ลอบสังหารแม่ทัพใหญ่อย่างนั้นหรือ?
“ช้าก่อน ตาข้างไหนของเ้าที่เห็นว่าข้าฆ่าแม่ทัพใหญ่ของเ้า?” หานอวิ๋นซีถามอย่างโกรธเคือง เป็ไปได้หรือไม่ว่าการช่วยผู้คนด้วยความหวังดีแล้วถูกขู่เข็ญก็มีอยู่ในสมัยโบราณเหมือนกัน?
หลี่ฉางเฟิงหยิบกริชที่พื้นขึ้นมาถือไว้ในมือ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “พวกเราทุกคนเห็นเต็มสองตา ข้าไม่สนหรอกนะว่าใครจะส่งเ้ามา จงเตรียมตัวตายซะเถอะ!”
คนขับรถม้าก็ถูกจับตัวไว้และกระวนกระวายอยากจะเปิดเผยตัวตน แต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสมเสียเท่าไร จึงรีบอธิบายว่า “เข้าใจผิด! เข้าใจผิดแล้ว! พวกเราเพิ่งผ่านมาทางนี้และเห็นแม่ทัพใหญ่นอนอยู่ที่นี่ เ้านายของข้าช่วยด้วยความหวังดี ไม่ได้มีความอาฆาตพยาบาทใดๆ เ้าฆาตกรตัวจริงมันหนีไปนานแล้ว”
หลี่ฉางเฟิงมองไปที่หานอวิ๋นซี พร้อมกับเลิกคิ้วและพูดอย่างเ็าว่า “ช่วยด้วยความหวังดี แล้วทำไมต้องถือมีดด้วยล่ะ? พวกเ้าคิดว่ากำลังหลอกใครอยู่? ทหาร มาจับสตรีนางนี้เสีย”
“ใช้มีดก็เพื่อช่วยชีวิตเขาไง เขาถูกเข็มพิษแทง แล้วตำแหน่งก็ลึกมาก ถ้าเอามันออกมาไม่ทันเวลาละก็ ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่องครักษ์อย่างเ้าจะรับผิดชอบได้หรอกนะ” น้ำเสียงของหานอวิ๋นซีจริงจัง จนทำให้ผู้คนตกตะลึง
หลี่ฉางเฟิงลังเลอย่างบอกไม่ถูก เมื่อสองชั่วยามก่อนหน้าท่านแม่ทัพใหญ่ไล่ตามสายลับไปจนสุดทาง แล้วก็หายตัวไปโดยไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมองไปที่กริชในมือ หลี่ฉางเฟิงก็ไม่กล้าเสี่ยง เพราะเื่นี้เขาไม่สามารถชดใช้ได้จริงๆ
“หยุดพูดเื่ไร้สาระได้แล้ว ทหาร จับตัวนางกลับไปที่จวนท่านแม่ทัพ หากมีอะไรที่เข้าใจผิด ก็ไปคุยกับท่านแม่ทัพก็แล้วกัน!” หลี่ฉางเฟิงอุ้มมู่ชิงอู่แล้วรีบเดินไป
“แล้วเ้าจะเสียใจ!” หานอวิ๋นซีะโ ให้ตายเถอะ มู่ชิงอู่ถูกวางพิษขนาดนั้น เขายังกล้าแตะต้องอีก สิ่งนี้มีแต่จะทำให้พิษลุกลามในร่างกายเร็วขึ้น
จะให้ไปที่จวนแม่ทัพก็ไป เกรงว่าพวกเขานั่นแหละที่จะโดน นางไม่ได้ทำอะไรผิดและพูดอย่างตรงไปตรงมา หรือจวนแม่ทัพจะให้ยอมรับผิดด้วยการทรมานงั้นหรือ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจวนแม่ทัพแล้ว หานอวิ๋นซีก็ตระหนักได้ว่าเขาประเมินค่าจวนแม่ทัพสูงเกินไป
สมาชิกทุกคนในตระกูลมู่ล้วนเป็ทหาร ล้วนแต่เป็คนหยาบคาย อวดดีและชอบใช้กำลัง
มู่ชิงอู่ถูกส่งกลับไปที่ห้อง หมอหลวงเองก็รีบตามเข้าไป
หานอวิ๋นซีและคนขับรถม้าถูกเหวี่ยงเข้าไปกลางห้องโถง แม่ทัพใหญ่มู่ที่คิ้วหนาและมีหนวดเครา มุมคิ้วของเขาเลิกขึ้น พร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาดุร้าย ชี้ไปที่หานอวิ๋นซีด้วยแส้ยาว “พูดมา ว่าใครส่งเ้ามาที่นี่!”
