“เื่เกี่ยวกับฮูหยินขอรับ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่เหมาะสมที่จะพูดคุย ขอเชิญคุณชายกลับจวนโหวก่อนจะได้หรือไม่ พูดคุยระหว่างทาง” หลี่จงิกล่าว
น้ำเสียงของหลี่จงิเข้มงวดนัก ทำให้หลี่ลั่วรู้ว่าเื่นี้ไม่ธรรมดาสามัญ หากมารดาผู้ให้กำเนิดเขาเป็คนธรรมดาสามัญ หลี่จงิย่อมไม่พูดว่าที่นี่ไม่เหมาะแก่การพูดคุย
“อืม” หลี่ลั่วพยักหน้า แล้วเขายังหายตัวไปหลายวัน เื่การลักพาตัวและเื่พระราชทานสมรสถาโถมกันเข้ามาเื่แล้วเื่เล่า คาดว่าคนในจวนโหวต่างพากันตึงเครียดกันหมดแล้ว
หลังจากรับปากหลี่จงิแล้ว เขาจึงไปอำลากู้จวิ้นเฉิน ทว่ากู้จวิ้นเฉินเข้าวังไปแล้ว ดังนั้นหลี่ลั่วจึงตรงกลับจวนทันที พ่อบ้านของจวนอ๋องจัดรถม้าให้กับเขาเต็มพิธีการอย่างงดงามหรูหรา
“เสี่ยวโหวเหฺย”
“เสี่ยวโหวเหฺยกลับมาแล้ว”
“คารวะเสี่ยวโหวเหฺย”
เมื่อเข้ามาในจวนโหวข้ารับใช้ต่างน้อมคารวะเขาตลอดทาง หลี่ลั่วในวันนี้คือว่าที่พระชายาเอกในฉีอ๋อง ฝ่าาทรงพระราชทานสมรส ผู้ใดกล้าบอกว่าไม่เหมาะสมเล่า ไม่มีผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวใดๆ เขาเป็นายท่านของจวนโหวอยู่แล้ว
เข้ามาถึงเรือนโฉวงจี๋ มีผิงอันนำสาวใช้และซินเป่านำบ่าวรับใช้ ทั้งหมดล้วนคุกเข่าลงกับพื้นคารวะต้อนรับหลี่ลั่ว
หลี่ลั่วโบกไม้โบกมือ “ซินเป่าไปเรือนหยวนเซ่อ บอกกล่าวกับมารดาว่าข้าขอพักผ่อนสักครู่แล้วจะไปคารวะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ฉางเฉิง เ้าเฝ้าหน้าประตูเอาไว้ ห้ามผู้ใดเข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลี่ลั่วชะงักไปครู่หนึ่ง “ฉางสือเล่า?”
“กลับบ้านไปแล้วขอรับ” หลี่ฉางเฉิงตอบ
หลี่ลั่วพยักหน้า เมื่อเข้าไปในห้อง สร้อยประคำพระยูไลสายนั้นเขาไม่ได้นำไปเก็บไว้ในคลังให้ผิงอันเป็ผู้ดูแล แต่วางไว้ข้างเตียงตลอดเวลา นี่เป็สิ่งที่มารดาผู้ให้กำเนิดทิ้งไว้ให้เขา แม้จะเป็สิ่งที่ทิ้งไว้ให้กับเ้าของร่างนี้ก็ตาม หลี่ลั่วหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากข้างหมอน เปิดหีบออก ในมือลูบไล้สร้อยประคำพระยูไลที่ทำจากไม้หอมสีแดงเก้าสิบเก้าเม็ด รู้สึกถึงความงดงามที่เรียบง่าย
หลี่ลั่วและหลี่จงิมาถึงห้องหนังสือ เขามองหลี่จงิ
หลี่จงิเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง เื่เช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากออกไปเช่นใดดี เพราะเป็เื่ที่ทำให้โลกตกตะลึงและน่ากลัวเกินไป
“เป็อันใดไปเล่า?” หลี่ลั่วเลิกคิ้ว
หลี่จงิส่ายหน้า “ข้าน้อยรู้ว่าคุณชายเฉลียวฉลาดอย่างที่คนธรรมดายากจะเปรียบเทียบได้ แม้แต่ตัวข้าน้อยเองก็สู้ไม่ได้ แต่ทว่าจะอย่างไรคุณชายก็ยังคงเป็เด็กน้อยคนหนึ่ง บ่าวไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากเช่นใดดีขอรับ”
“พูดอย่างกล้าหาญและวางใจเถิด ต่อให้ท่านบอกข้าในยามนี้ว่าบิดาข้ายังไม่ตาย ข้าก็เชื่อ” หลี่ลั่วกล่าว
หลี่จงิหัวเราะเบาๆ ครั้งหนึ่ง “ไม่ใช่เช่นนั้นขอรับ...คุณชายรู้เื่เกี่ยวกับ ชนเผ่าลั่วซื่อ หรือไม่ขอรับ?”
