หากดับกองไฟ อากาศคงจะเย็นกว่านี้
เจียงโหรวนั่งอยู่ด้านหน้ากองไฟ มองไปที่ฉือหางด้วยความไม่มั่นใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างออดอ้อน "พี่ฉือ พี่คิดว่าพวกเราควรไปทางทิศไหนดี?"
"เ้าแน่ใจหรือว่าเ้าจะไปที่แม่น้ำ?" ฉือหางเหลือบมองเจียงโหรวด้วยสายตาเรียบนิ่ง น้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง "ข้าจำได้ว่า ข้าไม่เคยเห็นถ้ำที่เ้าพูดถึงที่ริมแม่น้ำ!"
เจียงโหรวรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย แต่คนรับใช้เ่าั้บอกว่า ตอนนั้นท่านแม่อยู่ที่ริมแม่น้ำ นางกลืนน้ำลาย และพูดเบาๆ "พวกเราไปดูกันเถอะ ถ้าหาไม่เจอ ข้าจะกลับไปถามอีกหน"
ตอนนี้พวกเขามาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว เจียงโหรวรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถกลับไปในเวลานี้ได้
"ตกลง" ฉือหางกล่าวยืนยัน
หลินกู๋หยู่พิงไหล่ของฉือหาง ดวงตาของนางจับจ้องไปที่กองไฟราวกับว่ากำลังเฝ้ามองแต่ก็ดูเหมือนไม่ได้มองในเวลาเดียวกัน
ฉือหางอุ้มหลินกู๋หยู่ไว้บนตัว รู้สึกได้ว่าคนในอ้อมแขนเคลื่อนไหวเล็กน้อย เอ่ยถามอย่างเป็ห่วง "หนาวไหม?"
"พอทนได้" หลินกู๋หยู่เม้มริมฝีปากแน่น เงยหน้าขึ้นมองพลางขยับเข้าไปใกล้ฉือหางมากขึ้น
ความไม่สบายใจค่อยๆ ขยายตัว บางทีอาจเป็เพราะการอยู่ข้างนอก หลินกู๋หยู่รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
เมื่อนางอยู่ในอ้อมแขนของเขา หลินกู๋หยู่รู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วน
หลินกู๋หยู่ยืนอยู่กลางถนน มองดูรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมา มองดูตึกสูงข้างๆ แล้วมองลงไปที่เสื้อผ้าบนร่างกายของตนเอง ซึ่งกลายเป็เสื้อผ้าในโลกสมัยใหม่
นางกลับมาแล้วหรือ?
หญิงสาวมองไปรอบๆ เดินไปที่ต้นไม้ข้างถนนและเอื้อมมือไปแตะต้นไม้
นางััมันได้แล้ว
นางกลับมาแล้ว
"ซือซือ ไปทานข้าวด้วยกันเถอะ" หญิงแปลกหน้าเดินเข้ามาหาแล้วโอบไหล่ของนางด้วยรอยยิ้มเบิกบาน "ไหนบอกว่าจะกินไก่เผ็ดไม่ใช่หรือ พวกเราไปกันเถอะ"
หลินกู๋หยู่มองไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยความงุนงง พยักหน้าด้วยความสับสน
มันดูแปลกเล็กน้อย ราวกับว่านางลืมอะไรบางอย่าง แต่นางอาศัยอยู่ที่นี่ั้แ่ยังเด็ก และดูเหมือนว่านางจะไม่เคยลืมอะไรเลย
หลินกู๋หยู่ยิ้มและพูดคุยกับผู้หญิงข้างๆ ขณะที่เดินไปที่ร้านอาหาร
เมื่อเดินเข้าไปในร้านอาหาร หลินกู๋หยู่นั่งลงกับผู้หญิงคนนั้น ยิ้มและฟังผู้หญิงคนนั้นพูดเื่แปลกๆ
ทันใดนั้นก็รู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็มองเห็นอะไรไม่ชัดเจน
"กู๋หยู่ ตื่น!"
