ขณะที่หยวนจุนกำลังสงบสติอารมณ์ กระบี่โหยวหลงถูกประมูลราคาสูงถึงสามล้านห้าแสนแล้ว
การกล้าเดิมพันราคาสูงเช่นนี้กับวัตถุที่ไม่รู้จักนั้น ทำให้หลายคนถึงกับประหลาดใจ
คนพวกนั้นไม่ใช่คนโง่เขลา พวกเขาย่อมรู้ว่าการเสนอราคาสูงนั้นจะได้มาซึ่งสิ่งใด ในเมื่อพวกเขากล้าที่จะเพิ่มเหรียญทอง แสดงว่ากระบี่เล่มนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น
แม้ไม่อยู่ในกลุ่มอาวุธระดับิญญา แต่เมื่อพิจารณาั้แ่น้ำหนักไปจนถึงตัวกระบี่สีขาวหยกแล้ว ทำให้กระบี่เล่มนี้มีค่าพอจะอยู่ในกลุ่มอาวุธระดับิญญา
อาวุธระดับิญญามีค่ามากกว่าวิชายุทธทั่วไปมาก มันถูกกลั่นขึ้นจากนักสร้าง อาชีพที่พบได้น้อยที่สุดในมหาภพหลิงเทียน ซึ่งมีไม่ถึงสามในสิบส่วนของนักเล่นแร่แปรธาตุด้วยซ้ำ
“สี่ล้าน!”
ขณะอยู่ในความเงียบ เสียงไพเราะก็ดังขึ้นมาจากที่นั่งชั้นสอง เสียงนั่นทำให้ผู้คนประหลาดใจจนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองคนผู้นั้น
ร่างของสตรีนางนี้สูงและสง่างาม แม้ผมยาวสลวยจะถูกม้วนขึ้นแล้วปักด้วยปิ่น แต่ก็มีปอยผมที่หล่นลงมายังแผ่นหลังอันบอบบาง ใบหน้างามขาวราวหิมะถูกซ่อนด้วยผ้าโปร่งสีดำ เผยให้เห็นดวงตาคู่ใสรางๆ ราวกับแม่น้ำในฤดูใบไม้ร่วง
ยิ่งสวมชุดกระโปรงยาวสีดำปกตั้งเข้ารูป ยิ่งช่วยขับบุคลิกของนางให้เด่นขึ้น
ั้แ่ราคาประมูลของกระบี่โหยวหลงพุ่งสูงขึ้น หยวนจุนก็ทำใจไว้นานแล้ว เขาเหลือบไปมองหญิงงามผู้นั้น ก่อนจะกลับมาดูกระบี่โหยวหลงอีกครั้ง
“เสนอราคาสูงถึงเพียงนี้ได้ในเมืองเทียนอวิ่น อย่างน้อยต้องเป็ผู้ที่มีฐานะ แต่ข้ากลับไม่เคยเห็นหน้านางเลย...” เจียงเฮ่อกัดเล็บนิ้วหัวแม่มือแล้วพึมพำ
หญิงผู้นี้เสนอราคาสูงเช่นนั้น แน่นอนว่าย่อมดึงดูดความสนใจของหลิวหรูเยียน เมื่อได้ยินเจียงเฮ่อพึมพำกับตนเอง นางจึงเหลือบมองอย่างเงียบๆ
“แค่หนึ่งปีก็ทำให้เกิดเื่มากมาย ข้าเคยเห็นสตรีผู้นี้ในโรงประมูลหลายครั้ง ไม่คิดว่านางจะทำการใหญ่เช่นนี้”
หลิวหรูเยียนขยับริมฝีปากอมชมพู เสนอราคาออกไป “ตระกูลหลิว สี่ล้านห้าแสน!”
เมื่อเสนอราคา ทั้งโรงประมูลเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง สตรีสวมชุดกระโปรงยาวปกตั้งหันมองหลิวหรูเยียน จากนั้นจึงค่อยๆ เบนสายตากลับมา เปลือกตายังไม่ทันกะพริบก็เสนอราคาต่อ
“ห้าล้าน!”
เมื่อได้ยินราคา เจียงเฮ่อถึงกับอ้าปากค้าง เขารู้ว่าตอนนี้เป็โอกาสทองที่หาได้ยาก จึงหันไปพูดเอาใจหลิวหรูเยียนว่า “หรูเยียน เ้าสนใจกระบี่พังๆ นั่นหรือ?”
