น้ำลายของผู้หญิงคนนั้นกระเด็นโดนหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลาน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกเรียกว่าจิ้งจอก แต่หน้าตาของเธอเป็แบบนี้ อย่างไรก็คงมีแต่โจวเฉิงที่จูบลง แล้วยังจะถูกเรียกว่าจิ้งจอกได้อีกหรือ?
ตาบอดหรือเปล่า?
ผู้หญิงคนนั้นพุ่งเข้ามาหวังจะตบเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่ถูกเฉินซีเหลียงรวบตัวไว้ก่อน
“หลินเหม่ยเจวียน เป็บ้าพอหรือยัง!”
เซี่ยเสี่ยวหลานหันหน้ามามอง ผู้หญิงคนนั้นนิ่งอึ้ง
แม้ใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานยังบวมช้ำ แต่เมื่อดูให้ละเอียดก็ยังคงเห็นลำคอขาวเนียนกับกลีบปากสวยได้รูป อีกทั้งอากาศของหยางเฉิงค่อนข้างอุ่น เสื้อผ้าฤดูหนาวที่สวมใส่อยู่จึงไม่หนามาก สามารถเห็นทรวดทรงอรชรของเซี่ยเสี่ยวหลานได้อย่างชัดเจน
แค่เดาเซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้ว่าอีกฝ่ายคือภรรยาของเฉินซีเหลียง ก่อนหน้านี้ตอนรับสายโทรศัพท์ภรรยาของเขาแกล้งพูดจีนกลางไม่ได้ ตอนนี้พอมา ‘จับชู้’ เพื่อข่มขวัญนังจิ้งจอกสาวโดยเฉพาะจึงสามารถพูดจีนกลางได้อย่างคล่องแคล่ว
คนที่เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นคือหญิงสาวแต่งตัวนำสมัย ผมดัดลอนเล็ก ใส่ต่างหูทองวงใหญ่ ที่มือสวมแหวนทอง แต่เพราะรูปร่างไม่สูงนักจึงสวมรองเท้าบูทส้นสูงปรี๊ด ประเทศจีนปี 1985 นี่ก็คือการแต่งตัวของคุณนายนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เห็นได้ชัดว่าภรรยาของเฉินซีเหลียงได้รับการปรนเปรอเื่ของนอกกายเป็อย่างดี
เพียงแต่นิสัยของเธอนั้นช่างยากจะอธิบายเหลือเกิน
เซี่ยเสี่ยวหลานถูกขัดอารมณ์ทำงานจึงคิดจะกลับทันที “พี่เฉิน อธิบายกับเมียพี่ให้เข้าใจเสีย ฉันขอตัวกลับก่อน”
ดูเหมือนว่าสองสามีภรรยาตระกูลเฉินยังไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งกันได้ เฉินซีเหลียงบอกว่าจะไม่ปล่อยให้เื่ครอบครัวมากระทบกับงาน แต่เธอเพิ่งมาถึงสำนักงานของเขาได้ไม่ถึงสองชั่วโมง เมียของเฉินซีเหลียงก็พาคนบุกเข้ามาเสียแล้ว ไม่รู้ว่าใครเป็คนส่งข่าวบอกอีกฝ่าย
หลินเหม่ยเจวียนดิ้นอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่อาจหลุดออกจากวงแขนของเฉินซีเหลียงได้ เธอจึงชี้หน้าเซี่ยเสี่ยวหลานพลางด่ากราด
“ถูกจับได้คาหนังคาเขาแล้วยังไม่ยอมรับอีกนะ เฉินซีเหลียง ฉันว่าแล้วว่าอยู่ดีๆ จะเปิดบริษัทไปทำไม เพราะอยากเอาเงินให้นังจิ้งจอกคนนี้ใช่ไหม ทุกคนจับตัวมันไว้ อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้!”