ฉือหางมองไปที่ใบหน้าของหลินกู๋หยู่ที่ไม่น่าดูนัก จึงเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของนางราวกับว่านางมีไข้แล้ว
หลังจากถูกเขย่าอย่างแรง หลินกู๋หยู่ก็มองไปที่ฉือหางที่อยู่ข้างๆ ด้วยความงุนงงแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
เมื่อฉือหางเห็นหลินกู๋หยู่ตื่นขึ้นมา ในที่สุดเขาก็ทอดถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ข้าจะพาเ้ากลับ เ้าเป็ไข้แล้ว"
หลินกู๋หยู่ยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากของตนเอง แต่ไม่รู้สึกอะไรเลย
ฉือหางเอนศีรษะของเขาไปที่ศีรษะของหลินกู๋หยู่ พูดอย่างจนปัญญา "เ้าตัวร้อนมาก"
มือของเขาเย็นมาก หลินกู๋หยู่ถึงกับตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้
นางจำสิ่งต่างๆ ในความฝันได้อย่างชัดเจน นางคิดด้วยความงุนงงว่า ยามนางป่วยเป็ไข้ทรพิษ นางดูเหมือนจะฝันถึงโลกสมัยใหม่เช่นกัน
“ข้าสบายดี” ริมฝีปากของหลินกู๋หยู่ซีดเซียว มองไปที่ฉือหางด้วยรอยยิ้มบาง “พวกเราเดินกันต่อเถอะ บางทีพวกเราอาจจะได้กลับบ้านในอีกสองวัน!”
เจียงโหรวมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก นางเดินไปด้านข้าง ยื่นเตาอุ่นในมือให้หลินกู๋หยู่
“พี่หลิน ใช้สิ่งนี้” เจียงโหรวพูดด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย “ถ้าไม่ใช่เพราะข้า เ้าพี่ก็คงไม่เป็ไข้”
"ขอบคุณ ข้าสบายดี" หลินกู๋หยู่ย่อมรู้วิธีดูแลตัวเอง
เมื่อเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของเจียงโหรว หลินกู๋หยู่ก็ฝืนยิ้ม "ข้าสบายดี ข้าไม่ต้องใช้สิ่งนั้น เ้าไม่ต้องกังวล"
หลินกู๋หยู่โน้มตัวไปข้างๆ ฉือหางและรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์เป็ครั้งแรก
แต่หลังจากเดินเป็เวลานาน ในที่สุดก็มาถึงแม่น้ำที่เจียงโหรวได้กล่าวถึง
ต้นกำเนิดของแม่น้ำทอดยาวสุดลูกหูลูกตา กระแสน้ำยังคงไหลออกไปในระยะไกล
เจียงโหรวมองไปรอบๆ ด้วยความผิดหวัง ระหว่างคิ้วขมวดแน่น
นางพยายามแทบตายกว่าจะได้มาที่นี่ แต่นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเจอกับทิวทัศน์เช่นนี้
หลินกู๋หยู่พิงด้านข้างของฉือหาง แววตาทอดมองทิวทัศน์ระยะไกลอย่างใจเย็น
"ที่จริงที่นี่ค่อนข้างดี ทิวทัศน์งดงามจับตานัก" หลินกู๋หยู่พูดด้วยรอยยิ้ม "คงจะดีมากถ้าเราอาศัยอยู่บนูเาได้ แต่การอาศัยอยู่ที่นี่ดูจะลำบาก อยากจะไปเดินเล่น อยากจะไปซื้อของก็ไม่สะดวกนัก”
“ใช่” ฉือหางตอบเบาๆ ในขณะที่กำลังคิดว่าจะกลับไปซ่อมถ้ำที่เขาเคยใช้พักผ่อน พอถึงเวลาก็จะได้พาหลินกู๋หยู่ไปอยู่ที่นั่นสักสองวัน
เจียงโหรวยืนอยู่ริมแม่น้ำด้วยความผิดหวัง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยฝุ่น นางกัดริมฝีปากแน่นและคุกเข่าลงกับพื้นด้วยจิตใจหม่นหมองลง
มีคนโกหก!
ทั้งคนใช้และภรรยาคนใหม่ของท่านพ่อต่างกำลังโกหก
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ดวงตาคิ้วของเจียงโหรวก็ย่นแน่นยิ่งขึ้น
"คุณหนู" ซิ่งฮวายืนอยู่ข้างหลังเจียงโหรว เมื่อเห็นเจียงโหรวมีท่าทีหม่นเศร้า นางจึงพูดด้วยเสียงเบา "ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย พวกเรากลับให้เร็วจะดีกว่า!"
"ข้าแค่อยากจะพบกับท่านแม่ของข้า" เสียงของเจียงโหรวสั่นเครือเล็กน้อย น้ำตาเ้ากรรมร่วงหล่นลงมาอย่างไม่อาจห้ามได้ "ข้าไม่เคยคิดว่าท่านแม่ของข้าจะจากข้าไป"
หลินกู๋หยู่ก้มศีรษะและไม่พูดไม่จา
เมื่อแม่ของนางจากไป นางก็คิดถึงประเด็นนี้เช่นกัน ทำไมแม่ของนางถึงได้จากนางไปเร็วนัก
เพียงแต่มีหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ใช่ว่าหลินกู๋หยู่อยากจะให้เป็อย่างไร เช่นไร มันก็จะเป็ไปอย่างเช่นนั้นตามที่้าได้
จู่ๆ สายตาของหลินกู๋หยู่จ้องมองไปที่ด้านข้างของเจียงโหรวโดยไม่ได้ตั้งใจราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังส่องแสงพร่างพราว
"นั่นคืออะไร?" หลินกู๋หยู่ชี้ไปที่ด้านข้างของเจียงโหรว พร้อมเอ่ยด้วยเสียงสงบเย็น "เ้าดูสิว่ามันคืออะไร?"
