จุนห่าวและหานรุ่ยไม่ทันได้ทักทายก็กระโจนเข้าใส่ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์ชายสามที่ติดตามผู้าุโทั้งสองมาต่างตกตะลึง คนเหล่านี้มาให้กำลังใจผู้าุโจ้าวและผู้าุโโจว เพื่อเป็การแสดงความเคารพต่อผู้าุโทั้งสอง
จุนห่าวเลือกสู้กับผู้าุโจ้าว เพราะจุนห่าวรู้สึกว่าพลังของผู้าุโจ้าวแข็งแกร่งกว่าผู้าุโโจว ดังนั้นเขาจึงทิ้งให้ผู้าุโโจวสู้กับหานรุ่ย
เมื่อเห็นจุนห่าวพุ่งเข้ามา ผู้าุโจ้าวยิ้มอย่างเหยียดหยาม พร้อมพูดอย่างเชื่องช้าว่า “รนหาที่ตายแล้ว” ตอนที่จุนห่าวใช้พลังปราณ ผู้าุโจ้าวได้เห็นพลังปราณของจุนห่าวว่ามีลมปราณขั้นสิบ พลังปราณของจุนห่าวทำให้ดวงตาของผู้าุโจ้าวแดงก่ำด้วยความอิจฉา เขามีอายุ 100 กว่าปี ถึงจะมีลมปราณขั้นสิบเอ็ด ทว่าจุนห่าวยังหนุ่มขนาดนี้ กลับบำเพ็ญเพียรได้ถึงขั้นนี้ ถือเป็การเยาะเย้ยผู้าุโจ้าวอย่างถึงที่สุด ผู้าุโจ้าวมีพร์ในการบำเพ็ญเพียรทั่วไป เขาจึงอิจฉาคนรุ่นใหม่อย่างจุนห่าว เป็อัจฉริยะที่เลื่อนขั้นอย่างสบาย ทว่าเขากลับใช้เวลาหลายปีหรือหลายสิบปีกว่าจะเข้าสู่ระดับแรกได้ ดังนั้น จนเขามีอายุ 190 ปี ใกล้จะสิ้นอายุขัยแล้วถึงจะเข้าสู่ลมปราณขั้นสิบสองได้ ยามนี้ความตายอยู่ไม่ไกลแล้ว
เมื่อมองจุนห่าว ผู้าุโจ้าวยิ้มอย่างภาคภูมิใจ คิดในใจ ต่อให้เ้าเป็อัจฉริยะแล้วยังไง พลังปราณแตกต่างเหลือเกิน วันนี้เ้าต้องตาย ่เวลานี้ ความไม่พอใจที่ผู้าุโจ้าวมีต่อองค์ชายสามที่มอบหมายให้เขาจัดการจุนห่าวพลันหายไป ่เวลานี้ เขาตื่นเต้นนัก ตื่นเต้นที่อัจฉริยะอีกคนกำลังจะถูกเงื้อมมือของเขาปลิดชีพ
การที่ผู้าุโจ้าวมองเห็นว่าพลังปราณของเขาสูงกว่าจุนห่าว จึงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมวางมือนิ่งด้วยท่าทีของผู้ที่เหนือกว่า จุนห่าวหัวเราะเสียงดังเมื่อเขาเห็นผู้าุโจ้าวทำเช่นนี้ คิดในใจ ตาเฒ่าผู้นี้คิดว่าเขาเป็คนคุมการต่อสู้สินะ และไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ถึงเวลาที่เขาต้องเสียใจแล้ว
จุนห่าวชอบใช้หมัด การต่อสู้ด้วยหมัดทำให้เขารู้สึกสะใจ ยอดฝีมือลมปราณขั้นที่สิบสองที่เขาเผชิญหน้าครั้งนี้ จุนห่าวจะไม่ชะล่าใจ เขาปล่อยพลังิญญาส่วนใหญ่ของเขาลงในหมัด และพุ่งเข้าใส่ผู้าุโจ้าวโดยเร็ว หมัดนี้มิได้ดูฉูดฉาดใดๆ และดูเหมือนธรรมดา ทว่านำมาซึ่งความไร้เทียมทาน พลังทำลายล้างทหารนับพัน
