เื่ของแดน์วิมานโหยวเสี่ยวโม่ไม่ค่อยรู้เื่นัก จากนั้นเขาก็นึกเื่อื่นขึ้นมาได้ทันที พลันเอ่ยกับหลิงเสียงด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่หลิง ข้ามีข่าวดีมาบอก ไข่อ่อนสัตว์ปีศาจขั้นแปดใบนั้นเกิดแล้วนะ”
“ดีมาก” หลิงเซียวหัวเราะ ท่าทีไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย ถูกเก็บไว้ในห้วงมิติที่เต็มด้วยพลังปราณ หากไม่เกิดเร็วกว่ากำหนดสิแปลก
โหยวเสี่ยวโม่ยิ้มตาพริ้ม “ข้าตั้งชื่อมันด้วย ท่านทายดูสิว่ามันชื่ออะไร?”
ทายชื่อ? หลิงเซียวยิ้มปากโค้งขึ้น พลันมองเขาอย่างครุ่นคิด
โหยวเสี่ยวโม่เห็นท่าทีเขา และรู้ว่าเขากำลังทาย หน้าตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง สองตาเป็ประกายแวววาวจ้องเขา
จู่ๆ หลิงเซียวก็ส่งยิ้มอ่อนโยนให้เขา “ศิษย์น้องเล็ก”
หือ? โหยวเสี่ยวโม่รีบพยักหน้า
หลิงเซียวเอ่ย “เ้าคิดว่าสมองอันหลักแหลมของข้ากับสมองที่หนาทึบของเ้านั้นเทียบกันได้งั้นรึ?”
ทันใดในหัวโหยวเสี่ยวโม่ก็มีเครื่องหมายคำถามเด้งขึ้นมาเต็มไปหมด นี่มันหมายความว่าไง? เอาเถอะ แม้ความฉลาดน้อยกับมากนั้นจะเป็ปัญหาใหญ่ แต่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเื่ทายนี่นา?
หลิงเซียวเห็นเขามึนงง จึงเอ่ย “เ้าคิดว่ารสนิยมของคนปัญญาสูงกับปัญญาด้อยจะเข้าถึงกันหรือไง?”
โหยวเสี่ยวโม่ “…” หรือที่ท่านพูดมาครึ่งค่อนวันคือกำลังเยาะเย้ยความด้อยปัญญาของข้าสินะ ที่การตั้งชื่อเ้าสัตว์ปีศาจน้อยนั้นไม่มีทางเทียบกับความชาญฉลาดของท่านได้เลย?
โหยวเสี่ยวโม่ถลึงตาโตใส่เขา ปัญญาด้อยแล้วอย่างไร เ้าดูแคลนคนปัญญาด้อยอยู่สินะ? ไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่ารองขุนพลสิบคนสามารถก็เอาชนะจูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) ได้หรือ?
ความเป็จริงคือเขาไม่รู้จริงๆ
“พูดมาสิ ว่าเ้าตั้งชื่ออะไรให้มัน?” หลิงเซียวสนุกกับการที่เขาถลึงตาใส่ เลยอารมณ์ดี ในที่สุดก็เลิกแกล้งเขา แล้วก็สงสัยจริงๆ ว่าเขาตั้งชื่ออะไรให้เ้าหมาป่าเืสีขาว ทั้งที่หมาป่าเืสีขาวก็เป็ชื่อมันอยู่แล้ว ยังมีชื่อเล่นอีก
“เ้าลูกบอล…” โหยวเสี่ยวโม่มองเขาแล้วเอ่ยเสียงค่อย
หลิงเซียวกลั้นขำไม่อยู่ หัวเราะออกมา “ชื่อนี้…มันมีความหมายอะไรรึเปล่า?”
