ใช้เวลาเพียงไม่นานนักก็มาถึงพื้นที่ส่วนนอกในบริเวณชั้นหนึ่งของอาคารส่วนกลางหลังนี้เเล้ว หนิงอ้ายกับไป๋เหลียนฮวาประสานมือคำนับผู้าุโซุนที่อีกฝ่ายเสียสละเวลาเป็ธุระให้กับพวกเขาทั้งสองในครั้งนี้ หนิงอ้ายไม่ลืมนำโอสถระดับหนึ่ง โอสถระดับสองและโอสถระดับสามบางชนิดที่ตนได้ปรุงขึ้นใน่ก่อนหน้าออกมา
นอกจากจะนำไปฝากขายเเล้วยังได้เเบ่งโอสถส่วนหนึ่งสำหรับการเเลกเปลี่ยนเป็สมุนไพรต่าง ๆ ตามสูตรโอสถระดับสามที่ตน้าฝึกฝนหลังจากนี้ เพราะเด็กหนุ่มตั้งใจว่าอีกไม่กี่เดือนหลังจากนี้เมื่อถึงกำหนดการณ์ของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาที่ศิษย์เเต่ละคนต้องออกไปทำภารกิจด้านนอกสำนักเพื่อช่วยเหลือผู้คนและฝึกฝนตนเองเป็เวลาหนึ่งปีก่อนที่จะกลับคืนสำนักตามที่ได้ยึดถือปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน
หนิงอ้ายวางแผนเอาไว้ว่าในระหว่างการเดินทางครั้งนี้เขาจะไปสอบเลื่อนขั้นเป็นักปรุงโอสถระดับสามให้สำเร็จ อีกทั้งยังตั้งใจว่าจะแวะกลับไปเยือนยังตระกูลหวังที่แคว้นเต่าดำอีกด้วย แม้ว่าในครั้งนี้ลู่ซีอาจจะไม่ได้กลับไปพร้อมกันก็ตาม เพราะตอนนี้อีกฝ่ายได้เป็ศิษย์สายตรงของผู้าุโสูงสุดในตำหนักของค่ายกล
ฟังว่าหลังจากนี้ต้องเก็บตัวศึกษาที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรง สหายคนอื่นของหนิงอ้ายทุกคนในตอนนี้ต่างได้เป็ศิษย์สายตรงของผู้าุโในตำหนักที่สังกัดกันทั้งสิ้น เส้นทางหลังจากนี้ของเเต่ละคนย่อมโดดเด่นไม่ธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน
"ศิษย์น้องหนิงอ้าย เ้าได้รับสิ่งใดมาอย่างนั้นรึ??" ไป๋เหลียนฮวาถามขึ้นขณะที่ทั้งสองคนได้เดินออกมาได้สักพักเเล้ว
"ข้าได้เเหวนหยกวิเศษระดับเทวะขอรับศิษย์พี่..." หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับยกยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับยกนิ้วที่สวมเเหวนให้อีกฝ่ายได้เห็น
"อย่างนั้นรึ?? อาวุธหรือสิ่งของวิเศษต่าง ๆ ที่อยู่ภายในมิติล้วนเป็สมบัติระดับสูงที่บรรดาเหล่าบรรพชนได้เป็ผู้รวบรวมจากทั่วทุกสารทิศ นำมาเก็บรักษาและส่งต่อให้กับศิษย์ในตำหนักที่คู่ควรจากรุ่นสู่รุ่น"
"สำหรับเตาหลอมโอสถิญญานั้นยากยิ่งที่จะได้โดยง่าย ครั้งนั้นศิษย์พี่ก็ไม่ถูกเลือกจากเตาหลอมโอสถิญญาเช่นกัน เเต่ก็ได้รับมาเป็ศาสตราวุธระดับเทวะไม่ต่างไปกับเ้าครั้งนี้..." ไป๋เหลียนฮวาตอบกลับไปพร้อมกับเรียกกระบี่ของตนออกมาในทันที
พรึบ!