แม้ว่าผู้าุโจ้าวก็รู้สึกถึงพลังจากหมัดของจุนห่าว ทว่าเขากลับไม่จริงจังอะไร หลังจากเห็นหมัดของจุนห่าวพุ่งมายังเขา ผู้าุโจ้าวปล่อยพลังเข้าสู่หมัด พุ่งไปทางหมัดของจุนห่าว หมัดทั้งสองปะทะกัน เสียงกระทบดังกังวาน จุนห่าวและผู้าุโจ้าวต่างถอยกลับไปครึ่งหนึ่ง เวลานี้ การเผชิญหน้าทำให้คนทั้งสองเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของกันและกัน ในสายตาของผู้สังเกตการณ์ จุนห่าวและผู้าุโจ้าวแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน เป็คู่ต่อสู้ที่สูสีนัก ทว่าทันทีที่ผู้าุโจ้าวเคลื่อนไหว คนที่มีลมปราณขั้นสิบสองคนอื่นๆ ต่างมองพลังปราณของผู้าุโจ้าวออก คนนึงมีลมปราณขั้นสิบสองและคนนึงมีลมปราณขั้นสิบ แต่ผลการต่อสู้เสมอกัน ถ้าอย่างนั้น เป็ฝ่ายผู้าุโจ้าวที่ตกที่นั่งลำบาก
จุนห่าวยืนอยู่ไม่ไกลจากผู้าุโจ้าว มองผู้าุโจ้าวด้วยสายตาดูิ่ พูดอย่างเหยียดหยามว่า “ลมปราณขั้นสิบสอง ได้แค่นี้เองหรือ” จากนั้นหยุดครู่หนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยต่อว่า “ผู้าุโ ดูเหมือนว่าท่านจะแก่แล้วจริงๆ มนุษย์ต้องตระหนักว่าเสื้อผ้าเก่าต้องทิ้ง ในเมื่อท่านไร้ประโยชน์ ข้าขอแนะนำให้ท่านรีบกลับบ้านไปเลี้ยงตัวเองยามแก่เถอะ อย่าออกมากัดผู้คนสุ่มสี่สุ่มห้าเลย หมัดของข้าไม่เคารพคนชราและไม่รักเด็กหรอก ทำร้ายท่านโดยไม่พลาดแน่ ท่านก็แค่สุนัขบ้าคลั่ง สังหารท่านก็ถือว่าช่วยผู้คนขจัดคนชั่ว ข้าคงไม่เห็นแก่นายของท่านปล่อยท่านไปหรอก พวกชอบอาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งอย่างท่าน รีบกำจัดทิ้งให้เร็วเสียดีกว่า”
จุนห่าวพูดกับผู้าุโจ้าวด้วยคำพูดที่สร้างความโกรธแค้นอย่างไม่รักชีวิต ในใจเขาปะทุอย่างดุเดือด นี่เป็ครั้งแรกที่จุนห่าวประลองฝีมือกับยอดฝีมือที่มีลมปราณขั้นสิบสอง เริ่มแรกเขาก็ตกตะลึง หลังจากตกตะลึง ก็แปรเปลี่ยนเป็ปีติยินดี ดังที่เขาพูดไว้ ลมปราณขั้นสิบสองได้แค่นี้เองหรือ หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายประลองฝีมือ จุนห่าวจึงมั่นใจว่าเอาชนะผู้าุโจ้าวได้แน่ แม้จะไม่รู้ว่าผู้าุโจ้าวใช้หลังทั้งหมดแล้วหรือไม่ แต่เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด เขาไม่รู้ว่าเป็เพราะพลังของเขาแข็งแกร่งเกินไป หรือเพราะพลังผู้าุโจ้าวต่ำเกินไป จุนห่าวคิดว่า การได้ประลองฝีมือกับผู้มีลมปราณขั้นสิบสองมากๆ เป็การดี คิดถึงตรงนี้ เขามองการต่อสู้ระหว่างหานรุ่ยกับผู้าุโโจวแวบหนึ่ง หานรุ่ยกำลังต่อสู้กับผู้าุโโจวอย่างไม่สูสีกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองประคองพลังอยู่ จุนห่าวเห็นว่าหานรุ่ยไม่เสียเปรียบ เขากลับมามองผู้าุโจ้าวที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง เขาคิดว่าต้องรีบลงมือ แล้วไปช่วยหานรุ่ย เขาเกรงว่าเวลานานเข้าหานรุ่ยจะเสียเปรียบ
