“ยามนี้ในใต้หล้า นอกจากข้าแล้ว ไม่มีใครสามารถถอนพิษได้พ่ะย่ะค่ะ” พิษตะกั่วในเืนั้น ต้องให้ได้รับตัวสารที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีกับตะกั่วเข้าไปในร่างกายจากภายนอกจึงจะสามารถถอนพิษได้ นี่คือความรู้จากยุคปัจจุบัน คนในยุคโบราณไม่มีวันเข้าใจ ยาถอนพิษเพียงเม็ดเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาทางเคมีได้
กู้จวิ้นเฉินกุมมือของตนเองทั้งคู่ ทว่ากลับยังคงไม่เอ่ยอันใด
“ข้าไม่รู้ว่าท่านถูกพิษชนิดเรื้อรังหรือว่าพิษชนิดเฉียบพลัน ถ้าหากเป็พิษเรื้อรัง เช่นนั้นฝ่ายตรงข้ามช่างมีความอดทนดีแท้ ถ้าหากเป็พิษเฉียบพลัน เช่นนั้นหากฝ่ายตรงข้ามวางยาพิษท่านเช่นนี้ เหตุไฉนจึงไม่ปล่อยให้ท่านตายไปเสียเล่า?” หลี่ลั่วย้อนถาม
การพูดจาเป็จริงเป็จังเช่นนี้ช่างไม่เหมือนเด็กน้อยอายุห้าขวบเลยจริงๆ
“พิษในร่างกายของท่านชนิดนี้ต้องใช้วัตถุดิบอีกตัวหนึ่งผ่านเข้าสู่ร่างกายของท่าน วัตถุดิบชนิดนั้นสามารถยับยั้งพิษชนิดนี้มิให้ทำร้ายร่างกายของท่านได้ และเมื่อประสานรวมตัวเข้ากับพิษชนิดนี้แล้วยังจะสามารถดึงพิษออกจากเืของท่านได้อีกด้วย จากนั้นจึงค่อยถอนออกจากร่างกายอีกครั้ง” หลี่ลั่วกล่าวอีก
ทว่ากู้จวิ้นเฉินยังคงไม่ได้เอ่ยอันใด เพียงมองเขาอย่างสงบนิ่ง
“ครั้งก่อนข้าได้ยินท่านพูดกับองค์ชายสามว่าท่านจะมีชีวิตไม่เกินยี่สิบปี เช่นนั้นผู้ที่บอกท่านว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินยี่สิบปีได้บอกกล่าวแก่ท่านหรือไม่ว่า ในระหว่างนี้นั้นไม่ได้รับรองว่าท่านจะมีชีวิตอยู่อย่างสุขภาพแข็งแรงจนกระทั่งอายุยี่สิบปี ไม่สามารถรับรองได้ว่าในระหว่างนี้ร่างกายของท่านจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ขึ้น” หลี่ลั่วถาม
สีหน้าของกู้จวิ้นเฉินยังคงสงบนิ่งั้แ่ต้นจนจบ
“ต้องฉวยโอกาสตอนที่อวัยวะสำคัญภายในร่างกายของท่านยังไม่ถูกทำร้ายจนเสียหายถอนพิษให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น...ไม่เช่นนั้นต่อให้ถอนพิษได้แล้ว สุขภาพก็จะแข็งแรงกลับมาไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดประโยคนี้ของหลี่ลั่วไม่ได้พูดขึ้นมาเพื่อข่มขู่กู้จวิ้นเฉิน
“เ้าเป็เด็กน้อยอายุห้าขวบ ไฉนจึงรู้เื่พวกนี้เล่า?” กู้จวิ้นเฉินถาม เขามิได้มีความตระหนกหรือตื่นเต้นอย่างที่หลี่ลั่วคาดเอาไว้
หลี่ลั่วประหลาดใจนัก ความอดทนของหนุ่มน้อยคนนี้ช่างยอดเยี่ยมแท้ ใช่สิ ผู้ที่เกิดมาในราชสกุล ย่อมไม่เหมือนคนธรรมดาสามัญ
“ข้าเรียนปูพื้นฐานมาั้แ่สามขวบ ฉลาดเฉลียวั้แ่เล็ก” หลี่ลั่วกล่าวชมตนเองอย่างภาคภูมิใจ “ท่านพี่ฉีอ๋องโปรดวางใจ ระหว่างข้ากับท่านพี่ฉีอ๋องต่างไม่ได้มีผลประโยชน์อันใดต่อกัน ข้าเพียงแต่...เพียงแต่ทำใจไม่ได้ที่จะเห็นท่านที่หน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้ต้องมาตายั้แ่อายุยังน้อย และแน่นอนว่าข้ายังต้องคิดเงินค่ารักษาด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ”
การอบรมฝึกฝนจิตใจตนเองของกู้จวิ้นเฉินนั้นดีถึงขั้นที่ว่ามีผู้มากล่าวว่าเขาจะต้องมาตายั้แ่อายุยังน้อยเขาก็ยังคงมีท่าทางเ็าอยู่นั่นเอง มีเพียงแค่มุมปากเท่านั้นที่ยกยิ้มบางขึ้นมาอย่างหาได้ยากยิ่ง “เ้า้าสิ่งใดเป็ค่าตอบแทนกันเล่า?”
