“นายหญิง ที่แท้พวกท่านก็อยู่ที่นี่หนู่ปี้แทบพลิกจวนหาแล้วเ้าค่ะ!”
ร่างของป๋ายจื่อปรากฏขึ้นในแนวสายตาของหลินเมิ้งหยาไกลๆ
ดูจากท่าทางร้อนรนกระวนกระวายของนางแล้ว หรือจะเกิดเื่ขึ้นที่สวนหลิวซินกัน?
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเ้าจึงร้อนใจถึงเพียงนี้ หรือตำหนักถูกไฟไหม้กระนั้นหรือ?”
ป๋ายซ่าวรีบรั้งตัวของป๋านจื่อที่กำลังหอบแฮกๆ เอาไว้ ก่อนจะส่งเสียงถามด้วยความร้อนใจไม่แพ้กัน
“ไฟไม่ได้ไหม้ แต่จิ้งจอกบุกต่างหาก! นายหญิงเ้าคะ พอท่านออกจากประตูไปคุณหนูรองพาสาวใช้มายังตำหนักของพวกเรานายน้อยอวี้กลัวว่านางจะสบโอกาสทำเื่ไม่ดี ดังนั้นจึงจับตามองนางอยู่เ้าค่ะ!”
หลินเมิ้งหวู่? นางมาทำอะไรกัน?
เกรงว่าจะมาสร้างปัญหาอย่างแน่นอนหรือนางกำลังร้อนใจเพราะเื่ที่้าจะไปรับแม่ของตนเองมา?
“ช่วยไม่ได้ เดี๋ยวพวกเรากลับไปเจอนางก็จะรู้เอง”
ภายในห้องหลักของสวนหลิวซินหลินจงอวี้นั่งอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือพลางอ่านหนังสือเงียบๆ
คนละเอียดรอบคอบอย่างป๋ายจีตระเตรียมหมอนขนเป็ดใบหนาเอาไว้ก่อนแล้วนางวางไว้บนเก้าอี้เพื่อรองรับแผ่นหลังของหลินจงอวี้
ทั้งนายและบ่าวในตำหนักแห่งนี้ล้วนคิดเห็นเป็อันหนึ่งอันเดียวกันนั่นก็คือพวกเขาต่างไม่อยากเจอคุณหนูรองทั้งคู่
ทว่านางกลับแสดงท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั่งลงบนเก้าอี้และจิบชาที่ป๋ายจีนำมาให้
“ข้าว่านะเ้าหนู เ้าเองก็โตแล้วแต่ยังขลุกอยู่ในตำหนักของพี่สาวข้าตลอดทั้งวันหากข่าวลือถูกแพร่งพรายออกไปจะเกิดอะไรขึ้น? หากพี่สาวข้าต้องแปดเปื้อนเ้าจะรับผิดชอบไหวหรือไม่”
ใบหน้าของหลินจงอวี้งดงามมีเสน่ห์ไม่ว่าใครต่างก็ไม่สามารถปฏิเสธความเย้ายวนของเขาได้แม้เขาจะเป็เด็กหนุ่มที่ก้าวเข้าสู่่วัยรุ่น แต่ถึงอย่างนั้นความคมเข้มของเขาก็เผยออกมาทีละน้อย
โดยเฉพาะเมื่อเขาสวมใส่ชุดสีขาวราวเกล็ดหิมะ ศีรษะสวมมงกุฎแก้วความสง่างามยิ่งเปล่งประกายมากขึ้น
แต่เด็กคนนี้กลับเรียนแบบท่าทางเชื่อมั่นในตัวเองจากหลินเมิ้งหยาดังนั้นเขาจึงไม่สนใจใครเลยแม้แต่น้อย
“คนจิตใจสกปรกมักจะคิดได้แต่เพียงเื่สกปรกเท่านั้นนางเป็พี่สาวของข้า ข้าเป็น้องชายคงมีเพียงคนแบบเ้าเท่านั้นที่เห็นความสัมพันธ์เช่นนี้เป็เื่บัดสี”
เพียงประโยคเดียว คิ้วของหลินเมิ้งหวู่ขมวดเข้าหากันแน่นในทันที
นิ้วเรียวยาวดุจต้นหอมชี้ไปทางหลินจงอวี้ดวงตาคู่สวยเหลือกมองเขาไม่กะพริบ
“ฮึ อย่าคิดว่ามีท่านพี่คอยปกป้องแล้วเ้าจะแสดงท่าทีไม่เห็นหัวใครต่อใครก็ได้ไม่ช้าก็เร็วข้าจะสั่งสอนเ้าอย่างแน่นอน เ้าจะได้รู้จักกฎการอยู่ร่วมกันเสียบ้าง!”