จุนหนานถูกผูกไว้กับอ้อมอกของจุนห่าว สำหรับการต่อสู้เมื่อครู่นี้ เขามิได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย เขาจ้องมองกระบวนท่าทั้งหมดด้วยดวงตาเป็ประกาย ฟังคำของจุนห่าว จุนหนานพูดด้วยเสียงเด็กน้อยว่า “ท่านพ่อพูดถูก สุนัขบ้าคลั่งสมควรตาย หากปล่อยไว้จะเป็ภัย เมื่อคิดถึงว่ายังมีสุนัขบ้าคลั่งอยู่ ข้าก็ไม่สบายใจ ข้าเกรงว่าสุนัขบ้าคลั่งจะกัดข้า” พูดจบก็หยุดชั่วขณะหนึ่ง ชี้ไปทางผู้าุโจ้าวพร้อมกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านรีบสังหารสุนัขนั่นเสีย”
ฟังคำของจุนห่าวและจุนหนาน ผู้ชมต่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจุนห่าวพ่อลูกจะอวดเก่งเช่นนี้ จากการกระจายข่าวขั้นลมปราณของคนที่ลมปราณขั้นสิบสอง ใครก็ตามที่ไม่ทราบต่างก็ได้รู้ว่าผู้าุโจ้าวคือนักพรตระดับสูงที่มีลมปราณขั้นสิบสอง ส่วนจุนห่าวมีเพียงลมปราณขั้นสิบ เด็กหนุ่มที่มีลมปราณขั้นที่สิบกล้าพูดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจผู้มีลมปราณขั้นสิบสองเช่นนี้ พวกเขาขอชื่นชมในความกล้าหาญของจุนห่าวจริงๆ รวมถึงเด็กที่อยู่ในอ้อมอกของจุนห่าวก็หยิ่งผยองเหมือนพ่อของเขา ดังคำที่ว่าพ่อเป็เสือลูกไม่เป็หมา [1] ความกล้าหาญไม่น้อยกว่าพ่อของเขาเลย พวกเขายังชื่นชมจุนห่าวที่กล้านำลูกที่ไม่มีพลังปราณ ร่วมต่อสู้กับผู้มีลมปราณขั้นสิบสองเช่นนี้ ความกล้าหาญนี้ช่างไม่ธรรมดา
ผู้าุโจ้าวถูกคำพูดของจุนห่าวทำให้เดือดดาลจนควันหัว เขาพูดกับจุนห่าวด้วยสีหน้าโกรธจนหน้าเขียวว่า “เ้าสัตว์ร้ายเด็ก พูดไร้สาระนัก วันนี้เ้าได้ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แน่”
“เ้าสัตว์ร้ายแก่ ข้าพูดไร้สาระหรือไม่ เดี๋ยวเ้าก็รู้ วันนี้ไม่เพียงเ้าที่จะเอาชีวิตข้า ข้าก็จะเอาชีวิตเ้าเช่นกัน” จุนห่าวพูดด้วยสายตาเ็า คำก็สัตว์ร้ายเด็ก สองคำก็สัตว์ร้ายเด็ก ในที่สุดจุนห่าวก็โมโห
“เด็กอวดเก่งอย่างเ้า รนหาที่ตายเอง” ผู้าุโจ้าวกล่าวอย่างเดือดดาล พูดจบหมัดของเขาก็พุ่งเข้าใส่จุนห่าว หมัดนี้รวบรวมพลังิญญาทั้งหมดของผู้าุโจ้าว เห็นได้ชัดว่าผู้าุโอยากจะให้หมัดของเขาปลิดชีพจุนห่าวเพียงใด
จุนห่าวรวบรวมพลังิญญาไว้ที่หมัดของเขาเช่นกัน แล้วะเิหมัดของเขาไปทางผู้าุโจ้าว ทั้งสองคนต่อสู้ชุลมันกัน จุนห่าวเหลือบมองหานรุ่ยอีกครั้ง เห็นว่าหานรุ่ยยังยืนหยัดได้ จุนห่าวจึงไม่รีบยุติการต่อสู้ ยังไงโอกาสที่จะได้ประลองฝีมือกับยอดฝีมือระดับสิบสองก็มีไม่มากนัก หลังจากจุนห่าวมาที่นี่ นอกจากฝึกเคล็ดวิชาห้าธาตุิญญาฮุ้นตุ้นแล้ว ก็มิได้ฝึกเคล็ดวิชาใดอีก ส่วนทักษะการต่อสู้ที่ได้จากเคล็ดวิชาห้าธาตุิญญาฮุ้นตุ้นก็คือศาสตร์แห่งการหลอมรวม ศาสตร์แห่งการหลอมรวมสิ้นเปลืองพลังปราณมาก ดังนั้น จุนห่าวจึงใช้ไม่บ่อย ยามนี้เขาอาศัยทักษะการต่อสู้ในชาติที่แล้วมาใช้ในการต่อสู้ทั้งหมด การใส่พลังิญญาลงในทักษะต่อสู้ เกิดเป็ประสิทธิภาพการต่อสู้อันน่าทึ่ง
