ในตอนที่สองสามีภรรยาตระกูลหลิงกำลังเดินทางออกจากบ้านพร้อมข้าวของมากมาย ซูอินก็กำลังเดินออกมาเพื่อส่งหลิวชิ่งกั๋ว
แก้วสำหรับใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งยังคงวางอยู่บนโต๊ะกลาง มือข้างหนึ่งของเธอวางไว้ใต้คางและนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
“ก่อนหน้านี้ที่เป็เพียงห้องเดียวมันจัดการง่าย ไม่เป็เื่ใหญ่ แต่ครั้งนี้มีถึงเจ็ดห้อง จำนวนเงินก็ค่อนข้างเยอะ อายุของเธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ ใช้เงินจำนวนมากขนาดนี้ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง อันที่จริงเื่นี้ง่ายมาก แค่มีเอกสารหลักฐานที่ใช้ยืนยันความสัมพันธ์ทำนองนั้นแหละ”
ผู้ปกครอง…
ทะเบียนบ้านของเธอยังอยู่กับตระกูลหลิง หากพูดในด้านกฎหมาย ผู้ปกครองของเธอในตอนนี้ยังคงเป็สองสามีภรรยาตระกูลหลิง
หลังจากเสร็จสิ้นการสอบขึ้นมัธยมปลาย สองสามีภรรยาตระกูลซูก็รีบเดินทางมายังคฤหาสน์ตระกูลหลิงเพื่อรับเธอกลับชนบท เธอเคยเอ่ยเื่ย้ายทะเบียนบ้าน เื่นี้เพิ่งผ่านไปไม่นาน เหตุการณ์ในตอนนั้นเธอจึงจำได้อย่างชัดเจน
สอบวันแรกหลิงเมิ่งจ้างอันธพาลให้มาขัดขวางเธอที่จะไปสอบ โชคดีที่ฉินหล่างเข้ามาช่วย เพื่อให้สองสามีภรรยาตระกูลหลิงยอมจำนน ในวันนั้นเธอจึงเสนอให้พวกเขายอมย้ายทะเบียนบ้านให้ แล้วเธอจะไม่ติดใจเอาความ
คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไม่ยินยอม อู๋อู๋กล่าวว่าตระกูลของเธอมีเส้นสายกว้างขวาง หล่อนไม่เพียงไม่ตกลง ท่าทีแสดงออกยังหยิ่งผยอง และะโบอกให้เธอไปฟ้องร้อง แม้หลิงจื้อเฉิงจะเป็คนมีอัธยาศัยดี แต่ความหมายในสิ่งที่เขาเอ่ยก็้าให้เธอช่วยเหลือเื่ขึ้นทะเบียนเป็โรงแรมห้าดาวให้ได้
เธอจะมีอำนาจทำอะไรขนาดนั้นได้ ต่อให้ทำได้ กลับมาเกิดใหม่ครั้งนี้ เธอก็จะไม่ยอมให้คนจากตระกูลหลิงเหยียบเธอขึ้นไปอย่างแน่นอน
ซูอินไม่มีทางยอม และจะปฏิเสธการเจรจาไกล่เกลี่ยจากทางเ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เธอจะยืนหยัดเพื่อให้หลิงเมิ่งและอันธพาลพวกนั้นเข้าคุก
หลิงเมิ่งควรได้รับบทเรียน อีกอย่างทะเบียนบ้านของเธอก็ยังถูกตระกูลหลิงเอาไว้
กฎระเบียบของบ้านเมืองก็เห็นกันอยู่ว่า ก่อนที่เธอจะอายุครบ 18 ปี ไม่มีใครสามารถทำอะไรทะเบียนบ้านของเธอได้หากสองสามีภรรยาตระกูลหลิงไม่ยินยอม ตอนแรกเธอไม่คิดใส่ใจ เพราะถึงอย่างไรก็อีกแค่สองปี
แต่ในตอนนี้นี่เป็เื่ด่วนที่ต้องจัดการโดยไม่สามารถรอได้อีกต่อไป
เธอต้องคิดหาวิธีเอาทะเบียนบ้านของตนเองออกมาให้เร็วที่สุด
บนโซฟา ซูอินนั่งขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงมาตรการที่จะรับมือ
เมิ่งเถียนเฟินที่เดินเข้ามาเก็บแก้ว เมื่อเห็นท่าทีของซูอินจึงอดเป็ห่วงไม่ได้ “อินอิน เป็อะไรหรือลูก”
หลายวันก่อนที่ไปเอาเอกสารรับเข้าเรียน ซูอินคิดไว้แล้วว่าจะทำให้ครอบครัวของเธอได้ใช้ชีวิตสุขสบาย แม้ว่าจะตัดสินใจและไม่คิดปิดบังอีก ก่อนหน้านี้ตอนที่คุยเื่ซื้อขายห้องกับหลิวชิ่งกั๋ว เธอก็ไม่ได้เลี่ยงที่จะพูดคุยต่อหน้าเมิ่งเถียนเฟิน แน่นอนว่าอีกฝ่ายกำลังยุ่งอยู่กับการทักทายต้อนรับผู้มาเยี่ยมคงไม่ได้ใส่ใจฟังเท่าไร
