เมื่อมองดูใบหน้าหล่อเหลาคมคายตรงหน้า ไม่รู้ว่าเส้นประสาทเส้นใดของเสิ่นม่านประสานกันผิด นิสัยทะลึ่งดันโผล่ออกมาเสียได้
นางเหลือบมองหน้าอกเปลือยเปล่าของหนิงโม่ ผิวขาวผุดผ่องเนียนละเอียด… อืม ผิวดีกว่าสตรีเสียอีก แค่ััคงไม่ผิดกฎหมายหรอกกระมัง?
นางกลืนน้ำลายพลางยื่นมือที่สั่นระริกออกไป ขณะกำลังจะได้ััหน้าอกขาวเนียน มือคู่หนึ่งก็คว้าข้อมือของนางไว้
เสิ่นม่าน “...”
นางเงยหน้าขึ้นและเห็นใบหน้าหวาดระแวง
“เ้าคิดจะทำอะไร?”
โหมดสะกดจิตคลายแล้วหรือ? เมื่อกลัวว่าจะถูกถีบกระเด็นอีกครั้ง เสิ่นม่านนั่งยองและเอาสองมือกอดเข่า
“ข้า… ข้าเห็นว่าเสื้อผ้าของเ้ายุ่งเหยิง จึงคิดจะช่วยเ้า…”
ชายคนนั้นก้มหน้ามองกล้ามเนื้อเปลือยเปล่าที่เผยออกมา ใบหน้าของเขาขึ้นสีพร้อมรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นเอ่ยถามต่อ
“แล้วเื่ที่เ้าจะสารภาพล่ะ?”
สารภาพ? สิ่งที่เสิ่นม่านช่ำชองที่สุดคือตีมึน “สารภาพอะไร?”
ดั่งคาด วินาทีถัดไป คิ้วของหนิงโม่ก็ขมวดเป็ปม เขาก้มลงหากระบี่และพบว่ากระบี่ของตนหล่นอยู่บนพื้น
เกิดอะไรขึ้น?
ชัดเจนว่าเมื่อครู่ทั้งสองยังคุยกันอยู่ดีๆ จากนั้นเขารู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้าพร่ามัวไปชั่วขณะ เมื่อได้สติอีกครั้ง กระบี่ก็หล่นลงบนพื้นเสียแล้ว
ส่วนสตรีผู้นี้กำลังจดจ้อง… แผงอกของเขา นางกระทั่งยื่นมือออกมาอย่างอุกอาจ
เขามึนงงสับสน
ในทางกลับกัน เสิ่นม่านค่อยๆ ลุกขึ้นและดีดนิ้วขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ยื่นมือสองข้างของเ้าออกมา”
ก่อนที่หนิงโม่จะตอบโต้ สมองของเขาพลันสับสนวุ่นวายอีกครั้ง จากนั้นก็ยื่นมือทั้งคู่ให้นางอย่างว่าง่าย
เสิ่นม่านจับมือของเขาอย่างพึงพอใจ ดูท่าว่าโหมดสะกดจิตยังทำงานอยู่ นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มชั่วร้ายและออกคําสั่งอีกครั้ง
“เอากล้ามหน้าอกมาให้ข้าัั”
ครั้งนี้หนิงโม่จับมือของนางมาวางไว้ตรงหน้าอกด้วยตนเอง เสิ่นม่านยิ้มอย่างมีชัยอีกครั้ง
พอได้ลองบีบ แม้จะผอมไปหน่อยแต่ก็เนียนแน่นดี
วันรุ่งขึ้นต้องทำอาหารให้เขาบำรุงเสียหน่อย ใบหน้านี้ดูอย่างไรก็งดงามมีเสน่ห์ ไม่สมควรปล่อยให้เสียของ
คิกๆ นี่มันช่างดีงามเหลือเกิน!
ครู่หนึ่งหลังจากที่เสิ่นม่านถอนมือออก อีกฝ่ายกลับจับมือของนางมาวางบนหน้าอกของตนอีกครั้ง จากนั้นค่อยๆ พาเคลื่อนลงไปยังกล้ามหน้าท้องที่แข็งแกร่งของเขา
“พอแล้วๆ ข้าแค่ััพอเป็กระสายเท่านั้น ไม่ต้องเลื่อนลงแล้ว ขืนลงไปอีก เกิดไฟพิศวาสทำงานขึ้นมา ข้าไม่รับผิดชอบนะ”
เสิ่นม่านถอนมือขณะที่พร่ำบ่น
ทว่าหนิงโม่กลับแนบตัวเข้ามาใกล้ จากนั้นพลิกตัวนางหันหลังแล้วสวมกอดเอาไว้
เสิ่นม่าน “...”