“ชนเผ่าลั่วซื่อหรือ?” หลี่ลั่วประหลาดใจอยู่บ้าง “ลั่วของหลี่ลั่วน่ะหรือ?”
หลี่จงิพยักหน้า “มีเื่บางเื่ช่างบังเอิญยิ่งนัก ชื่อเดิมของคุณชายคือหลี่ลั่ว ลั่วตัวเดียวกันกับ ลั่วเหอ แม่น้ำลั่ว (洛河) เป็ชื่อที่ฮูหยินตั้งเองขอรับ แต่ทว่าหลังจากถูกรับไปเลี้ยงดูโดยครอบครัวของหลี่ซื่อหลางได้เปลี่ยนชื่อเป็ หลี่ลั่ว (李落) คาดไม่ถึงว่าเมื่อกลับมาถึงเมืองหลวง ฝ่าาทรงพระปรีชาสามารถ ได้เปลี่ยนชื่อของคุณชายกลับมาอีกครั้งหนึ่ง”
หลี่ลั่วตกตะลึงในใจ ในโลกนี้มีเื่บังเอิญเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ “หรือว่ามารดาผู้ให้กำเนิดข้านั้นมาจากสกุลลั่ว ชนเผ่าลั่วซื่อหรือ?”
“ใช่แล้วขอรับ เป็สกุลโบราณสกุลหนึ่ง ชนเผ่าลั่วซื่อเป็ชนเผ่าที่มาจากแม่น้ำกู่ลั่วเหอ ในตำนานเล่าขานว่าชนเผ่าแห่งกู่ลั่วเหอซึ่งตั้งรากฐานอาศัยอยู่ที่แม่น้ำกู่ลั่วเหอนั้นเป็ลูกหลานของโฮ่วอี้และลั่วเสิน” หลี่จงิกล่าว “และเป็ชนเผ่าของเทพในตำนานขอรับ”
“น่าสนใจ” หลี่ลั่วรู้สึกสนใจยิ่ง “จากนั้นเล่า?”