“เงินพ่ะย่ะค่ะ” ในยุคสมัยโบราณนี้ไม่มีสิ่งใดทำให้เขาหวั่นไหวได้เท่ากับเงินอีกแล้ว เขาไม่้าอำนาจ เมื่อมีอำนาจแล้วมักจะมีโชคร้ายมากล้ำกรายได้ง่ายๆ ฐานะเขามีแล้ว มีตำแหน่งโหวเหฺยกับกอดขาฝ่าาให้แน่นก็พอ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้าแตะต้องเขา
เขาไม่เคยพบเคยเด็กน้อยอายุห้าขวบที่ชื่นชอบเงินถึงปานนี้มาก่อนเลย “เ้า้าเงินจำนวนเท่าใด?”
หลี่ลั่วอยากถามคำถามหนึ่งกลับไปมากว่า ‘ชีวิตของท่านมีค่าเงินเท่าใดเล่า?’ แต่เขาไม่อยากทำให้หนุ่มน้อยคนนี้โมโห ดังนั้นเขาจึงยื่นนิ้วออกมาสองนิ้วโบกไปมาข้างหน้ากู้จวิ้นเฉิน
สีหน้าของกู้จวิ้นเฉินเยือกเย็นยิ่งนัก นิ้วสองนิ้วนี้คือตัวแทนชีวิตของเขา ที่จริงแล้วเด็กคนนี้ก็ไม่ได้ฉลาดเฉลียวสักเท่าไร ชีวิตของเขาวัดได้ด้วยนิ้วเพียงนิ้วสองนิ้วเท่านั้นเองหรือ? เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ในใจของกู้จวิ้นเฉินก็พลันร้อนดั่งไฟสุม ความสามารถในการยั่วโมโหของเด็กน้อยคนนี้ช่างล้ำเลิศเสียจริง
“ข้าจะให้ราคามิตรภาพแก่ท่านพี่ฉีอ๋อง สองหมื่นตำลึงพ่ะย่ะค่ะ” หลี่ลั่วเห็นสีหน้าท่าทางของกู้จวิ้นเฉินไม่น่าดูขึ้นทุกที เกรงว่าสิงโตจะอ้าปากพูดเอง ความโมโหของกู้จวิ้นเฉินทำให้เขาเอ่ยปากบอกอย่างตรงไปตรงมา ต้องรู้ว่าต่อให้กอดขาฝ่าาแล้ว ก็ยังคงกระทำการล่วงเกินฉีอ๋องท่านนี้ไม่ได้อยู่ดี
สีหน้าของกู้จวิ้นเฉินสงบเยือกเย็นยิ่งนัก ในใจนั้นแทบจะยับยั้งใจไม่ได้ที่จะตีก้นเ้าเด็กน้อยคนนี้ ชีวิตของเขา...สองหมื่นตำลึง นี่เขาได้กำไรแล้วหรือไร?
“ท่านพี่ฉีอ๋อง ในสิบกว่าวันที่ผ่านมานี้ข้าอยู่ที่หมู่บ้านของข้า คือหมู่บ้านที่ข้าใช้เงินสามพันห้าร้อยตำลึงซื้อไป หมู่บ้านที่ข้าได้ทูลกับฝ่าาในห้องทรงพระอักษร นำไปใช้วินิจฉัยพิษของท่านโดยเฉพาะ ข้าใช้เวลาวินิจฉัยอยู่เป็เวลาแปดวัน เงินสองหมื่นตำลึงนี้ท่านคงไม่ปฏิเสธที่จะให้ข้าหรอกกระมัง”
ที่แท้ในหลายวันมานี้เขาไม่อยู่ในจวนโหวนั่นเอง ถ้าเช่นนั้นเื่ราวที่เกิดขึ้นในจวนโหวเขาก็ยังไม่รู้เื่น่ะสิ? ว่าแต่ว่า “เ้าใช้เวลาแปดวันก็สามารถวิเคราะห์ออกมาได้แล้วรึ เหตุใดวันนี้เพิ่งมาเล่า?” ถ้าหากว่าเขาตายก่อนจะทำเช่นใดเล่า?
“ข้า้าจัดการธุระในหมู่บ้านให้เรียบร้อยเสียก่อนพ่ะย่ะค่ะ” หลี่ลั่วบอกกล่าวเหตุผล “และข้ายังได้ทำการเื่หนึ่งไว้ รอให้สำเร็จเสียก่อนข้าค่อยบอกกับท่านนะพ่ะย่ะค่ะ”
สำคัญกว่าชีวิตของข้าอีกเช่นนั้นหรือ? กู้จวิ้นเฉินอยากถามคำถามนี้เสียเหลือเกิน
“ท่านพี่ฉีอ๋อง ท่านพูดเื่เหล่านี้กับข้า คือท่านเชื่อข้าแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลี่ลั่วยิ้มจนตาหยีแล้วถามขึ้น “แต่ถึงแม้ว่าข้าจะสามารถถอนพิษของท่านได้ แต่ไม่ใช่ในเวลาวันสองวันหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ ต้องใช้ระยะเวลายาวนานราวๆ สองถึงสามปีพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าขอคิดดูก่อน”
“ได้” หลี่ลั่วขยับขาของเขา “ท่านพี่ฉีอ๋อง ท่านอุ้มข้าลงไปเถิด ข้าะโลงไปไม่ได้ ข้าต้องกลับไปกินข้าวเที่ยงที่เรือนแล้ว รอให้ท่านคิดได้แล้วค่อยมาหาข้านะพ่ะย่ะค่ะ”
ใจจริงกู้จวิ้นเฉินอยากจะจับเขาโยนออกไปทางหน้าต่าง แต่เขาก็ยังคงอุ้มหลี่ลั่วลงมาจากโต๊ะหนังสืออยู่ดี “ไม่ส่ง”
“ลาก่อนพ่ะย่ะค่ะท่านพี่ฉีอ๋อง” หลี่ลั่วหันไปโบกมือให้กู้จวิ้นเฉิน
“...”