ถึงแม้จะค้นเพียงศพของอู่หยวนจ้าวเพียงคนเดียวแต่ลาภที่เสวียนเทียนได้มากลับไม่น้อย
นอกจาก ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ สมุนไพรวิเศษรักษาอาการาเ็สามต้นแล้ว ยังได้ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ มาอีกหนึ่งขวด มียี่สิบกว่าเม็ด
ยาควบปราณแท้เป็ยาพลังปราณชั้นนิลที่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภา้าในการฝึกฝนแบ่งเป็ชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูง ชั้นพิเศษ ใช้กับชั้นเบิกนภา่ต้น ่กลาง่ปลาย ชั้นสมบูรณ์ตามลำดับ
‘ยาปราณแท้ชั้นล่าง’ เม็ดหนึ่งมีค่าสามหมื่นตำลึง ยี่สิบกว่าเม็ดก็หกเจ็ดแสนตำลึง
เมื่อถึงชั้นเบิกนภาค่าใช้จ่ายของผู้ฝึกยุทธ์เทียบกับชั้นวิถียุทธ์ย่อมแล้วมหาศาลขึ้นมาก
นอกจากสมุนไพรวิเศษรักษาอาการาเ็สามต้นกับ ‘ยาปราณแท้ชั้นล่าง’ หนึ่งขวดแล้ว บนร่างของอู่หยวนจ้าวยังมีตั๋วเงินไม่น้อย รวมถึงคัมภีร์ชั้นนิลขั้นต้นอีกสองเล่มแต่ก็เช่นเดียวกับศาสตราวิเศษกระบองยาว เสวียนเทียนไม่ได้เก็บเอาไป
ยาพลังปราณเป็ของต้องใช้ไม่ใช่ของที่คงอยู่ตลอดไป ดังนั้นเสวียนเทียนหยิบไปได้อย่างวางใจแต่อาวุธของอู่หยวนจ้าวรวมถึงคัมภีร์ที่ติดตัวมา เป็ของที่คงอยู่นานอีกทั้งยังมีค่ามหาศาล
สำนักเทียมเมฆาไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำอะไรบางอย่างไว้บนของซึ่งมีค่ามหาศาลให้ตามหาที่อยู่ของมันได้ ถ้าหากเสวียนเทียนหยิบไปบางทีอาจไม่ต้องให้สำนักเทียมเมฆาสืบหา ก็หาตัวเสวียนเทียนพบได้โดยตรง
พูดถึงศาสตราวิเศษ เสวียนเทียนมีกระบี่ขุนเขาหนักพูดถึงวิทยายุทธ์ชั้นนิล เสวียนเทียนก็มี ‘เพลงกระบี่ดับเงา’ และ ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ ขาดเพียงแค่วิชาปราณชั้นนิลเท่านั้น
ศาสตราวิเศษกระบองยาว สำหรับเสวียนเทียนไร้ประโยชน์คัมภีร์ชั้นนิลของสำนักเทียมเมฆา เสวียนเทียนก็ไม่กล้าฝึก เพื่อของเล็กน้อยย่อมไม่จำเป็ต้องเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นขนาดขวดยาที่บรรจุ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ เสวียนเทียนก็ยังทิ้งไป เอายาเก็บไว้ในขวดใบอื่น เก็บไว้ในแหวนมิติ
เทือกเขาดงอสูรหลังเกิดเหตุการณ์สัตว์อสูรแตกตื่นสัตว์อสูรน้อยมาก เสวียนเทียนใช้ ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ วิ่งทะยานรวดเร็วตรงไปยังอำเภอเป่ยโม่
ตลอดทางบางครั้งเมื่อพบกับผู้ฝึกยุทธ์จำนวนหนึ่งที่มาฝึกวิชาที่เทือกเขาดงอสูรเสวียนเทียนก็จะอ้อมไกลออกไป พยายามไม่พบหน้า ระหว่างทาง ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองคนหนึ่งเห็นเสวียนเทียนมีพลังวัตรเพียงชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งก็ขวางทางเพื่อดักปล้นถูกเสวียนเทียนหนึ่งกระบี่สังหารในพริบตา
ล่วงเข้ายามโพล้เพล้ในที่สุดเสวียนเทียนก็มาถึงชายขอบของเทือกเขาดงอสูร ตรงหน้าคืออำเภอเป่ยโม่