“เื่ทะเบียนบ้านค่ะ ต้องหาวิธีให้พวกเขายอมย้ายทะเบียนบ้านให้หนู”
เมิ่งเถียนเฟินพยักหน้า แววตามีท่าทีลังเล “ทะเบียนบ้านของเมิ่งเมิ่งก็อยู่ที่ตระกูลหลิงหรือ”
“ใช่ ทำไมหรือคะ”
เมิ่งเถียนเฟินขมวดคิ้ว เธอมองซูอินและบุตรชายตัวน้อย “คนในเมือง…ให้กำเนิดบุตรได้คนเดียวไม่ใช่หรือ โดยเฉพาะคนที่มีหน้าที่การงานแบบพวกเขา ได้ยินว่าจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด หากกล้ามีบุตรมากกว่าหนึ่งคนก็ต้องถูกไล่ออก สูญเสียหน้าที่การงาน อย่าว่าแต่ในเมืองเลย การแจ้งสำมะโนครัวบุตรคนที่สองในชนบทก็ไม่ง่าย หลายปีก่อนชื่อของอันอันก็ตกหล่น ทำให้ต้องเสียเงินไปไม่น้อย”
มาตรการวางแผนครอบครัว
แววตาของซูอินเปล่งประกาย ทำไมเธอไม่นึกถึงจุดนี้มาก่อนนะ
“แม่ แม่สุดยอดเลยค่ะ”
เธอลุกขึ้นกอดเมิ่งเถียนเฟิน แววตาไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้
เด็กชายตัวน้อยลงจากโซฟา เดินไปกอดขาพี่สาวไม่ยอมห่าง สามแม่ลูกกอดกันอยู่ข้างโซฟาไม่ยอมปล่อย ภาพบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นจนไม่มีอะไรเทียบได้
เมื่อมีความคิดนี้ ขั้นตอนต่อจากนี้ก็ง่ายแล้ว
ซูอินถอดรองเท้าและนั่งลงบนโซฟา เธอกอดเ้าตัวน้อยแทนหมอน และค่อยๆ คิดถึงรายละเอียดต่างๆ ผ่านไปไม่นานเธอก็นึกออกถึงวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ
เวลาไม่คอยท่า เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะกดเบอร์ที่คุ้นเคยเป็อย่างดีในชาติก่อน ในตอนที่กำลังจะกดปุ่มโทรออก หน้าห้องพักผู้ป่วยก็มีเสียงเคาะประตู
ยังไม่ทันที่ซูอินจะได้ขยับกาย เด็กชายตัวน้อยก็รีบลงจากโซฟา รองเท้าแตะที่สวมอยู่ส่งเสียงดัง ก่อนที่ขาสั้นๆ จะพยายามเขย่งเพื่อเปิดประตู
ประตูห้องเปิดออก ดวงตาโตราวกับผลองุ่นมองผู้มาเยือน เมื่อเห็นใบหน้านั้น เขาก็ใจนตัวสั่นและรีบปิดประตูทันที “ปัง”
“อันอัน ใครมาหรือ”
“ผู้หญิงไม่ดีคนนั้น!”
ซูอินเดินเข้าไปหา เมื่อมองผ่านช่องหน้าต่าง เธอก็เห็นสีหน้าประหม่าของสองสามีภรรยาตระกูลหลิง สิ่งนั้นทำให้เธอมีความสุขทันที
ทำไมรู้ใจขนาดนี้เนี่ย
“อันอันไม่ต้องกลัว ที่โรงพยาบาลมีคนเยอะแยะ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก”
เมื่อปลอบเด็กชายตัวน้อยแล้ว เธอก็เปิดประตูห้อง เห็นสีหน้าประหม่าของอีกฝ่าย มองมือของหลิงจื้อเฉิงที่ถือข้าวของ เธอก็พอจะเข้าใจแผนการของอีกฝ่าย
สองสามีภรรยาตระกูลหลิงมาขอโทษเธออย่างแน่นอน
หลิงจื้อเฉิงเป็คนมีเหตุผลมากกว่าอู๋อู๋ เนื่องจากตั้งใจมาที่นี่เพื่อขอโทษ ถ้าเช่นนั้นก็ควรมีท่าทีแสดงถึงความตั้งใจจริง
เขาไม่เพียงนำของบำรุงราคาแพงมากมายมาให้ เมื่อเข้ามาในโรงพยาบาลก็ตรงไปที่ห้องจ่ายยา ชำระค่าใช้จ่ายหลายวันที่ผ่านมาให้ซูอิน อีกทั้งยังได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้าหลายพันหยวนสำหรับการติดตามดูอาการของเธอ
