ฟางซื่อจัดแจงให้ทุกคนนั่งลง พร้อมให้คนยกหม้อไฟสองช่องไปให้อาจารย์ทั้งสองด้วย ครั้งก่อนอยู่ข้างนอก หม้อไฟอร่อยจริง แต่ก็ไม่ครบเครื่อง
ครั้งนี้อยู่บ้าน ฟางซื่อจึงให้คนไปซื้อเป็ดมาหลายตัว ฆ่าสดๆ ไม่ว่าจะเป็เืเป็ดหรือไส้เป็ดล้วนสดใหม่ แถมยังมีปริมาณเพียงพอ คราวนี้ฉู่อี้ได้ลิ้มรสความอร่อยจนเต็มอิ่ม
ระหว่างกิน ฉู่อี้ก็ถามขึ้นว่า “ท่านป้า สิงจือ หม้อไฟนี่อร่อยจริงๆ ไม่ทราบว่าพวกท่านมีความคิดจะเปิดร้านหม้อไฟหรือไม่?”
ฟางซื่อยิ้ม “เด็กๆ ในบ้านแค่ลองเปิดร้านขายเม่าไช่อยู่ในตำบล ส่วนร้านหม้อไฟ ตอนนี้ทางบ้านเรายังไม่มีความคิดนี้”
ฉู่อี้ถามต่อ “เป็เพราะว่าไม่มีกำลังคนพอจะดูแลเื่พวกนี้หรือ?”
ฟางซื่อไม่ได้ปฏิเสธ “ใช่แล้ว ตอนนี้ในบ้านยังวุ่นวายอยู่เลย การเปิดร้านไม่ใช่เื่เล็กๆ”
การเปิดร้านไม่เพียง้าคน แต่ต้องมีเส้นสายด้วย กิจการเล็กๆ น้อยๆ จะไม่มีใครมาสนใจ แต่เมื่อไหร่ที่กิจการใหญ่โตขึ้น ก็จะมีคนจับตามองมากขึ้น
อวิ๋นฉี่เยว่มองฉู่อี้ด้วยหางตา “ว่าอย่างไร ท่านมีความคิดอะไรหรือ?”
ฉู่อี้พยักหน้า “ใช่ ข้ามีความคิด”
อวิ๋นฉี่เยว่ยกถ้วยชาขึ้นจิบชาจวี๋ฮวา [1] หนึ่งอึกแล้วถาม “เล่ามาสิ ท่านมีความคิดว่าอย่างไร?”
ฉู่อี้กล่าว “ไม่ปิดบังพวกท่าน ั้แ่ได้กินหม้อไฟครั้งแรก ข้าก็มีความคิดนี้แล้ว ข้าอยากเปิดร้านหม้อไฟสักสามแห่งก่อน”
เมื่อได้ยินดังนั้น อวิ๋นเจียวก็รู้สึกสนใจขึ้นมา “สามแห่งที่ไหนหรือเ้าคะ?”
ฉู่อี้กล่าว “เมืองหลวง จิ่วเจียง และซีชวน เมืองหลวงไม่ต้องพูดถึง ขุนนางรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ไม่ขาดแคลนเงินทอง ขาดแคลนแต่ของดีๆ”
“จิ่วเจียงตั้งอยู่ ณ จุดของแม่น้ำสามสาย เป็ศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำที่สำคัญของแคว้นต้าเยี่ย บนท่าเรือจิ่วเจียง ร้านรวงเปิดค้าขายทั้งวันทั้งคืน ริมแม่น้ำอากาศชื้น หม้อไฟมีรสเผ็ดร้อน ช่วยขับความชื้นออกจากร่างกายได้ดีที่สุด”
“ส่วนซีชวนนั้นมีูเาและสายน้ำล้อมรอบ ความชื้นค่อนข้างสูง อาหารอย่างหม้อไฟน่าจะได้รับความนิยมมาก”
ที่สำคัญคือสามแห่งนี้ แห่งหนึ่งเป็สถานที่ที่เหมาะกับการป้องกันและตั้งฐานที่มั่น อีกแห่งคือศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำของแม่น้ำสามสาย อีกแห่งคือเมืองที่สำคัญที่สุดของแคว้นต้าเยี่ย
เมื่อฟางซื่อได้ยินคำว่า ‘ซีชวน’ ก็นึกสนใจขึ้นมา อวิ๋นฉี่เยว่เองก็มองฉู่อี้ด้วยสายตาครุ่นคิด
ส่วนอวิ๋นเจียว เมื่อได้ยินคำว่า ‘ซีชวน’ ก็ทำให้นึกถึงมณฑลเสฉวนในยุคปัจจุบัน ฉงชิ่งและเสฉวนเป็์ของหม้อไฟโดยแท้
อวิ๋นเจียวกล่าว “ความคิดนี้ดีมาก หากท่านอยากเปิดก็เปิดเลยเ้าค่ะ”
ฉู่อี้ยิ้ม “ข้าไม่มีสูตรหม้อไฟ อยากเปิดก็เปิดไม่ได้อยู่ดี”
อวิ๋นเจียวมองเขาแวบหนึ่ง เกิดอยากจะแกล้งเขาขึ้นมา “บ้านเราไม่ขายสูตรหรอกนะเ้าคะ”
เมื่อฉู่อี้ได้ยินดังนั้นจึงมองไปที่ฟางซื่อ “ท่านป้า…”
ฟางซื่อหัวเราะ “เื่นี้ข้าตัดสินใจเองไม่ได้ สูตรนี้เจียวเอ๋อร์ได้มาจากพ่อค้าต่างแดน เ้าต้องไปถามเจียวเอ๋อร์เอง”
ฉู่อี้หันไปมองอวิ๋นเจียวอีกครั้ง “เจียวเอ๋อร์ เ้าอยากได้อะไรถึงจะยอมมอบสูตรให้ข้า?”
