เหยาเชียนเชียนแยกไม่ออกว่านางเจ็บคอหรือปวดบริเวณลำคอมากกว่ากัน อีกทั้งเมื่อนางตื่นขึ้นมาก็พบว่าภายในห้องเหลือนางอยู่เพียงคนเดียว ส่วนร่างกายของนางก็ถูกจัดการจนสะอาดเอี่ยมพร้อมทั้งผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่เรียบร้อย
ประตูห้องถูกผลักออกเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด สาวใช้ที่เดินเข้ามาเห็นนางตื่นแล้ว ดูมีท่าทีใยิ่งนัก
“ถวายบังคมเพคะหวังเฟย หม่อมฉันมีนามว่าเสี่ยวเถา ท่านอ๋องทรงรับสั่งว่าหลังจากวันนี้เป็ต้นไปให้หม่อมฉันคอยอยู่รับใช้ปรนนิบัติพระองค์เพคะ”
เสี่ยวเถาประคองนางขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว พร้อมบอกว่าชิงผิงอ๋องเสด็จออกไปแล้ว ทว่าก่อนเสด็จออกไปได้มีรับสั่งให้ข้าหลวงปรนนิบัติหวังเฟยอย่างดี
ในระหว่างหนึ่งชั่วยามนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เหล่าข้าหลวงล้วนอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก ทว่าเมื่อเห็นเหยาเชียนเชียนในสภาพอ่อนแรงเช่นนี้ แม้กระทั่งลำคอก็แหบแห้ง คิดดูแล้วหวังเฟยน่าจะได้รับความโปรดปรานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยามที่ท่านอ๋องเสด็จออกไปก็ทรงกำชับอยู่หลายครั้งให้ปรนนิบัตินางอย่างระมัดระวัง ทั้งอาหาร อาภรณ์ และข้าวของเครื่องใช้ล้วนให้กลับมาใช้ตามกฎเดิม สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นหลังจากที่สามีและภรรยาได้ใช้เวลาร่วมกัน
เสี่ยวเถาอายุยังน้อย พอนึกถึงเื่เหล่านี้ก็อดหน้าขึ้นสีอย่างห้ามไม่ได้ เหยาเชียนเชียนมองนางด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้ม คิดสงสัยในใจว่านางในยามนี้สวยงามเฉกเช่นไซซีที่เจ็บป่วยและอ่อนแอหรืออย่างไร เหตุใดเด็กสาวผู้นี้ถึงหน้าแดงเพียงเพราะมองหน้านางเล่า?
“ทราบหรือไม่ว่าท่านอ๋องเสด็จไปที่ใด?” เหยาเชียนเชียนเอ่ยถาม หลังจากบีบคอนางจนสลบแล้วเขากลับหนีหายไปที่ใดแล้ว?
“หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ แต่ท่านอ๋องตรัสว่า หากหวังเฟยรู้สึกเบื่อสามารถเดินเล่นรอบๆ จวนได้ หรือหากประสงค์อยากพบเสี่ยวซื่อจื่อก็สามารถเสด็จไปหาได้เช่นกันเพคะ”
แม้แต่เหยาเชียนเชียนเองก็ยังประหลาดใจ ชิงผิงอ๋องไม่ต้องคอยระวังไม่ให้นางไปพบอาเหยียนน้อยแล้ว หรือว่าหลังจากบีบคอนางจนสลบก็ดันสำนึกผิดชอบชั่วดีได้ และตระหนักได้ในที่สุดว่านางเป็ผู้บริสุทธิ์?
เหยาเชียนเชียนลูบลำคอของตัวเองเบาๆ ยามนี้แม้แต่กลืนน้ำลายก็รู้สึกเจ็บ ในยามนั้นชิงผิงอ๋องคิดจะบีบคอนางให้ตายจริงๆ แต่ความคิดในยามนี้ของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเสียอย่างนั้น...
เขาเป็บ้าจริงๆ ด้วย!