“ประชาชนของชนเผ่าลั่วซื่อนั้นสามารถให้กำเนิดบุตรได้ทั้งชายและหญิงขอรับ” หลี่จงิไม่กล้าเงยหน้าขึ้น “มารดาผู้ให้กำเนิดของคุณชาย เป็ผู้ชายขอรับ”
ตุบ...สร้อยประคำพระยูไลในมือของหลี่ลั่วตกลงมาบนโต๊ะ
“คุณชายขอรับ?” หลี่จงิรีบเงยหน้าขึ้น กลับพบว่าดวงตาของหลี่ลั่วนั้นไม่ได้มีความรังเกียจหรือเหยียดหยามใดๆ เขาวางใจแล้ว เขาเกรงว่าคุณชายจะดูถูกมารดาผู้ให้กำเนิดของตนเอง (บิดาผู้ให้กำเนิด)
“ดังนั้น ท่าน้าจะบอกข้าว่า ข้าเองก็สามารถให้กำเนิดบุตรได้เช่นกันใช่หรือไม่” ให้ตายสิบิดาข้า จริงๆ แล้วหลี่ลั่วตื่นเต้นอย่างยิ่ง นี่กลายเป็ว่าต่อไปหลังจากที่ พ่าบ พ่าบ พ่าบ แล้ว ยังต้องดื่มน้ำแกงห้ามครรภ์หรือนี่
“ข้าจะเล่านิทานให้คุณชายฟังเื่หนึ่ง” หลี่จงิเลือกที่นั่งและนั่งลง “ครั้งนั้นชายแดนซีเป่ยอยู่ในการดูแลของเหล่าโหวเหฺย สงบสุขยิ่งนัก ชาวบ้านที่ซีเป่ยนั้นอยู่กันสันติ ทว่าอาหารการกินของซีเป่ยนั้นไม่ดียิ่ง ดังนั้นพวกเราจึงออกไปล่าสัตว์กันอยู่เสมอ วันหนึ่งข้าและเหล่าโหวเหฺยไปล่าสัตว์จนมืดค่ำ จึงหาบ้านของชาวบ้านที่อยู่กลางป่าเพื่อพักค้างแรม ครอบครัวชาวบ้านหลังนั้นมีคุณชายในวัยหนุ่มน้อยอาศัยอยู่เพียงคนเดียว คุณชายผู้นั้นมีรูปโฉมงดงามดุจภาพวาด หล่อเหลาจริงๆ ขอรับ” ที่ยากจะลืมก็คือรังสีที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเขา ราวกับเป็เทพเซียนบนูเาอย่างไรอย่างนั้น
“คนผู้นั้นคือบิดาผู้ให้กำเนิดข้าหรือ?” หลี่ลั่วถาม ให้ตายสิ
“ขอรับ เขาบอกว่าเขาแซ่ลั่ว ลั่วแห่งกู่ลั่วเหอ ดังนั้นข้าและโหวเหฺยจึงเรียกขานเขาว่า คุณชายลั่ว ต่อมาโหวเหฺยและคุณชายลั่วก็ได้เกิดความรักซึ่งกันและกันขึ้น จนกระทั่งเมื่อหกปีที่แล้ว คุณชายลั่วจากไปอย่างกะทันหัน เหล่าโหวเหฺยเองต้องกลับเมืองหลวงอย่างเร่งด่วนด้วยเหตุที่เหล่าองค์ชายก่อฏ จึงทำให้เขาพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการตามหาตัวคุณชายลั่ว รอจนเหล่าโหวเหฺยกำราบจนเมืองหลวงสงบสุขอีกครั้ง หลังจากที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์โหวแล้วจึงกลับไปที่ซีเป่ย แต่ก็ไม่มีข่าวคราวของคุณชายลั่วอีกแล้ว” หลี่จงิเอ่ยถึงเื่เมื่อครั้งนั้นด้วยสีหน้าย่ำแย่ยิ่ง เพราะ่เวลานั้นหลี่ซวี่เป็ทุกข์ทรมานยิ่งนัก
“ต่อมาเล่า?”
