รั่วซีกำลังยืนจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า เรือนไม้ของนางเพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน แม้กระทั่งนางเองก็เพิ่งมาเป็ครั้งที่สอง แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับมาเยือนถึงเรือนไม้ได้เสียนี่
"มิทราบคุณชายเหอรู้จักที่นี่ได้อย่างไรเ้าคะ"
"ข้าขอตอบตามตรง ก่อนไปข้าได้ทิ้งคนที่ไว้ใจ ไว้คอยปกป้องเ้า"
"อ่อ เป็เช่นนั้น แล้วเหตุใดท่านถึงมาโผล่ที่นี่ได้เล่า เมื่อวันก่อนท่านเพิ่งส่งจดหมายมาให้ ใยตัวท่านถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้"
"ไม่คิดจะเชิญข้าเข้าไปถามไถ่ด้านในหรือ" รองแม่ทัพเหอไม่คิดจะตอบคำถามหญิงสาว กลับทำสีหน้ายียวนให้นางแทน
รั่วซีเห็นเช่นนั้น ได้แต่จำใจเชิญให้เขาเข้าด้านในเรือน
ไม่คิดว่าแขกคนแรกของเรือนไม้แห่งนี้ กลับเป็บุรุษหน้าตายผู้นี้
"ท่านจะตอบได้หรือยัง เหตุใดถึงมาที่นี่ได้ มิใช่ต้องอยู่ชายแดนหรอกหรือ" พอถึงห้องรับแขก รั่วซีได้นั่งลงก็ถามรองแม่ทัพเหอทันที ไม่รอให้เขาได้นั่งเก้าอี้ให้ดีเสียด้วยซ้ำ
"ข้าคิดถึงเ้า"
"ท่าน....."
"ที่ข้าพูดไปล้วนเป็ความจริง ข้าคิดถึงเ้า จดหมายเ้าก็ไม่เคยเขียนตอบข้าสักครั้ง หนึ่งปีมานี่มีเพียงข้าที่เขียนถึงเ้า เ้าช่างใจร้ายยิ่งนัก"
"คุณชายเหอ" รั่วซีฟังคำในใจของชายหนุ่มต้องหน้า ไม่รู้นางจะดีใจหรือโกรธดี ที่อยู่ ๆ เขาก็มาว่านางใจร้ายเช่นนี้
"ยังดีที่เ้ายังยอมรับจดหมายข้า ไม่งั้นข้าคงไม่มีใจจะอยู่รบต่อที่ชายแดน คงให้ข้าศึกฟันให้ตายเสียตรงนั้น ดีกว่ามาเสียใจที่เ้ามิรับรักข้า"
"คุณชายเหอ ท่านเป็คนที่ช่างพูดเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด ข้าจำได้ครั้งล่าสุดที่เจอท่าน ท่านมิใช่คนช่างพูดเช่นนี้"
"ข้าก็เป็เช่นนี้ เพียงต่อหน้าผู้อื่นก็ต้องสำรวมให้เหมาะกับตำแหน่งรองแม่ทัพใหญ่เท่านั้น"
รั่วซีหมดคำจะพูดกับชายตรงหน้า อยู่ ๆ มาถึงก็บอกคิดถึงกัน พูดจาเพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อย แต่นางก็อดที่จะยิ้มขำให้กับชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ ถ้าผู้อื่นมาเห็นเขาตอนนี้คงหมดความเคารพนับถือเป็แน่
"ตอบข้ามาตามตรง ทำไมถึงมาที่นี่ได้ ชายแดนท่านทิ้งมาเช่นนี้มิเป็ปัญหาหรือ"