ซ้ายมือของนางปรากฎเป็กระบี่สีขาวมุกที่แผ่กลิ่นอายความสูงศักดิ์ออกมาอย่างปิดไม่มิด ตรงด้ามจับของกระบี่ได้ถูกสลักเป็ลวดลายแปลกตาเเต่ทว่ากลับยิ่งส่งเสริมให้กระบี่เล่มนี้มีความงดงามเป็อย่างมาก ฟังว่าศาสตราวุธเทวะนั้นจะมีเพียงเ้าของพันธะที่สามารถเรียกใช้งานได้ อีกทั้งยังสามารถประสานเข้ากับการโจมตีจากทางิญญายุทธ์ได้อีกด้วย เห็นได้ว่าศาสตราวุธระดับเทวะนั้นจะมีความลึกล้ำพิศดารกว่าอาวุธทั่วไปหลายเท่าเลยทีเดียว
"กระบี่เล่มนี้มีนามว่า ลี่จิ่น (ความหนักเเน่นอันงดงาม) เป็หนึ่งในกระบี่ิญญาที่สามารถประสานเข้ากับิญญายุทธ์เกิดเป็เพลงกระบี่ที่ยากที่จะต้านทานได้เลยทีเดียว..."
"เป็นามอันไพเราะยิ่งนักขอรับศิษย์พี่..." หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับมองกระบี่ในมือของอีกฝ่ายด้วยความชื่นชม ในการเรียกใช้อาวุธระดับเทวะเเต่ละประเภทล้วนขึ้นอยู่กับความเเข็งแกร่งของิญญายุทธ์ต้นกำเนิดของผู้ถือครองหรือผู้ผูกพันธะอย่างเเท้จริง
"อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงกำหนดในการทำภารกิจที่ด้านนอกสำนักเเล้ว ศิษย์น้องหนิงอ้ายจงเตรียมตัวให้พร้อมด้วยเล่า..." ไป๋เหลียนฮวาเอ่ยย้ำเด็กหนุ่มไปอีกครั้ง แม้ศิษย์น้องผู้นี้จะมากไปด้วยความสามารถก็จริง
อย่างไรเด็กหนุ่มก็พึ่งเข้าศึกษาเป็่เวลาที่ไม่มากสักเท่าไหร่นัก ด้วยกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ยึดถือปฏิบัติกันมาในตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา ศิษย์ทุกคนในตำหนักต้องออกเดินทางไปทำภารกิจ และต้องช่วยเหลือเอาตัวรอดกลับสำนักตามกำหนดเวลาให้ได้ ถือว่าเป็อีกหนึ่งเส้นทางในการฝึกฝนเช่นกัน
ตอนเเรกที่ท่านอาจารย์ได้เอ่ยว่าจะให้ศิษย์น้องผู้นี้ได้ทำภารกิจนอกสำนักพร้อมกัน ทั้งนางเองรวมไปถึงศิษย์พี่ ศิษย์น้องคนอื่น ๆ ต่างคัดค้านกันทั้งสิ้น เพราะตามหลักเเล้วต้องเป็ศิษย์ชั้นปีที่สองเป็ต้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถออกนอกสำนักหรือทำภารกิจเช่นนี้ได้
เเต่ถึงอย่างนั้นท่านอาจารย์ก็ตอบกลับมาเพียงเเต่ว่าได้ครุ่นคิดมาอย่างดีเเล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถโต้แย้งสิ่งใดได้ เพราะในตำหนักศาสตร์แห่งการรักษานี้ทุกคนล้วนถือว่าคำกล่าวของเหวินหวู่ผู้เป็เ้าตำหนัก นั้นเปรียบได้ดั่งคำประกาศิตนั่นเอง
"ข้าจะฝึกฝนให้มากขึ้นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุดในการออกไปทำภารกิจในครั้งนี้และจะกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้ขอรับ..." หนิงอ้ายััได้ถึงความเป็ห่วงของอีกฝ่าย อย่างไรแล้วเส้นทางของผู้ฝึกตนหาได้โรยด้วยดอกกุหลาบไม่ การข้ามผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ที่ได้ประสบพบเจอย่อมทำให้เเข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
"ได้ยินเช่นนี้ศิษย์พี่ก็วางใจ เอาละ!! อย่าหักโหมตนเองเกินไปนักเล่า..." ไป๋เหลียนฮวารับรู้ได้ว่าศิษย์น้องหนิงอ้ายค่อนข้างที่จะกดดันตัวเองมากกว่าผู้ฝึกตนใน่วัยเดียวกัน
เห็นว่าเด็กหนุ่มได้พยักหน้ารับเเล้ว นางจึงเอ่ยลาอีกสักเล็กน้อยก่อนที่จะขอตัวแยกกลับไปยังเรือนพักของตนซึ่งหนิงอ้ายได้ประสานมือขอบคุณอีกฝ่ายที่เป็ธุระให้กับเขาในวันนี้ก่อนที่เด็กหนุ่มจะมุ่งตรงกลับไปยังเรือนพักของตนเช่นกัน...
ยามค่ำคืนอันเงียบสงบของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา หนิงอ้ายยังคงนั่งสมาธิดูดซับลมปราณฟ้าดินตามเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาที่ได้ชักนำพลังลมปราณอันบริสุทธิ์ที่อยู่ในบริเวณโดยรอบให้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเด็กหนุ่มด้วยความรวดเร็วอย่างสม่ำเสมอสมดุลต่อเนื่อง จี้หยกโลหิตที่สวมใส่นั้นยังคงแสดงความพิศดารชักนำลมปราณบริสุทธิ์ เป็กระแสไหลเวียนอย่างเข้มข้นอยู่โดยรอบเรือนพักหลังนี้
ยามปกติหนิงอ้ายยังคงสามารถดูดซับพลังปราณโดยรอบได้โดยที่ไม่ต้องนั่งสมาธิรวบรวมและชักนำเข้าสู่ร่างกายด้วยเพราะความลึกล้ำพิเศษเฉพาะ คล้ายกับว่ายิ่งเด็กหนุ่มมีพลังิญญาที่เพิ่มสูงขึ้น ความสามารถในการบัญชาการเคล็ดวิชานี้ก็ยิ่งเพิ่มทวีเป็ส่วนหนึ่งอันเดียวกันที่ไม่ต่างไปจากลมหายใจเข้าออกปกติเสียด้วยซ้ำ ด้วยเพราะเหตุนี้จึงส่งผลให้หนิงอ้ายมีความก้าวหน้าที่รวดเร็วในการพัฒนาพลังิญญามากกว่าผู้อื่นไปถึงสองหรือสามส่วนเลยทีเดียว
หนิงอ้ายััได้ว่าหลังจากที่ได้ดูดซับกระดูกิญญาของัผีเสื้อจักรพรรดิจรัสแสงนิรันดร์ไปโดยไร้ซึ่งเเรงต่อต้านที่ควรเกิดขึ้นใดใดทั้งสิ้นนั้น กระดูกิญญาอายุแสนปีนี้ได้ปรับเปลี่ยนเป็กระดูกิญญาอายุแปดพันปีตามที่ผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาสามารถดูดซับได้ จึงทำให้หนิงอ้ายถือได้ว่าเป็ผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาขั้นกลางอย่างเต็มภาคภูมิเเล้ว
หากบรรลุถึงเขตขั้นราชทินนามราชันิญญาแล้ว ทักษะิญญาที่สี่ ที่เขาได้รับมาคงต้องใช้เวลาในการฝึกฝนให้คุ้นชินอยู่ไม่น้อย เเต่ถึงอย่างไรหนิงอ้ายก็เชื่อมั่นว่าตนสามารถฝึกฝนและใช้งานได้อย่างสำเร็จอย่างแน่นอน
"การดูดซับพลังลมปราณมีความรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม อาจด้วยเพราะแรงหนุนของกระดูกิญญาอายุล้านปีของอสรพิษเหมัตน์า รวมไปถึงกระดูกิญญาอายุแสนปีของสัตว์อสูรอื่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นสายเืของหงส์เพลิงอัคคีสุริยะมหา์ที่ถูกปลุกกระตุ้นขึ้น สิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้ร่างกายมีความกล้าแกร่งเหนือชั้น พลังิญญาก็เพิ่มขึ้นไปด้วยเช่นนี้ การหลอมโอสถระดับหนึ่ง โอสถระดับสองคงใช้เวลาลดน้อยลงกว่าเดิมเป็แน่..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยความยินดี จากนั้นจึงพินิจเเหวนหยกที่ได้รับมาพร้อมกับเรียกใช้เนตรเเห่ง์ของตนตรวจสอบอีกครั้ง
ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก็ทำให้หนิงอ้ายได้รับรู้ว่าเเหวนทองที่อยู่ในมือตนตอนนี้เป็เพียงหนึ่งในรูปแบบของระดับตำนานที่มีนามว่าศาสตราอนันต์ลักษณ์ ความพิเศษพิศดารที่ปรากฎจะผันแปรไปตามลักษณะศาสตราวุธเ่าั้ที่ถูกเรียกออกมาใช้งาน หมายเหตุตรงด้านล่างที่ปรากฎทำให้ได้รับรู้ว่านอกจากการประทับตราิญญากำกับลงไปเเล้ว ศาสตราอนันต์ลักษณ์ชิ้นนี้เ้าของพันธะจะต้องทำการเเลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมโดยการสังเวยด้วยโลหิตและพลังิญญาอย่างต่อเนื่องเป็เวลาสามสิบวันเป็อย่างน้อยหรือจนกว่าอาวุธิญญาชิ้นนี้จะปฏิเสธรับการสังเวยดังกล่าว
หลังจากกระบวนการเหล่านี้สิ้นสุดลง การสลับแปรเปลี่ยนเป็อาวุธและของวิเศษในรูปลักษณ์ต่าง ๆ ได้เพียงเเค่หนิงอ้ายคิดในใจเพียงเท่านั้นก็สามารถผันแปรเป็ได้ทุกสิ่งอย่างตามที่้า อีกทั้งสิ่งของหรืออาวุธเเต่ละรูปแบบที่ถูกเรียกออกมาใช้ล้วนต่างมีอาณุภาพเหนือชั้นไปไม่ต่างจากอาวุธของวิเศษตำนานประเภทอื่นเสียด้วยซ้ำ
ฟังดูว่าจะเต็มไปด้วยจุดเด่นมากมาย เเต่ถึงอย่างไรศาสตราอนันต์ลักษณ์ชิ้นนี้ก็มีเงื่อนไขจุดเสียเปรียบที่ปรากฎเช่นกัน นั่นคือในยามเรียกใช้ในเเต่ละครั้งจะกลืนกินพลังลมปราณในร่างกายเป็จำนวนมาก แม้อาจจะใช้เป็ไม้ตายในการปกป้องตัวเองให้แคล้วคลาดปลอดภัยได้ก็จริง เเต่หากว่าในขณะนั้นได้สูญสิ้นพลังลมปราณในร่างกายไปหมดสิ้นก็คงไม่ใช่เื่ดีเป็แน่ ทว่าจุดด้อยนี้กลับไม่ส่งผลกับหนิงอ้ายผู้ที่ร่างกายสามารถดูดซับปราณฟ้าดินได้ทั้งในยามตื่นรวมไปถึงยามนอนเช่นนี้ กล่าวได้ว่าเป็ต่างส่งเสริมนำพากันทั้งสิ้น
ตลอดทั้งคืนหนิงอ้ายได้ทำการดูดซับลมปราณฟ้าดินอย่างไม่หยุดพักจนถึงใน่เช้าของอีกวันด้วยความรวดเร็วในความรู้สึก เด็กหนุ่มยังคงดูเเลสวนสมุนไพรข้างเรือนของตนเช่นเดิมเหมือนทุกวันที่ผ่านมาตลอดหลายเดือนมานี้ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วจึงได้ลงมือทำข้าวต้มทรงเครื่องสำหรับมื้อเช้านี้ให้กับตนเอง เนื่องจากเป็อีกวันที่อาจารย์ของตนไม่ได้กลับมายังเรือนพักในตำหนัก หนิงอ้ายครุ่นคิดด้วยเพราะไม่รู้ว่าเื่ราวเป็อย่างไรบ้าง ทางฝั่งของเฟยหลงที่ในยามปกติมักจะเข้ามาวุ่นวายลักลอบเข้ามาหาเขาในเรือนพักก็ได้หายไปหลายวันแล้วเช่นกัน...