โหยวเสี่ยวโม่รีบพยักหน้า “แน่นอนสิ มันซนมาก หากไม่ทันดูมันละก็ มันก็จะกลิ้งไปมาเหมือนกับลูกบอลเลย”
แต่ว่า เด็กน้อยโหยวเสี่ยวโม่ไม่ทันรู้ตัว อันที่จริงลูกบอลนั้นเป็สิ่งที่ผลิตได้ในโลกยุคปัจจุบัน ท่านใต้เท้าหลิงเซียวนั้นเป็คนยุคโบราณั้แ่หัวจรดเท้า อีกทั้งยังโบราณจนโบราณกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เขาไม่มีทางรู้จักว่าอะไรคือลูกบอล แต่ในเมื่อมันทั้งโดดทั้งวิ่ง ก็คงเป็ตัวที่อยู่นิ่งไม่เป็
จากนั้นทั้งสองก็คุยกันอีกครู่ หลิงเซียวซึ่งอยู่นานไม่ได้จึงกลับไปก่อน
โหยวเสี่ยวโม่อยู่ในหอคัมภีร์คนเดียวต่อราวสองชั่วยาม จากนั้นจึงกลับไป
กลับไปแล้วก็เข้าห้วงมิติไปดูเ้าลูกบอล มันเชื่อฟัง แต่ก็ไม่นับว่าเชื่อฟังมาก ะโเล่นไปมาในบ้าน ดีที่ของทั้งหมดอยู่ในตู้ ก็คงถูกมันทำพัง
โหยวเสี่ยวโม่ไม่อยากจับมันขังไว้ในบ้านตลอด รวมถึงเมื่อเ้าลูกบอลเห็น มันก็ะโงับกางเกงเขาไว้ไม่ปล่อย จึงจำยอมต้องพามันออกมาจากห้วงมิติ
“เ้าลูกบอล จำไว้ว่าห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด ห้ามร้องด้วย หากถูกพบเข้า เ้าจะถูกจับตัวไป เข้าใจรึยัง?” โหยวเสี่ยวโม่สองมืออุ้มมันขึ้นมา มองหน้ามันแล้วกำชับ
เ้าลูกบอลกะพริบตาสีแดงอัญมณีของมัน จากนั้นแลบลิ้นออกมาเหมือนสุนัขตัวน้อย
โหยวเสี่ยวโม่ตบหัวมันเบาๆ “เ้าลูกบอล เ้าไม่ใช่สุนัข ห้ามแลบลิ้น ต้องพยักหน้า รู้มั้ย?”
“บรู๋ว…”
เ้าลูกบอลขานรับ แต่ไม่ทันส่งเสียงจบโหยวเสี่ยวโม่ก็รีบปิดปากมันไว้
“จุ๊ๆๆ!” โหยวเสี่ยวโม่ห้ามมันออกเสียง หากร้องออกมาจริง คิดว่าคนรอบข้างคงได้ยินหมด ถึงตอนนั้นจะอธิบายยังไงว่าทำไมถึงมีเสียงหมาป่าดังมาจากในห้อง? จึงรีบเตือนมัน “เ้าลูกบอล ไม่ได้ให้เ้าหอน ให้เ้าพยักหน้า พยักหน้าน่ะ รู้มั้ย?”