"ลูกน้องข้าส่งข่าวมาให้พร้อมม้าเร็วที่ส่งจดหมายมาให้ ว่าเ้าจะออกมาที่นี่ ข้าเลยรีบสะสางงานทางนู้นเพื่อมาหาเ้า"รองแม่ทัพเหอตอบตามความจริง ยกเว้นเื่สะสางงานที่เขาโกหกนาง
แท้จริงพอได้ข่าวเสร็จ ก็รีบห้อม้ามาหานางทันที ทุกครั้งที่ม้าเร็วมาส่งจดหมาย ลูกน้องที่ให้อยู่เฝ้ารั่วซีก็จะฝากข่าวนางกลับไปให้ด้วย
เขารู้เื่ที่นางปลูกเรือนไม้กลางป่า และเื่ที่วันนี้นางจะมากับคนสนิทไม่กี่คน เขาจึงตัดสินใจกระโดนขึ้นหลังม้ามาหานางอย่างไม่คิดอะไรให้มากความ ทั้งยังมิทันได้บอกลูกน้องเสียด้วยซ้ำว่าเขาจะไปที่ใด ทำให้ตอนนี้ชายแดนคงวุ่นวายไม่น้อย ที่จู่ ๆ รองแม่ทัพใหญ่หายตัวไป
"แล้วจะมากี่วัน"
"เ้าอยู่กี่วัน ข้าก็อยู่เท่านั้น"
"ท่าน.....แล้วได้ทานอะไรมาหรือยัง ดูซูบผอมลงไปกว่าเดิมเยอะ ชายแดนไม่มีอาหารทานหรือไง"
"ยังเลย ข้าขี่ม้ามาแทบไม่ได้พัก อย่างมากก็เพียงดื่มน้ำเท่านั้น ข้ากลัวมาไม่ทันเ้า"
"จิงจิง ทำอาหารเถิด เอาง่าย ๆ ก็พอ......ทำเผื่อคุณชาย เหอด้วยแล้วกัน" รั่วซีให้จิงจิงไปทำอาหารเย็นให้ ส่วนนางก็พาชายหนุ่มตรงหน้าไปห้องพัก ให้เขาได้อาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ เนื้อตัวเขาช่างมอมแมมยิ่งนัก คงขี่ม้ามาไม่ได้พักตามที่บอกจริง ๆ
เสี่ยวลึกของหัวใจ นางยินดีไม่น้อยที่ได้เจอหน้าเขา คราแรกที่นางบอกปัดไป คิดว่าเขาจะยอมแพ้และหายเงียบไปเช่นผู้อื่น
ทว่าหนึ่งปีเต็มที่เขายังคงเขียนจดหมายมาหาไม่ขาด นางซึมซับเขาเข้าไปในหัวใจเรื่อย ๆ
เขาทำให้นางเริ่มรู้จักว่า ‘ความรัก’ เป็เช่นไร
"เ้าอาบน้ำให้ข้าได้หรือไม่" รองแม่ทัพเหอมองรั่วซีด้วยแววตาจริงจัง เขาโหยหานางเหลือเกิน
"ท่านจะเกินไปแล้วนะ ข้าให้พักด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว"
"เถอะนะ อาบน้ำให้ข้าเถิด ข้าขี่ม้าจนหมดแรงแม้จะถอดเสื้อผ้าออก"
"ท่านนี่นะ"
สุดท้ายรั่วซีก็อดใจอ่อนกับสายตาเว้าวอนตรงหน้าไม่ได้ มือเล็กค่อย ๆ ปลดชุดคลุมออก หญิงสาวค่อย ๆ ถอดอาภรณ์ชายหนุ่มตรงหน้าออกทีละชิ้น
การถอดอาภรณ์ให้บุรุษเป็เื่ปกติที่นางต้องทำ ทว่าครั้งนี้กลับทำให้หัวใจหญิงสาวเต้นแรง รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็มาก่อน
ถึงภายนอกจะดูซูบผอมลง แต่ภายในอาภรณ์กลับยังคงมีมัดกล้ามแน่นเช่นเดิม หรือดูจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เท่าที่นางจำรูปร่างเขาได้ ส่วนด้านล่างของเขา นางแทบไม่มองลงไปด้วยซ้ำ
"เ้าเขินอายเช่นนี้ ช่างน่ารักยิ่งนัก"