เจียงโหรวสูดจมูก เช็ดน้ำตาและมองไปในทิศทางที่หลินกู๋หยู่ชี้ และนางก็เห็นบางอย่าง
มองเห็นไม่ชัดเจน เจียงโหรวหันศีรษะไปมองอีกด้านหนึ่ง นางพยายามเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง
ซิ่งฮวามองตามอย่างสงสัย ราวกับว่ามันเป็อะไรบางอย่าง นางเอื้อมมือไปหยิบมัน
ปิ่นปักผมสีเขียวเข้ม ซิ่งฮวาคิดเพียงว่ามันดูคุ้นตานัก นางรีบเช็ดปิ่นด้วยผ้าขนหนูให้สะอาดอย่างรวดเร็ว จากนั้นยื่นสิ่งนั้นให้เจียงโหรว "คุณหนู ท่านดูนี่"
เมื่อได้ยินซิ่งฮวาร้องเรียกนาง เจียงโหรวก็เอียงศีรษะเล็กน้อย และเมื่อนางเห็นปิ่นปักผม หยาดน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
"คุณหนู นี่คือ..." ซิ่งฮวาร้องไห้และมองไปที่เจียงโหรวอย่างตื่นเต้น ขณะพูดด้วยเสียงเบา
"เป็ของท่านแม่ของข้า" ด้วยน้ำตาคลอเบ้า เจียงโหรวพรวดลุกขึ้นทันที "ท่านแม่ของข้าจะต้องอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน จะต้องอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน ท่านจะต้องอยู่ที่นี่แน่"
เจียงโหรวลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้น มือของนางตะกุยดินโคลนอย่างแรง นางร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
มืออันบอบบางของนางแตกถลอกแล้ว แต่เจียงโหรวดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไร และนางยังคงพยายามขุดตะกุยดินโคลนต่อไป
ความทรงจำเวียนว่ายกลับมา หลินกู๋หยู่ยังจำได้ว่าเมื่อผู้เป็มารดาแม่ของนางจากไป นางร้องไห้และนอนบนร่างของแม่มารดาของนางเช่นนี้เช่นเดียวกัน...
อาจเป็เพราะเจียงโหรวนำทางไปไกลในตอนแรก ดังนั้นพวกเขาลงมาจากูเาในเวลาเที่ยงของวันถัดมา
หลินกู๋หยู่ช่วยฉือหางถือคันธนู ลูกธนูและแล่ง โดยขี่อยู่บนแผ่นหลังของฉือหาง สอบแขนโอบรอบลำคอของเขา
“ข้าบอกแล้วไงว่าไม่อยากให้เ้ามา” ฉือหางมองไปที่ภรรยาผู้ท่าทางป่วยซึ่งป่วยและดูท่าทางอ่อนแอของหลินกู๋หยู่ ขมวดคิ้วบ่นพึมพำ
"ข้าไม่วางใจ" หลินกู๋หยู่เอนกายลงบนร่างของฉือหางอย่างเนิบนาบ และทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าคงจะดีมากหากเวลาหยุดนิ่งเช่นนี้
ฉือหางหยุดเล็กน้อย ยกหลินกู๋หยู่ขึ้นโดยไม่พูดไม่จา
เมื่อกลับถึงบ้าน ประตูลานบ้านไม่ได้ลงกลอน เมื่อเดินเข้าไปข้างในและผลักประตูเปิดออก
เตายังเผาฟืนอยู่ เพียงแต่ไม่มีคนอยู่ในห้องแม้แต่คนเดียว
เจียงโหรวกล่าวขอบคุณหลินกู๋หยู่และฉือหาง จากนั้นนั่งรถม้าจากไป
ฉือหางให้หลินกู๋หยู่นั่งข้างเตา ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ข้าจะไปที่นั่นที่เรือนใหญ่ ไปดูว่าโต้ซากำลังทำอะไรอยู่"
“อืม” หลินกู๋หยู่ผงกศีรษะ พยายามแสดงรอยยิ้ม แต่กระนั้นนางกลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