เ้าหนุ่มนี่มีอะไรผิดปกติ เมื่อมองดูสีหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้ง ก็ชัดเจนว่าเป็อาการหลังถูกสะกดจิต!
นางเริ่มตื่นตระหนกเล็กน้อยและเตรียมปิดโหมดสะกดจิต
กระนั้น...
หลังจากเรียกระบบไปสองครั้ง แต่กลับไร้เสียงตอบรับ
เสิ่นม่านตกตะลึง เ้าระบบเฮงซวย มาพังเอาตอนนี้เนี่ยนะ? หรือเป็เพราะโหมดสะกดจิตยังไม่สมบูรณ์?!
เสิ่นม่านเกาใบหู ทั้งคิดหนักทั้งร้อนใจ เพราะตอนนี้หนิงโม่เริ่มถอดเสื้อผ้าของนางโดยไม่พูดไม่จา
นางกระชับเสื้อของตนเองไว้แน่น จากนั้นส่งเสียงเรียกระบบอีกหลายหน แต่ก็ยังไร้ซึ่งการตอบรับ
แม่คุณ จะเล่นใหญ่เกินไปแล้ว!
นางนึกได้ว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่เพื่อนสนิทหาคนมาติดตั้งระบบให้นาง ดูเหมือนว่าคุณเพื่อนตัวดีจะใส่ระบบเพิ่มความปรารถนามาให้ด้วยสินะ?
และชัดเจนว่าสองโหมดนี้กำลังทำงานสลับกัน!
ชาติที่แล้วนางเป็สาวโสดยันเสียชีวิต จึงไม่เคยได้ใช้ระบบนี้ แต่ก็ไม่ควรได้ใช้ตอนนี้ไม่ใช่หรือไงเล่า!
ข้ายังไม่พร้อม!
เสิ่นม่านส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งในใจ ขณะที่มองดูตนเองกำลังถูกถอดเสื้อผ้าจนเหลือเพียงชิ้นสุดท้าย นางจึงตัดสินใจขั้นเด็ดขาด… กัดฟันแล้วเอาหัวโขกกันสุดแรงเสียเลย!
ปึง!
หลังจากเสียงกระแทกดังขึ้น ทั้งสองก็ล้มลงข้างกันอย่างพร้อมเพรียง
ไม่รู้ว่าหมดสติไปนานเพียงใด เสิ่นม่านตื่นขึ้นด้วยเสียงเคาะประตูที่ร้อนรน นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นและนวดหัวที่บวมปูด จากนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กน้อยทั้งหลายกำลังเรียกนาง
เสิ่นม่านลุกพรวดขึ้น เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่ไม่เป็ระเบียบของตน จึงรีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็หันไปจัดแจงเสื้อผ้าหนิงโม่ให้เป็ระเบียบด้วยเช่นกัน ก่อนจะเปิดประตู
เด็กทั้งสามยืนเรียงกันอยู่หน้าประตู ความกังวลฉายชัดผ่านสีหน้าของทั้งสาม เสี่ยวตงที่เป็คนโตสุดยืนอยู่ด้านหน้า เขาปกป้องน้องๆ ไว้ด้านหลังราวกับแม่ไก่ปกป้องลูกไก่
เมื่อปะทะกับดวงตาทั้งสามคู่ อีกฝ่ายก็ชะงักไป
“ท่าน… ท่านอา เหตุใดจึงมาอยู่ในห้องท่านลุงหนิงได้?”
เสี่ยวตงถือมีดผ่าฟืนไว้ในมือ เมื่อเห็นเสิ่นม่านจึงลดมันลงอย่างไม่รู้ตัว
เสิ่นม่านนึกละอายใจเมื่อถูกเขาถาม จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเพดานและเริ่มกุเื่ “คือว่า… ห้องของเขาไม่ได้ซ่อมแซมมานานจึงมีหนูวิ่งเพ่นพ่าน ข้าจึงมาช่วยเขาจับหนู”
เด็กน้อยทั้งหลายมองดูหลังคาด้วยแววตากึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ เตียงของท่านลุงหนิงขณะนี้มีท่อนไม้หลายอันหล่นทับจนสภาพร่อแร่
ส่วนตัวท่านลุงหนิงก็กำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้น ต้าเป่าอ้าปากค้างและเงยหน้าขึ้นมองรูโบ๋บนหลังคา เด็กน้อยที่ไร้เดียงสาจึงเอ่ย
“หนูเดี๋ยวนี้อาละวาดบ้าคลั่งเช่นนี้เชียวหรือ?”