ใครส่งนางมางั้นหรือ?
นางดูเหมือนนักฆ่าอย่างนั้นหรือ? ทั้งๆ ที่ถูกพามาที่จวนของแม่ทัพโดยที่ไม่แม้แต่จะขัดขืนใดๆ เนี่ยนะ
เ้าพวกโง่ มู่ชิงอู่จะตายเพราะพวกเขาไม่ช้าก็เร็ว
หานอวิ๋นซีพูดอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีความเกรงกลัวใดๆ “ข้าจะพูดเป็ครั้งสุดท้ายว่า ข้าแค่ผ่านมาแล้วช่วยเขาก็เท่านั้น ท่านแม่ทัพถูกวางยาพิษ อาการอยู่ในขั้นร้ายแรง หากไม่ช่วยในทันที ผลที่ตามมาอาจเป็เื่ที่คาดไม่ถึงเลยล่ะ”
“เหลวไหล ข้าเคยเห็นสตรีแบบเ้ามาเยอะแล้ว หลักฐานก็เห็นอยู่ตำตายังจะมาพูดไร้สาระอีก” แม่ทัพมู่พูดพลางเดินไปหาหานอวิ๋นซีทีละก้าวพร้อมกับแส้ในมือ ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็หวาดกลัว
ในแววตาของหานอวิ๋นซีมีแต่ความมุ่งมั่นและจริงจัง ไม่ยอมแพ้ ไม่กลัว และสายตาที่แหลมคมก็มองตรงไปที่ดวงตาของแม่ทัพมู่
แม่ทัพมู่เห็นผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นสตรีที่กล้าหาญเช่นนี้ แต่แล้วอย่างไรล่ะ?
“หยุดเล่นลิ้นได้แล้ว!” เขาพูดพร้อมกับเหวี่ยงแส้ไปทางหานอวิ๋นซีในทันที
หานอวิ๋นซีไม่หลบ นางรู้ว่าตัวเองหลบไปก็ไม่พ้น เช่นนั้นจึงถูกเฆี่ยนไปโดยปริยาย แขนของนางเป็รอยฟกช้ำทันที ทว่านางกลับไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว ยังคงจ้องมองไปที่แม่ทัพมู่ แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “แล้วท่านจะเสียใจ!”
“เช่นนั้นข้าจะทำให้เ้าเสียใจก่อนก็แล้วกัน!” แม่ทัพมู่พูดและฟาดแส้อีกครั้ง ขณะเดียวกัน หลี่ฉางเฟิงก็ออกมาส่งหมอหลวงกลับ
หมอหลวงกู้หรือกู้เป่ยเยวี่ยท่านนี้อายุยังน้อย มีอายุเพียงยี่สิบปีต้นๆ แต่กลับได้เป็หัวหน้าหมอหลวงในราชสำนัก เขาไม่ได้สวมเครื่องแบบทางการที่ซับซ้อนของไท่อีเยวี่ยน[1] สวมแค่ชุดสีขาวสะอาดและเรียบง่าย ดูอ่อนโยนและสง่างาม ใบหน้านิ่งที่ไม่แม้แต่จะยิ้ม ทว่ากลับให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่ผู้คน ว่ากันว่าเขาเป็หมอหลวงที่ดูเหมือนนักปราชญ์เสียมากกว่า
แม่ทัพมู่มองหานอวิ๋นซีอย่างดุร้าย และรีบเดินไปหากู้เป่ยเยวี่ยอย่างรวดเร็ว “รีบพูดมาสิ ว่าอาการของบุตรชายข้าเป็อย่างไร?”