"ถอดอาภรณ์เสร็จแล้ว ท่านลงอ่างอาบน้ำเถอะ ข้าได้ถูตัวให้จะได้เสร็จเร็ว ๆ"
รองแม่ทัพเหอมองหญิงสาวตรงหน้า เขาไม่เคยเห็นนางเขินอายเช่นนี้มากก่อน เป็อีกมุมของหญิงสาวที่เขาไม่เคยเห็น
คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่มาหานาง
"ท่าน....ไม่นึกรังเกียจข้าหรือ"
"รังเกียจเ้า เื่อันใดเหตุใดข้าต้อง..." ชายหนุ่มหันหน้ากลับไปหารั่วซีที่กำลังถูหลังให้เขา ตอนแรกเขาไม่เข้าใจคำถามนาง แต่ตอนนี้เขาพอคิดตามได้แล้ว ว่านางถามถึงสิ่งใด
"เสี่ยวรั่ว เหตุใดข้าต้องรังเกียจเ้า ข้าเองก็รู้จักเ้าเพราะงานที่เ้าทำ ตอนนั้นข้ายังทำเื่น่ารังเกียจต่อเ้าด้วยซ้ำ
ข้ารู้เื่หออ้ายซ่างทั้งหมดแล้ว ข้าจะรอเวลาที่เ้าได้เป็อิสระ ถึงเวลานั้นเราจะอยู่ด้วยกัน ดีหรือไม่" รองแม่ทัพเหอใช้ฝ่ามือร้อนประคองใบหน้าสวยไว้ ก่อนจะบรรจงหอมแก้มนุ่มที่เริ่มเปียกชื้นด้วยคราบน้ำตา
รั่วซีเองก็ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงร้องไห้ออกมา หลังจากได้ยินคำตอบจากเขา นางกลัวเหลือเกินว่าเขาจะคิดรังเกียจหญิงคณิกาเช่นนาง
คำตอบของเขา เสมือนปลดผลึกความรู้สึกภายในใจ
หญิงสาวมิได้ขัดขืน เมื่อร่างหนาลุกขึ้นจากอ่างน้ำช้อนอุ้มนางกลับไปที่เตียงนอน
ชายหนุ่มจับใบหน้าเล็กอีกครั้ง ริมฝีปากร้อนค่อย ๆ ประทับรอยจูบบนหน้าผากมน แก้มเนียนทั้งสอง จมูกโด่งรั้น จนสุดท้ายมาที่ริมฝีปากบาง
รองแม่ทัพเหอบรรจงจุมพิตรั่วซีอย่างอ่อนโยน ดูดเม้มริมฝีปากเล็กอย่างแ่เบา เป็การจุมพิตที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่รั่วซีเคยเจอมา
"อะ อืมมม" รั่วซีอ้าปากเล็กให้ลิ้นหยาบได้เข้ามากวาดหาน้ำหวานในโพรงปาก เกี่ยวตวัดเรียวลิ้นพันไปมาแลกน้ำใสกันอยู่นาน
ระหว่างนั้นมือใหญ่ก็ไม่อยู่นิ่ง เขาค่อย ๆ ถอดอาภรณ์ร่างบางออกไปด้วย กว่านางจะรู้ตัวทั้งร่างก็เปลือยเปล่าแล้ว
"อ่าา ท่านนี่นะ มือไวจริง ๆ"
"เสี่ยวรั่วต่อจากนี้ข้าจะเรียกเ้าเช่นนี้ ส่วนเ้าก็เรียกข้าว่าพี่ฟางหลง ดีหรือไม่"
"พี่ฟางหลง?"
"ใช่ ข้าแซ่เหอนามฟางหลง เช่นนั้นเ้าก็เรียกข้าว่าพี่ฟางหลง หรือว่าจะเรียกท่านพี่ดี"
"พี่ฟางหลงก็พอเ้าค่ะ ท่านนี่คุยคุยด้วยหน่อยก็เริ่มเอาแต่ใจมากขึ้น"
ฟางหลงหัวเราะชอบใจกับท่าทีของหญิงสาวในอ้อมอก ตอนนี้จะยอมให้นางเรียกแค่ ‘พี่ฟางหลง’ ไปก่อน ยังไงเสียต่อไปนางก็ต้องเรียกเขาว่า'ท่านพี่'อยู่ดี