เวลานี้ไม่มีผู้ฝึกยุทธ์เข้าไปในเทือกเขาดงอสูรแล้วไม่กลับเข้าเขตเมืองมนุษย์ไปั้แ่วัน ก็พักค้างแรมอยู่ในเทือกเขาดงอสูรตอนนี้เป็่เวลาที่สัตว์อสูรน้อยคนที่พักค้างแรมในเทือกเขาดงอสูรมีเป็จำนวนมาก
เขตตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอเป่ยโม่มีเพียงเส้นทางูเาเส้นเดียวทอดเข้าไปในเทือกเขาดงอสูร ครั้งก่อนเสวียนเทียนก็เข้ามาจากทางนี้ครั้งนี้ก็ยังออกมาจากทางนี้เช่นกัน
ห่างจากอำเภอเป่ยโม่เหลือระยะทางอีกเพียงไม่ถึงหนึ่งลี้
ท้องฟ้าสีเทาอึมครึม ยิ่งทะมึนขึ้นทุกที
ดูแล้ว พอออกจากเทือกเขาดงอสูรได้ราตรีก็คงมาเยือนพอดี กลับไปถึงหมู่บ้านหวงปั้วก็คงฟ้ามืดสนิทแล้ว
เมื่อเสวียนเทียนออกจากเทือกเขาดงอสูรมาถึงถนนใหญ่ได้ก็วิ่งทะยานด้วยความเร็ว
ตอนนั้นเองเบื้องหน้าตรงกลางถนนสีเทาขมุกขมัวก็ปรากฏเงาร่างของคนผู้หนึ่ง เขาสวมงอบยืนตรงตระหง่านอยู่กลางถนน ในมือถือดาบใหญ่เล่มหนึ่ง ตัวดาบยาวหนึ่งเมตรรวมด้ามดาบก็เกือบถึงสองเมตรกว่า
มีจิตสังหาร!
เงาร่างของเสวียนเทียนหยุดลงเบื้องหน้านักดาบห่างไปราวหนึ่งร้อยเมตร
จิตสังหารแผ่พุ่งออกมาจากตัวของนักดาบผู้นั้นและเป้าหมายก็คือเสวียนเทียน อีกฝ่ายมาเพื่อเขา เสวียนเทียนรู้สึกได้ พลังวัตรของนักดาบผู้นี้ชั้นเบิกนภาขั้นสามอีกทั้งยังเป็ขีดสุดของขั้นสาม อาศัยเพียงแค่จิตสังหารที่แผ่พุ่งออกมาเสวียนเทียนก็ตัดสินได้ว่าความสามารถของคนผู้นี้อยู่ในจุดสุดยอดของชั้นเบิกนภาขั้นสามเหนือชั้นกว่าอู่หยวนจ้าวไกลกันไม่อาจเทียบ
เสวียนเทียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ กลับอำเภอเป่ยโม่ครานี้ดูจะไม่ราบรื่นนัก
ก่อนหน้าก็พบศิษย์ในสำนักเทียมเมฆาห้าคนระหว่างทางถูกผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองคนหนึ่งขวางทางดักปล้นตอนนี้บนทาง่สุดท้ายก่อนออกจากเทือกเขาดงอสูรยังมีนักดาบนิรนามคนหนึ่งขวางทางไว้
ในใจของเสวียนเทียนแอบมีความรู้สึกอึดอัดขึ้นมาลึกๆ แล้วเขารู้สึกเหมือนมีูเาลูกใหญ่กำลังกดทับเขาอยู่ ทำให้เขารู้สึกกดดันเสวียนเทียนมีลางสังหรณ์ คล้ายเื่ใหญ่บางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นสิ่งที่ประสบมาก่อนหน้าทั้งหมดเป็แค่การเริ่มต้น ความคิดของเสวียนเทียนฉับพลันก็นึกถึงตระกูลหวงที่หมู่บ้านหวงปั้วครั้งนี้จากตระกูลหวงไปครึ่งเดือนกว่า หวังว่าตระกูลหวงคงไม่ได้เกิดปัญหาอันใด
จิตสังหารบนร่างของนักดาบรุนแรงมากเป็บุคคลที่เดินผ่านูเาศพทะเลเืมาแล้วผู้หนึ่งมือคงเปื้อนเืมนุษย์แดงฉานมาไม่น้อย
เสวียนเทียนฆ่าล้างพรรคฝูเวยทั้งพรรคคนที่ฆ่าไปไม่น้อย แต่จิตสังหารเมื่อเทียบกับนักดาบตรงหน้า แทบไม่ถึงหนึ่งในสามจำนวนคนที่อีกฝ่ายเคยฆ่ามาอย่างน้อยก็ต้องมากกว่าเสวียนเทียนถึงสามเท่าขึ้นไปหรืออาจมากกว่านั้นมาก
นักดาบตรงหน้าอาจเป็ผู้ที่สังหารมนุษย์มาถึงพันคนในจิตสังหารแฝงไปด้วยกลิ่นไอชั่วร้ายสายหนึ่ง เมื่อมองไปยังคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้รู้สึกถึงคาวเื
“ออกมา!”