เวลาได้ล่วงเลยผ่านมาจนถึงยามเว่ย เเสงแดดอันร้อนแรงได้สาดส่องไปทั่วทั้งบริเวณ ทว่าอากาศภายในตำหนักศาสตร์แห่งการรักษานั้นยังคงมีสายลมพัดผ่านให้ความรู้สึกเย็นสบายเป็อย่างยิ่ง เช้าที่ผ่านมาหนิงอ้ายได้ใช้เวลาไปกับการฝึกฝนทั้งในเชิงยุทธ์เพื่อเป็การฝึกปรือฝีมือของตนให้พัฒนาอยู่เสมอ ่บ่ายนี้หนิงอ้ายตั้งใจว่าเขาจะฝึกฝนปรุงโอสถระดับสาม เป็โอสถสูตรใหม่ที่ได้รับมาจากท่านอาจารย์ก่อนหน้า
ดวงตาคู่งามได้จดจ้องไปยังบันทึกเล่มหนาที่ได้จดเอาไว้ถึงสมุนไพรวิเศษที่ต้องใช้ในการหลอมสร้างปรุงโอสถครั้งนี้ พินิจไปเเล้วด้วยระดับพลังิญญาที่เพิ่มขึ้นมาถึงสองขั้นย่อย อาจดูเล็กน้อยเเต่ทว่าผู้ฝึกตนส่วนมากย่อมใช้เวลาในการเลื่อนระดับเป็เวลาหลายเดือนหรือนับปีเสียด้วยซ้ำ
เมื่อจดจำได้ถึงขั้นตอนหลอมสร้างปรุงโอสถสูตรนี้ รวมไปถึงสมุนไพรที่ต้องใช้ตามสูตรโอสถก็ครบถ้วนแล้วเช่นกัน หนิงอ้ายจึงไม่รอช้าที่จะเริ่มต้นปรุงโอสถนี้ออกมาในทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เพียงมือขวาที่เรียวบางได้ยกตวัดขึ้น ตรงด้านหน้าของเด็กหนุ่ม ได้ปรากฎเป็เตาหลอมโอสถที่เคยใช้มาก่อนหน้าซึ่งมีขนาดที่พอดีไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป ผิวด้านนอกเตากลอมเป็สีน้ำเงินครามที่เต็มไปด้วยลวดลายของเกลียวคลื่นสมุทรที่เปล่งประกายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่ทอเเสงวิบวับงดงามเเปลกตายิ่งนัก
โอสถระดับสามที่หนิงอ้ายกำลังจะปรุงขึ้นมีนามว่า โอสถจัตตุวสันต์ระดับสาม เป็โอสถที่สามารถรักษาาแที่เกิดจากอสูรที่มีขั้นต่ำกว่าระดับมายาได้ทั้งสิ้น โอสถนี้นอกจากจะมีคุณสมบัติในการรักษาาแเเล้ว ยังสามารถเพิ่มพลังลมปราณไปพร้อมกันอีกด้วย
ไม่รอช้าหนิงอ้ายได้ปลดปล่อยิญญายุทธ์ปราณธาตุไฟของตนออกมาที่ชั่วพริบตานั้นได้แปรเปลี่ยนเป็เปลวเพลิงอันร้อนระอุ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเเผ่ญาณััอันลึกล้ำของตนออกมาเพื่อกำกับเปลวเพลิงนี้ให้หล่อเลี้ยงโดยรอบเตาหลอมโอสถตรงหน้าด้วยความสมดุล ก่อนที่มืออีกข้างนั้นจะตวัดเอาสมุนไพรตามสูตรโอสถนี้ที่ได้เตรียมไว้ก่อนหน้าให้เข้าไปในเตาหลอมนี้โดยทันที