คนที่หลินเหม่ยเจวียนพามาด้วยต่างตรงไปล้อมเซี่ยเสี่ยวหลานไว้
เซี่ยเสี่ยวหลานมาส่งกวนฮุ่ยเอ๋อที่สนามบินไป๋อวิ๋น รถที่นั่งมาคือรถที่ยืมทังหงเอินมา ดังนั้นทังหงเอินจึงให้เธอยืมตัวคนขับรถอย่างเสี่ยวหวังมาด้วย เพราะรู้ว่ามือของเธอาเ็อยู่คงขับรถไม่ไหว
ในขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานกับเฉินซีเหลียงคุยงานกันอยู่นั้น เสี่ยวหวังนั่งรอในรถ เขากำลังสัปหงกอยู่ตรงที่นั่งคนขับ แต่กลับถูกเสียงแหลมของหลินเหม่ยเจวียนปลุกจนตื่นขึ้นมาด้วยความใ
พอยื่นศีรษะเข้าไปดูก็เห็นผู้ชายหลายคนกำลังยืนล้อมเซี่ยเสี่ยวหลาน เสี่ยวหวังคิดทันทีว่าไม่ได้การแล้ว
เขารีบลงจากรถก่อนจะวิ่งไปยืนขวางอยู่ข้างหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างรวดเร็ว “พวกคุณอยากไปโรงพักหรืออย่างไร!”
น้องชายของหลินเหม่ยเจวียนเดิมทีก็เป็พวกนักเลง เกาะพี่สาวกินไปวันๆ เขากวาดตามองเสี่ยวหวังอย่างพิจารณา “ไอ้นี่ อย่าหาเื่ใส่ตัวหน่อยเลย เอะอะก็ขู่ว่าจะจับเข้าโรงพัก น่ากลัวเหลือเกินนะ!”
หลินเหม่ยเจวียนเสริมต่อว่า “ถ้าตำรวจจะมาจับก็คงจับพวกคบชู้!”
เสี่ยวหวังตกตะลึง เขาชี้ไปที่หลินเหม่ยเจวียน ผู้ชายคนนี้ได้เมียแบบไหนกัน ผู้หญิงคนนี้มาเพื่อทำลายชีวิตของเฉินซีเหลียงชัดๆ
เฉินซีเหลียงรู้สึกทุกข์ใจเกินบรรยาย เขาเรียกนักออกแบบสองคนมา “ยืนโง่อยู่ทำไม ยังไม่ไปเรียกคนที่โรงงานมาอีก ถ้าประธานเซี่ยเป็อะไรไป บริษัทของพวกเราจบเห่แน่!”
เฉินซีเหลียงเคยเจอเสี่ยวหวังมาก่อน แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าเสี่ยวหวังคือคนขับรถของนายกเทศมนตรีทัง
นายกทังต้องสนิทกับเซี่ยเสี่ยวหลานมากแค่ไหนกัน ถึงได้ให้เซี่ยเสี่ยวหลานยืมตัวเสี่ยวหวังมาเป็คนขับรถเช่นนี้?
สามีภรรยาทะเลาะกันเป็เื่ปกติ แม้เฉินซีเหลียงจะรู้สึกว่าตนใช้ชีวิตร่วมกับหลินเหม่ยเจวียนไม่ไหว แต่อย่างน้อยเธอก็คลอดลูกชายให้เขา ก่อนหน้านี้เฉินซีเหลียงคิดอยากขอหย่าอย่างสันติสุข พร้อมกับให้ค่าเลี้ยงดูอย่างสมน้ำสมเนื้อกับหลินเหม่ยเจวียน ทั้งสองคนจะได้แยกย้ายกันไปด้วยดี แต่เขาช่างไร้เดียงสาเกินไป เขาอยากให้หลินเหม่ยเจวียนมีชีวิตที่ดี แต่หลินเหม่ยเจวียนกลับไม่คิดจะปล่อยเขาไป ถ้าเธอทำร้ายเซี่ยเสี่ยวหลาน... เฉินซีเหลียงคิดถึงจุดจบของเคออีสยงแล้วก็หนาวสั่นไปทั้งตัว
นักออกแบบหญิงวิ่งออกจากสำนักงานพร้อมกับะโเรียกคนจากโรงงานผลิตเสื้อเฉินอวี่ “มีคนตีกัน ช่วยด้วย มีคนก่อเื่ที่นี่!”