นางได้ยินข่าวลือที่ว่าจะส่งคนไปรับแม่ของนางมาที่จวนแห่งนี้แล้ว
หากท่านแม่มา ทั้งหลินเมิ้งหยาและเจียงหรูฉินต่างต้องพ่ายแพ้ให้กับนางอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น จวนอวี้ที่สวยงามโอ่อ่าแห่งนี้จะต้องตกเป็ของนาง!
ดวงตาปกปิดความปรารถนาในหัวใจหลินเมิ้งหวู่เลิกต่อล้อต่อเถียงกับหลินจงอวี้
หลินเมิ้งหยาที่กลับมาถึงตำหนักทันได้ยินคำพูดสองสามประโยคของหลินเมิ้งหวู่พอดี
เป็ไปตามคาด แต่หากคิดจะแย่งตำแหน่งพระชายาไปจากนางแล้วละก็นางควรจะถามเ้าของตำแหน่งก่อนว่ายินยอมหรือไม่
“ท่านพี่กลับมาแล้ว น้องร้อนใจเหลือเกิน”
เหลือบมองเห็นหลินเมิ้งหยาหลินเมิ้งหวู่กลับมามีท่าทางอ่อนโยนอีกครั้ง
สวยสง่ากิริยาวาจาอ่อนโยนแตกต่างกับหญิงสาวคนเมื่อครู่ราวฟ้ากับดิน
หากมิใช่เพราะหลินเมิ้งหยารู้จักสันดานหยาบของหลินเมิ้งหวู่อยู่แล้วเกรงว่านางก็อาจจะถูกหลอกเพียงเพราะได้เห็นท่าทีน่าสงสารเช่นนี้ไปแล้ว
“มีอะไร?” หลินเมิ้งหวู่เลิกคิ้วใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความไม่สบอารมณ์ คนมองไม่อาจคาดเดาความคิดของนางออก
“น้องไม่มีเื่อันใดมารบกวนท่านพี่หรอกแต่แค่อยากจะถามว่าท่านพี่ขออนุญาตท่านอ๋องเื่รับท่านแม่มาที่จวนแล้วหรือยัง?”
ทั้งที่ข่าวลือแพร่กระจายออกไปแล้วแต่คงเพราะหลินเมิ้งหวู่ถูกเจียงหรูฉินข่มเหง ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ร้อนใจแล้วรีบมาถามหาความจริงจากหลินเมิ้งหยาแต่เช้าเช่นนี้
“อืม ขอแล้ว ท่านอ๋องอนุญาตอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะไปรับแม่ของเ้ามา”
หลินเมิ้งหวู่ดีใจะโโลดเต้น แม้จะยังกระวนกระวายแต่ถึงอย่างนั้นแววตาก็เผยให้เห็นถึงความพึงพอใจ
ราวกับว่าหากแม่ของตนเองมาแล้วตำแหน่งพระชายาจะต้องตกเป็ของนางอย่างแน่นอน
รีบร้อนกลับออกจากตำหนักหลิวซินของหลินเมิ้งหยาเกรงว่าคงจะรีบร้อนออกไปแจ้งข่าวแก่ซ่างกวนฉิง
“พี่สาว ท่านคิดจะให้ฮูหยินเ้าเล่ห์ผู้นั้นมาอยู่ที่จวนของพวกเราจริงหรือ?เกรงว่าแม่ที่สอนลูกสาวให้เ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ได้จะไม่ใช่คนดีเสียเท่าไร”
แววตาของหลินจงอวี้เผยความกังวลเพราะกลัวว่าพี่สาวจะถูกรังแก
“ไม่เป็ไรหรอก เ้าวางใจเถิด เอาศัตรูไว้ใกล้ตัวดีกว่าปล่อยให้พวกนางวางแผนร้ายลับหูลับตาเรา ว่าแต่เ้ากำลังอ่านอะไรหรือ?”