เสิ่นม่าน “...”
นางกระแอมเพื่อคลายความอึดอัด “เพราะว่ามีหนูเยอะ จับยาก จึง…”
“ท่านอา มือ มือของท่าน...” เสียงเด็กผู้หญิงดังขึ้น ซึ่งก็คือเสี่ยวหลาน ขณะนี้นางยืนอยู่ข้างต้าเป่า มือข้างหนึ่งชี้ไปที่มือของเสิ่นม่านและเอ่ยขึ้นอย่างหวาดกลัว
เมื่อครู่ระบบทำการรักษาาแของนางแล้ว เพียงแต่ยังเหลือคราบเืเปื้อนอยู่ มองดูค่อนข้างน่ากลัว
เสิ่นม่านหันไปรอบๆ เมื่อเห็นบนเสื้อของหนิงโม่เองก็มีเืเปื้อนไม่น้อย ดึกดื่นค่ำมืด เื่ราวยุ่งเหยิงระหว่างทั้งสอง…
ราวกับว่ากำลังห้ำหั่นคร่าชีวิตกันอย่างไรอย่างนั้น
เสิ่นม่านเช็ดรอยเืบนมือ “ไม่เป็ไร ไม่ใช่เืของข้า ไม่ใช่ของลุงหนิงด้วย เป็เืหนูน่ะ”
คงเพราะมีชนักติดหลัง เสิ่นม่านจึงรีบไล่เด็กทั้งสามกลับไปยังห้องปีกตะวันตก “เลิกมองได้แล้ว วันรุ่งขึ้นยังต้องไปเรียน รีบกลับไปนอนเร็ว”
ต้าเป่ายังไม่วางใจจึงััมือของนาง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีาแ จึงวางใจกลับห้องไป
หลังจากหลอกเด็กๆ กลับไปเรียบร้อย เสิ่นม่านเรียกระบบอีกครั้ง อย่างน้อยครั้งนี้ก็ใช้งานได้ นางเปิดโหมดสะกดจิตอีกครั้งและจัดการลบความทรงจำในคืนนี้ของหนิงโม่เรียบร้อย จึงค่อยกลับห้องไปพักผ่อน
เป็ดั่งที่คาด เช้าวันรุ่งขึ้น หนิงโม่เข้ามาเอ่ยถามเสิ่นม่านพร้อมกับใบหน้ามืดมนว่า นางได้เข้าห้องเขาเมื่อคืนใช่หรือไม่ มีเพียง์ที่รู้ พอตนเองตื่นมาก็พบว่ากำลังนอนอยู่บนพื้น สภาพภายในห้องเละเทะวุ่นวาย!
ที่น่าประหลาดคือ เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเสิ่นม่านร่วงหล่นจากหลังคา แต่เื่หลังจากนั้นกลับลืมจนหมดสิ้น
หรือเขาถูกทุบจนสลบไป? สตรีผู้นี้มาทำอะไรในห้องเขาดึกๆ ดื่นๆ?
เสิ่นม่านกลัวว่าจะถูกหนิงโม่เค้นถาม จึงต้องยอมรับในบางส่วน “ใช่ เมื่อคืนข้าเข้าห้องเ้าเพื่อไปจับหนู แต่ว่าห้องของเ้าไม่ได้รับการซ่อมแซมมานาน บนห้องนอนจึงมีรูหนูมากมาย ดังนั้นช้าเร็วมันก็ต้องพังทลายลงมาอยู่ดี”
หนิงโม่: นางคิดว่าเขาโง่นักใช่หรือไม่?
ประเด็นสําคัญคือ เขารู้อยู่เต็มอกว่าเสิ่นม่านกำลังพูดโกหก แต่เด็กทั้งสามกลับยืนกรานคำพูดนางอย่างไร้เดียงสา
“ใช่ขอรับ ท่านลุงหนิง พวกเราต่างก็เห็นว่าในห้องมีหนูมากมาย ท่านอาตีหนูจนเืเต็มตัวไปหมด”
หนิงโม่ััศีรษะที่บวมปูดขึ้นมาสองลูกและตกอยู่ในภวังค์ความคิด
-----