“มีไข้ขึ้นสูงและหมดสติไป ยังต้องสังเกตอาการอีกสองวัน” กู้เป่ยเยวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่พูด ราวกับว่ากำลังลังเล
“สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? อยู่ดีๆ จะหมดสติไปได้อย่างไร? เ้าพูดมาสิ!” เสียงคำรามของแม่ทัพมู่ดังจนแสบแก้วหู ราวกับว่าเขากำลังจะกินกู้เป่ยเยวี่ยอย่างไรอย่างนั้น
แม้ว่าแม่ทัพมู่จะมีอำนาจทางการทหาร มีตำแหน่งและอำนาจมากมาย แต่กู้เป่ยเยวี่ยเป็เ้าหน้าที่ระดับสองและเป็หมอหลวงที่ฮ่องเต้เรียกใช้ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรแม่ทัพมู่ก็ไม่ควระโใส่เช่นนี้
เห็นได้ชัดว่ากู้เป่ยเยวี่ยรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย ทว่าก็ไม่สนใจอะไรและยังคงจริงจังอย่างมาก “ไม่มีาแ ไม่มีอาการาเ็ สภาพชีพจรก็ปกติ ข้าเองก็สงสัยเหมือนกัน ดังนั้นต้องคอยสังเกตอาการอีกเวลาสองวันเพื่อให้ทราบแน่ชัด”
กู้เป่ยเยวี่ยเป็หัวหน้าหมอหลวง หากเขาพูดเช่นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็ต้องเชิญหมอหลวงคนอื่นๆ มาอีก
แม่ทัพมู่รู้สึกหงุดหงิดและพูดอย่างไม่พอใจว่า “ทหาร พาหมอหลวงกู้ไปที่ห้องรับรองแขก สองวันนี้ก็อยู่ที่นี่ไปก็แล้วกัน”
ในขณะเดียวกัน หานอวิ๋นซีกลับหัวเราะออกมาดังลั่น “ตลกเหลือเกิน ช่างเป็เื่ตลกเสียจริง! เป็ถึงหัวหน้าหมอหลวง กลับดูไม่ออกว่าเป็อาการของคนถูกวางยาพิษ หากรอสังเกตอาการอีกสองวัน ข้ารับประกันได้เลยว่าได้เก็บศพมู่ชิงอู่แน่ๆ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทั้งห้องเต็มไปด้วยความเงียบทันที ทุกคนต่างมองไปที่หานอวิ๋นซี สตรีนางนี้พูดว่า...อะไรนะ?
กู้เป่ยเยวี่ยเองก็มองไปที่นาง จึงจะได้สังเกตเห็นว่าหานอวิ๋นซีอยู่ในห้อง เขาก็สงสัยเช่นกันว่าอาจจะถูกวางยาพิษ แต่ยังไม่แน่ใจ เขาจึงไม่พูดมันออกไป
“เ้า! เ้ากล้าดีอย่างไรมาสาปแช่งบุตรชายข้า!” แม่ทัพมู่โกรธเกรี้ยวอย่างมากและพุ่งเข้ามาเพื่อที่จะฟาดนางด้วยแส้
ในขณะเดียวกัน คนขับรถม้าที่อยู่ข้างๆ ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปและะโว่า “ท่านแม่ทัพ อย่าตีนะ ท่านผู้นี้คือฉินหวังเฟย!”
หา?
ฉินหวังเฟย?
แส้ของแม่ทัพมู่แข็งทื่ออยู่กลางอากาศ ทุกคนในห้องต่างใ เป็ไปได้อย่างไรกัน?