ตอนที่เสวียนเทียนกำลังจะคุยด้วยอาวุธ ทันใดนั้นนักดาบผู้นั้นก็ะโขึ้นมา
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งออกมาจากพุ่มไม้ด้านข้างเดินออกมาด้วยท่าทางหวาดกลัว
ถึงแม้ว่าท้องฟ้าจะเป็สีเทาขมุกขมัวแต่ฟ้าก็ยังไม่มืด ห่างออกไปร้อยเมตร คนผู้นี้เสวียนเทียนเห็นทีเดียวก็จำได้เขาก็คือโจรเพียงคนเดียวของพรรคฝูเวยที่หนีรอดไปได้
ในใจเสวียนเทียนกระจ่างขึ้นมา มองนักดาบตรงหน้าชื่อของคนผู้หนึ่งผุดขึ้นมาในใจทันที...นักดาบอสนีบาต
ก่อนตายอินจิ่วโฉวเคยบอกว่า นักดาบอสนีบาตผื้เป็อาจารย์ของเขาจะมาแก้แค้นแทนเขา
ดาบยาวในมือของนักดาบชี้มาทางเสวียนเทียน เอ่ยว่า“ใช่ไอ้หนูนี่หรือไม่”
โจรคนนั้นมองมาทางเสวียนเทียนศีรษะก้มจนเหมือนกับจะงอยปากนก “ใช่ ใช่แล้ว นายท่านอสนีบาต เป็เขา เขาคือหวงเทียน ลูกศิษย์ท่านเป็เขาเองที่สังหารไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลยสักนิด นายท่านอสนีบาต หาคนเจอแล้ว ท่านให้ข้าไปปล่อยข้าไปเถิด!”
น้ำเสียงวิงวอนร้องขอ เศร้าสลด
นักดาบผู้นั้นคือนักดาบอสนีบาตอย่างที่คิดเขาเอ่ยขึ้นเสียงเย็นว่า “หวงเทียนเป็เหยื่อของข้าส่วนเ้าเป็สุนัขที่ข้าใช้ตามหาเหยื่อ หาเหยื่อเจอแล้ว เก็บชีวิตสุนัขของเ้าไว้ยังมีประโยชน์อันใด!”