เซี่ยเสี่ยวหลานได้เสี่ยวหวังช่วยปกป้อง นักออกแบบชายเห็นดังนั้นก็ได้สติและเดินมาปกป้องประธานเซี่ยด้วยอีกคน เฉินซีเหลียงถือโอกาสนี้ปล่อยตัวหลินเหม่ยเจวียนทันที
หลินเหม่ยเจวียนโทษน้องชายว่าไม่เอาไหน พาพรรคพวกมาตั้งหลายคนยังปล่อยให้ลูกน้องเฉินซีเหลียงหนีออกไปไหน ตอนนี้หลินเหม่ยเจวียนไม่ได้แค่คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็จิ้งจอกสาว แม้แต่นักออกแบบสาววัยยี่สิบกว่าเธอก็คิดว่ามีความสัมพันธ์เกินเลยกับเฉินซีเหลียง
เธอไม่ใช่แค่คิด แต่ยังด่าออกมา เฉินซีเหลียงรู้สึกโกรธจนตัวสั่น
เหอฉงเซิงได้ยินว่าน้องเมียถูกคนรุมทำร้ายก็รีบพาคนมาหาที่สำนักงานทันที พอเห็นใบหน้าบวมช้ำของเซี่ยเสี่ยวหลานเขาถึงกับจำแทบไม่ได้
“สหายเสี่ยวเซี่ยหรือ?”
“ฉันเองค่ะ ผู้อำนวยการเหอคุณจำไม่ผิด”
เสี่ยวเซี่ยคงไม่ได้ถูกหลินเหม่ยเจวียนทำร้ายหรอกใช่ไหม?
เดิมทีเหอฉงเซิงไม่สนับสนุนให้เฉินซีเหลียงหย่าร้าง เพื่อลูกแล้วพวกเขาจะหย่ากันตามใจชอบได้อย่างไร
อีกทั้งจากที่เฉินซีเหลียงคิดคำนวนมา ถ้าจะหย่าเขาต้องแบ่งเงินให้กับหลินเหม่ยเจวียนก้อนใหญ่ เหอฉงเซิงรู้ดีว่าน้องชายคนนี้หาเงินมาได้อย่างไร หนึ่งปีมี 365 วัน นอกจากวันหยุดครึ่งเดือน่ตรุษจีน วันอื่นเฉินซีเหลียงไม่เคยหยุดทำงาน ไม่ว่าฝนจะตก พายุจะเข้า เฉินซีเหลียงก็จะออกไปตั้งร้านอย่างสม่ำเสมอ
แม้คนอื่นจะหยุดพักผ่อน แต่เฉินซีเหลียงก็ไม่เคยหยุดพักเลยสักวัน
เมื่อตอนเฉินซีเหลียงจะลาออกจากโรงงาน เขาถูกคนทั้งบ้านคัดค้าน ทว่าเ้าเด็กคนนี้กลับสู้ชีวิตจนสามารถหาเงินมาพิสูจน์ตัวเองได้
เหอฉงเซิงรู้ว่าเฉินซีเหลียงอยากทำแบรนด์เสื้อผ้าสตรี แถมยังชวนเซี่ยเสี่ยวหลานมาร่วมหุ้นด้วย นั่นจึงทำให้เขาได้เงินทุนมาจำนวนหลายแสน หลินเหม่ยเจวียนพาคนมาไล่เสี่ยวเซี่ยเช่นนี้ เงินทุนหลายแสนก็เท่ากับหายไปด้วยมิใช่หรือ?