“เ้าพูดว่าอะไรนะ?” แม่ทัพมู่ะโใส่คนขับรถม้า
“ท่านแม่ทัพ นี่คือฉินหวังเฟย เพิ่งจะเข้าวังพร้อมกับฉินอ๋องเพื่อทำความเคารพไปเมื่อเช้านี้ พวกเราพบแม่ทัพใหญ่ระหว่างทางกลับ หวังเฟยไม่มีทางลอบสังหารแม่ทัพใหญ่อย่างแน่นอน! ท่านแม่ทัพโปรดพิจารณาด้วย!” คนขับรถม้าพูดด้วยกลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อ จึงรีบแสดงแผ่นป้ายเลขที่จวนของฉินอ๋อง
หวังเฟยถูกตีไปแล้ว กลับไปเขาจะแก้ตัวอย่างไรล่ะ?
เมื่อทุกคนเห็นป้ายเลขที่จวนสำหรับเข้าออกจวนฉินอ๋อง ก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ และเมื่อมองไปที่รอยแผลที่แขนของหานอวิ๋นซี สีหน้าของแต่ละคนต่างซับซ้อน
หญิงสาวคนนี้เป็คนไร้ประโยชน์ในตระกูลหาน คนที่เตะคานเกี้ยวเ้าสาวและลงจากเกี้ยวเพื่อเข้าประตูด้วยตัวเอง...ฉินหวังเฟย หานอวิ๋นซีนะหรือ?
เดิมทีหานอวิ๋นซีไม่อยากที่จะเปิดเผยตัวตน การเป็หวังเฟยทำให้นางมีสิทธิ์พิเศษมากมาย แต่ในขณะเดียวกันมันก็สร้างข้อจำกัดมากมายเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนางที่ไม่เป็ที่ยอมรับในฐานะหวังเฟย จะเป็การดีกว่าหากจะปกปิดตัวตนเอาไว้
ในเมื่อคนขับรถม้าเปิดเผยออกไปแล้ว หานอวิ๋นซีก็คิดว่า คนกลุ่มนี้คงจะยับยั้งตัวเองใช่หรือไม่?
แต่ใครจะรู้ว่าแส้ของแม่ทัพมู่ที่หยุดอยู่กลางอากาศกลับถูกเหวี่ยงลงมาอย่างรุนแรงในทันที แม้ว่าครั้งนี้มันจะไม่โดนหานอวิ๋นซี แต่ก็ยังทำให้นางกลัวไม่น้อย
“ฉินหวังเฟยแล้วอย่างไรเล่า! การจงใจฆ่าแม่ทัพใหญ่ก็เป็ความผิดเช่นกัน! พูดมาสิ ว่าใครส่งเ้ามาที่นี่กันแน่?” แม่ทัพมู่จ้องเขม็ง ใบหน้าของเขาแดงก่ำเหมือนิญญาที่ดุร้าย
กล้าที่จะทำร้ายบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา อย่าว่าแต่ฉินหวังเฟยเลย ต่อให้เป็ฉินอ๋องมาเอง เขาก็จะหนักแน่นเหมือนเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น สตรีนางนี้ไม่ได้เป็ที่โปรดปรานของฉินอ๋อง แม้แต่ฉินอ๋องยังไม่ปรากฏตัวในวันอภิเษกสมรสเลย มีชื่อแต่ไม่มีตำแหน่ง ใครจะกลัวนาง?
หานอวิ๋นซีรู้สึกประหลาดใจมากและทำอะไรไม่ถูก แต่นางก็ไม่สนใจเื่นั้นมากนัก สายตาที่โกรธเกรี้ยวของแม่ทัพมู่มองมาที่นางและพูดอย่างเ็าว่า “ข้าไม่อยากจะพูดเื่ไร้สาระกับท่านอีก แล้วก็จะพูดครั้งนี้เป็ครั้งสุดท้ายว่าบุตรชายของท่านถูกวางยาพิษ หากไม่ล้างพิษ ข้ารับประกันได้เลยว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ต่อให้เป็เทพเ้าแห่งต้าลัวก็ช่วยเขาไม่ได้!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” แม่ทัพมู่หัวเราะเสียงดัง “ฟังสิ! พวกเ้าทุกคนได้ยินหรือไม่ว่านางพูดอะไร? ขยะของตระกูลหานเองก็รักษาคนไข้ได้ด้วยหรือ? ดวงอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วกระมัง?