หลินเมิ้งหยามิได้กังวลใจเลยแม้แต่น้อย จวนอวี้แห่งนี้ไม่มีทางเป็สรวง์ของพวกนางสองแม่ลูกอย่างแน่นอน
“หยิบมาส่งๆ เท่านั้นขอรับ ไม่ได้ตั้งใจหยิบ”
เวลาไม่มีอะไรทำ เขามักจะมาที่ห้องของหลินเมิ้งหยาเพื่ออ่านหนังสือ
หนึ่งคือเพื่อฆ่าเวลาสองคือเพื่อดูแลความปลอดภัยในตำหนักให้กับพี่สาว
“เ้าเองก็โตแล้ว ่นี้พี่ว่างพี่จะทูลขอท่านอ๋องแล้วส่งเ้าไปเรียนที่จวนไท่หยิ่น”
บรรพบุรุษเมืองจิ้นให้ความสำคัญกับการผลูกฝังเลี้ยงดูลูกหลานเป็อย่างมาก
ไม่มีที่แห่งไหนเป็เลิศทางด้านการศึกษาได้โรงเรียนระดับกลางแห่งจวนไท่หยิ่น
ชื่อเสียงกว้างไกลไปทั่วเมืองหลวงอัครมหาเสนาบดีราวเจ็ดถึงแปดคนล้วนจบการศึกษาจากโรงเรียนแห่งนี้
หากส่งเสี่ยวอวี้เข้าไปเรียนที่นี่ได้ นางจึงจะวางใจ
“ข้า...ข้าไม่อยากไป ข้าอยากอยู่ดูแลท่านพี่”
สายตามุ่งมั่นหลินจงอวี้ไม่เคยนึกถึงโลกใบที่ไม่มีหลินเมิ้งหยามาก่อน
จวนแห่งนี้มีอันตรายรอบด้าน ศัตรูต่างพากันจับจ้องปองร้ายพี่สาวเขา...ไม่มีทางปล่อยพี่สาวเอาไว้คนเดียวในจวนแห่งนี้
“เ้านี่หนา เอาเถิด ค่อยคุยเื่นี้กันวันหลังสิ่งที่เ้าต้องทำคือรักษาาแให้หายก่อน”
หลินเมิ้งหยาเลิกโน้มน้าวแม้เสี่ยวอวี้จะดูเป็คนอ่อนโยนและว่าง่าย แต่จริงๆ แล้วเขาเป็คนดื้อรั้นเหมือนกับนางไม่มีผิด
ในเมื่อเขาชอบอ่านหนังสือเช่นนั้นนางไปรวบรวมหนังสือมาให้เขาอ่านมากหน่อยก็ได้ จวนแห่งนี้หาได้ขาดแคลนกระดาษไม่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยเชิญอาจารย์ส่วนตัวมาสั่งสอนเขาก็ย่อมได้
“พระชายา พระสนมเต๋อเฟยขอให้เข้าเฝ้าเพคะ”
ด้านนอก เสียงของน้าจิ่นเยว่ดังขึ้น หลินเมิ้งหยากลอกตามุมปากกระตุกยิ้มเ็า
ไม่ช้าเกินรอสินะ
“ท่านป้า ท่านจะต้องออกหน้าให้แก่หรูฉินนะเ้าคะสาวใช้สี่คนนั้นรับใช้ข้ามาั้แ่ตอนที่ข้ายังเป็เด็กแต่พวกนายกลับมาตายไปทั้งแบบนี้ ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”
เจียงหรูฉินร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ พระสนมเต๋อเฟยใบหน้าเรียวเล็กเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ท่าทางน่าสงสารจับใจ
นางวิ่งกลับมาจากสวนดอกไม้และขอเข้าเฝ้าพระสนมเพื่อร้องขอให้ลงโทษหลินเมิ้งหยา
แน่นอนว่านางย่อมใส่ไฟเข้าไปเล็กน้อย
พระสนมเต๋อเฟยรำคาญเหลือทน แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็ถึงหลานสาวดังนั้นจึงจำเป็ต้องออกหน้าให้
คิดไม่ถึงเลยว่าหยาเอ๋อร์จะทำการเข่นฆ่าสาวใช้ทั้งสี่เช่นนั้น
“หยาเอ๋อร์ถวายคำนับหมู่เฟย ขอหมู่เฟยอายุยืนหมื่นปี”
นางกลับได้เห็นลูกสะใภ้ถวายคำนับอย่างมีมารยาท
พระสนมเต๋อเฟยเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าของลูกสะใภ้ทว่าสายตาที่จ้องมองมากลับอ่อนโยน ไม่เหมือนกับสายตาเกลียดชังของฮองเฮา
“ไม่ต้องมากพิธีเปิ่นกงตามเ้ามาก็เพราะ้าถามอะไรเ้าเล็กน้อย”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดสิ่งใดออกมา น้าจิ่นเยว่รีบเข้าไปกระซิบข้างหูพระสนมเต๋อเฟยสองสามประโยค
“หรูฉิน!เ้าไร้มารยาทถึงขั้นนี้เชียวหรือกิริยามารยาทหรือกฎระเบียบที่พ่อเ้าพร่ำเพียรสั่งสอนมิได้ซึมเข้าสมองของเ้าเลยหรืออย่างไร!”