เปลวเพลิงได้แผดเผาสมุนไพรเหล่านี้ด้วยความรวดเร็ว เป็ไปตามที่หนิงอ้ายได้คาดคิดเอาไว้ก่อนหน้า ระยะเวลาในการหลอมกลั่นสมุนไพรได้ใช้เวลาลดลงไปเป็อย่างมาก ญาณััที่เเข็งแกร่งขึ้นได้ส่งผลไปถึงการควบคุมเปลวเพลิงจากิญญายุทธ์นี้ให้แม่นยำที่เพิ่มมากขึ้น สมุนไพรเเต่ละชนิดจะใช้ความแรงของเปลวเพลิงที่แตกต่างกันก็ตาม อย่างไรนั้นทุกสิ่งอย่างก็เป็ไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็อย่างสมบูรณ์
จากนั้นอีกเพียงหนึ่งเค่อ สมุนไพรต่าง ๆ ที่แปรเปลี่ยนคล้ายกับโอสถเหลวที่นอนก้นอยู่ในเตาหลอม สองมือประสานเป็ท่วงท่าที่คล้ายคลึงกับเหวินหวู่ผู้เป็อาจารย์ไปมากถึงเจ็ดส่วน เด็กหนุ่มไม่ลืมที่จะผ่อนปรนความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่เรียกใช้ไปมากกว่าครึ่ง โอสถเหลวนี้ได้ค่อยหมุนวนไปรอบ ๆ เตาหลอมก่อนที่จะถูกบางสิ่งชักนำให้เป็หนึ่งเดียวกัน
ผนึก!
หนิงอ้ายเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ ตอนนี้โอสถเหลวเหล่านี้ได้หลอมรวมกันก่อนที่จะแยกตัวออกจากกันอีกครั้ง ขนาดของโอสถนี้ได้ลดลงไปเรื่อย ๆ พร้อมไปกับกลิ่นหอมอันเป็เอกลักษณ์ได้ลอยฟุ้งกระจายออกมาเป็ดั่งสัญญาที่ว่าขั้นตอนสุดท้ายได้เข้ามาถึงเเล้ว
เพียงเเค่สะบัดมือเบา ๆ อีกครั้ง เปลวเพลิงจากิญญายุทธ์ต้นกำเนิดปราณธาตุไฟได้ถูกเรียกคืนกลับไปพร้อมกับที่เม็ดโอสถทั้งห้าได้ปรากฎอยู่เหนือเตาหลอมนี้เป็ที่เรียบร้อย สำหรับโอสถจัตตุวสันต์ระดับสามในการปรุงขึ้นมาครั้งเเรก มีความบริสุทธิ์มากถึงแปดส่วนเช่นนี้ก็จัดได้ว่าเป็โอสถระดับสามขั้นสูงเเล้ว
เเต่ถึงอย่างไรนั้นหนิงอ้ายยังรับรู้อยู่แก่ใจว่าเมื่อครู่นั้นตนได้ผิดพลาดไปตรงจุดใดบ้าง ดังนั้นตลอด่บ่ายนี้ไปจนถึงยามกลางคืนสิ้นเเสงสว่าง หนิงอ้ายจึงตัดสินใจว่าในวันนี้ควรที่จะหยุดไว้เเต่เพียงเท่านี้เสียก่อนจะดีกว่า เพราะยังเหลือเวลาอีกมากในการฝึกฝน
หลังจากที่หนิงอ้ายได้จัดการตัวเองเรียบร้อย คืนนี้เขาได้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะนั่งสมาธิดูดซับหินปราณพร้อมกับดูดซับปราณฟ้าดินเพียงสองชั่วยามก็เพียงพอเเล้ว เเต่ก่อนที่จะได้ทำตามสิ่งที่ได้คิดไว้ ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง
"คิดถึงข้าหรือไม่เสี่ยวอ้าย..." เสียงของบุรุษผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้นที่แฝงไปด้วยความออดอ้อน ชวนให้คนฟังอย่างหนิงอ้ายอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังพร้อมกับตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งสงบไม่ปรากฎคลื่นอารมณ์ใดใดทั้งสิ้น…