“นายน้อยเสว่ เ้ายังมีเวลามาเยี่ยมพวกข้าพี่น้องที่ประสบภัยเหล่านี้ด้วยรึ? หรือว่าอยากจะมาดูว่าพวกข้าถูกปีศาจกับคนเถื่อนรังแกอย่างไรบ้าง?” เฟิงจื่อเมื่อพบหน้าก็ะเิอารมณ์คำพูดออกมาในทันที แม้แต่คนโง่ก็ฟังออกถึงความหมายเหน็บแนมเย้ยหยันและไม่ยี่หระในคำพูดที่พูดออกมา
ฮวาเฉ่าเองก็ทำท่าเบ้ปาก ใบหน้าที่งดงามแสดงออกถึงความไม่ยินดีที่ได้เจอเสว่อู๋เหิน ครั้นแล้วจึงพูดออกมาด้วยเสียงแหลมสูง “ข้านึกว่านายน้อยเสว่จะรอเดินทางไปนครแห่งเทพโดยตรงเลยเสียอีก ทำไมรึ? หมกตัวอยู่แต่ในค่ายใหญ่เบื่อก็เลยออกมาเดินเล่นอย่างนั้นรึ?”
เยว่ชิงเฉิงไม่ได้กล่าวอะไร นางได้ยินเื่ราวทั้งหมดั้แ่ต้นจนจบที่เสว่อู๋เหินทำไว้ที่เมืองชางจากปากของเย่ชิงอู่แล้ว สำหรับคนประเภทนี้เห็นได้ชัดว่าแม้แต่จิตใจที่จะเย้ยหยันเพียงน้อยนิดนางก็ไม่มี เพียงแต่มองไปทางเย่ชิงหานด้วยความห่วงกังวลเท่านั้น
เย่ชิงหานก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงจ้องมองเสว่อู๋เหิน มุมปากยกสูงขึ้น ดวงตาทอประกายแสงเร่าร้อนราวกับจะจ้องมองให้เสว่อู๋เหินหลอมละลายลงตรงนั้น
“ฮ่าๆ ดูทุกท่านพูดเข้า พูดอย่างกับว่าข้าจะทรยศแยกตัวออกจากห้าตระกูลใหญ่แล้วหันมาเป็ศัตรูกับพวกเ้าอย่างนั้น ไม่ว่าจะพูดอย่างไรทั้งห้าตระกูลก็มีสายสัมพันธ์แแ่ราวพี่น้องที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ต่างล้วนเป็ดั่งครอบครัวเดียวกันมิใช่รึ?”
เสว่อู๋เหินแน่นอนว่าฟังออกถึงคำพูดเย้ยหยันและไม่ยี่หระที่ทั้งสองคนพูดออกมา เพียงแต่หนังหน้าของเขาหนากว่ากำแพงเมืองเสียอีกดังนั้นจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ มุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้นไม่ได้สนใจต่อการถากถางและความไม่เป็มิตรของทุกคน จากนั้นพูดออกมาอย่างเป็ธรรมชาติ ดวงตามองผ่านไปยังใบหน้าของเยว่ชิงเฉิงปรากฏแววของความละโมบออกมาแวบหนึ่ง จากนั้นจึงละสายตาไป เมื่อมองไปยังเย่ชิงหานดวงตาพลันปรากฏแววของความเร่าร้อนออกมา ราวกับว่าจะมองให้เย่ชิงหานหลอมละลายลงไปตรงนั้น
“เอาละ พวกข้ายังมีธุระที่ต้องไปทำอีก ไม่รบกวนการเดินทางของพวกเ้าแล้ว” เฟิงจื่อมองเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเสว่อู๋เหินที่เหมือนดั่งตอนแรกที่ยังคบกัน เขากลับไม่ได้รู้สึกดีแต่อย่างใด แต่ตรงกันข้ามกลับรู้สึกขยะแขยงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม พูดกระแทกเสียงออกมาครั้งหนึ่ง มองดูรอยยิ้มบนใบหน้าที่จอมปลอมของเขาแล้วจึงพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจและเตรียมตัวที่จะแยกจากไป
ฮวาเฉ่าก็พยักหน้าเห็นด้วย เมื่อก่อนรอยยิ้มของเสว่อู๋เหินมองแล้วรู้สึกเป็กันเองสนิทสนม แต่วันนี้มองแล้วกลับรู้สึกขัดตาเป็อย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรออกมามาก ยกขาเตรียมตัวที่จะเดินจากไปเช่นกัน
“อย่าเพิ่งสิ ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะได้พบหน้ากันแบบนี้ นั่งลงพูดคุยกันก่อน...” เสว่อู๋เหินยังคงยิ้มอย่างสนิทสนมอยู่เช่นนั้น พร้อมกับพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น
เฟิงจื่อพูดกระแทกเสียงออกมาอีกครั้ง น้ำเสียงเริ่มมีความเ็าออกมาชัดเจนมากยิ่งขึ้น “ไม่จำเป็แล้ว พวกข้ามาทำงานไม่ได้มาเที่ยวเล่น!”