อวิ๋นเจียวกินอิ่มแล้ว นางวางตะเกียบลงแล้วลุกจากโต๊ะพูดอย่างตรงไปตรงมา “เื่นี้ท่านไปคุยกับพี่ใหญ่ของข้าเถิด เื่ในบ้านพี่ใหญ่เป็คนตัดสินใจ! ข้าขอตัวไปนอนก่อน พวกท่านค่อยๆ คุยกันนะเ้าคะ” พูดจบ อวิ๋นเจียวก็เดินออกจากห้องโถงไปโดยไม่หันกลับมามอง
ชุนเหมยและคนอื่นๆ เก็บโต๊ะเสร็จแล้วก็ยกน้ำชาเข้ามา ฟางซื่อก็ออกไปแล้ว เหลือเพียงอวิ๋นฉี่เยว่กับฉู่อี้คุยกันตามลำพังในห้องโถง
คำพูดของอวิ๋นเจียวทำให้อวิ๋นฉี่เยว่รู้สึกพอใจ แม้จะยังคงไม่ชอบหน้าฉู่อี้ แต่คำพูดก็ไม่รุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น อวิ๋นฉี่เยว่ก็เป็คนรู้จักกาลเทศะ แม้จะไม่ชอบหน้าฉู่อี้เพียงใด แต่เื่งานก็คือเื่งาน
ทั้งสองคนคุยกันอยู่ในห้องโถงตลอดทั้งบ่าย ไม่รู้ว่าตกลงกันได้หรือไม่ แต่ฉู่อี้ยังคงอยู่กินข้าวเย็นที่บ้านตระกูลอวิ๋นก่อนจะลากลับ
หลังจากฉู่อี้จากไป คนในตระกูลอวิ๋นก็เปิดประชุมครอบครัวตามปกติ หลังจากอวิ๋นโส่วจงกลับมา ฟางซื่อก็เล่าความคิดของฉู่อี้ให้เขาฟังคร่าวๆ ตอนนี้ทุกคนนั่งล้อมวงกันอยู่อวิ๋นโส่วจงจึงถามขึ้นว่า “ฉี่เยว่ เ้าคุยกับเซ่าชิงว่าอย่างไรบ้าง”
อวิ๋นฉี่เยว่กล่าว “เื่ร้านหม้อไฟตกลงกันได้แล้ว เขาจัดการเื่คน เราจัดการเื่สูตร ไม่ว่าจะเป็เขาหรือพวกเรา ต่างก็อยู่เื้ั ไม่เกี่ยวข้องกับร้านหม้อไฟโดยตรง เพียงรอรับส่วนแบ่งปลายปี ส่วนแบ่งของร้านหม้อไฟพวกเรารับสามส่วนครึ่ง ส่วนเื่อื่นๆ ไม่ต้องสนใจ เพียงแต่ร้านหม้อไฟที่ซีชวน ข้าตัดสินใจว่าทางบ้านเราจะเปิดเองขอรับ”
อวิ๋นโส่วจงและฟางซื่อต่างก็รู้สึกว่าวิธีนี้ดี แต่คนที่จะไปเปิดร้านกลายเป็ปัญหาขึ้นมาทันที
ฟางซื่อกล่าวด้วยความกังวล “แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีคนไปซีชวน ยิ่งไปกว่านั้นซีชวนยังอยู่ห่างไกล ทั้งยังไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติราชสำนักมาตลอด ที่นั่นมีชนเผ่าอยู่มาก”
อวิ๋นฉี่เยว่กล่าว “ท่านแม่ พวกเราไม่ต้องรีบร้อน หลังสอบซิ่วไฉข้าอยากไปดูซีชวนเสียหน่อย หากจะเปิดร้านจริงๆ ค่อยว่ากันหลังจากลูกสอบจวี่เหรินแล้ว ส่วนเื่คน ตอนนี้ก็มองหาเตรียมไว้ก่อน ข้าคิดว่าถังสุ่ยคนนั้นไม่เลว ลองหาเวลาไปถามความเห็นของเขาดูว่าเขาเต็มใจไปซีชวนกับข้าหรือไม่”
ฝีมือของถังสุ่ยไม่เลว อวิ๋นโส่วจงเคยเห็นมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังถือว่าเคยช่วยชีวิตอวิ๋นโส่วจงอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเด็กคนนี้นิสัยซื่อสัตย์ หัวดีแถมยังอ่านออกเขียนได้ หากเขาเต็มใจไปซีชวนก็คงจะดีมาก
“ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราต้องไปดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยคุยเื่เปิดร้าน”
อวิ๋นเจียวกล่าว “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าจะเขียนสูตรให้พี่ใหญ่” มีคนคอยดูแลเื่ข้างนอกให้ช่างดีจริงๆ
อวิ๋นฉี่เยว่ยิ้ม “ตกลง”
จากนั้นเขาก็พูดต่อ “อีกสองสามวันเ้าของโรงหลอมเหล็กอันหลิงจะมาเยี่ยม บอกว่าจะมาคุยเื่ระบบทำความร้อนใต้พื้นขอรับ”
อวิ๋นโส่วจงกล่าว “เื่นี้เ้าตัดสินใจเองเถิด” เ้าของที่อยู่เื้ัโรงผลิตเครื่องเคลือบจิงผิงกับโรงหลอมเหล็กอันหลิงก็คือฉู่อี้ เื่นี้อวิ๋นโส่วจงเคยเล่าให้อวิ๋นฉี่เยว่ฟังแล้ว
อวิ๋นฉี่เยว่พยักหน้า “เช่นนั้นก็ทำตามเดิมเหมือนกับโรงผลิตเครื่องเคลือบจิงผิง พวกเรารับส่วนแบ่งสามส่วนของระบบทำความร้อนใต้พื้น ส่วนเื่อื่นก็ไม่ต้องสนใจ หากพวกเขามีข้อสงสัยก็ถามฉี่ซานได้ทุกเมื่อ”
ไม่ว่าจะเป็ระบบทำความร้อนใต้พื้นหรือโถส้วม มีแต่คนรวยเท่านั้นที่ใช้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งของพวกนี้ใช้ได้นานหลายปี ไม่สามารถขยายให้คนทั่วไปใช้ได้ ดังนั้นแม้กำไรสูงแต่ก็มีข้อจำกัด
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งเหล่านี้ลอกเลียนแบบได้ง่าย ดังนั้นการได้ส่วนแบ่งสามส่วนทำกำไรได้สักสองสามปีก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
ส่วนร้านหม้อไฟเป็ธุรกิจที่ยั่งยืน เพราะส่วนผสมและขั้นตอนการทำเครื่องปรุงนั้นซับซ้อนมาก แม้แต่ในยุคปัจจุบันรสชาติของหม้อไฟในแต่ละร้านก็มีความแตกต่างกัน
เมื่อทุกคนในครอบครัวปรึกษาหารือกันแล้วก็แยกย้ายกันเข้านอน
ในยามค่ำคืน อวิ๋นโส่วจงและภรรยานอนอยู่บนเตียงต่างก็กระซิบกระซาบกัน
ฟางซื่อ “ท่านพี่ ท่านว่าฉี่เยว่มองอะไรออกหรือไม่ เหตุใดเขาถึงเสนอว่าร้านหม้อไฟที่ซีชวน ทางบ้านเราจะเปิดเอง?”
อวิ๋นโส่วจง “เ้าคิดมากไปแล้ว ลูกชายของเราต่อให้สุขุมเยือกเย็นรอบคอบแค่ไหนก็ไม่มีทางรู้เื่นั้นหรอก”
ฟางซื่อถอนหายใจ “ข้าแค่รู้สึกแปลกๆ คงเป็ข้าคิดมากไปเอง แต่หากบ้านเราเปิดร้านหม้อไฟที่ซีชวนได้จริงๆ และค่อยๆ ตั้งหลักที่นั่นได้ก็นับเป็เื่ดี”
อวิ๋นโส่วจงพูดเสียงแ่เบา “ใช่แล้ว หากบ้านเราตั้งหลักที่ซีชวนได้ บางทีข้าอาจจะได้กลับไปดูเมืองหลวงอีกครั้ง”
ฟางซื่อใเมื่อได้ยินดังนั้น “ท่านอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่ามนะ ท่านเคยสัญญาไว้แล้ว...”
……….
เชิงอรรถ
[1] ชาจวี๋ฮวา (菊花茶) คือ ชาเก๊กฮวย