เสียง ‘เอี๊ยด’ ดังขึ้น อาเหยียนน้อยโผล่ศีรษะเข้ามาจากนอกประตู ท่านพ่อเสด็จออกไปแล้ว ในที่สุดเขาก็สบโอกาสมาหาท่านแม่ได้เสียที
“อาเหยียน!” เหยาเชียนเชียนกวักมือเรียกอย่างดีใจ “มานี่เร็ว”
เสี่ยวเถาเห็นทั้งคู่เข้ากันได้ดีจึงขอตัวออกไป อาเหยียนแตะตัวเหยาเชียนเชียนอย่างปวดใจ แผลบนลำคอมาจากที่ใด?
“เ้าแอบหนีออกมาได้อย่างไร” นางจูบกระหม่อมเด็กน้อยเบาๆ “แต่ไม่เป็ไร ชิงผิงอ๋องทรงรับสั่งให้ข้าเป็อิสระแล้ว ต่อไปหากข้าอยากพบเ้า ก็สามารถไปหาเ้าได้อย่างเปิดเผยแล้ว”
อาเหยียนลูบมือของนางไปมา ท่าทางออดอ้อนเช่นนี้ทำให้เหยาเชียนเชียนนึกขึ้นได้ นางยังมีเื่ค้างคาใจอยู่เกี่ยวกับเด็กคนนี้ ตกลงแล้วชิงผิงอ๋องรับรู้ถึงความพิเศษของเขาหรือไม่?
“อาเหยียน เ้าเคยกลายร่าง... กลายร่างเป็แบบเมื่อวานต่อหน้าชิงผิงอ๋องหรือไม่?”
เมื่อวาน?
อาเหยียนน้อยเอียงศีรษะมองนาง หมายถึงเื่ที่เขาแอบไปกินอะไรในห้องเครื่องหรือ ไม่รู้หรอก เขาส่ายหน้า หมายถึงท่านพ่อไม่ยอมให้เขากินเนื้อสัตว์เยอะ ท่านพ่อบอกว่าหากเขากินเนื้อสัตว์เยอะจะไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็เด็กธรรมดาได้
ทว่าเหยาเชียนเชียนไม่สามารถเข้าใจความนัยได้มากนักจากท่าทางที่ทำเพียงแค่การส่ายหน้า ดังนั้นนางจึงเข้าใจว่าชิงผิงอ๋องไม่รู้เื่ความพิเศษของเขา เมื่อคิดเช่นนี้เด็กน้อยคนนี้ก็ยิ่งน่าสงสารเข้าไปอีก
เขาปิดบังมานานขนาดนี้ได้อย่างไร เหยาเชียนเชียนกอดเขาด้วยความสงสาร ก็ถูกแล้ว หากถูกชิงผิงอ๋องรู้เข้า เช่นนั้นข้างกายคงมีแต่ผู้ดูแลพิเศษ ไม่เหมือนอย่างยามนี้ที่มีเพียงหญิงรับใช้ปรนนิบัติเต็มเรือนแทน ผู้ใดก็ล้วนรู้เห็นได้
“ถ้าเช่นนั้นต่อไปนี้อาเหยียนจะเป็เหมือนคืนนั้นตามใจชอบไม่ได้แล้ว มันอันตราย รู้หรือไม่” เหยาเชียนเชียนกำชับกับเขา “ต่อไปสามารถทำได้ต่อหน้าแม่เท่านั้น เวลาที่มีผู้อื่นอยู่ทำไม่ได้ โดยเฉพาะท่านพ่อของเ้า เข้าใจหรือไม่?”