สิ้นเสียง แสงดาบก็ตวัดเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นสั้นๆโจรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าคนนั้นถูกนักดาบอสนีบาตฟันทีเดียวขาดเป็สองท่อน
ครืนๆ หลังดาบฟันลงมาท้องฟ้าก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น สายฟ้าวาดแหวกท้องฟ้ากว้าง ตามมาด้วยฝนห่าใหญ่เทลงมาจากท้องนภาฝนตกหนักไปทั่วฟ้า
อารมณ์อึมครึมในใจของเสวียนเทียนยิ่งหนักขึ้นฟ้าดินมีพลัง วันนี้เสวียนเทียนพบแต่พลังหยินอึมครึม นี่เป็ลางไม่ดีอย่างหนึ่ง
“นักดาบอสนีบาต?” เสวียนเทียนก้าวมาข้างหน้า
วันนี้พลังหยินหนักหน่วงเสวียนเทียนเป็ห่วงตระกูลหวง คิดอยากพุ่งกลับตระกูล ไม่ว่าใครขวางทางเสวียนเทียนล้วนจะกำจัดให้เร็วที่สุด
นักดาบอสนีบาตก็เดินก้าวมาข้างหน้ากล่าวเสียงเย็นว่า “ไอ้หนูหวงเทียนข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าต้องไม่ตาย ถึงได้รอเ้าอยู่ที่นี่มาตลอด รอวันที่เ้าเดินเข้ามาหากับดักเองหายตัวไปครึ่งเดือน พลังวัตรเลื่อนขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง ฮึดูแล้วเ้าคงพบโชคบางอย่างในเทือกเขาดงอสูร แต่ว่า เ้ากล้าสังหารศิษย์รักของข้าต่อให้เ้าพบเจอโชคใหญ่เท่าฟ้า วันนี้ก็คือวันตายของเ้าชีวิตข้าสังหารศิษย์ในสี่สำนักใหญ่มาแล้วทั้งหมดสิบเก้าคนในนี้ศิษย์สำนักกระบี่์ข้าฟันดับไปสิบคน เ้าจะเป็คนที่สิบเอ็ดของสำนักกระบี่์”
....
เวลาเดียวกัน
อำเภอเมืองแห่งอำเภอเป่ยโม่ โถงรับรองตระกูลหนิว!
หนิวเจิ้นซาน หนิวเจิ้นเยว่ทั้งสองนั่งอยู่บนตำแหน่งเ้าบ้าน
สมาชิกตระกูลใหญ่ตระกูลเฉิงและตระกูลจางที่มายังตระกูลหนิวตามคำเชิญของตระกูลหนิวแต่ละคนดวงตาฉายแววตกตะลึง ไม่พบหน้าเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งเดือนหนิวเจิ้นเยว่จากชั้นเบิกนภาขั้นสองเลื่อนขึ้นขั้นสามส่วนหนิวเจิ้นซานจากชั้นเบิกนภาขั้นสามเลื่อนขึ้นเป็ขั้นสี่
ขั้นหนึ่ง สอง สาม เป็ชั้นต้น ขั้นสี่ ห้าหกเป็ชั้นกลาง เลื่อนขึ้นขั้นสี่ พลังจะเพิ่มขึ้นพรวดพราดเทียบกับการเลื่อนชั้นพลังวัตรขั้นหนึ่ง สอง สามแล้ว พลังเพิ่มขึ้นมามากกว่ากันมาก
จางกู่เฟิงและเฉิงหยวนอู่ผู้นำตระกูลทั้งสองสบตากันครั้งหนึ่งแววตาของทั้งสองปลงตก พลังของตระกูลหนิวเพิ่มพูน ต่อไปในอำเภอเป่ยโม่คงมีเพียงตระกูลหนิวเป็เ้าครองตระกูลจางและตระกูลเฉิงสองตระกูลคงต้องศิโรราบ
“ยินดีกับพี่หนิวด้วย พลังวัตรของพี่หนิวก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสี่ไม่เสียชื่อเ้าผู้ครองอำเภอเป่ยโม่ พี่เจิ้นเยว่เองเลื่อนขึ้นขั้นสามก็เป็เื่น่ายินดียิ่งก้าวขึ้นทำเนียบยอดฝีมือชั้นหนึ่งแห่งอำเภอเป่ยโม่แล้ว”
จางกู่เฟิงและเฉิงหยวนอู่ส่งเสียงแสดงความยินดีอย่างพร้อมเพรียง