อย่างแรก เขาเลี้ยงดูซูอินในฐานะบุตรสาวแท้ๆ มาถึงสิบหกปี ไม่มีทางที่เขาจะไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อเธอ อย่างที่สองเป็ส่วนสำคัญที่สุด เื่ร้ายๆ นี้เกิดจากหลิงเมิ่ง ผู้ปกครองอย่างพวกเขาไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลในส่วนนี้ ในเมื่อต้องจ่ายอยู่แล้ว ก็ออกตัวจ่ายก่อนเลย เพื่อจะได้ดูเหมือนว่าพวกเขารับผิดชอบแล้ว
ทั้งสองฝ่ายนั่งลงโดยมีโต๊ะกลางสำหรับดื่มชากั้นอยู่
เมิ่งเถียนเฟินที่ปกติเมื่อมีแขกมาจะต้อนรับด้วยความเป็มิตร ในครั้งนี้แม้แต่น้ำเธอก็ไม่คิดจะรินให้ เธอทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ สองพี่น้อง มองสองสามีภรรยาที่แต่งตัวดีตรงหน้าด้วยใบหน้าหม่นหมอง
อู๋อู๋ที่ถูกปฏิบัติด้วยความเฉยเมยทนไม่ไหว “ฉันก็นึกว่าอาการหนัก ไม่เป็อะไรไม่ใช่หรือ”
หลิงจื้อเฉิงขมวดคิ้วก่อนจะรีบส่งสายตาไปทางอู๋อู๋ ในตอนที่หันกลับมามองซูอิน สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความรู้สึก้าปลอบโยน “หลายวันก่อนฉันเดินทางไปต่างเมือง วันนี้เพิ่งรู้ข่าว อินอินฟื้นขึ้นมาได้ นับเป็เื่ดีจริงๆ”
เขาเอ่ยพร้อมหยิบใบเรียกเก็บเงินออกมาจากกระเป๋าใส่เอกสาร
“ครั้งนี้เป็ความผิดของเมิ่งเมิ่งเต็มๆ ฉันรู้ว่าการมาขอโทษตอนนี้อาจจะดูช้าไป แต่สิ่งที่ต้องรับผิดชอบฉันก็จะทำ ค่ารักษาทั้งหมดฉันเพิ่งจ่ายไป หลังจากนี้ยังต้องพักอยู่ที่โรงพยาบาลอีก ฉันจึงชำระเงินล่วงหน้าให้แล้ว พวกเธอรักษาตัวที่นี่อย่างสบายใจได้เลย อย่างไรก็ต้องหายสนิทอย่างแน่นอน”
เอ่ยจบมือสองข้างของเขาก็ดันใบเสร็จไปข้างหน้า
ซูอินรับมาตามมารยาท มองจำนวนเงินหลายพันหยวนบนนั้นด้วยหัวใจราบเรียบ
เธอคิดเื่ค่ารักษาพยาบาลไว้ก่อนหน้านี้แล้ว อย่างที่หลิงจื้อเฉิงกล่าว เื่นี้เกิดขึ้นเพราะหลิงเมิ่ง แน่นอนว่าพวกเขาซึ่งเป็ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบ และค่ารักษาพยาบาลไม่ว่าอย่างไรก็เป็สิ่งที่พวกเขาหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเห็นท่าทีของซูอินที่แสดงออกอยู่แล้วว่าเื่มันต้องเป็เช่นนั้น อู๋อู๋ก็โกรธจนเบิกตากว้าง
หลิงจื้อเฉิงยิ้มแห้ง มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าใส่เอกสารอีกครั้ง เงินชดเชยที่เตรียมไว้สองหมื่นหยวนถูกเพิ่มจำนวนขึ้นเป็สองเท่าทันที
เงินปึกหนาสี่ชุดวางอยู่ตรงหน้าสามแม่ลูก สีหน้าของเมิ่งเถียนเฟินเปลี่ยนไปพร้อมเอ่ยถาม “พวกคุณ้าจะทำอะไร”
หลิงจื้อเฉิงแสดงสีหน้าจริงใจ “ในเมื่อป่วยก็ต้องรักษา นี่เป็น้ำใจเล็กน้อยจากพวกเรา”
แววตาของซูอินแสดงท่าทีเยาะเย้ย น้ำใจหรือ ใครเล่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขา้าสื่อ!
“ที่แท้สำหรับพวกคุณ ชีวิตของฉันและน้องชายมีค่าเพียงสี่หมื่นหยวนสินะคะ”
หลิงจื้อเฉิงแทบสำลัก
อู๋อู๋เอ่ยด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ “ถ้างั้นบอกมาว่าเธอ้าเท่าไร”
“เท่าไรหรือคะ ชีวิตของฉัน ชีวิตของน้องชายฉัน ทุกชีวิตบนโลกนี้ล้วนไม่มีราคา!”
ซูอินจ้องกลับไป “ฉันไม่้าเงิน ฉัน้าของแค่สิ่งเดียว”
“อะไร”
“ทะเบียนบ้านของฉัน!”