แม่ทัพมู่ยิ้มและมองไปที่กู้เป่ยเยวี่ย “หมอหลวงกู้ เ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่ การวินิจฉัยของนางแตกต่างจากของเ้าอย่างสิ้นเชิง คนไม่ได้เื่กับหัวหน้าหมอหลวง พวกเ้าจะให้ข้าฟังใครล่ะ?”
คำพูดเหล่านี้เต็มไปด้วยการเสียดสีซึ่งทำให้ทุกคนในห้องต่างหัวเราะออกมาเสียงดัง กู้เป่ยเยวี่ยมองไปที่หานอวิ๋นซี แต่ไม่ได้เผยรอยยิ้มใดๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ในไม่ช้า เสียงหัวเราะของแม่ทัพมู่ก็หยุดลง “ทหาร จับตัวสตรีนางนี้ออกไป! รอให้แม่ทัพใหญ่ฟื้นขึ้นมาเมื่อไร ค่อยส่งนางไปจัดการที่ศาลต้าหลี่[2]!”
หานอวิ๋นซีที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป หันศีรษะไปมองด้วยแววตาที่แข็งกร้าว จนองครักษ์ที่ออกมาข้างหน้าถึงกับถอยหลังกลับไป การโต้เถียงกับคนเหล่านี้ เรียกได้ว่าเสียเวลาช่วยชีวิตของมู่ชิงอู่จริงๆ!
นางจ้องไปที่แม่ทัพมู่อย่างดุร้าย นั่งลงและพูดอย่างเ็าว่า “หมอหลวงกู้ ท่านไปตรวจสอบเหนือสะดือสองชุ่นของแม่ทัพใหญ่ดูสิ จุดเสวียนหลิงและจุดิโยว ใช้เข็มเงินทดสอบพิษ แล้วมาดูกันว่าสิ่งที่ข้าพูดไปโกหกหรือไม่ อีกไม่นานก็จะได้รู้แล้ว”
ทันทีที่หานอวิ๋นซีพูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยเสียงหนึ่งดังมาจากนอกประตู “จุดเสวียนหลิง จุดิโยวอะไรกัน ไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อน หานอวิ๋นซีถ้าเ้าจะโกหก เ้าก็อ้างอิงจากในตำราด้วยสิ”
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีเหลืองอ่อนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าสวยและดวงตาเย่อหยิ่ง หญิงสาวคนนี้คือหญิงสาวที่ทำผ้าคลุมหน้าเ้าสาวของหานอวิ๋นซีตกในวันนั้น มู่หลิวเยวี่ย คุณหนูของจวนแม่ทัพมู่
นางและหญิงสาวจำนวนนับไม่ถ้วนในเมืองหลวงเชื่อมั่นว่าไม่มีใครในโลกคู่ควรกับฉินอ๋อง นางไม่ได้คาดหวังที่จะได้อภิเษกกับเขา แต่ก็ไม่อนุญาตให้หญิงอื่นอภิเษกกับเขาเช่นกัน
หานอวิ๋นซีผู้ไร้ค่าคนนี้ไม่เพียงขโมยฉินอ๋องไป แต่ยังมาฆ่าพี่ชายของนางอีก นางไม่มีวันปล่อยไปอย่างแน่นอน!
ทันทีที่มู่หลิวเยวี่ยเดินเข้ามา ก็จับมือแม่ทัพมู่ แล้วมองหานอวิ๋นซีอย่างยั่วยุและพูดว่า “ท่านพ่อ เหตุใดท่านยังไม่รีบส่งนางไปที่ศาลต้าหลี่ล่ะ นางกำลังจะฆ่าพี่ชายของข้าด้วยมีดเลยนะ ทุกคนก็เห็นกันหมด! จะไปพูดเื่ไร้สาระกับนางทำไมกัน! เป็แค่คนไม่ได้เื่คนหนึ่ง จะไปรู้ทักษะทางการแพทย์ได้อย่างไรกัน?”