“ต่อมาก็คือหลังจากนั้นเป็เวลาสิบเดือน ในกลางดึกคืนหนึ่ง คุณชายก็ถูกส่งมาถึงในห้องของเหล่าโหวเหฺย ในนั้นได้เขียนวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากของท่าน รวมถึงชาติกำเนิดของท่าน”
“ต่อมาท่านพ่อไม่ได้ไปตามหาเขาหรอกหรือไร?” หลี่ลั่วถาม
“ตามหาแล้วขอรับ แต่บนโลกใบนี้ไม่มีแม่น้ำกู่ลั่วเหอ ตำแหน่งที่ตั้งของแม่น่ำกู่ลั่วเหอตามบันทึกเดิมนั้นน่าจะอยู่ระหว่างซีเป่ยและฝูชิว แต่ทว่าระหว่างซีเป่ยและฝูชิวมีเพียงแต่แนวเทือกเขา ไม่มีแม่น้ำสายน้ำอยู่จริง” หลี่จงิตอบ
กู่ลั่วเหอ พระยูไล ชนเผ่าลั่วซื่อ
หลี่ลั่วหลับตาลง ในสมองของเขาสับสนวุ่นวายนัก ไม่รู้ด้วยเหตุใดในใจของเขาจึงกดดันยิ่ง รู้สึกราวกับว่าสิ่งที่ตนต้องรับรู้นั้นมีมากเกินไป และรับรู้ได้ว่าหลังจากที่จ้าวหนิงฮ่องเต้ทรงพระราชทานสมรสให้กับเขาแล้ว การดำเนินชีวิตเดิมของเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ราวกับพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน
“พูดต่อเถิด”
“สี่ปีก่อนเมื่อครั้งที่ถูกจู่โจมนั้น สุขภาพของเหล่าโหวเหฺยเริ่มจะไม่ค่อยดีแล้วขอรับ” หลี่จงิกล่าวสืบไป “เหล่าโหวเหฺยนั้นั้แ่เล็กก็ถูกเลี้ยงมาไม่ดี อาหารการกินและโภชนาการไม่เพียงพอ ต่อมาเขาแอบหนีไปเข้าร่วมกับกองทัพ เขาในยามนั้นร่างกายเล็บซูบเป็อย่างยิ่ง คนก็ดำราวกับดินโคลน เขามาเติบโตในกองทัพ แม่ทัพผู้เฒ่าอวี๋ใจกว้างต่อพวกเราเป็อย่างมาก ข้าวและกับข้าวที่ให้พวกเรานั้นมีเนื้อเพิ่มมาให้หลายชิ้น บางครั้งเนื้อไม่พอกิน ทุกคนพักผ่อนแล้วจึงออกไปล่าสัตว์ สัตว์ป่าบนูเานั้นมีมาก ต่อมาได้รู้จักฉีอ๋องในเวลานั้น ซึ่งเป็ฮ่องเต้ในปัจจุบัน ชีวิตของพวกเราจึงเริ่มมั่นคงขึ้น”
ดังนั้นสำหรับหลี่ซวี่แล้วจ้าวหนิงฮ่องเต้จึงเป็ผู้มีพระคุณ บุญคุณนี้ต่อให้หลี่ซวี่ต้องยกชีวิตให้เขาก็ไม่เสียใจ
และด้วยเหตุนี้ ก่อนที่หลี่ซวี่จะตาย เขาจึงได้ฝากฝังบุตรชายสุดที่รักกับจ้าวหนิงฮ่องเต้
“ร่างกายที่เจริญเติบโตมาไม่ดีพอ มาเป็ทหารมีอันตรายมากมาย เมื่อศัตรูเข้าจู่โจมจึงได้ใช้กำลังทั้งชีวิตเข้าไปต่อสู้ ชีวิตของพวกเราได้ใช้ไปเกินกำลังแล้ว ทุกคนต่างเข้าใจว่าเหล่าโหวเหฺยกล้าหาญไร้ซึ่งศัตรู กระดูกแกร่งกล้าราวกับเหล็ก แต่เกียรติยศชื่อเสียงที่ได้มานั้นต้องแลกด้วยชีวิต” ดวงตาทั้งคู่ของหลี่จงิแดงก่ำ “สุขภาพของเขา ค่อยๆ ย่ำแย่ลงนานแล้วขอรับ”