เดิมทีแผ่นดินชางหลานขาดศิลปะการต่อสู้อยู่แล้ว ซึ่งศิลปะการต่อสู้ล้วนอยู่ในมือของกองกำลังยิ่งใหญ่ มีเพียงการเข้าร่วมกับกองกำลังยิ่งใหญ่ ถึงจะได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ของพวกเขา นี่คือเหตุผลที่ทุกคนอยากเข้าร่วมกับกองกำลังขนาดใหญ่ หากไร้ซึ่งทักษะและศิลปะการต่อสู้ ต่อให้มีพร์ก็ไร้ประโยชน์ ส่วนทักษะทั้งหมดของผู้าุโจ้าวนั้น ก็เป็ทักษะการต่อสู้ของราชวงศ์สุ่่ยเย่ว์ที่ส่งผ่านให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมกับราชวงศ์สุ่่ยเย่ว์ เรียกว่าสุดยอดฝ่ามือทั้งเจ็ด
“ลูกผู้พี่ คิดไม่ถึงว่าจุนห่าวจะเก่งกาจถึงเพียงนี้” ฟางหย่ากล่าวชื่นชมกับอู๋โม่วหาน จากนั้นหันไปทางหานรุ่ยที่ต่อสู้อย่างสูสี พูดอย่างชื่นชมว่า “คุณชายหานเก่งกาจเช่นกัน ขนาดยอดฝีมือที่มีลมปราณขั้นสิบสองยังต่อสู้ได้อย่างสูสี”
อู๋โม่วหานมองจุนห่าวและหานรุ่ยแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ เขาพูดเชิงคิดวิเคราะห์ว่า “ถูกต้อง คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเก่งกาจถึงเพียงนี้” คิดกับตัวเอง เขาทราบดีว่าจุนห่าวและหานรุ่ยเก่งกาจ ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะเก่งกาจถึงระดับนี้ เขาในยามนี้ ช่างห่างไกลกับพวกเขานัก เขาแค่รู้สึกว่า จุนห่าวและหานรุ่ยต้องได้พบโอกาสและโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ในดินแดนของสุนัขจื่อเหลย ถึงได้เก่งกาจเพียงนี้ เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ อู๋โม่วหานเสียใจลึกๆ เสียใจที่โอกาสและโชคชะตาอันยิ่งใหญ่เฉียดเขาไป เสียใจที่ไม่ได้ตามติดจุนห่าวและหานรุ่ย คิดถึงตรงนี้ เขามองไปทางฐานที่มั่นของาาสุนัขจื่อเหลย ตอนนี้เขาเห็นใจาาสุนัขจื่อเหลยยิ่งนัก มันกำลังเตรียมคว้าโอกาสและโชคชะตาอยู่ด้านหน้า แต่คงคิดไม่ถึงว่าโอกาสและโชคชะตาในรังของมันถูกคน่ชิงไปแล้ว อู๋โม่วหานแน่ชัดแล้วว่าจุนห่าวและหานรุ่ยต้องได้รับโอกาสและโชคชะตาแน่ แม้ก่อนหน้านี้จุนห่าวและหานรุ่ยจะแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ทว่าพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าตอนนี้