พูดจบ ก็ทำให้มันดูเป็ตัวอย่าง
แต่สิ่งที่เ้าลูกบอลทำคือหันมองสำรวจห้องของเ้านาย
โหยวเสี่ยวโม่ส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย เพ้อฝันไปจริงๆ เ้าลูกบอลพึ่งเกิดมาได้สองวัน ดังนั้นตอนนี้มันยังฟังไม่รู้เื่คงไม่แปลก เขาปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อย จากนั้นค่อยวางเ้าลูกบอลลง
เ้าลูกบอลวิ่งเล่นเมื่อได้อิสระ สิ่งที่มันชอบทำคือวิ่งหมุนรอบ ครั้งนี้หมุนรอบโต๊ะ วนอยู่หลายรอบแล้วก็ไปหมุนรอบอย่างอื่นต่อ จนหมุนครบทุกอย่างแล้ว มันก็วิ่งหมุนรอบอยู่กับที่
โหยวเสี่ยวโม่เห็นมันไม่ร้องส่งเสียง จึงเอาของเล่นในห้วงมิติมาเล่นกับมัน
ของเล่นก็คือบอลไม้ไผ่ที่สานมาจากไม้ ตอนนั้นซื้อจากเมืองฮุยจี๋ เ้าลูกบอลชอบบอลลูกนี้มาก ว่างเป็ใช้อุ้งเล็บตะครุบบอลเล่น
ชื่อเ้าลูกบอล ก็ชอบเล่นบอล
เมื่อปล่อยมันเล่นเอง โหยวเสี่ยวโม่ไม่กล้าหลอมยา
เพราะหากเขาเริ่มหลอมยา ใช้สมาธิจนไม่ทันระวังเ้าลูกบอล หากมันเล่นพิเรนทร์อะไรขึ้น แล้วเขาไม่รู้จนล่อคนอื่นมา เขาคงร้องไห้ตาย
โหยวเสี่ยวโม่หยิบตำราแผนที่มาเล่มหนึ่ง เขาเริ่มศึกษาแผนที่ของแผ่นดินหลงเสียง
เขายืมตำราจากหอคัมภีร์มาไม่น้อย ทุกครั้งประมาณสิบกว่าเล่ม ปกติแล้วจะอ่านจบในหนึ่งเดือน แต่นี่ก็เป็ความสามารถของเขา
หลายวันผ่านไป หลิงเซียวมาหาเขาอีก
ครั้งนี้มาพร้อมกับข่าวดี นั่นก็คือจับตัวแมลงเจ็ดดาวซ่อนกลิ่นตัวผู้ได้แล้ว
หลิงเซียวจับตัวเมียมัดไว้สักที่ จากนั้นร่ายม่านไว้รอบๆ เมื่อตัวผู้ออกมา เขาก็รับรู้ได้ทันที ดังนั้นจึงจับตัวได้ทัน นอกจากนี้ ยังได้บางอย่างเพิ่มเติมมา ซึ่งก็คือคนที่คอยติดตามเขานั่นเอง
ที่โชคร้ายก็คือตัวหัวหน้าเขาก็รู้จักเสียด้วย
นั่นก็คือผู้ช่วยร้านคลังโอสถนั่นเอง คนที่ขายหญ้าเซียนให้พวกเขานั่นเอง ส่วนเ้าเมืองถังฮุยนั้นไม่พบตัว หนีไปได้หวุดหวิด
หลิงเซียวไม่ได้ให้พวกเขาพูดอะไร แต่จับเข้าห้วงมิติขังไว้ ผ่านไปหลายวัน จึงหาเวลาว่างมาหาโหยวเสี่ยวโม่ พร้อมกับเอาแมลงเจ็ดดาวซ่อนกลิ่นคู่นั้นมาด้วย
“นี่คือแมลงเจ็ดดาวตัวผู้กับตัวเมียสินะ ตัวไหนตัวผู้ล่ะ?”
โหยวเสี่ยวโม่ฟุบบนโต๊ะจ้องมองแมลงเจ็ดดาวซ่อนกลิ่นนอนนิ่งเหมือนใกล้ตายอยู่ในกล่องหยก ดูจากภายนอกนั้นเหมือนกันเปี๊ยบ จนแยกไม่ออกว่าตัวไหนตัวผู้ตัวไหนตัวเมีย
หลิงเซียวชี้ไปตัวฝั่งซ้าย “ตัวนี้คือตัวผู้”
โหยวเสี่ยวโม่พลันคิดถึงประโยคที่ว่าชายซ้ายหญิงขวา จริงทีเดียว แต่ก็สงสัยขึ้นมาอีก ยื่นนิ้วไปเขี่ยพวกมันที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง “ทำไมพวกมันไม่ขยับล่ะ?”
เขายังจำตอนที่หลิงเซียวจับแมลงตัวเมียได้ มันขัดขืนมากเลย
หลิงเซียวขำแล้วชำเลืองมองแมลงที่อยู่ในกล่อง เอ่ยเสียงเบา “คงกลัวน่ะ”
กลัว กลัวอะไร?
