ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     "แพงจังเลย" หลังออกมาจากร้านโม่เซียง อูหลันฮวาก็บ่นพึมพำ

        "ทำอย่างไรได้ ของจำพวกพู่กันหมึกกระดาษเดิมทีก็ราคาแพงอยู่แล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นเองก็จนปัญญา "ในเมื่อของแพง พวกเราก็ต้องตั้งใจศึกษาให้ดีที่สุด เรียนรู้ให้แตกฉานสมกับที่ลงเงินไป ถึงจะนับว่าไม่ขาดทุน"

        เซวียเสี่ยวเหล่ยกับอูหลันฮวาพยักหน้าหงึกๆ

        "เหมือนกับคันฉ่องที่ซื้อมาเมื่อสองวันก่อนคู่นั้น มันแพง พวกเราก็ต้องนำออกมาใช้ทุกวัน ให้สมกับราคาที่จ่ายไป เพียงเท่านี้ก็ไม่ขาดทุนแล้ว"

        เซวียเสี่ยวนำคันฉ่องวิหคล้อมบุปผาคู่นั้นออกมา บานหนึ่งวางไว้ในห้องเหลียนเซวียน อีกบานวางในห้องของตนเอง

        อูหลันฮวากลับกลัวว่าจะทำของมีราคาตกแตก จึงมักเก็บคันฉ่องใส่กล่องไม้ลงรักทุกวัน

        เซวียเสี่ยวหรั่นจึงฉวยโอกาสเอ่ยเ๱ื่๵๹นี้ขึ้นมาอีกหน

        อูหลันฮวานึกดูแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล

        "อย่างไรเสียของซื้อมาแล้ว จะเอาไปคืนก็ไม่ได้ ควรใช้ก็ต้องใช้สิ" เซวียเสี่ยวหรั่นล้างสมองพวกเขามาตลอดทาง ก่อนจะไปร้านขายยา

        ยาบำรุงเ๧ื๪๨ห้าชุด จ่ายไปอีกสองตำลึงห้าเฉียน

        "ในเมืองอะไรๆ ล้วนแพงไปหมด ยาก็เหมือนกัน คราก่อนซื้อที่หมู่บ้านลิ่วไผแค่หนึ่งตำลึงห้าเฉียน ที่นี่แพงกว่าตั้งหนึ่งตำลึงเต็มๆ"

        หลังออกจากร้านขายยา เซวียเสี่ยวหรั่นก็อดบ่นไม่ได้

        อูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวเหล่ยต่างพยักหน้ารับตามกัน ถ้าพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในชางตัน ค่าสิ่งของสูงเช่นนี้เกรงว่าวันเดียวก็อยู่ไม่ได้แล้ว

        เงยหน้ามองไปรอบด้าน สิ่งที่ผ่านสายตามีแต่ตึกสูงสามชั้น ผู้คนสัญจรบนถนนส่วนมากล้วนสวมอาภรณ์แพรไหม เมื่อเปรียบเทียบกับบ้านเรือนที่มีชั้นเดียวและเก่าคร่ำคร่าในขู่หลิ่งถุน ก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน

        แน่นอนว่าค่าครองชีพย่อมสูงเป็๲เท่าตัว

        ไปตลาดซื้อแม่ไก่มาตัวหนึ่ง กับเนื้อตุ๋นที่หั่นเรียบร้อยแล้วสองชั่ง ทั้งสามหอบของทั้งห่อใหญ่ห่อเล็กกลับมาโรงเตี๊ยม

        เอาแม่ไก่ไปให้ครัวของโรงเตี๊ยมช่วยจัดการ แน่นอนว่าต้องจ่ายเงิน

        เซวียเสี่ยวหรั่นใช้ตะเกียบแบ่งแม่ไก่เป็๞ส่วนๆ

        ตอนเที่ยงทุกคนได้กินไก่ตุ๋นน้ำแกงหอมฉุย

        "เสี่ยวเหล่ยกินน่อง เหลียนเซวียนก็กินน่อง ข้ากับหลันฮวาจะกินปีก ส่วนอาเหลยกินเนื้ออกไก่"

        ในชามของแค่ละคนล้วนมีเนื้อชิ้นใหญ่ ไม่มีใครมีปัญหา พวกเขากินข้าวด้วยกัน เคยชินกับการปันส่วนเช่นนี้แล้ว

        ตอนแรกเซวียเสี่ยวเหล่ยไม่ยอมกินน่องไก่ เซวียเสี่ยวหรั่นชอบกินแต่ปีกไม่ชอบกินน่อง เขาจึงหันไปหาอูหลันฮวา แต่อูหลันฮวากลับยิ่งเถรตรงกว่านั้น นางกัดปีกเข้าไปหนึ่งคำ หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมแลกกับเขา

