ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเท่าไร ก็ยิ่งกระตุ้นความทะเยอทะยานของวีรบุรุษได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น
หลัวเลี่ยก็ไม่มีข้อยกเว้น
การมีจิติญญาแห่งการต่อสู้ไม่ได้หมายความว่าจะประมาทเลินเล่อได้
ยิ่งไปกว่านั้นหลัวเลี่ยยังสามารถเห็นได้ว่าอัจฉริยะชั้นนำทั้งสี่คน เมื่อเทียบกับเขาคนเดียวนั้นก็ไม่ง่ายนักที่จะรับมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลงไป๋จางยังคงเป็หนึ่งในยอดฝีมือไม่กี่คนในหมู่เยาวชนในโลก เขาจึงต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ดังนั้นเขาจึงบังคับตัวเองเพื่อระงับจิติญญาแห่งการต่อสู้ที่พลุ่งพล่าน แล้วบังคับอาชาเดือนดารัญให้เดินไป
แทนที่จะเข้าใกล้สังเวียนบรรพชน แต่หลัวเลี่ยกลับตรงไปที่ด้านหลังของสังเวียนบรรพชนแทน
มีสองวิธีในการขึ้นสู่สังเวียนบรรพชน
อย่างแรก ด้วยพลังของับรรพชน มันง่ายมากที่จะก้าวเข้าสู่สังเวียนับรรพชนแบบตัวต่อตัว แต่หากไม่มีพลังของับรรพชนแล้ว ต่อให้จะเป็องค์ชายหรือองค์หญิงของเผ่าัก็ไม่สามารถขึ้นไปได้ ทำได้เพียงมองอยู่ข้างนอกเท่านั้น
ประการที่สอง ใช้ถนนอีกเส้นหนึ่งที่เต็มไปด้วยขวากหนามและอันตราย
ด้วยอัจฉริยะนับพันที่ขวางอยู่ หลัวเลี่ยคงขึ้นไปจากด้านหน้าไม่ได้แล้ว
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเลี่ยงไปทางอื่น
อาชาเดือนดารัญวิ่งได้รวดเร็วกว่าสายฟ้า ไม่ว่าจะกระโจนไปในอากาศหรือควบในน้ำมันก็วิ่งได้เร็วมาก
ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อพวกเขาก็มาถึงด้านหลังของูเาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็ที่ตั้งของสังเวียนับรรพชนแล้ว
ที่มาของูเาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีความลึกลับ มีเื่เล่าว่า ที่นี่เป็หนึ่งในสถานที่ที่ับรรพชนเคยอาศัยอยู่ มองไกลๆ จากในท้องทะเลอาจไม่ใหญ่นัก แต่พอเข้าไปใกล้จริงๆ จึงรู้ว่ามันใหญ่ขนาดไหน ต้องใช้คนหลายคนจึงจะวนรอบมันด้วยความเร็วปกติได้
“ถ้าไม่ไปที่สังเวียนับรรพชนจากด้านหน้า ถ้าเ้าไปจากด้านหลัง เ้าต้องผ่านเส้นของท้องฟ้า แต่การจะเดินเป็เส้นของท้องฟ้า เ้าต้องเปิดถนนเส้นหนึ่งก่อน เ้าต้องไปที่หุบเขาสุสานั เพื่อสะสมเกล็ดัปิงเหยียนถึงสามสิบหกเกล็ด จึงจะสามารถผ่านไปได้” เสวี่ยปิงหนิงเดาความคิดของหลัวเลี่ยได้
หลัวเลี่ยยิ้มและพูดว่า “เช่นนั้นก็ไปที่หุบเขาสุสานั”
หุบเขาสุสานัไม่ได้อยู่ใกล้ที่นี่ แต่เป็เกาะที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้จากที่นี่
เมื่อเทียบกับูเาที่สังเวียนับรรพชนตั้งอยู่ หุบเขาสุสานัแห่งนี้ค่อนข้างมีชีวิตชีวา มีคนมาที่นี่เพื่อฝึกฝน และหลายคนมีความปรารถนาที่จะค้นหาสมบัติลับ
กล่าวโดยสรุปคือ มีคนมาที่นี่เพื่อค้นหาสมบัติและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ที่นี่ไม่เคยขาดนักผจญภัย
เกาะขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้เก่าแก่สูงตระหง่าน มีดอกไม้และพืชแปลกๆ อยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง สัตว์หายาก แปลกใหม่ และสัตว์ทะเลปรากฏขึ้นเป็ครั้งคราว
หุบเขาสุสานัเป็สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดบนเกาะ ซึ่งกินพื้นที่เกือบถึงหนึ่งในห้าของเกาะ
หลัวเลี่ยเข้ามาที่หุบเขาสุสานั
เหตุที่เรียกว่าหุบเขาสุสานั เพราะมีความหมายตามชื่ออย่างตรงตัว นั่นคือในหุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยร่างของัมากมาย
โดยทั่วไปแล้ว ัที่เข้าสู่หุบเขาสุสานัจะไม่ได้กลับออกมาในชั่วชีวิตนี้อีกแล้ว
เผ่าัไม่มีที่สำหรับัปีศาจ
บรรดาัที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงจะถูกเนรเทศไปยังทะเลบาปที่ลึกลับและอันตรายที่สุดในบรรดาทะเลทั้งสี่
นอกจากนี้ยังมีัชั่วร้ายบางตัวที่ได้รับความเสียหายจากสาเหตุต่างๆ และพวกมันถูกนำมาไว้ในหุบเขาสุสานั
สิ่งที่เรียกว่าการร่วงหล่นของั คือการปลดปล่อยสายเืปีศาจที่มีอยู่ในสายเืของั โดยทั่วไปเมื่อัมีอายุมากจะปลดปล่อยสายเืปีศาจเหล่านี้ และกลายเป็ัที่โหดร้ายโดยปราศจากสติของั เมื่อมีอายุมากแล้วก็ย่อมฟื้นฟูกลับมาไม่ได้ ทว่าสำหรับัเยาว์วัยที่ยังมีอายุขัยอยู่อีกนาน เมื่อปลดปล่อยจิตปีศาจออกมาแล้วย่อมเป็เช่นนั้นไปตลอดกาลไร้หนทางเยียวยา
ัที่เลวร้ายเช่นนี้น่าเสียดายมาก แต่เนื่องจากมันโหดร้ายเกินไปและก่ออาชญากรรมมากมาย มันจึงถูกเนรเทศไปยังหุบเขาสุสานั และถูกทิ้งให้ต่อสู้เพื่อตัวมันเอง
หลังจากที่ัถูกส่งมาที่นี่แล้ว ในตัวของพวกมันจะมีเกล็ดัปิงเหยียนที่ชั่วร้าย เพียงหลัวเลี่ยรวบรวมเกล็ดัปิงเหยียนได้สามสิบหกเกล็ดเท่านั้น ท้องฟ้าที่ซ่อนอยู่ในูเาศักดิ์สิทธิ์นั้นจะเปิดออก จากนั้นเขาก็จะสามารถผ่านเข้าไปในสังเวียนับรรพชนได้
“ทั้งสองท่านยินดีที่จะรวมกลุ่มกับพวกเราเพื่อสำรวจหุบเขาสุสานัหรือไม่”
“ข้าเห็นว่านักเวทของท่านมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา และต้องมีความแข็งแกร่งมาก การร่วมมือกับพวกเราย่อมเป็ทางเลือกที่ดีที่สุด”
“หากสามารถอาชาเดือนดารัญไว้ได้แสดงว่าต้องมีประวัติที่ไม่ธรรมดา กลุ่มของเราเป็กลุ่มเล็กๆ ที่ประกอบด้วยเยาวชนจากตระกูลใหญ่ของอาณาจักรชาง ดังนั้นการร่วมมือกับเราจึงเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุด”
ทันทีที่หลัวเลี่ยและเสวี่ยปิงหนิงมาถึงนอกหุบเขาสุสานั บางคนก็เข้ามาและเชิญพวกเขาให้เข้าร่วมกลุ่มด้วย
เป็ธรรมเนียมของที่นี่ในการจัดตั้งกลุ่มเพื่อสำรวจหุบเขาสุสานั
เหตุผลหลักคือแม้ว่าัที่ร่วงหล่นในหุบเขาัจะไม่ใช่ตัวเต็มวัย แต่ความแข็งแกร่งของัขึ้นอยู่กับว่าพวกมันอยู่ที่ไหน ไม่มีพื้นที่ให้พวกมันล้มได้ ัที่อ่อนแอไม่มีโอกาสแม้แต่จะล้ม หากพวกมันจะล้มลง พวกมันจะถูกกวาดล้าง
นอกจากนี้จำนวนของัที่ร่วงหล่นยังเยอะจนน่าประหลาดใจ ดังนั้นมันจึงอันตรายมาก
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคนที่เข้ามาััประสบการณ์การล่าสมบัติต้องเข้าร่วมกลุ่มกัน