หลินกู๋หยู่เพิ่มฟืนลงในเตา เด็กสาวรู้สึกง่วงเล็กน้อย ลุกขึ้นและทำความสะอาดหม้อ จากนั้นก็เติมน้ำเข้าไป โดยคิดว่าจะดื่มน้ำร้อน
ก่อนที่น้ำจะเดือด หลินกู๋หยู่ก็เห็นฉือหางผลักประตูเข้ามาอย่างกระวนกระวายจากระยะไกล
“เกิดอะไรขึ้น?” หลินกู๋หยู่ลุกขึ้นอย่างเป็กังวล
"พี่รองลักพาตัวโต้ซา เขาบอกให้ข้ามอบเงินห้าสิบตำลึงแลกกับโต้ซา ไม่เช่นนั้นเขาจะขายโต้ซาให้กับพ่อค้าคนกลาง!" ฉือหางขมวดคิ้ว เดินตรงไปยังที่เก็บเงิน แล้วนั่งยองๆ ลงไปหาเงิน
“เป็พี่รองหรือ?” ริมฝีปากของหลินกู๋หยู่ซีดเซียว คิ้วของนางก็ขมวดเล็กน้อย
ฉือหางพบไปหยิบเงินและตอบรับด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
หลินกู๋หยู่เดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว เมื่อไปถึงลานบ้านข้างๆ หลินกู๋หยู่เห็นฉือหางโยนถุงเงินให้ฉือเทา
"เช่นนี้สิถึงจะถูก" ฉือเทาเปิดถุงเงินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมื่อดูที่เงินข้างใน เขาก็พูดด้วยความพึงพอใจ "ระหว่างพี่น้องของเราควรจะช่วยเหลือกันและกันไม่ใช่หรือ?"
“ไร้ยางอาย!” หลินกู๋หยู่มองฉือเทาด้วยใบหน้าไม่น่าดูนัก ขมวดคิ้วแน่น
ฟางซื่อได้ยินดังนั้นก็เท้าสะเอว พูดด้วยความขุ่นเคือง "น้องสะใภ้ เ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไร?"
“ใช้วิธีคดโกงสกปรก ถ้าไม่เรียกว่าไร้ยางอาย จะเรียกว่าอะไรหรือ?” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าของนางก็น่าเกลียดยิ่งขึ้น “หรือเ้ายัง้าให้ข้าชมเชยเ้าที่ไร้ยางอาย?”
"พี่รอง ข้าให้เงินทั้งหมดที่พี่ขอแล้ว ทำไมพี่ถึงยังไม่รีบพาโต้ซามาให้ข้า!" ใบหน้าของฉือหางไม่น่ามอง น้ำเสียงของเขาเ็า
โจวซื่อมองดูถุงเงินในมือของฉือเทา จากนั้นมองฉือเย่ด้วยความโกรธ แล้วถามเสียงเบา "เ้าบอกว่าพี่สามของเ้าไม่มีเงินไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้เ้าพวกเขาเอาเงินมาจากไหน?"
หลินกู๋หยู่ยืนในระยะที่ค่อนข้างใกล้กับฉือเย่ เมื่อนางได้ยินคำพูดของโจวซื่อ สีหน้าของนางก็น่าเกลียดยิ่งขึ้น
ฉือเย่ไม่สามารถตอบคำถามของโจวซื่อได้
"เงินห้าสิบตำลึงของครอบครัวเราได้จากผู้สูงศักดิ์ที่มาขอให้เราช่วยเหลือเมื่อสองวันก่อน" หลินกู๋หยู่เดินกระเสาะกระแสะไปยังเบื้องหน้าโจวซื่อ เอ่ยถามอย่างขบขันว่า "ท่านแม่ สิ่งที่ท่านพูดเมื่อครู่ หมายความว่าอย่างไร?”
เมื่อได้ยินคำถามของหลินกู๋หยู่ สีหน้าของโจวซื่อก็แปรเปลี่ยน หันหลังกลับและเดินเข้าไปในห้อง
ฉือเทายื่นเงินให้ฟางซื่อด้วยรอยยิ้ม "น้องสาม เ้ารีบร้อนทำไมกัน พี่รองของเ้ายากจนจริงๆ เ้าก็รู้ เงินเหล่านี้สามารถจ่ายคืนได้ หรือว่าเ้าให้พวกเราอีกบางส่วน ไม่เช่นนั้นข้ากับพี่สะใภ้รองของเ้าจะไม่มีกินแล้ว พวกเราเป็พี่น้องกันนี่!"
หลินกู๋หยู่กำมือแน่นเป็กำปั้น มองไปที่ฉือเทาด้วยความเ็า