น้ำเสียงเปลี่ยนไป แม้แต่สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
พระสนมเต๋อเฟยที่คิดจะเค้นถามหลินเมิ้งหยากลับกลายเป็เริ่มอบรมสั่งสอนหรูฉินแทน
เจียงหรูฉินที่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนงงเป็ไก่ตาแตกชะงักงันอยู่กับที่พลางจ้องมองป้าของตนเองด้วยแววตาสิ้นหวังนางยังปรับตัวไม่ทันว่าตกลงเกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่
“ช่างเถิดเพคะหมู่เฟย หรูฉินเพียงแต่หน้ามืดตามัวไปชั่วขณะเท่านั้นท่านอย่าได้โกรธเคืองไปเลย เดี๋ยวจะส่งผลเสียต่อสุขภาพเพคะ”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยวาจาอ่อนโยนปลอบโดยพระสนมเต๋อเฟยใบหน้าขาวนวลเนียนแฝงไว้ซึ่งความจริงใจ
นางเดินเข้าไปยืนข้างกายพระสนมเต๋อเฟย นวดคลึงไหล่บางข้อมือสีขาวราวเกล็ดหิมะเผยให้เห็นรอยช้ำสีดำด่างดึงดูดสายตา
“เ้า...เ้าใส่ร้ายข้า!”
เจียงหรูฉินเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นนังแพศยาคนนี้แกล้งทำรอยช้ำที่ข้อมือแล้วโยนความผิดให้กับนาง
มือหนึ่งคว้าข้อมือของหลินเมิ้งหยา อีกมือยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดแต่นางคาดไม่ถึงเลยว่ารอยช้ำจะไม่หายไป
“ปล่อย”
หลินเมิ้งหยาขมวดคิ้วเข้าหากัน แสร้งทำท่าทีเ็ปแต่ถึงกระนั้นก็พยายามอดทนต่อเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเจียงหรูฉิน
“จิ่นเยว่ พาหรูฉินกลับตำหนัก ปล่อยให้นางได้สำนึกผิดหากข้าไม่สั่ง ห้ามปล่อยตัวนางออกมา”
สายตาเ็าจับจ้องมองทางเจียงหรูฉิน แววตาไร้ซึ่งความรักใคร่เอ็นดูเหมือนอย่างเคย
เด็กคนนี้บังอาจนัก ยังมิทันออกเรือนก็คิดกำเริบเสิบสานเสียแล้ว
ความคิดที่อยากให้นางเป็ชายารองของอวี้เอ๋อร์คงต้องพิจารณาใหม่อีกครั้งแล้ว
“มานี่สิหยาเอ๋อร์ ทำให้เ้าต้องเสียใจจนได้ เข้ามาไปหยิบยาแก้ฟกช้ำที่ข้าใช้เป็ประจำมา”
หากเอ่ยว่าเมื่อก่อนพระสนมเต๋อเฟยยังคงรักษาระยะห่างกับหลินเมิ้งหยาแล้วละก็เช่นนั้นตอนนี้นางก็รู้สึกผิดต่อลูกสะใภ้คนนี้ของนางเหลือเกิน
จิ่นเยว่เข้ามากระซิบที่ข้างหูของนางว่าข้อมือของหลินเมิ้งหยามีรอยฟกช้ำมากมายเมื่อลองแอบถามนาง นางกลับร้องไห้ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอันใดออกมาดังนั้นพระสนมเต๋อเฟยจึงเดาได้ทันที
นางรู้จักนิสัยของหรูฉินดีที่สุด
คาดว่านางนำสาวใช้ทั้งสี่เข้าไปทำร้ายหลินเมิ้งหยาอย่างแน่นอน
ความโกรธพลันปะทุขึ้นมา พวกนางสมควรตายแล้วเ้านายทำผิดแต่กลับไม่รู้จักหักห้าม อีกทั้งยังสนับสนุน
“หยาเอ๋อร์ไม่เป็ไรเพคะ หม่อมฉันทำให้หมู่เฟยต้องเป็ห่วงแล้วน้องหรูฉินเป็แขกของเรา หม่อมฉันเป็พี่สะใภ้จึงต้องทนอดทนแต่หม่อมฉันไม่ดีเองที่ตามใจน้องจนเกินไป ไม่เช่นนั้นน้องคงไม่เป็แบบนี้”
รอยฟกช้ำที่ข้อมือของหลินเมิ้งหยาล้วนเป็ของจริงแต่มิได้เกิดจากการถูกทำร้าย
แต่นางใช้ยาพิเศษชนิดหนึ่งที่เ้าของร้านว่านเหย้าเก๋อนำมาส่งมอบให้หญ้าเหนี่ยวหลงเองก็เป็หนึ่งในบรรดายาเ่าั้
ทาลงบนร่างกาย ไม่เจ็บหรือคัน แต่พลันปรากฏรอยฟกช้ำขึ้นมาในทันทีนอกจากหมอผู้เชี่ยวชาญแล้ว ไม่มีทางเลยที่จะดูออก
เด็กสาวที่อยู่แต่ในจวนและถูกพ่อแม่ตามอกตามใจอย่างเจียงหรูฉินจะรู้จักของเหล่านี้ได้อย่างไร?