อาเหยียนน้อยคิดเล็กน้อยพลางพยักหน้า ถูกต้องแล้ว ต่อหน้าท่านพ่อยิ่งไม่สามารถกินเนื้อสัตว์ได้เลย ไม่เช่นนั้นท่านพ่อจะไม่พอใจ
“ท่านแม่ กินเนื้อ อาเหยียนหิวแล้ว” สำรับเที่ยงยังคงไม่มีเนื้อสัตว์เหมือนเคย อาเหยียนน้อยลูบท้องเบาๆ เขาอยากกินเนื้อ
เหยาเชียนเชียนรีบให้เสี่ยวเถายกสำรับมาให้ด้วยความสงสาร นาง้าห่านย่างทั้งตัวและไม่ต้องหั่น นางใช้มือฉีกขาห่านย่างชิ้นหนึ่งป้อนให้แก่อาเหยียน
“กินเสีย กินเยอะๆ หน่อย ดูสิ หน้าตอบไปหมดแล้ว”
แม่นมเข้ามาด้วยอารามตื่นใเล็กน้อย และเนื่องจากไม่ได้เคาะประตู ทำให้ทั้งเหยาเชียนเชียนและอาเหยียนน้อยใ
“เป็อะไรหรือ?”
เมื่อเห็นทั้งคู่สุขสันต์สมัครสมานกันเช่นนี้แม่นมก็ปั้นหน้ายิ้มเจื่อน แต่ไม่ได้เลี่ยงที่จะพูดเื่อาเหยียน คนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้เื่นี้ แม้ว่าชิงผิงอ๋องจะเอ็นดูเขา ทว่าสติปัญญาของเด็กคนนี้มีปัญหาเล็กน้อย อายุราวสี่ห้าชันษาแล้วแต่ยังไม่สามารถพูดจาได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
“คุณหนู ท่านทูลท่านอ๋องเื่ที่จะกลับไปเยี่ยมครอบครัวพรุ่งนี้หรือยังเ้าคะ?”
เหยาเชียนเชียนส่งเสียง ‘หา’ ขึ้นมา นางลืมไปเสียสนิท ทว่าต่อให้นางทูลขอไป ชิงผิงอ๋องก็คงไม่เห็นด้วยกระมัง ส่งนางกลับไปเยี่ยมครอบครัวอย่างนั้นหรือ? ส่งนางกลับบ้านเก่าเขาคงยินดีทำให้มากกว่า
“ท่านลืมไม่ได้เป็อันขาดเลยนะเ้าคะ” แม่นมจับแขนเสื้ออย่างเป็กังวล “หากพรุ่งนี้ท่านกลับไปเพียงลำพัง นายท่านคงไม่พอใจแน่”
นางเกือบลืมเื่ครอบครัวของเ้าของร่างเดิมไปเสียสนิท เหยาเชียนเชียนย่นจมูกเล็กน้อย ก้มหน้ามองอาเหยียนที่หยุดกินห่านย่างแล้ว เด็กน้อยมองมาที่นางตาปริบๆ เหยาเชียนเชียนหัวเราะพลางถือโอกาสจูบไปหนึ่งที
“เอาเถิด ข้ารู้แล้ว ่เย็นหากท่านอ๋องเสด็จกลับมาข้าจะทูลท่านเอง” นางโบกมือหย็อยๆ เป็เชิงไล่ให้แม่นมออกไป
ทว่าความเป็จริงเหยาเชียนเชียนเกลียดเสียจนอยากจะอยู่ห่างจากชิงผิงอ๋องสารเลวผู้นั้นนับแปดร้อยลี้ แม้ว่ายามนี้เขาจะทำเป็ให้ความสำคัญกับนางต่อหน้าผู้อื่น แต่เมื่อลูบรอยฟกช้ำบนลำคอ นางก็ยังศรัทธาในหลักการรักษาชีวิตเป็สำคัญ และต้องเลี่ยงให้ห่างจากเทพสังหารผู้นั้นมากกว่า
“ท่านแม่... โกหก ไม่ดี” อาเหยียนน้อยมองนางพลางกะพริบตาปริบๆ
“แปลก” เหยาเชียนเชียนบีบใบหน้ากลมของเขาเบาๆ “เ้ารู้ได้อย่างไรว่าเมื่อครู่ข้าโกหก?”