ฮวาเฉ่าก้มหน้าลง เยว่ชิงเฉิงหันหน้าไปพูดคุยกระซิบกระซาบกับเย่ชิงอู่ ทุกคนยังคงเตรียมตัวจะออกเดินจากไปแม้จะได้ยินเสว่อู๋เหินพูดเชื้อเชิญออกมาอย่างนั้นก็ตาม เย่ชิงหานยังคงไม่ขยับกายและไม่ได้พูดใดๆ ออกมาเช่นเดิม สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เสว่อู๋เหินดังเดิม
“ถ้าอย่างนั้น เอาเป็ว่า!” เสว่อู๋เหินดวงตาเป็ประกายแสงผ่านวาบ สะบัดรวบเก็บพัดในมือ สายตามองไปยังเย่ชิงหานแล้วพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ขอรบกวนเวลาพวกเ้าเพียงไม่กี่นาที ข้ามีสิ่งที่จะพูดคุยเป็การส่วนตัวกับนายน้อยหานสักหน่อย นายน้อยหานจะให้เกียรติคุยกับข้าสักครู่จะได้หรือไม่?”
หืม?
สายตาของทุกคนมองไปยังเย่ชิงหานกันเป็ตาเดียวอย่างประหลาดใจ ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนมีความแค้นที่ฝังลึกต่อกันหรอกรึ? ทำไมถึงได้้าพูดคุยเป็การส่วนตัว? เยว่ชิงเฉิงและเย่ชิงอู่มองดูเย่ชิงหานอย่างตื่นเต้นกังวลอย่างชัดเจน คล้ายกับกำลังจะบอกเตือนเขา
“นายน้อย!” เย่สือซานที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเตือนเขาด้วยความกังวลออกมาอีกคน
“ไม่เป็ไร!” เย่ชิงหานโบกมือขึ้นแล้วส่งสายตาบอกเยว่ชิงเฉิงและเย่ชิงอู่ว่าไม่ต้องกังวล จากนั้นจึงหันไปมองทางเสว่อู๋เหินด้วยอารมณ์สนใจใคร่รู้ มุมปากปรากฏรอยยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น “ในเมื่อนายน้อยเสว่มีรับสั่งมาถึงเพียงนี้ เย่ชิงหานไฉนเลยจะกล้าขัดรับสั่ง? ทุกท่านโปรดรอสักครู่ ให้ข้าได้พูดคุยกับนายน้อยเสว่สักประเดี๋ยว”
แม้จะแปลกประหลาดใจที่เสว่อู๋เหิน้าที่จะพูดคุยเป็การส่วนตัวกับตนเอง แต่ต่อหน้ายอดฝีมือมากมายเช่นนี้เขาย่อมไม่เกรงกลัวต่อแผนการร้ายของเสว่อู๋เหินอย่างแน่นอน พูดอย่างมั่นใจได้เลยว่าถ้าหากเสว่อู๋เหิน้าที่จะลงมือกับเขาจริงเขาก็ไม่กลัว สำหรับเขาแล้วมีความสามารถพอที่จะสังหารเสว่อู๋เหินได้ในพริบตา
“นายน้อย!” คราวนี้ความกังวลตกมาอยู่ที่ผู้คุ้มกันของเสว่อู๋เหินแทน พวกเขาได้รับคำสั่งจากตระกูลว่าห้ามมิให้เส่วอู๋เหินรอดพ้นไปจากระยะสายตาได้แม้แต่ครั้งเดียว แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำก็ต้องตามไปด้วย ดังนั้นพวกเขาย่อมต้องเป็กังวลขึ้นมา
เสว่อู๋เหินไม่ได้พูดอะไรออกมาทำเพียงโบกมือขึ้นแล้วส่งสายตาเด็ดเดี่ยวออกไปให้ผู้คุ้มกันทั้งสอง จากนั้นหันมายิ้มให้เย่ชิงหานแล้วทำท่าทางเชื้อเชิญออกมา