แม้ว่าหลัวเลี่ยจะมีชื่อเสียงมาก แต่ก็มีน้อยคนนักที่เคยเห็นเขา ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่รู้เื่ที่เกี่ยวกับเขา
ส่วนเื่ที่ว่าเหลยเจิ้นจื่อและคนอื่นๆ มอบสมบัติวิเศษให้เขานั้นยังไม่มีข่าวมาถึงที่นี่ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้จักพวกเขา
อย่างไรก็ตาม อาชาเดือนดารัญนั้นเป็ม้าที่ไม่ธรรมดา อย่างที่เราทราบกันดีว่าการเป็เ้าของสัตว์ขี่นั้นไม่ใช่เื่ง่าย ดังนั้นพวกเขาจึง้าเชิญพวกหลัวเลี่ยเข้ากลุ่ม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มของตนเอง
"ขออภัยด้วย ข้าไม่สนใจที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มใด" หลัวเลี่ยปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
จากนั้นทุกคนก็พากันพูดออกมาอย่างวุ่นวาย
“เขาเป็เด็กที่หยิ่งยโส เขาคิดจริงๆ หรือว่าเขาจะสามารถเข้าไปในหุบเขาสุสานัได้ด้วยคนเพียงหนึ่งหรือสองคน”
“อย่าได้คิดว่าการที่เ้ามีอาชาเดือนดารัญแล้วเ้าจะปลอดภัย”
“กลุ่มร้อยดาบของเรารับเฉพาะผู้ที่มีฐานะเท่านั้น การที่พวกข้าออกปากเชิญเ้าก็ถือว่าเป็การไว้หน้าเ้ามากแล้ว แล้วเ้ายังจะปฏิเสธหรือ”
คนกลุ่มหนึ่งชี้ไปที่หลัวเลี่ย บางคนก็ดุและเยาะเย้ยเขา
แต่หลัวเลี่ยกลับมองไปที่หุบเขาสุสานัแทน
แม้ว่าหุบเขาสุสานัจะกินพื้นที่เพียงหนึ่งในห้าของเกาะ แต่มันก็ยังถือว่ามีขนาดใหญ่มาก
หากมองจากภายนอกจะไม่เห็นแม้แต่ัสักตัว
หลัวเลี่ยกำลังประเมินสถานการณ์ แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงคนเหล่านี้ะโ เขาก็พูดขึ้นมาอย่างไม่ถนอมน้ำใจว่า "พวกเ้าช่างน่าเบื่อ"
ทันทีที่ขาของเขาััอาชาเดือนดารัญ อาชาเดือนดารัญก็ร้องขึ้นทันที มันะโขึ้นไปในอากาศและข้ามหัวของทุกคนพร้อมกับร้อง ‘ฮี้’ ขึ้นมาหนึ่งครั้ง
"ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง"
ทันใดนั้นชายชราคนหนึ่งจากกลุ่มอินทรี์ก็ลงมือเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน แส้เหล็กสีดำของเขาแทงทะลุอากาศราวกับงูพิษ มันฟาดไปทางด้านหลังศีรษะของหลัวเลี่ยอย่างโเี้
หลัวเลี่ยไม่ใช่คนที่โกรธใครง่ายๆ และไม่ใช่คนที่กระหายการเข่นฆ่า แต่ชายชราคนนี้จากกลุ่มอินทรี์ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
เพียงเพราะเขาไม่เข้าร่วมกลุ่ม คนคนนั้นกลับ้าที่จะโจมตีและลอบฆ่าเขา วิธีการลอบทำร้ายนี้เป็วิธีที่ร้ายกาจจนทนไม่ได้จริงๆ
พรึ่บ!
หลัวเลี่ยขี่อาชาเดือนดารัญ ขณะที่อาชาเดือนดารัญะโขึ้น เขาก็คว้าแส้เหล็กสีดำด้วยมือจากทางด้านหลังโดยไม่หันกลับไปมอง และใช้พลังอันทรงพลังของตนเองยกชายชราขึ้นไปในอากาศ
"ในเมื่อเ้ารู้ความดีนัก เช่นนั้นก็ให้เ้าเข้าไปสนุกในหุบเขาสุสานัด้วยตนเองก็แล้วกัน"
เขาคว้าแส้เหล็กแล้วเหวี่ยงขึ้น จากนั้นก็ออกแรงเหวี่ยงชายชราเข้าไปในหุบเขาสุสานั
ตุ้บ!
ชายชราล้มลงกับพื้นอย่างแรง และกระอักเืออกมาจากปาก ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนได้สำเร็จทันใดนั้นพื้นดินก็ทรุดตัวลง และกรงเล็บัก็ยื่นออกมาดึงเขาให้จมลงไปในพื้นดิน