“เหม่ยเจวียน เธอพาคนมาก่อความวุ่นวายที่โรงงานหมายความว่าอย่างไร ถ้าอยู่กับซีเหลียงไม่ได้ ก็หาเวลาไปเซ็นเอกสารเสียเถิด”
หลินเหม่ยเจวียนตะลึงงัน
“พี่เขย ทำไมถึงช่วยพูดแทนเขาแบบนี้เล่า เขาพานังจิ้งจอกมาถึงบริษัท ถูกฉันจับได้คาหนังคาเขา...”
“หลินเหม่ยเจวียน เธอพูดจาไร้มารยาทยิ่งนัก แถมยังใส่ร้ายคนอื่นอีกด้วย นี่คือผู้ถือหุ้นของบริษัทพวกเรา! ฉันจะไปหย่ากับเธอตอนนี้เลย วันนี้ถ้าไม่ได้หย่า ก็ขอให้ฉันเฉินซีเหลียงคนนี้ถูกรถชนตาย!”
เซี่ยเสี่ยวหลานถูกความอลหม่านตรงหน้าทำเอารู้สึกเซ็งไปหมด
ไม่ว่าเธอพูดอะไรไปก็เท่ากับเติมเชื้อไฟให้เฉินซีเหลียงอยากหย่าร้าง หากเขาหย่าร้างแล้วแต่งงานใหม่อีกครั้ง เซี่ยเสี่ยวหลานรู้จุดจบที่เลวร้ายของเขาเป็อย่างดี
อีกอย่างหากเธอพูดอะไรออกไปก็คงถูกกล่าวหาว่าเป็จิ้งจอกสาวอยู่ดี
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายครั้งนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอเห็นต้นแบบเสื้อผ้าแล้ว สมุดบัญชีก็สามารถเอากลับไปอ่านได้ แต่พอเซี่ยเสี่ยวหลานจะขอตัวกลับ หลินเหม่ยเจวียนกลับไม่ยอมปล่อยเธอออกไป
น้องชายของหลินเหม่ยเจวียนเองก็บอกว่าจะหาคนไปเล่นงานเซี่ยเสี่ยวหลาน ประธานเซี่ยได้ยินดังนั้นจึงเริ่มทนไม่ไหว
“คำพูดพวกนี้ควรเป็คำพูดของฉัน คุณดูตัวเองก่อนเถิด นอกจากอาละวาดไปวันๆ แล้วยังทำอะไรเป็บ้าง เป็สามีภรรยาเท่ากับลงเรือลำเดียวกันแล้ว ควรฝ่าฟันต่อสู้ไปด้วยกันไม่ใช่รึ คุณเลิกเป็ตัวถ่วงเฉินซีเหลียงได้หรือเปล่า! ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็ใครยังจะยกพวกมาทำร้ายฉัน... คุณกลัวเฉินซีเหลียงตายช้าเกินไปหรืออย่างไรกัน เฉินซีเหลียง เื่ครอบครัวเธอ เธอจัดการเอาเอง ตอนนี้ฉันขอถอนหุ้น!”
เฉินซีเหลียงไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานพูดจริงหรือหลอกกันแน่ แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็หน้าซีดเผือด
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานถอนหุ้นตอนนี้ ด้วยเงินที่เฉินซีเหลียงลงทุนไปมากมายขนาดนั้น เขาคงจบเห่แน่นอน
“พี่เซี่ย...”
“อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ ฉันเด็กกว่าเธอตั้งหลายปี หัดอายเสียบ้าง!”
เซี่ยเสี่ยวหลานเดินออกไปด้วยความโมโห ครั้งนี้แม้แต่คนที่หลินเหม่ยเจวียนพามาด้วยก็ลืมไปว่าต้องขัดขวางเธอเอาไว้
