จวินจิ่วเฉินใกล้จะมาถึงตรงหน้าของกูเฟยเยี่ยน กูเฟยเยี่ยนถึงรู้สึกตัว
ต้องยอมรับว่าจวินจิ่วเฉินรูปงามเหลือเกิน ต่อให้เขาทำหน้าบึ้งก็ยังคงงดงามอยู่ดี เรียกได้ว่าสามร้อยหกสิบหกองศาไม่มีมุมไหนที่จะไม่ดูดี รูปงามดีเลิศของเขาทำให้จิตใจเบิกบานจริงๆ
กูเฟยเยี่ยนอยากจะถือโอกาสตีเหล็กใน่ที่ร้อน ทำการเสนอข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการตายของอาจารย์แพทย์เจี่ยน แต่นางยังไม่ทันจะได้อ้าปาก องค์ชายใหญ่จวินเย่าเฉิงก็เดินตามจวินจิ่วเฉินมาพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหัวเราะ “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าแพทย์หญิงหนึ่งคนจะสามารถทำในสิ่งที่ศาสตราจารย์แพทย์ทำไม่ได้ จิ้งหวาง เมื่อใดถึงจะยอมถ่ายทอดความสามารถทางสายตาในการแยกไข่มุกของเ้ากัน?”
จวินเย่าเฉิงยิ้มแย้มแต่ใบหน้าดุดันดั่งเสือ ภายนอกถอยให้จิ้งหวางตามมารยาทและประจบประแจง แต่ในความเป็จริงภายในใจกลับมีความอิจฉาริษยาและเกลียดชัง เพราะถ้าหากว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ได้กลับมา องค์รัชทายาทก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
จวินจิ่วเฉินเพียงตอบอย่างเ็า “ใบเซียมซีของวัดต้าฉือไม่เคยผิดพลาดมาก่อน”
จวินเย่าเฉิงสังเกตกูเฟยเยี่ยนอยู่ชั่วครู่ เขาเหมือนจะไม่คิดว่ากูเฟยเยี่ยนจะเป็ผู้ที่มีความสามารถจริงๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มองนางอยู่ในสายตา เขาเบี่ยงประเด็นหัวข้อพูดคุยอย่างรวดเร็ว “จิ้งหวาง คดีของตระกูลฉีเป็เื่ใหญ่ที่ไม่อาจรอช้าได้ พวกเรารีบกลับไปที่พระราชวังแล้วรวมตัวเหล่าขุนนางมาหารือกับฟู่หวงกันเถอะ”
จวินเย่าเฉิงไม่ไว้วางใจที่จะให้จวินจิ่วเฉินจะไปเข้าเฝ้าฟู่หวงด้วยตนเอง เขาเกรงกลัวว่าจวินจิ่วเฉินจะฟ้องร้องมาถึงองค์หญิงหวายหนิง นอกจากนี้คือเขาไม่ได้เข้าเฝ้าฟู่หวงมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว มีข่าวลือมากมายกระจายมาว่าอาการประชวรของฟู่หวงอยู่ในขั้นวิกฤติ จิ้งหวางปกปิดไม่รายงาน เขาจึง้าฉวยโอกาสนี้เข้าไปสืบสถานการณ์ภายใน
“ข้าจะเข้าไปรายงานฟู่หวงตอนนี้เลย จะเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวหรือไม่ก็ให้ฟู่หวงเป็ผู้ตัดสินใจ”
หางตาของจวินจิ่วเฉินชำเลืองมองไปที่ขาทั้งสองข้างของกูเฟยเยี่ยนราวกับว่า้าจะพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรสักคำ การแสดงออกของเขายังคงเมินเฉย จากนั้นจึงเดินผ่านด้านหน้าของนางออกไป
จวินเย่าเฉิงสั่งการให้เหล่าทหารนำตัวองค์หญิงหวายหนิงที่ร้องไห้เป็สาวเ้าน้ำตากลับไปที่พระราชวังทันที จากนั้นตนเองจึงก้าวตามจวินจิ่วเฉินไป ไม่ว่าอย่างไรในวันนี้เขาจะต้องเข้าพบฟู่หวง!