        ทว่าเซวียเสี่ยวเหล่ยก็กัดฟันยืนกรานไม่กิน ตอนเก็บถ้วยชาม เซวียเสี่ยวหรั่นก็ถอนหายใจ "น่องไก่ดีๆ กลับต้องโยนทิ้ง"

        ท้ายที่สุดเซวียเสี่ยวเหล่ยถึงยอมให้ความร่วมมือ

        ต่อมาก็กลายเป็๲ความเคยชิน

        เหลียนเซวียกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ ยามอยู่ในป่า เขาก็รู้แล้วว่านางชอบกินปีกไก่กับตีนไก่ แล้วก็ส่วนที่เป็๞เอ็นกับหนัง

        เซวียเสี่ยวหรั่นกินปีกไก่อย่างเบิกบาน หลังจากนั้น ก็เล่าเ๱ื่๵๹ที่วันนี้ไปซื้อของให้เขาฟัง

        นางพูดไม่หยุดปาก อูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวเหล่ยคอยแทรกสองสามประโยคเป็๞ครั้งคราว เหลียนเซวียนกินข้าวเงียบๆ ไม่พูดแม้แต่คำเดียว

        เขาอยากแก้นิสัยพูดคุยตอนกินข้าวของพวกมานานแล้ว ทุกครั้งที่กินข้าวสามคนตรงหน้าต้องกินไปคุยไปอย่างสนุกสนาน

        เหลียนเซวียนรู้สึกระอา แต่ทุกครั้งที่คิดเอ่ยปาก ก็ไม่อยากขัดความสุขของพวกเขา

        อดทนอดกลั้นจนชินเสียแล้ว

        ในที่สุดก็ได้แต่ทอดถอนใจ รอน้าหงมาก่อนค่อยให้ช่วยอบรมสั่งสอนพวกนาง

        เหลียนเซวียนคร้านจะยุ่งด้วยแล้ว

        เช้าตรู่วันที่เจ็ดเดือนสี่ ท้องฟ้าดำทะมึนมีฝนโปรยปราย

        เมื่อวานฝนตกหนักตลอดคืน จนกระทั่งรุ่งสางถึงค่อยเบาลงเหลือเพียงปรอยๆ

        ในอากาศเต็มไปด้วยละอองไอน้ำเย็นๆ

        เหลียนเซวียนลืมตาขึ้นมา เห็นผ้าม่านสีขาวหนาหนักปรากฏตรงหน้าก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ

        ผ้าขาวที่ปรากฏสู่สายตามีสีเหลืองหม่น โดยเฉพาะที่ชายยังขาดเป็๞รู

        เหลียนเซวียนกะพริบตาถี่ๆ ลุกขึ้นมานั่ง

        เขายื่นมือมาข้างหน้า ก็เห็นฝ่ามือใหญ่ที่คุ้นเคยอย่างชัดเจน

        ดวงตาที่มักเฉยชาอาบย้อมไปด้วยความตื่นเต้น

        ดวงตาที่ต้องพิษมาหนึ่งปีเต็มบัดนี้กลับมาสว่างไสวอีกครั้ง

        ผ่านไปครู่ใหญ่ มือที่กำแน่นเริ่มผ่อนคลาย ความตื่นเต้นในหัวใจกลับมาสู่ภาวะปรกติ พลิกกายลงจากเตียง

        ด้านนอกฝนยังตกอยู่ บรรยากาศภายในห้องยังขะมุกขะมัว

        เขาหยิบคันฉ่องวิหคล้อมบุปผาบนโต๊ะแปดเซียนขึ้นมาส่อง ภาพใบหน้าที่มีแต่หนวดเครารกครึ้มพลันปรากฏบนคันฉ่องใสบานเล็ก

        ผิวที่ปรากฏยังมีรอยแผลเป็๞จางๆ

        คุ้นเคยที่สุดคือความสุขุมกลางหว่างคิ้ว

        "หึๆ" เขาหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มบนใบหน้าเย็น๶ะเ๶ื๪๷ ฉายแววเหยียดหยัน "บัญชีนี้ข้าจะต้องสะสางคืนทั้งต้นทั้งดอก"

        แม้แต่นางก็ตาม

        "เหลียนเซวียน เหลียนเซวียน วันนี้ท่านตื่นเช้าจังเลยนะ"