หานอวิ๋นซีจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยทำให้คุณหนูคนนี้ขุ่นเคืองั้แ่เมื่อไร เหตุใดจึงได้รู้สึกว่านางเป็ศัตรูกับตนเองอยู่ลึกๆ?
นางที่ปวดหัวจนแทบะเิ เวลาที่ค่อยๆ ผ่านไปเรื่อยๆ พิษของมู่ชิงอู่เองก็กำลังจะซึมเข้าสู่อวัยวะภายใน
แน่นอนว่าแม่ทัพมู่ไม่มีทางเชื่อหานอวิ๋นซี และะโใส่องครักษ์ที่อยู่ข้างๆ ว่า “โง่เป็ไม้กระดานกันหมดแล้วหรือไร? ยังไม่รีบพานางออกไปอีก!”
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน กู้เป่ยเยวี่ยก็พูดขึ้นมาว่า “ช้าก่อน!”
กู้เป่ยเยวี่ยรู้ว่าอะไรคือจุดเสวียหลิงและจุดิโยว
จุดฝังเข็มทั้งสองนี้ไม่ใช่จุดฝังเข็มทั่วๆ ไป หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็คงไม่เคยได้ยินชื่อทั้งสองนี้ ยิ่งกว่านั้นคือไม่มีทางรู้ตำแหน่งของมันได้แน่นอน
ตำแหน่งสองชุ่นเหนือท้อง หานอวิ๋นซีพูดได้อย่างถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น จุดฝังเข็มทั้งสองนี้มีความไวต่อความเป็พิษของอวัยวะภายในมาก จึงเป็จุดที่ดีที่สุดในการทดสอบพิษ
คิดไม่ถึงว่าหานอวิ๋นซีจะรู้จริงๆ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะแสดงว่านางไม่ได้ไร้ประโยชน์ และคำพูดของนางก็น่าเชื่อถือ เดิมทีกู้เป่ยเยวี่ยเองก็สงสัยเช่นกันว่ามู่ชิงอู่ถูกวางยาพิษหรือไม่ และการล้างพิษเป็จุดอ่อนของเขา ดังนั้นเขาจึงลังเลที่จะทำการวินิจฉัยและไม่กล้าพูดออกไปมั่วๆ
ดูจากตอนนี้แล้ว การเชื่อใจหานอวิ๋นซีสักครั้งก็ไม่ใช่เื่ยากอะไร
“แม่ทัพมู่ สิ่งที่หวังเฟยพูดนั้นมีเหตุผล ข้าจะลองดู” กู้เป่ยเยวี่ยพูดอย่างเร่งรีบ
มู่หลิวเยวี่ยรีบห้ามกู้เป่ยเยวี่ยอย่างทันที “หมอหลวงกู้ ท่านอย่าไปนะ! ใครๆ ก็รู้ว่านางเป็คนไม่ได้เื่ในตระกูลหาน นางจะไปรู้จุดฝังเข็ม รู้เื่พิษอะไรนั่นได้อย่างไรกัน? เหลวไหลที่สุด!”
“คุณหนู ชีวิตคนมีค่า หากถูกวางยาพิษจริงๆ เวลาก็คือชีวิต โปรดท่านอย่าขัดขวางเสียดีกว่า” กู้เป่ยเยวี่ยพูดอย่างจริงจัง
—-----------------------
[1] ไท่อีเยวี่ยน (太医院) หรือ สถาบันแพทย์หลวง ซึ่งประกอบด้วย 3 แผนก คือแผนกยา การนวด และเวทมนตร์ โดยก่อตั้งในยุคราชวงศ์สุย
[2] ศาลต้าหลี่ (大理寺) คือ ชื่อหน่วยงานราชการ หนึ่งในเก้าสำนักใหญ่แห่งราชสำนัก ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับคดีอาญา หรือเรียกว่าศาลยุติธรรม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้