“เสิ่นเยี่ยนไม่มีอะไรให้ต้องกังวลทั้งยังมีองค์ชายห้าหนุนหลังเขาอยู่ แค่องค์ชายห้าแนะนำเขา เขาก็สามารถเข้าร่วมการสอบระดับมณฑลได้โดยตรง”กู้หงหย่งกล่าว
กู้เจิ้งชินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“หลังจากที่พี่ใหญ่เ้าแต่งงาน จะต้องหาทางเอาชนะใจเสิ่นเยี่ยนให้ได้นี่สิคือสิ่งที่นางต้องทำ” กู้หงหย่งชำเลืองมองไปยังบุตรสาวอย่างเ็า
กู้เจิงก้มศีรษะลงเล็กน้อยและมองไปที่โต๊ะ นางหัวเราะเฮอะๆกับคำพูดของบิดาผู้นี้ ในสังคมที่ชายเป็ใหญ่ ไม่ว่านางจะพูดอะไรก็ล้วนสูญเปล่าหลังจากใคร่ครวญดูแล้วกู้เจิงก็เงยหน้าขึ้นถามว่า “ท่านพ่อถ้าลูกไม่ได้รับความโปรดปรานจากเสิ่นเยี่ยน กระทั่งถูกทอดทิ้งท่านจะขับไล่ลูกและซู่เหนียงออกจากตระกูลหรือไม่เ้าคะ?"
“พี่ใหญ่ ท่านกำลังพูดเหลวไหลอะไรขอรับ”กู้เจิ้งชินไม่คิดว่าพี่สาวจะถามอะไรแบบนี้ออกมาได้นางไม่รู้หรือว่าหากสตรีถูกสามีทอดทิ้ง เช่นนั้นชีวิตก็ถือได้ว่าจบสิ้นแล้ว
หากตอนนี้อยู่ที่จวนสกุลกู้กู้หงหย่งจะต้องตบโต๊ะเป็แน่นอน“เ้าพูดอะไรดีๆ หน่อยไม่ได้หรือ?”
“ลูกแค่พูดในด้านที่แย่ที่สุดออกมาเพราะอยากรู้คำตอบของท่านพ่อเ้าค่ะ”
เขาทอดสายตาไปยังใบหน้าที่สงบเงียบของบุตรสาวคนโตแววตานั้นไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด ใบหน้าเล็กที่เดิมทีแสนคุ้นเคยเวลานี้กลับทำให้กู้หงหย่งรู้สึกไม่คุ้นตาเอาเสียเลยเห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนใบหน้านี้ยังมีท่าทีขลาดเขลา
หากเป็ก่อนหน้านี้กู้หงหย่งคงตอบกลับไปอย่างแน่นอนว่าตระกูลกู้จะไม่รับบุตรสาวที่ถูกทอดทิ้งทว่าครานี้ บุตรสาวเงยหน้าขึ้นมองตรงมาที่ตนเองเขาถึงได้พบว่าแม้รูปลักษณ์ของบุตรีนั้นส่วนใหญ่จะถอดแบบมาจากซู่เหนียงแต่หน้าผากกับคิ้วช่างคล้ายคลึงกับเขายิ่งนัก นางและเจิ้งชินนั่งอยู่ด้วยกันจมูกและริมฝีปากของสองพี่น้องก็เหมือนดั่งลู่ล้อเดียวกัน
“ท่านพ่อเ้าคะ?”กู้เจิงมองบิดาที่กำลังเหม่อมองตนเองด้วยความประหลาดใจ
กู้หงหย่งหลุดจากความคิด ก่อนจะไอเล็กน้อยแล้วพูดว่า“ต่อหน้าองค์ชายห้า ถึงเสิ่นเยี่ยนจะไม่ชอบเ้า แต่เขาก็ไม่อาจละทิ้งเ้าตราบใดที่เ้าสงบเสงี่ยมเจียมตัว เป็ภรรยาที่ดีของตระกูลเสิ่นเ้าก็คงไม่ลำบากนักหรอก”
เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา กู้เจิงก็เดาคำตอบได้และยิ้มอย่างเ็าก่อนจะหันไปสนใจโต๊ะจัดเลี้ยงรอบๆ ผู้คนมากมายเต็มไปหมดที่จริงงานเลี้ยงล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงนั้นเป็การรวมตัวระหว่างวงศ์ตระกูลและขุนนางชั้นสูงโดยปกติแล้วฮ่องเต้จะเป็เ้าภาพด้วยตนเอง แต่โต๊ะของนางอยู่แถวท้ายๆห่างจากโต๊ะจัดเลี้ยงหลักหลายสิบเมตรคาดว่าแม้แต่ใบหน้าของฮ่องเต้นางก็คงมองเห็นไม่ชัด
เสียงของบิดาดังขึ้นอีกครั้ง “ถ้าเ้าถูกสามีทอดทิ้งจริงๆตระกูลกู้ก็ยังมีบ้านหลังเก่าให้อยู่ในซ่านเฉิง"
กู้เจิงผงะมองไปที่กู้หงหย่งในเวลานี้บ่าวรับใช้เริ่มรินสุราให้แขกแล้ว กู้หงหย่งหยิบแก้วสุราขึ้นมาดื่ม
เป็ดังที่กู้เจิงคาดไว้งานเลี้ยงล่าสัตว์นี้จัดขึ้นโดยฮ่องเต้และองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันนางสามารถเห็นเพียงเงาสีเหลืองสดใสเลือนรางจากตำแหน่งที่นางอยู่เท่านั้นไม่อาจรู้ได้เลยว่าฮ่องเต้จะสูงหรือเตี้ย จะอ้วนหรือผอม