กูเฟยเยี่ยนมองแผ่นหลังของจวินจิ่วเฉินที่หายไปจากหน้าประตูใหญ่ ภายในใจปรากฏถึงความอ้างว้างที่ตนเองยังต้องสะดุ้งใ นางไม่กล้าคิดมากนัก จากนั้นจึงเอ่ยด้วยความร้อนรน “เซี่ยเสี่ยวหม่าน พวกเรากลับไปกันเถอะ ข้าเจ็บจะตายแล้ว”
นางแทบอยากจะถอดรองเท้าทั้งหมดออกไปในตอนนี้เลย!
เซี่ยเสี่ยวหม่านเดินมาย่อตัวอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวทันที “ขึ้นมา ข้าแบกเ้าเอง”
ใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนมีแต่ความรังเกียจ “เ้าแบกข้าได้หรือ? ข้าไม่อยากจะล้มหรอกนะ เร็วเข้า ประคองข้าไปที่รถม้า”
เซี่ยเสี่ยวหม่านเร่งรัดด้วยความไม่สบอารมณ์ “ร่างกายผอมแห้งเยี่ยงนี้เปิ่นกงกงแบกเ้ากลับไปที่จิ้งหวางฝู่ล้วนไม่เป็ปัญหา! ขึ้นมา เร็วเข้า! ”
กูเฟยเยี่ยนยังอยากจะเถียง ทว่าเซี่ยเสี่ยวหม่านลุกขึ้นมาพูดด้วยความโกรธเคือง “เปิ่นกงกงไม่เคยแบกใครมาก่อน เ้าเป็คนแรก หากพลาดแล้วก็พลาดเลย ถ้าเ้าไม่ขึ้นมาก็คลานกลับไปเอง! ”
กูเฟยเยี่ยนจะทำอย่างไรได้ในเมื่อตนเองต้องขอร้องคนอื่น? ใบหน้ามืดมนของนางแสดงเจตนาให้เซี่ยเสี่ยวหม่านย่อตัวลง เซี่ยเสี่ยวหม่านยิ้มด้วยความอวดเก่ง พลางย่อลงทันที เนื่องจากมันเป็ภาพที่ไม่สุภาพเรียบร้อย เซี่ยเสี่ยวหม่านจึงแบกกูเฟยเยี่ยนออกไปทางประตูหลัง
แม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะผอมมากทว่ายังไงเซี่ยเสี่ยวหม่านก็เป็แค่เด็ก เมื่อแบกนางขึ้นมาบนหลังจึงสูญเสียเรี่ยวแรงไปเยอะมาก กูเฟยเยี่ยนอดไม่ไหวที่จะกระซิบบอก “ลำบากเ้าแล้ว”
เซี่ยเสี่ยวหม่านเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยความไม่สบอารมณ์ “สมควรแล้ว ภายในคุกเ้าก็ได้ทนทรมานแทนเปิ่นกงกงไป”
ถ้าหากนางไม่จงใจยั่วยุองค์หญิงหวายหนิงเพื่อปกป้องเขา นางก็คงไม่าเ็ถึงขั้นนี้!
กูเฟยเยี่ยนฟังแล้วรับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของเขา จึงเกือบหัวเราะออกมา นางกระแอมไอพลางตั้งใจดูถูก “ข้าไม่ได้ทำเพื่อเ้าเสียหน่อย ข้าแค่กลัวว่าเ้าจะยอมรับผิดโดยการใส่ร้ายข้าเพราะทนทรมานไม่ไหว! ”
“เ้า! ” เซี่ยเสี่ยวหม่านโกรธมาก
กูเฟยเยี่ยนหยุดล้อเล่นกับเขาแล้วเอ่ยถามอย่างจริงจัง “ค่ำคืนนี้เตี้ยนเซี่ยจะเสด็จกลับมาหรือไม่? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านตอบกลับด้วยความสัตย์จริง “ข้าไม่แน่ใจ แต่ว่าเื่ใหญ่เช่นนี้สองสามวันนี้น่าจะเสด็จกลับมาไม่ได้”
กูเฟยเยี่ยนเกิดความกังวลใจแล้ว ระยะเวลาสองถึงสามวันมันนานไป! ทำอย่างไรดี?
ในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีคนโอบไปที่เอวบางของกูเฟยเยี่ยนจากด้านหลัง กูเฟยเยี่ยนใมาก ในขณะที่กำลังจะหันกลับไปร่างของนางก็ถูกอุ้มออกไปจากแผ่นหลังของเซี่ยเสี่ยวหม่านแล้วตกไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงทันที
กูเฟยเยี่ยนตั้งสติมอง จึงพบว่าผู้ที่อุ้มนางไม่ใช่ใครแต่เป็เฉิงอี้เฟยที่ไม่ได้พบกันมานาน ในวันนี้เ้าหมอนี่ไม่ได้สวมใส่เสื้อเกราะป้องกัน แต่สวมชุดลำลองสีน้ำเงิน ดังนั้นจึงขาดความแข็งกร้าว แต่มีความดื้อรั้นฮึกเหิมและเป็อิสระเพิ่มมาแทน
กูเฟยเยี่ยนกับเซี่ยเสี่ยวหม่านต่างก็เกิดความงงงวย
เฉิงอี้เฟยที่อยู่ด้านนอกศาลพิจารณาคดีมีความเ็ปรวดร้าวในจิตใจมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว หากไม่ใช่เพราะว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเป็ประธานในการไต่สวนคดี เขาก็คงจะไม่สนว่าเป็คดีอะไรแล้วพุ่งเข้าไปในศาลพิจารณาคดีด้วยความเกรงขามั้แ่แรกแล้ว “หม่านกงกง แพทย์หญิงกูได้รับาเ็ถึงขนาดนี้แล้วเหตุใดจึงไม่เรียกตัวไท่อีมารักษาาแที่นี่?
เซี่ยวเสี่ยวหม่านยังไม่ทันที่จะได้ตอบเฉิงอี้เฟยก็ได้ถามขึ้นอีก “ไท่อีอยู่บนรถม้าของเปิ่นเจียงจวิน เ้ากลับไปก่อน หลังจากที่รักษาาแแล้วเปิ่นเจียงจวินจะส่งนางกลับไปด้วยตนเอง”
เซี่ยเสี่ยวหม่านรีบยกมาดของหัวหน้าจิ้งหวางฝู่ขึ้นมาพลางซักถามด้วยความจริงจังทันที “ท่านแม่ทัพเฉิง ท่านพึงถือปฏิบัติแบบใดกัน? ยังไม่รีบวางนางลงอีก! กล้าแตะต้องคนของจิ้งหวางฝู่ ท่านไปกิน…”
“หากว่าเตี้ยนเซี่ยซักถามสาเหตุเปิ่นเจียงจวินจะอธิบายเอง! ” เฉิงอี้เฟยอุ้มกูเฟยเยี่ยนก้าวยาวออกไป
เซี่ยเสี่ยวหม่านไล่ตาม แต่สุดท้ายกูเฟยเยี่ยนก็เป็ผู้เอ่ยออกมา “เซี่ยเสี่ยวหม่าน เ้ากลับไปก่อน ข้ามีเื่ต้องคุยกับท่านแม่ทัพเฉิง เมื่อคุยเรียบร้อยแล้วจะกลับไป”
แน่นอนว่ากูเฟยเยี่ยนไม่้ามีความเกี่ยวข้องกับเฉิงอี้เฟย ทว่าในเมื่อนางไม่อาจไปเตือนจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยได้ แต่นางสามารถลงมือได้จากทางของเฉิงอี้เฟยนี่นา! เื่ของจิ้งจอกเฒ่าพูดคุยกับเฉิงอี้เฟยได้ง่ายดายยิ่งกว่า
เซี่ยเสี่ยวหม่านไม่ได้คิดเยอะ เขาคิดแค่ว่ากูเฟยเยี่ยนกับเฉิงอี้เฟยมีความคลุมเครือกันจริงๆ เขาตั้งใจมองไปที่กูเฟยเยี่ยนด้วยความเหยียดหยามก่อนจะจากไป
“เหอะ เตี้ยนเซี่ยไม่มีทางชอบหญิงสาวใจง่ายอย่างเ้า! ”
กูเฟยเยี่ยนกับเฉิงอี้เฟยต่างก็ไม่ได้ยินคำพูดเช่นนี้อย่างแน่นอน