ตระกูลหนิวมีพลังที่จะเป็เ้าผู้ปกครองแล้วตระกูลจางและตระกูลเฉิงทั้งสองตระกูลจะไม่ก้มหัวก็ไม่ได้หวังเพียงตระกูลหนิวจะเห็นแก่มิตรภาพในวันวาน จะแบ่งผลประโยชน์ในอำเภอเป่ยโม่สักส่วนให้พวกเขาบ้าง
ผู้นำทั้งสองตระกูลยอมก้มหัว สมาชิกตระกูลหนิวและตระกูลจางทั้งสองตระกูลย่อมแสดงความยินดีตามจางกู่ซงและเฉิงหยวนกงสองคนมองหนิวเจิ้นเยว่ ในใจเต็มไปด้วยรสขมปร่า
แต่เดิมหนิวเจิ้นเยว่ จางกู่ซงเฉิงหยวนกงสามคนล้วนแต่มีพลังวัตรขั้นสูงสุดของชั้นเบิกนภาขั้นสองเป็มือวางอันดับสองของตระกูล พลังวัตรทัดเทียมกัน ฐานะทัดเทียมกันดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสามจึงไม่เลวนัก
แต่ตอนนี้ เพียงเฮือกเดียว หนิวเจิ้นเยว่ก็เลื่อนชั้นเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามตระกูลหนิวกลายเป็เ้าแห่งตระกูลเป่ยโม่ฐานะของหนิวเจิ้นเยว่ดั่งเรือลอยสูงตามน้ำ แม้กระทั่งจางกู่เฟิงและเฉิงหยวนอู่ผู้นำสองตระกูลวันหลังยังต้องเกรงใจ เคารพหนิวเจิ้นเยว่ จางกู่ซงและเฉิงหยวนอู่สองคนประจบก็สู้หนิวเจิ้นเยว่ไม่ได้แล้ว
ในที่นั้นคนที่ได้ใจมากที่สุดก็คือหนิวเจิ้นเยว่สายตาของเขากวาดไปมองสมาชิกของตระกูลจางและตระกูลเฉิงทั้งสองตระกูลท่าทางอ่อนโยนในวันวานหายไปตั้งนานแล้ว มีเพียงความลำพองและได้ใจเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมองจางกู่เฟิง เฉิงหยวนอู่จางกู่ซง และเฉิงหยวนกงทั้งสี่คน ใบหน้าของหนิวเจิ้นเยว่ก็เผยรอยยิ้มยินดีขึ้นมา สายตามีแต่ท่าทางเหนือกว่า
“ตระกูลหนิวแข็งแกร่งอย่างไรก็ดีกว่าตระกูลหวงแข็งแกร่ง หากตระกูลหวงเข้มแข็งขึ้นมา พวกเราก็ยังเหลือตระกูลหนิวมีมิตรภาพในวันวานอยู่ อย่างไรก็ยังรักษาที่ดินบางส่วนไว้ได้”
สมาชิกตระกูลจางและตระกูลเฉิงทั้งสองตระกูลในใจคิดในแง่ดีปลอบใจตัวเอง
ในใจหนิวเจิ้นซานแม้ว่าจะยินดีแต่ยังต้องเก็บอาการมากอยู่ ไม่เหมือนหนิวเจิ้นเยว่ที่ใบหน้าเผยรอยยิ้มลำพองเช่นนั้นเขาอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย พูดขึ้นว่า “พี่จาง พี่เฉิง ครั้งนี้เรียกทั้งสองท่านให้พากำลังคนมีฝีมือมามีเพียงเป้าหมายเดียว นั่นคือล้อมตีหมู่บ้านหวงปั้ว กำจัดตระกูลหวงกวาดล้างตระกูลหวงพวกคนเถื่อนนอกถิ่นให้สิ้นซาก ไม่เว้นสักคนทำให้ปลาเล็กปลาน้อยใจโลเลที่คิดอยากไปเข้ากับตระกูลหวงต่อต้านพวกเราออกนอกหน้าพวกนั้น ได้เห็นว่าเป็ศัตรูกับพวกเราจะมีจุดจบอย่างไร?”
เห็นหนิวเจิ้นซานยังคงเรียกขานด้วยตำแหน่งที่ทัดเทียมจางกู่เฟิงกับเฉิงหยวนอู่ก็คลายใจลงไม่น้อย ถามขึ้นว่า “ลงมือเมื่อไรหรือ?”
“ตอนนี้ออกเดินทางตกค่ำโจมตีหมู่บ้านหวงปั้ว พรุ่งนี้เที่ยงวัน กำจัดตระกูลหวง”
หนิวเจิ้นซานแย้มยิ้มน้อยๆ ในใจคิดรอกำจัดตระกูลหวงได้ ก็ไม่้าพวกสุนัขรับใช้อย่างพวกเ้าแล้ว อำเภอเป่ยโม่จะมีเพียงตระกูลเดียวนั่นก็คือตระกูลหนิว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้