เหวินเจ๋อเยี่ยนมองการต่อสู้ของจุนห่าวและหานรุ่ย แสงสีทองส่องในั์ตา เขาหันไปกล่าวกับเหวินต้าไห่ว่า “ท่านพ่อพูดถูก พวกเขามิใช่คนบนแผ่นดินชางหลานแน่” หยุดชั่วครู่หนึ่ง มองไปทางหานรุ่ย และเอ่ยว่า “ซวงเอ๋อร์ผู้นั้นก็เก่งกาจ เด็กสองคนนั้นก็เก่งกาจ การสู้รบที่ทรงพลังเช่นนี้ ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของพวกเขาเลย พ่อแม่ของพวกเขาอยากจะปลูกฝังจิตสำนึกในการต่อสู้ั้แ่อายุยังน้อยหรือไร? ไม่เช่นนั้นเหตุใดถึงพาเด็กมาร่วมสู้ด้วย” พูดจบก็หยุดไป และกล่าวว่า “ท่านพ่อ หากตอนข้ายังเล็ก ท่านพาข้ามาทำแบบนี้ ไม่แน่ว่า บัดนี้ข้าคงเป็ยอดฝีมือไปแล้ว”
เหวินต้าไห่กล่าวพลางหัวเราะว่า “หากข้าพาเ้าทำแบบนี้ทุกวัน บัดนี้เ้าคงไปเกิดใหม่หลายรอบแล้ว พ่อเ้าอย่างข้ามิได้มีมากสามารถอย่างคนอื่นเค้า ถึงจะพาภรรยาและลูกชายมาร่วมสู้ด้วย” เหวินต้าไห่พูดจบ เหล่ตาคู่นั้นของเขาไปทางหานรุ่ย แสงแวววับส่องประกายในดวงตา
“ท่านลุงเล็ก ความแข็งแกร่งของจุนห่าวและหานรุ่ยมาถึงจุดนี้แล้วหรือ?” หยุนจ่านเฮ่อกล่าวพลางมองการต่อสู้อย่างตะลึงงัน
“เ้าก็เห็นมิใช่หรือ? สองคนนี้ช่างน่ากลัวนัก ความเร็วในบำเพ็ญเพียรของเขาเยี่ยงพลิก์” หยุนจิ่นพูดอย่างตะลึงงัน
“เห็นทีครั้งนี้สุ่ยเย่ว์หรูหวาจะเจอปัญหาเสียแล้ว ความแค้นของหานรุ่ยที่มีต่อองค์ชายสาม การล่มสลายของราชวงศ์สุ่ยเย่ว์คงเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว” หยุนจ่านเฮ่อกล่าวเชิงวิเคราะห์
“ท่านลุงเล็ก ท่านว่าพวกเขาจะเอาชนะผู้าุโทั้งสองได้ไหม?” หยุนจ่านเฮ่อเอ่ยถาม มองทั้งสี่คนที่ดูสูสีกัน หยุนจ่านเฮ่อไม่ได้ว่าใครแพ้ใครชนะ
หยุนจิ่นหรี่ตา และกล่าวว่า “เดาว่าผู้าุโทั้งสองคงไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ในวันรุ่งขึ้นเสียแล้ว จุนห่าวและหานรุ่ยมิใช่คนใจอ่อน การถอนรากถอนโคนคือวิถีของเขา” เวลานี้หยุนจิ่นหวาดหวั่นเล็กน้อย หากเซ่าหานอี้ได้สังหารพี่ชายและพี่สะใภ้ของจุนห่าวจริงๆ ถ้าอย่างนั้น คฤหาสน์เ้าเมืองของเขาคงถูกจุนห่าวทำให้จบสิ้นไม่ช้าก็เร็ว
“ดูเหมือนว่าองค์ชายสามต้องปวดหัวเสียแล้ว ต่อให้จะแย่งชิงผลไม้ชิงลัวมาได้ ทว่าก็ไม่คุ้มกับการสูญเสียครั้งนี้” หยุนจ่านเฮ่อกล่าวอย่างความยินดีในความโชคร้ายนี้
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป คนที่มีสายตาหลักแหลมต่างมองออกว่าจุนห่าวและหานรุ่ยมีฝีมือ เวลานี้ขอเพียงเวลาฝึกปรือกับผู้าุโจ้าวและอาวุธโสโจว ชัยชนะคงอยู่ไม่ไกลแล้ว
[1] พ่อเป็เสือลูกไม่เป็หมา คือ ถ้าพ่อยอดเยี่ยมมีความสามารถ ลูกย่อมยอดเยี่ยมมีความสามารถ