สตรีที่ฉลาดเช่นหลิวหรูเยียน ย่อมรู้ว่าเจียงเฮ่อคิดอะไรอยู่ในใจ นางจึงพยักหน้าตอบ “ข้าสนใจมันมาก”
“ต้องขออภัยแม่นางท่านนี้ด้วย ข้าเจียงเฮ่อขอเสนอราคาประมูลกระบี่นี้ที่ห้าล้านห้าแสน!”
“ห้าล้านห้าแสน ตระกูลเจียงทำการใหญ่จริงๆ! เพื่อกระบี่ที่ไม่ใช่อาวุธระดับิญญาเล่มหนึ่ง ถึงกับประมูลด้วยราคาห้าล้านห้าแสน!”
“ข้าว่าเ้าลูกไม่เอาไหนของตระกูลผู้นี้เสียสติไปแล้ว ราคาสูงถึงเพียงนี้ อย่างน้อยเป็รายได้ครึ่งปีของตระกูลเจียงเชียว แม้อยากจะเอาใจหลิวหรูเยียน ก็ไม่เห็นต้องผลาญเหรียญทองมากมายเช่นนี้!”
แม้วัตถุของตัวกระบี่โหยวหลงจะพิเศษ แต่ผู้คนทั่วไปกลับไม่มองเช่นนั้น แม้แต่ตระกูลระดับกลางบางตระกูลยังยอมแพ้ั้แ่เสนอราคาประมูลที่สี่ล้าน
คิดว่านี่คือหลักการเดียวกับการเดิมพัน ทุ่มหมดเนื้อหมดตัว ถ้าสิ่งที่ได้ไม่คุ้มกับราคา ต้องเสียหายอย่างใหญ่หลวงแน่นอน
เจียงเฮ่อยิ้มกริ่มแล้วคำนับให้หญิงชุดดำผู้นั้น เพื่อแสดงคำขอบคุณที่ยอมให้เขาชนะการประมูล
สตรีผู้นั้นมองกลับมานิ่งๆ นางเหลือบเห็นหยวนจุนอย่างไม่ตั้งใจ ขนตาเรียวยาวขยับเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “หกล้าน!”
เสียงที่สงบเยือกเย็นนี้ ทำให้บรรยากาศของโรงประมูลเงียบลงในทันที เจียงเฮ่อที่รู้สึกเสียหน้าจึงขอตัวออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม
เขากวาดสายตาไปรอบๆ รู้ดีว่าตนเองมีเหรียญทองไม่ถึงหกล้าน จึงทำได้เพียงยิ้มแก้เก้อให้หลิวหรูเยียน
“เมื่อเป็เช่นนี้ก็ช่างเถอะ แม่นางผู้นั้น้ากระบี่ที่ไม่ถึงอาวุธระดับิญญาให้ได้ แล้วเราก็ไม่สามารถเสนอราคาสูงได้ตลอด จริงไหม?”
หลิวหรูเยียนยิ้มเล็กน้อย แม้เจียงเฮ่อจะประมูลกระบี่เล่มนั้นมาไม่ได้ แต่นางก็ไม่รู้สึกผิดหวังมากนัก
นางเคยเห็นหญิงที่ปิดหน้าด้วยผ้าโปร่งสีดำนี้ในโรงประมูลหลายครั้ง แต่ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนาง ไม่รู้ภูมิหลังครอบครัว ไม่รู้ฐานะการเงิน วันนี้ได้เห็น ถือว่าเหนือความคาดหมายจริงๆ
จุดประสงค์ของหลิวหรูเยียนที่มาโรงประมูลในวันนี้ เป็เพราะกระบี่ที่เลื่องลือ ทว่าเมื่อนางได้เห็นกระบี่หนักเล่มนั้นแล้ว นางกลับเปลี่ยนใจไม่อยากประมูล ทั้งนี้ เหตุผลที่เพิ่มราคาประมูล เพียงเพื่อ้าทดสอบสตรีชุดกระโปรงสีดำปกตั้งเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครในโรงประมูลเสนอราคาแล้ว ชายชราจึงทุบค้อนครั้งสุดท้าย กระบี่โหยวหลงตกเป็ของหญิงชุดดำ
เมื่อหยวนจุนสงบลงจึงมองไปยังสตรีบนชั้นสองที่กำลังเดินไปส่วนแลกเปลี่ยนของโรงประมูล ท่าทางค่อนข้างจริงจัง แต่ขณะเดียวกันเขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับสตรีผู้นี้อย่างบอกไม่ถูก
เนื่องจากคนแปลกหน้าได้กระบี่โหยวหลงไป ทำให้หยวนจุนจิตใจสับสนเล็กน้อย คนธรรมดาในเมืองเทียนอวิ่นจะรู้ความลับของกระบี่โหยวหลงได้อย่างไร!