กู้หงหย่งพากู้เจิ้งชินออกไปจากบริเวณโต๊ะอาหารเพื่อไปพบปะสังสรรค์
กู้เจิงนั่งลงที่ตำแหน่งของตนและละเมียดละไมกับการกินอาหารอาหารจากในพระราชวังนั้นอร่อยถูกปากมาก รูปลักษณ์ภายนอกก็งดงาม แม่จะขาดรสชาติปรุงแต่งไปบ้าง แต่ก็ทำให้ได้ััถึงรสชาติของวัตถุดิบจริงๆ
ในระหว่างงานเลี้ยง กู้เจิ้งชินช่วยประคองบิดาเดินกลับมานั่งเพิ่งนั่งลงก็ได้ยินเขาพูดว่า “ท่านพ่อขอรับ ท่านแม่และน้องๆ มากันแล้ว"
“พระสนมซูและองค์ชายห้าก็มาแล้ว” สายตาของกู้หงหย่งหันไปมอง
กู้เจิ้งชินลุกขึ้นช่วยประคองมารดามานั่งลง
หลังกู้เจิงรอให้นายหญิงเว่ยซื่อนั่งลงนางจึงค่อยนั่งตามโดยเมินเฉยต่อสายตาที่เยือกเย็นของเว่ยซื่อและสองพี่น้องกู้อิ๋งกู้เหยา
“เป็อะไรไป?”กู้หงหย่งถามเมื่อเห็นว่าท่าทีของภรรยาผิดแปลกไป
เว่ยซื่อโน้มตัวไปพูดอะไรบางอย่างข้างหูของเขา
“อะไรนะ?”กู้หงหย่งยืดมือออกไปหวังจะตบโต๊ะ แต่เมื่อเห็นว่าผู้คนโดยรอบกำลังมองมาที่เขาก็รีบชักมือกลับและจ้องไปที่กู้เจิงอย่างโมโห “เ้า เ้า...”
“ท่านพ่อขอรับ?”กู้เจิ้งชินไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ บิดาถึงพุ่งเป้าไปที่พี่ใหญ่อย่างไม่มีเหตุผลเมื่อเห็นองค์ชายห้าผกำลังเดินตรงมาหาพวกเขาจึงรีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ องค์ชายห้ามาแล้วขอรับพี่ใหญ่ ท่านเสิ่นเยี่ยนเองก็มาด้วย”
กู้เจิงเห็นเสิ่นเยี่ยนเขาอยู่ในชุดสีอวิ๋นซาน* ที่หายาก เดินตามองค์ชายห้า ทหายากด้วยท่าทางเคร่งขรึมเล็กน้อยแฝงด้วยกลิ่นอายสุขุมเยือกเย็นที่ได้พบในครั้งก่อนและั์ตาสีดำล้ำลึก เขาสูงกว่าองค์ชายห้าไม่มากนักแต่ร่างกายที่ผอมสูงทำให้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนในงานเลี้ยงเช่นนี้
(*อวิ๋นซาน เป็ต้นสนชนิดหนึ่ง)
เสิ่นเยี่ยนก็เห็นกู้เจิงแล้วเช่นกัน สายตาของสบเข้ากับนางแต่เขากลับทำเป็เพิกเฉยมองพาดผ่านผู้คนสัญจรไปมาอย่างไม่น่าสงสัย
กู้เจิง “...” เห็นแล้วจึงร้องเฮอะ! ในใจ
ในทางตรงกันข้าม องค์ชายห้าจ้าวหยวนเช่อกลับเหลือบมองกู้เจิงอย่างไม่พอใจดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความถากถางและเย้ยหยันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นว่ากู้เจิงหันไปมองเสิ่นเยี่ยนความถากถางในดวงตานั้นก็ยิ่งมากขึ้น
กู้เจิงมัวแต่กำลังคิดหาทางคุยกับเสิ่นเยี่ยจนไม่ได้สนใจองค์ชายห้าเมื่อเห็นว่าสายตาของทุกคนคนในตระกูลกู้ล้วนอยู่ที่องค์ชายห้านางจึงแสร้งทำเป็เดินเข้าไปใกล้เสิ่นเยี่ยนโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในตอนที่กู้เจิงคิดว่าตนเองควรก้าวไปข้างหน้าอีกสักก้าวเพื่อที่เสิ่นเยี่ยนจะได้ยินเสียงนางจู่ๆ ก็ได้ยินองค์ชายห้าเอ่ยว่า “จ่างหวาย ท่านนั้นคือบุตรสาวตระกูลเซี่ยกงเจวี๋ย เ้าควรจะไปทำความรู้จักสักหน่อย” ว่าแล้วก็พาเสิ่นเยี่ยนเดินจากไป
กู้เจิง “...”
“อาอิ๋ง”ในขณะเดียวกันก็มีสาวน้อยหน้าตาน่ารักสดใสผู้หนึ่งวิ่งตรงไปหากู้อิ๋งและยิ้มให้บางๆ
“ซิ่วอิง?” เมื่อเห็นว่าเป็ใครกู้อิ๋งก็เผยรอยยิ้มเจิดจ้าออกมา “เมื่อครู่ข้ามองหาเ้าตั้งนาน”
“ข้าก็เช่นกัน” สาวน้อยพูดอย่างดีใจก่อนจะหันไปทำความเคารพเว่ยซื่อและกู้หงหย่ง “ซิ่วอิงคารวะท่านป๋อกู้ ฮูหยินกู้”
เว่ยซื่อและกู้หงหย่งมองไปที่เด็กสาวด้วยรอยยิ้มเห็นได้ชัดว่าพวกเขาชอบเด็กสาวตรงหน้าอย่างยิ่ง