ค่ายเสินเช่ออีก...'
คำว่าพิษกู่สองคำนั้นทำให้เขาอ่อนไหวเป็พิเศษ ในหัวมีความคิดมากมาย ทว่ากลับยังคงคิดไม่ออก ครู่หนึ่งผ่านไป ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีเื่หนึ่ง มิรู้ว่าถามได้หรือไม่?”
"ถามมา" ฉางหลิงเกอชำเลืองมองเขา การจ้องมองนั้นทำให้หัวใจของอูเสียนอ๋องเคร่งเครียด ทว่าเขาทำได้เพียงยืนหยัดต่อไปว่า “ฝ่าา เมื่อครู่นี้ฮองเฮาอวี่เหวินทรงเอ่ยถึงเื่พิษกู่ในค่ายเสินเช่อ...”
ในขณะที่อูเสียนอ๋องพูด เขาลอบสำรวจสีหน้าของฉางหลิงเกออย่างระมัดระวัง ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ วงคิ้วของฉางหลิงเกอพลันขมวดมุ่น อูเสียนอ๋องหุบปากลงทันที ครั้นตระหนักได้ก็มิเอ่ยอะไรต่อ ทว่าเขาเองก็รู้ว่า คำพูดที่เขาเอ่ย ฝ่าาเองก็สังเกตเห็นถึงข้อนี้เช่นกัน
"พิษกู่..."
ฉางหลิงเกอครุ่นคิดถึงเื่ของค่ายเสินเช่อ วันนี้สถานการณ์ช่างวุ่นวายจนเขาเองมิได้สังเกต เพราะเื่ของค่ายเสินเช่อ เขาเชื่อมั่นอย่างท่วมท้นว่าไม่มีทางผิดพลาด ทว่าฮองเฮาอวี่เหวินรู้ได้อย่างไรว่ามันคือพิษกู่?
เห็นได้ชัดว่ามันคือ ‘โรคระบาด’ มิใช่หรือ?
ฉางหลิงเกอตระหนักได้ถึงความผิดปกติของเื่นี้ นอกประตูเวลานี้มีทหารองครักษ์ผู้หนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ ครั้นทหารผู้นั้นถึงหน้าประตูห้องพลันรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาดที่อัดแน่นไปทั่วห้องด้านใน เขาหยุดชะงักฝีเท้าลงทันที ครั้นนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยปากออกมาทันทีว่า “ทูล...ท่านอ๋อง...แย่แล้ว...”
“เกิดเื่อะไรไม่ดีขึ้นอีก?” อูเสียนอ๋องจิตใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิด นิ่งงันราวกับนกตื่นธนู[2] ครั้นเขาได้ยินทหารผู้นั้นเอ่ยว่า “แย่แล้ว” สองคำนี้ ในใจเขาพลันเคร่งเครียดขึ้นทันใด รีบก้าวเดินไปข้างหน้าทันที
[1] กินดีหมีหัวใจเสือ หมายถึง ใจกล้า
[2] นกตื่นธนูใช้เปรียบเทียบกับคนที่เคยผ่านเหตุการณ์ที่ไม่ดีมา และภายหลังเมื่อมีอะไรมากระทบเล็กน้อยก็จะตื่นกลัวอย่างมาก