แต่ถ้าไม่โกหกก็ไม่มีทางอื่นแล้ว นางไม่เชื่อว่าชิงผิงอ๋องจะสามารถอยู่ร่วมกับนางได้อย่างสันติ เื่กลับบ้านมารดาให้นางเป็คนตัดสินใจเองเถิด
“ท่านพ่อตรัสว่าอย่าโกหก” อาเหยียนน้อยยังคงเน้นย้ำอย่างเอาจริงเอาจัง ใบหน้าซาลาเปาพองออก เหยาเชียนเชียนเห็นดังนั้นก็รู้สึกคันไม้คันมือ อดรนทนไม่ไหวจึงจับหอมไปฟอดใหญ่
“อื้อ! ท่านแม่กัดทำไม?”
นางเช็ดน้ำลายบนใบหน้าอาเหยียนน้อยอย่างเขินอาย เหยาเชียนเชียนยิ้มพอใจ “การโกหกไม่ใช่เื่ดี แต่ยามนี้แม่ไม่มีทางเลือกอื่น ต่อไปอาเหยียนก็จะรู้เอง บนโลกใบนี้ไม่ใช่ทุกเื่ล้วนถูกต้องไปเสียทั้งหมด”
นางอุ้มเด็กน้อยไว้พลางป้อนอาหารให้ด้วยตัวเอง ยามนี้หากสามารถไม่ยั่วยุชิงผิงอ๋องได้ นางก็จะพยายามไม่ยั่วยุเขาอย่างสุดความสามารถ ถ้าเป็ไปได้ เหยาเชียนเชียนก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายนึกถึงนางด้วยซ้ำ
“หากสามารถทำให้ท่านพ่อของเ้าลืมข้าได้ด้วยการทุบศีรษะ เช่นนั้นก็คุ้มค่าแก่การที่ข้าควรจะลองดูสักครั้ง”
เหยาเชียนเชียนถอนใจ นางมาที่นี่โดยไม่มีดัชนีทองคำและไม่มีระบบ ที่นี่เป็ยุคใดก็ไม่รู้ การกำหนดค่าการย้อนเวลาต่ำถึงเพียงนี้ นางนี่มันน่าสงสารเสียจริง!
“หรือจริงๆ แล้วอาเหยียนคือดัชนีทองคำของข้ากันนะ?”
เหยาเชียนเชียนหรี่ตาเล็กพลางพินิจมองเขาอย่างละเอียด หน้าตาน่ารักขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่ใช่เืเนื้อเชื้อไขของนางด้วย คิดว่าพิเศษอยู่บ้าง
“อาเหยียน เ้ากลายร่างเป็ทองคำได้หรือไม่? หรือว่าช่วยรักษาผู้คน หรือเ้ามีความสามารถพิเศษเกี่ยวกับอากาศอะไรทำนองนั้นหรือไม่ ข้าย่อมไม่เลือกมาก เป็พลังอะไรก็ได้!”
เด็กชายคอยส่งปีกห่านย่างให้ถึงปากของเหยาเชียนเชียนเรื่อยๆ อาเหยียนน้อยไม่เข้าใจคำพูดของนาง แต่ก็เข้าใจว่าท่านแม่ดูเหมือนกำลังขออะไรสักอย่างจากตน
“ให้ท่านแม่ อร่อย”
แม้แต่ปีกไก่ตกพื้นท่านแม่ยังหยิบขึ้นมากินได้ เขาคิดว่ามารดาคงชอบกินมากจริงๆ อาเหยียนน้อยเม้มปาก ป้อนให้ถึงปากของนางด้วยความขลาดเขิน
“ช่างเถิด” เหยาเขียนเชียนยิ้มอย่างอดไม่ได้ “ไม่มีก็ไม่มี ด้วยคุณธรรมของข้าอย่างไรเสียก็สามารถออกไปเผชิญโลกกว้างของตัวเองได้!”