โหยวเสี่ยวโม่ครุ่นคิด แต่พอลองดูใกล้ๆ ก็เห็นแมลงทั้งคู่กำลังสั่นระริก ตอนนี้เขาถึงพึ่งรู้ว่า พวกมันกำลังแกล้งตาย นี่ช่างเหมือนคนเสียจริง
คิดเช่นนี้ โหยวเสี่ยวโม่ก็นึกถึงเ้าลูกบอล ั้แ่มันเกิดจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยเจอกับหลิงเซียวเลย มันเป็ถึงเพื่อนสัญญาใจของเขาเชียวนะ ถึงเวลาต้องพบ…ผู้ปกครองแล้ว?
หายไปชั่วครู่ โหยวเสี่ยวโม่ก็ออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอุ้มเ้าลูกบอลไว้ในอ้อมอก
เ้าลูกบอลเกิดมาได้สี่ห้าวันแล้ว ขนบนตัวทั้งนุ่มและเรียงเส้นสวยละเอียด ทั้งยังขาวระยิบระยับสวยงาม โหยวเสี่ยวโม่ชอบขนสีขาวของมันมากที่สุด
โหยวเสี่ยวโม่อุ้มเ้าลูกบอลแล้วยื่นไปข้างหน้าหลิงเซียว เอ่ยอย่างดีใจ “ศิษย์พี่หลิง ท่านดูสิ นี่คือเ้าลูกบอล น่ารักมั้ย?”
ปรากฏว่า เ้าลูกบอลที่ท่าทีคึกคัก ตัวหดเป็ก้อน สี่เท้าม้วนเก็บแน่น ตัวสั่นเทิ้ม ช่างสมกับชื่อเ้าลูกบอลจริงๆ
โหยวเสี่ยวโม่ไม่ทันคิด นี่มันเป็อะไร? เมื่ออุ้มมันกลับมาในอ้อมอก เ้าลูกบอลรีบตะกายซุกเข้าเสื้อผ้าเขา
ไม่ทันที่โหยวเสี่ยวโม่จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หลิงเซียวก็ยื่นมือออกมา แล้วดึงหูมัน จากนั้นยกมันขึ้น แม้สัตว์ปีศาจยังพึ่งเยาว์วัย แต่ร่างกายแข็งแรง ถูกหิ้วขึ้นมาแบบนั้นยังไม่ร้องสักแอะ เพียงแต่หดตัวเป็ก้อน ตัวสั่นงกน่าเอ็นดู
โหยวเสี่ยวโม่ดูแบบอึ้งๆ หรือมันกำลังกลัวหลิงเซียว ทำไมกันล่ะ?
“บรู๋ว…” เ้าลูกบอลครางเสียงเบามองไปทางโหยวเสี่ยวโม่ น้ำตาคลอเบ้าจี้ใจส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของโหยวเสี่ยวโม่
“ศิษย์พี่หลิง มันเหมือนกำลังกลัวท่าน หรือเอามันคืนให้ข้าก่อน?” โหยวเสี่ยวโม่มองหลิงเซียว
หลิงเซียวจ้องเขา จากนั้นมองเ้าลูกบอลที่หดตัวกลม พลันโยนคืนอ้อมอกโหยวเสี่ยวโม่อย่างรังเกียจ ไม่เอาไหน เขายังไม่ทันทำอะไรก็กลัวขนาดนี้
แม้จะกลับไปอยู่ในอ้อมอกโหยวเสี่ยวโม่แล้ว แต่เ้าลูกบอลยังสั่นอยู่
โหยวเสี่ยวโม่จนปัญญา จึงส่งมันกลับห้วงมิติ เมื่อกลับถึงห้วงมิติปุ๊บก็คึกคักขึ้นมาทันที โหยวเสี่ยวโม่ถอนหายใจพลัน
เมื่อออกมาจากห้วงมิติ หลิงเซียวบอกจะพาเขาไปสถานที่หนึ่ง เมื่อมือถูกคว้าทั้งสองก็หายวับไปเลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้