ไม่รู้ด้วยเหตุใดน้ำตาของหลี่ลั่วจึงไหลออกมาจากเบ้าตา ทั้งๆ ที่เป็บิดาผู้เอาเปรียบเขา แต่ตลอดมานั้น สำหรับหลี่ซวี่แล้วเขาให้ความเคารพนับถือเขาจากจิติญญาของตน
“การเป็อยู่ที่ซีเป่ยแย่มากใช่หรือไม่?” หลี่ลั่วถาม
“แย่มาโดยตลอดขอรับ” หลี่จงิพูดถึงตรงนี้ก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ซีเป่ยเป็พื้นที่ของแม่ทัพผู้เฒ่าอวี๋ และบุตรีของแม่ทัพผู้เฒ่าอวี๋คือพระชายาเอกขององค์รัชทายาท ฮองเฮาในยามนั้นได้ตเมื่อให้กำเนิดฝ่าา องค์ชายรัชทายาทจึงต้องคอยปกป้องคุ้มครองฝ่าาที่ยังเป็เด็กเล็ก ทั้งยังต้องทำศึกแบบลับๆ กับองค์ชายทั้งหลาย สำหรับองค์ชายรัชทายาทแล้วนั้น สกุลอวี๋เป็กำลังที่สำคัญที่สุด ขาดไปไม่ได้ ดังนั้นในเวลานั้นแขนขาของเหล่าองค์ชายทั้งหลายจึงไปลงมือกับเสบียงของกองทัพซีเป่ย คิดบัญชีกับสกุลอวี๋อย่างลับๆ”
“สกุลอวี๋ ครอบครัวฝ่ายมารดาของกู้จวิ้นเฉิน ข้าจำได้ ท่านเคยพูดแล้ว” หลี่ลั่วกล่าว
“ถูกต้องแล้วขอรับ” พูดถึงตรงนี้หลี่จงิก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ “คุณชายยังเล็กนัก จึงไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทในครั้งนั้นมีนิสัยเป็เช่นใด คนผู้นั้นเป็เสมือนบุคคลที่เป็เทพเซียน และฉีอ๋องในวันนี้คล้ายคลึงองค์รัชทายาทถึงสิบส่วน มีคนเคยกล่าวไว้ว่า การวางแผนขององค์รัชทายาท ในใต้หล้าไม่มีคนที่สอง ช่างเป็บุคคลที่เยี่ยมยอด”
“ร้ายกาจเช่นนี้ ไม่ทำให้ฮ่องเต้องค์ก่อนเกิดความระแวงหรือไร?” หลี่ลั่วถาม
คำพูดประโยคเดียวทำให้หลี่จงิใจนได้สติคืนมา “คุณชายพูดถูกต้องแล้วขอรับ ฮ่องเต้องค์ก่อนรักและเอ็นดูองค์รัชทายาทอย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็กลับป้องกันอย่างยิ่งเช่นกัน สกุลอวี๋มีความดีความชอบมากมาย แม้จะเป็กำลังสำคัญขององค์รัชทายาท แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนก็ยังคงมีความคิดที่จะกำจัดสกุลอวี๋อย่างลับๆ เช่นกัน ที่องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ในวัยฉกรรจ์ ไม่เพียงเพราะได้รับาเ็สาหัสจากการฏของเหล่าองค์ชายเท่านั้น การที่พระองค์ทรงตรากตรำเกินไปก็เป็อีกสาเหตุหนึ่งเช่นกันขอรับ”
“ดังนั้น ด้วยความหวาดระแวงของฮ่องเต้องค์ก่อน กองทัพซีเป่ยจึงต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก” หลี่ลั่วกระจ่างแจ้งแล้ว