เย่ชิงหานยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้นแล้วก้าวเดินออกไปก่อนยังพุ่มไม้ที่อยู่ข้างทาง เสว่อู๋เหินทำท่าประสานมือให้ทุกคนแสดงการขออภัย จากนั้นก้าวเดินตามเย่ชิงหานออกไป
“เสว่อู๋เหิน เ้ามีเื่สำคัญอันใดก็ว่ามา?” เย่ชิงหานหรี่ตาลงมองดูเสว่อู๋เหิน ความเคียดแค้นภายในดวงตาแสดงออกมาอย่างชัดเจนไม่ได้มีการปกปิดแม้แต่น้อย
เสว่อู๋เหินกวาดตามองไปรอบๆ จนแน่ใจว่าไม่มีคนแอบฟังและแอบมองอยู่ จากนั้นใบหน้าเปลี่ยนสีเป็สำนึกผิดและละอายใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้น “นายน้อยหาน เื่เมื่อก่อนเป็ความผิดของข้า ข้าอยากจะขอโทษเ้าไว้ ณ ตรงนี้อย่างจริงใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตระกูลก็ได้ชดใช้ด้วยทรัพยากรและสมบัติล้ำค่าต่างๆ มากมายไปแล้ว เ้าคิดว่าความแค้นระหว่างเราทั้งสองจะสามารถทำให้สลายหายไปได้หรือไม่? ขอแค่เพียงทำได้ ข้ายินยอมรับปากทำตามทุกเงื่อนไข”
“สลายความแค้น?” เย่ชิงหานเมื่อได้ฟังดวงตายิ่งหรี่ลงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม มันเหมือนกับว่าได้ยินเื่ที่ตลกที่สุดในโลกฉันนั้น รอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากยิ่งเด่นชัดมากยิ่งขึ้น เขาแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะขบขัน “สลายความแค้นน่ะได้ เพียงแต่เ้าเฉือนคอตัวเองตอนนี้ในทันที ความแค้นระหว่างเราสองคนยุติลงเพียงเท่านี้ และข้ารับปากจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับตระกูลของเ้า”
“เฮ้อ...จำเป็ต้องเอากันถึงตายขนาดนี้เลยรึ?” เสว่อู๋เหินทำท่าถอนหายใจออกมาอย่างอับจนด้วยปัญญา ราวกับว่าคำตอบที่ได้เป็สิ่งที่เขาไม่อยากจะได้ยินที่สุด ดวงตาเปลี่ยนเป็เศร้าสลดขึ้นมาทันที
“เอากันถึงตาย?” เย่ชิงหานคิ้วกระตุกขึ้นเริ่มมีโทสะขึ้นมา จากนั้นชี้นิ้วไปที่เสว่อู๋เหินพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น “อะไรเรียกว่าเอากันถึงตาย? ไม่ต้องพูดถึงที่เ้าซัดข้าฝ่ามือหนึ่งที่ถนนหนิวหลัน เอาแค่เ้าส่งคนไปตามสังหารข้าที่เทือกเขารกร้าง อย่างนี้เรียกเอากันถึงตายไหม? เ้าส่งคนไปจัดการกับน้องสาวข้าถึงสองสามครั้ง อย่างนี้เรียกเอากันถึงตายไหม? เ้ารู้ไหมตอนนี้น้องสาวข้าชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายนอนหลับเป็เ้าหญิงนิทราอยู่ทีู่เาด้านหลังตระกูลเย่ เ้าคิดว่าความแค้นระหว่างเราทั้งสองอาศัยแค่คำพูดของเ้าเพียงไม่กี่คำก็จะสามารถสลายให้หมดไปได้อย่างนั้นรึ?”