แม้ตอนนี้จะไม่ใช่อาวุธระดับิญญาแล้ว แต่ตัวกระบี่ที่เป็สีขาวหยกนั้น คือเขี้ยวัที่ถูกเกลา
มันแข็งแกร่งกว่าวัตถุแร่ผลึกทั้งหมด และหนักกว่าอาวุธยุทธ์คู่ทั้งหมด!
น้ำหนักสามพันชั่ง เป็เพียงเศษเสี้ยวของกระบี่โหยวหลง เพราะในสมัยที่รุ่งเรือง ตอนนั้นกระบี่โหยวหลงเป็ถึงอาวุธระดับาาขั้นแปด และมีน้ำหนักถึงสามล้านชั่ง!
“เ้าสนใจแม่นางคนนั้นหรือ?”
เมื่อเห็นหยวนจุนกระวนกระวายใจ หลิวหรูเยียนจึงทัดปอยผมข้างหูแล้วถามเสียงเรียบ
“ในเมื่อไม่มีเื่ใดแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
หยวนจุนไม่สนใจ เขาลุกขึ้นและหันหน้าไปทางประตูโรงประมูล คำพูดของหลิวหรูเยียนจึงกลายเป็เสียงที่ดังอยู่ด้านหลัง
“ยังมีอีกสองเื่ที่เรายังทำไม่สำเร็จ ข้าจะให้เวลาเ้าอีกหนึ่งคืน พรุ่งนี้ ข้าต้องเห็นเ้ารออยู่ที่ศาลาสวนดอกไม้ของตระกูลหลิว”
“หากไม่มาอย่าหาว่าข้าไร้ไมตรีแล้วกัน” หลิวหรูเยียนกล่าวประโยคสุดท้ายอย่างหนักแน่นเพื่อเตือนหยวนจุน
หยวนจุนหันกลับมามองพวกเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบออกไป
เขาไม่คิดเลยว่าหลิวหรูเยียนจะตามรบเร้าถึงเพียงนี้ ซึ่งการที่นางทำเช่นนี้ มิใช่เพราะนางสนใจในตัวเขา แต่เป็เพราะนางเห็นความพิเศษในตัวเขามากกว่า
“ข้าต้องรีบบ่มเพาะพลังยุทธ์แล้ว จะเสียเวลาอยู่ในเมืองเทียนอวิ่นนานไม่ได้ เหตุผลที่เรียกว่าคน ก็เพราะทุกคนมีความลับ รู้หน้าไม่รู้ใจ ไม่รู้ว่าใครกำลังคิดสิ่งใดอยู่”
“ข้าไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหลิวหรูเยียนคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ ดังนั้นข้าต้องหาจุดอ่อนของนางให้เร็วที่สุด จุดอ่อนนี้ ไม่ว่าจะเป็ข้าหรือว่าเสี่ยวเมิ่ง ถือได้ว่ามีประโยชน์”
หยวนจุนพิงประตูโรงน้ำชาที่อยู่ตรงข้ามโรงประมูล พลางกวาดสายตามองฝูงชนที่เข้าและออกจากโรงประมูล แต่ก็ไม่เห็นสตรีชุดกระโปรงยาวสีดำคอปกเลย
“หรือหญิงผู้นั้นจะเป็คนของโรงประมูล?”
เขาพึมพำเบาๆ และค่อนข้างมั่นใจ ทันใดนั้นร่างสูงโปร่งของเสี่ยวเมิ่งก็ออกมาพร้อมกับกลุ่มคนที่ออกมาจากโรงประมูล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้