“ถูกต้องขอรับ ต่อมาฝ่าาขึ้นครองราชย์ จำเป็ต้องทำให้ราชสำนักสงบและมั่นคง ้าให้อำนาจต่างๆ มั่นคง เสนาบดีกรมกลาโหมเป็บิดาของฉินกุ้ยเฟย ความ้าของกองทัพซีเป่ยส่งเื่มาให้กรมกลาโหม ทางกรมกลาโหมจึงส่งเื่ให้กรมคลังอีกครั้งหนึ่ง แต่กรมกลาโหมนั้นปฏิบัติต่อกองทัพซีเป่ยโหดร้ายทารุณยิ่งนัก ไข่มุกหีบที่เหล่าโหวเหฺยเก็บเอาไว้นั้นไม่ได้ส่งไปในบัญชี หลังจากได้มาจากทหารของกองทัพศัตรู จึงตั้งใจจะนำไปแลกเป็เงินแล้วส่งไปให้กองทัพซีเป่ย แต่ต่อมาเกิดเื่ขึ้นมากมาย ทำให้เสียเวลา ความจริงแล้วในสองปีนี้สถานการณ์ของกองทัพซีเป่ยดีขึ้นมาก เพราะทุกคนต่างอยากจะดึงฉีอ๋องมาเป็พวก” ดึงฉีอ๋องได้ก็เท่ากับดึงกองทัพซีเป่ยที่อยู่เื้ัเขาเข้ามาด้วย
“ข้าดูแล้วฝ่าาไม่เหมือนไม่มีเงินนี่นา ครั้งก่อนข้าถามเื่เงินกับเขา เขายังให้ข้าตั้งสี่หมื่นตำลึง แม้ว่าจะแบ่งเป็ระยะเวลาห้าปี ข้ารักษาโรคให้ฉีอ๋อง ฉีอ๋องก็ให้ข้าอีกสองหมื่นตำลึง” หลี่ลั่วกล่าว
“เงินจำนวนไม่กี่หมื่นตำลึงไม่พอให้กองทัพซีเป่ยใช้เพียงเดือนเดียวขอรับ ทหารกองทัพซีเป่ยหนึ่งแสนนาย ต่อให้คิดว่าทหารนายหนึ่งเดือนละห้าร้อยอีแปะ รวมแล้วเดือนหนึ่งก็ต้องมีห้าหมื่นตำลึง”
“มากขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“ดังนั้นทหารในกองทัพซีเป่ยส่วนใหญ่จะแต่งภรรยาที่ชายแดนซีเป่ย เมื่ออยู่ร่วมกับหญิงสาวซีเป่ยแล้วทำให้ลดค่าใช้จ่ายประจำวันลงได้ขอรับ”
“ฮ่าๆๆ...” หลี่ลั่วอดไม่ไหวหัวเราะออกมา “เอาละ นำไข่มุกหีบที่ท่านพ่อทิ้งเอาไว้ไปเปลี่ยนเป็เงินเถิด”
“ท่านจะให้กองทัพซีเป่ยหรือ?” หลี่จงิตกตะลึง
“หากข้าส่งเงินให้กองทัพซีเป่ย ฝ่าาจะคิดว่าข้ามีเงินมากเกินไป” หลี่ลั่วเหลือกตาขาวมองเขา นี่โง่งมเสียจน...ไม่มียารักษาแล้ว “นำไปแลกเปลี่ยนเป็เงินเสียก่อน มีไข่มุกเป็หีบวางไว้ในคลังเช่นนี้ ทำราวกับว่าข้านั้นเป็เ้าของที่ดินอย่างไรอย่างนั้นละ” หลี่ลั่วพูดแล้วพลันคิดถึงเื่หนึ่ง “เื่ยามรักษาการณ์เป็เช่นใดบ้างแล้ว?”
“ยามรักษาการณ์ยี่สิบคน กลุ่มละห้าคน ทุกกลุ่มมีหัวหน้ากลุ่มคนหนึ่ง ทั้งหมดได้จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ รอให้คุณชายไปดูก็สามารถใช้ได้แล้วขอรับ”
“ไม่ต้องยุ่งยากเช่นนี้ ท่านอาหลี่ ท่านตัดสินใจก็พอ” หลี่ลั่วโบกมือ “ท่านไปจัดการ ให้ผิงอันเข้ามาเถิด”
“ขอรับ”