เมื่อมั่นใจแล้วว่าเซี่ยเสี่ยวหม่านเดินออกไปไกลเเล้วกูเฟยเยี่ยนจึงสอบถามด้วยความกระวนกระวายใจ “เฉิงอี้เฟย ทางด้านของอู๋กงกงมีการเคลื่อนไหวหรือไม่? คดีนี้กับเื่ของเ้ามาจากการกระทำของคนเดียวกันอย่างแน่นอน พวกเราต้องคิดหาวิธีการเตือนจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย! ”
ทันทีที่เฉิงอี้เฟยได้ยินคำพูดเหล่านี้ ดวงตาก็ได้ทอประกายแสงของความใ เพียงแต่ว่าเขายังคงร้อนใจกับอาการาเ็ของกูเฟยเยี่ยนจึงไม่ได้ตอบนาง แต่อุ้มนางพลันก้าวเท้าไปทางด้านของรถม้าแทน
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยด้วยความจริงจัง “เฉิงอี้เฟย เื่นี้สำคัญมาก หากยืดเวลาออกไปอีกจะมีตัวแปรอื่นอย่างแน่นอน! ”
“ต่อให้สำคัญเพียงใดก็สำคัญกว่าอาการาเ็ของเ้าหรือ? เ้าไม่กลัวเจ็บขนาดนั้นเชียว? ”
ใบหน้าของเฉิงอี้เฟยที่เคยมีความเหยียดหยามมาโดยตลอดกลับเต็มไปด้วยความเอาจริงเอาจังจนทำให้กูเฟยเยี่ยนเงียบลงโดยไม่รู้ตัว นางเข้าใจมาโดยตลอดว่าคนผู้นี้ไม่มีทางมีท่าทีจริงจัง
เมื่อมาถึงรถม้าและได้พบกับแพทย์รักษาผู้หญิง กูเฟยเยี่ยนจึงทำได้เพียงเงียบลงชั่วคราว
เฉิงอี้เฟยวางกูเฟยเยี่ยนไว้บนรถม้า แม้ว่าการกระทำจะเชื่องช้าแต่ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยความร้อนใจ “รีบใส่ยาให้นาง มือและเท้าล้วนมีาแ เบาหน่อย”
ในขณะที่เอ่ยออกมาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อช่วยกูเฟยเยี่ยนถอดรองเท้า กูเฟยเยี่ยนกับแพทย์รักษาหญิงล้วนใ คิดไม่ถึงว่าแม่ทัพใหญ่ที่ควบคุมกองทัพนับแสนคนจะคุกเข่าเพื่อหญิงสาว หรือว่าเขามีความสัมพันธ์กับกูเฟยเยี่ยนจริงๆ ? เขาไม่ได้้าแก้แค้นตระกูลฉีแต่รักด้วยความจริงใจ?
เมื่อกูเฟยเยี่ยนได้สติกลับมาจึงรีบโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด “เฉิงอี้เฟย เ้าไสหัวออกไป! แม่ของเ้าไม่ได้สอนว่าหญิงชายไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกันอย่างนั้นหรือ? ”
ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา แพทย์รักษาก็หญิงยิ่งใเข้าไปอีก กูเฟยเยี่ยนเป็เพียงแค่แพทย์หญิง นางกล้าพูดกับท่านแม่ทัพเฉิงเช่นนี้? นี่จะต้องอาศัยว่าตนเองเป็ที่โปรดปรานจึงได้ยโสโอหังเป็แน่!
ในขณะเดียวกันกูเฟยเยี่ยนก็เพิ่งจะสังเกตเห็นสีหน้าซับซ้อนของแพทย์รักษาหญิง นางถึงกับรู้สึกสิ้นหวัง ต่อให้แก้ต่างอย่างไรก็คงจะฟังไม่ขึ้นแล้ว นางจึงจำเป็ต้องหันไปส่งสายสายตาวิงวอนเฉิงอี้เฟยแทน