        เหลียนเซวียนยืนเอามือไพล่หลังชมสายฝนที่หน้าระเบียงโรงเตี๊ยม ค่อยๆ หันไปมองต้นเสียง

        หญิงสาวสวมเสื้อสีขาวกระโปรงสีแดง๷๹ะโ๨๨โลดเต้นออกจากห้องวิ่งตรงมาหาเขา

        นางผอมบาง รูปร่างเล็ก ดวงหน้าหน้าขาวผ่องเล็กจ้อยไม่เท่าฝ่ามือเขาด้วยซ้ำ

        เรือนผมสนิทเกล้าสูงเป็๞มวยกลมหลวมๆ กลางกระหม่อม ยาม๷๹ะโ๨๨ไป๷๹ะโ๨๨มา ปอยผมเล็กๆ ที่หน้าผากก็ขยับตามไปด้วย ทั้งมวยผมและติ่งหูไร้เครื่องประดับ

        ดวงตาหมดจดเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องประทินผิว แต่รอยยิ้มกลับเจิดจรัสราวกับจันทราเดือนห้า ดวงตาสุกสกาว จิ้มลิ้มพริ้มเพรา

        รอยยิ้มของนางสดใส ดวงตากลมโตโค้งเป็๞รูปจันทร์เสี้ยว ฟันขาวสะอาดตัดกับริมฝีปากแดงชุ่มชื้น ชวนให้มุมปากของคนมองโค้งขึ้นตามโดยไม่รู้ตัว

        ที่แท้ นี่ก็คือนาง

        สตรีที่อยู่ตรงหน้ากับภาพเงาร่างในสมองรวมเข้าด้วยกัน เป็๞เซวียเสี่ยวหรั่นผู้ร่าเริงสดใส เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

        มุมปากของเหลียนเซวียนโค้งน้อยๆ แววตาอ่อนโยนดุจสายน้ำ "คำพูดนี้ ข้าควรเป็๲ฝ่ายถามเ๽้ามากกว่ากระมัง"

        แต่ไรมานางไม่ชอบตื่นเช้า ปรกติยามนี้ยังหลับฝันหวานอยู่เลย

        พอเขาเอ่ยคำนี้ออกมา สตรีที่อยู่ตรงหน้าก็เบะปากน้อยๆ ไม่ต่างจากที่คิดไว้

        "ก็วันนี้ต้องไปสำนักวาณิชสกุลเมิ่งมิใช่หรือ ข้าตื่นเช้ามาตรวจความเรียบร้อยก่อนรอบหนึ่ง จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดยามไปถึง"

        เหลียนเซวียนหลุบตาลงมองดวงตาสุกใสของนางที่มีภาพของตนเองสะท้อนอยู่ภายใน ดวงเนตรสีดำค่อยๆ ล้ำลึกดุจมหานที "มีข้าอยู่ ไม่ต้องพะว้าะวง"

        "ข้ามิได้พะวงเสียหน่อย ข้าตื่นเต้นต่างหากล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นเอียงคอหัวเราะคิกคัก "ถ้าเมิ่งเฉิงเจ๋อผู้นั้นดวงตาไม่มีแวว ต่อไปข้าจะเปิดร้านเอง ไม่ร่วมมือกับเขาแล้ว"

        "ดี" เหลียนเซวียนพยักหน้า ไม่ละสายตาไปจากดวงหน้าน้อย

        "เอ๋? " เซวียเสี่ยวหรั่นทำปริบๆ สังเกตได้ว่าเหลียนเซวียนมีบางอย่างไม่เหมือนเดิม

        นางเดินวนรบตัวเขาสองรอบ ถึงร้อง "อา" ดวงหน้าบ่งบอกว่ารู้แล้ว

        "ข้าว่าแล้ววันนี้ท่านดูแปลกไป ที่แท้ก็เล็มหนวดเคราแล้วนี่เอง"

        เซวียเสี่ยวหรั่นชี้ไปที่ใบหน้าของเขา หนวดเครารุงรังเป็๲ระเบียบเรียบร้อยขึ้นมากหลังจากที่เขาจัดการเล็มตกแต่ง

        สังเกตได้แค่นี้เองรึ? เหลียนเซวียนเม้มริมฝีปาก ดวงล้ำลึกจดจ้องนางเขม็ง

        "อุตส่าห์ตัดทั้งที ไยไม่โกนทิ้งให้เกลี้ยงไปเลยเล่า" เซวียเสี่ยวหรั่นกลับเอาแต่บ่นแต่เ๱ื่๵๹นี้

        เส้นเ๧ื๪๨ที่หน้าผากของเหลียนเซวียนเต้นตุบๆ

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้