“เฮ้อ...ก่อนหน้าข้าก็ไม่รู้ว่านางเป็น้องสาวของเ้า ส่วนพวกเสว่อีเป็ผู้เฒ่าสือที่ส่งไปข้าไม่ได้รู้เื่ะไรด้วยเลย ไม่ว่าเ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อแต่ข้าอยากขอโทษเ้าด้วยความจริงใจ” เสว่อู๋เหินใบหน้ายิ้มออกมาอย่างขมขื่นพร้อมกับพูดออกมาอย่างอับจนปัญญา
“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ ถ้าหากเ้าอยากจะมาพูดเพียงเท่านี้ละก็ข้าว่าระหว่างเราทั้งสองไม่มีอะไรจำเป็ที่จะต้องพูดกันอีก” เย่ชิงหานมองดูสีหน้าที่จอมปลอมของเสว่อู๋เหิน ฝืนอดกลั้นฝ่ามือที่อยากจะซัดออกไปใส่เสว่อู๋เหินให้ตายคาที่ไว้ หลังจากพูดออกมาอย่างเ็าเสร็จจึงหมุนตัวเดินจากไป
“เฮ้อ!” เสว่อู๋เหินถอนหายใจออกมา มองดูเย่ชิงหานที่เดินจากไปอย่างเ็า แต่เมื่อเขามองเห็นแมลงตัวเล็กๆ หลายตัวที่มีขนาดพอๆ กับมดที่กำลังไต่อยู่บนเสื้อด้านหลังของเย่ชิงหาน พวกมันไต่ขึ้นไปแล้วก็เลือนหายไปในเส้นผมของเย่ชิงหาน มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้น ดวงตาคู่สีดำเทาทอประกายแสงแหลมคมลึกล้ำราวกับมหาสมุทรไปมาอยู่ไม่ขาด
เขายืนอยู่กับที่เนิ่นนานรอจนกระทั่งเย่ชิงหานและกองกำลังของเขาจากไปจากระยะสายตา รอยยิ้มที่มุมปากของเขาจึงค่อยๆ เริ่มกว้างขึ้น จากยิ้มเล็กๆ กลายเป็การหัวเราะเสียงดังออกมา จนในที่สุดแปรเปลี่ยนเป็หัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง...
“นายน้อย ทำไมท่านถึงได้ปล่อยแมลงอำพรางไว้บนตัวของเย่ชิงหาน?” ผู้คุ้มกันสองคนที่อยู่ข้างกายเห็นการกระทำของเสว่อู๋เหินสีหน้าต่างเริ่มดำคล้ำขึ้นมา โบกมือให้สมาชิกกองกำลังคนอื่นแยกย้ายกันออกไปจากนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย พลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบอย่างพวกเขาบวกกับยังรู้จักวิชาเพาะเลี้ยงหนอนแมลงพิษของตระกูลเสว่เป็อย่างดี แน่นอนว่าย่อมต้องดูออกว่าเสว่อู๋เหินแอบปล่อยแมลงอำพรางที่ใช้แกะรอยติดตามเป้าหมายไว้บนร่างของเย่ชิงหาน
“เพราะว่าข้า้าที่จะให้มันตาย!” เสว่อู๋เหินหลังจากที่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งจึงได้สงบจิตใจลงได้ พัดในมือสะบัดออกมาอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้น
“หืม?” ผู้คุ้มกันทั้งสองมองตากันครั้งหนึ่งเห็นได้ถึงความหวาดกลัวที่ปรากฏขึ้นมาภายในดวงตาอีกอีกฝ่าย สีหน้าเปลี่ยนไปในทันทีสายตามองไปรอบๆ ทั้งสี่ทิศก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมระมัดระวัง “นายน้อย เื่เช่นนี้อย่างไรก็ไม่สามารถที่จะกระทำได้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าข้างกายของเย่ชิงหานมียอดฝีมืออยู่มากมาย ถึงแม้จะสามารถสังหารเขาได้ แต่ฐานะของเย่ชิงหานในตระกูลเย่สำคัญมากถึงเพียงนี้ ถ้าหากเขาตายไปตระกูลเย่จะต้องะเิความแค้นตอบกลับมาอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นสิ่งที่จะมาเยือนตระกูลของพวกเราคงมีแต่ความพินาศย่อยยับเป็แน่...”
“ข้าไม่ได้โง่เขลาถึงเพียงนั้น ผู้ที่จะลงมือคือเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อน ข้าเพียงแค่รับผิดชอบเปิดเผยตำแหน่งที่อยู่เส้นทางการเคลื่อนไหวของเขาเท่านั้น หากเื่นี้ทำได้สำเร็จอนาคตของข้าก็จะพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วและไกลอย่างหาขอบเขตมิได้ และจะนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ตระกูลเป็หมื่นๆ ปีอย่างแน่นอน!” เสว่อู๋เหินโบกมือขึ้น ดวงตาทอประกายแสงเร่าร้อนด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ยิ่งแบบนี้ยิ่งไม่ควรจะกระทำอย่างยิ่ง สมคบคิดกับต่างเผ่ามาทำร้ายพี่น้องเผ่าพันธุ์เดียวกันเอง หากเื่เกิดแดงขึ้นมาตระกูลของเราก็จะไม่มีที่ยืนในเขตปกครองเทพาอีกต่อไปเป็แน่แท้ เื่นี้ข้าไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด” ผู้คุ้มกันทั้งสองเมื่อได้ยินรีบพูดขึ้นด้วยความร้อนรนมากยิ่งกว่าเดิม รีบจับมือของเสว่อู๋เหินไว้เหลือเพียงแค่ไม่ได้คุกเข่าขอร้องเพียงเท่านั้น
เสว่อู๋เหินไม่สนใจต่อสีหน้าอาการที่ตื่นตระหนกใกลัวของทั้งสองคน ล้วงมือเข้าไปหยิบป้ายสัญลักษณ์สีแดงอันหนึ่งออกมาจากอก แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เด็ดเดี่ยว “ก่อนที่จะมาท่านพ่อได้ให้ป้ายคำสั่งเพียวเสว่นี้กับข้า เื่นี้ข้าได้ตัดสินใจแล้ว นอกเสียจากว่าพวกเ้าอยากจะออกจากตระกูลไม่อย่างนั้นก็จงฟังคำสั่งจากข้า พวกเ้าวางใจเถอะเื่นี้ข้าจะต้องทำแบบมิดชิดที่สุดไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ได้ หากเื่นี้สำเร็จอนาคตที่รุ่งโรจน์ของตระกูลจะเกิดขึ้นในมือของพวกเราทั้งสามคน...”
.................................
เย่ชิงหานในตอนนี้ไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าเสว่อู๋เหินอาศัยจังหวะที่พูดคุยกันเป็การส่วนตัวอยู่กับเขาเพียงลำพัง แล้วแอบปล่อยแมลงอำพรางลงไว้บนตัวของเขา
และเขาไม่สามารถล่วงรู้ได้ถึงแผนการของถูเชียนจวินที่สั่งการให้เสว่อู๋เหิน เยาขาข่า และหมันก้านร่วมมือกันสร้างตาข่ายฟ้าที่มองไม่เห็นดักรอเขาอยู่ รอเพียงให้เขาเดินตรงเข้าไปติดตาข่ายเพียงเท่านั้น เย่ชิงหานในตอนนี้หลับตาเอนกายพักผ่อนอยู่ภายในถ้ำ ในสมองหวนนึกถึงน้องสาวที่อ่อนแอและบอบบางที่นอนหลับอยู่ยังูเาด้านหลังของตระกูลเย่ ยิ่งคิดจิตสังหารที่อยู่ภายในดวงตายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ราวกับกระแสลมอุ่นใน่ฤดูร้อนที่ยิ่งพัดกลับยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ...
“เสว่อู๋เหิน เ้ารอข้าก่อนเถอะ หากมีโอกาสข้าจะต้องบดขยี้เ้าให้จงได้!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้