อานุภาพพลังของฝ่ามือนี้รุนแรงเป็อย่างยิ่งจนทำให้เกิดคลื่นลมกระโชกพัดและสาดซัดออกไปรอบๆ บริเวณ ทั้งยังทำให้ฝุ่นผงบนพื้นดินปลิวฟุ้งกระจายไปทั่ว
สีหน้าของมู่เฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาไม่กล้ารับมือกับฝ่ามือนี้ตรงๆ ดังนั้นเขาจึงปลดปล่อยพลังเปลวเพลิงให้ปะทุออกมาจากฝ่าเท้า ก่อนจะถอยร่างออกไปไกลกว่าสิบเมตร
ปัง...!
ฝ่ามือนั้นตบลงบนพื้นอย่างแรงจนปรากฏหลุมลึกหลายเมตรขนาดใหญ่ เศษหินรวมถึงก้อนกรวดปลิวว่อนไปทั่ว เห็นได้ชัดเลยว่าฝ่ามือนี้ทรงพลังมากเพียงใด
ทันใดนั้นอินเหมี่ยนก็รวบรวมพลังก่อนจะตบฝ่ามืออีกข้างออกมา ฝ่ามือที่สองจึงตามมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นดังนั้นมู่เฟิงก็รีบหลบอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ฝ่ามือนั้นเร็วเกินไป ราวกับว่าอีกฝ่ายได้คาดการณ์การเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นมู่เฟิงจึงไม่อาจหลบการโจมตีได้พ้น พลังฝ่ามืออันแข็งแกร่งนั้นกระแทกกับร่างของมู่เฟิงอย่างแรง
ปัง...!
มู่เฟิงกระอักเืออกมา ขณะที่ร่างของเขาปลิวไปไกลกว่าสิบเมตรก่อนจะล้มคะมำลงกับพื้น
ถึงอย่างไรวรยุทธ์ระหว่างพวกเขาสองคนก็ต่างกันเกินไป
“ตายเสีย!”
อินเหมี่ยนทะยานร่างออกมาข้างหน้าพร้อมกับดาบในมือ เขาคิดจะใช้ดาบนี้ฟันร่างของเด็กหนุ่มให้ขาดเป็สองท่อน
สีหน้าของมู่เฟิงเปลี่ยนไปเป็อย่างมาก ทันใดนั้นเองเสี่ยวเทียนที่อยู่ใต้แขนเสื้อของเขาก็แผดเสียงร้องคำราม ก่อนจะพุ่งตัวออกมาทันที มันกลายร่างเป็งูเจียวสีขาวขนาดใหญ่ที่มีความยาวกว่ายี่สิบเมตร จากนั้นก็พ่นเปลวไฟสีแดงเข้มใส่อีกฝ่ายทันที
เปลวไฟอันร้อนระอุแผดเผาออกไปเบื้องหน้า บีบให้อินเหมี่ยนต้องรีบถอยออกไป
จากนั้นเสี่ยวเทียนก็เหวี่ยงหางอันใหญ่ั์ของมันอย่างแรง
เมื่อเห็นดังนั้นอินเหมี่ยนก็ใช้พลังกังหยวนสร้างเกราะป้องกันออกมาทันที แม้ว่าแรงเหวี่ยงนั้นจะบีบให้เขาต้องถอยออกมาได้สำเร็จ แต่มันกลับไม่อาจทำอันตรายอะไรเขาได้
“เ้าสัตว์เดรัจฉาน!”
อินเหมี่ยนตวาดอย่างมีโทสะ จากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบไปยังร่างของเสี่ยงเทียนอย่างดุดัน
โฮก…!
เสี่ยวเทียนแผดเสียงด้วยความเ็ป ดาบเล่มนั้นเฉือนร่างของมันจนเกิดแผลขนาดใหญ่ ก่อนที่เืจะไหลทะลักออกมา
“เสี่ยวเทียน!”
มู่เฟิงะโออกมาดังลั่น เขาหยัดกายลุกขึ้นพร้อมกับเก็บหอกเข้าไป และเปลี่ยนเป็ดาบแทน จากนั้นเขาก็รวบรวมพลังฟาดดาบไปทางอินเหมี่ยนทันที
“เคล็ดดาบพยัคฆ์หาญ!”
เสียงพยัคฆ์ร้องคำรามดังขึ้นพร้อมกับเงาร่างของพยัคฆ์สีทองที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยสายฟ้าสีม่วงพุ่งทะยานออกไปทางอินเหมี่ยนอย่างรวดเร็ว
อินเหมี่ยนแสยะยิ้มออกมาอย่างดูแคลน จากนั้นเขาก็ตบฝ่ามือออกไป เมื่อพลังทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกัน บริเวณรอบๆ ในรัศมีกว่าสิบเมตรก็มีคลื่นพลังสาดซัดออกมา หินกรวดบนพื้นดินถูกพัดปลิวจนกลายเป็ฝุ่นผง
ทันใดนั้นมู่เฟิงก็ขว้างแผ่นยันต์ดาบน้ำแข็งออกมาอีกหลายอัน แผ่นยันต์เ่าั้กลายเป็ดาบน้ำแข็งอันแหลมคมจำนวนหลายเล่ม ก่อนจะพุ่งไปทางอินเหมี่ยนเป็จุดเดียว
อินเหมี่ยนเหวี่ยงดาบในมือของเขาเพื่อต้านทาน ทำให้ดาบน้ำแข็งเ่าั้ถูกทำลายลงจนแตกเป็เสี่ยงๆ
ในตอนนั้นเองซู่เหลียนก็พลันพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับกระบี่ในมือ แต่เมื่ออินเหมี่ยนตบฝ่ามือไปทางซู่เหลียน ร่างของนางก็ล้มไปทางมู่เฟิงทันที จากความแข็งแกร่งของมู่เฟิงในตอนนี้ เขาไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของซู่เหลียนออกมาได้
อินเหมี่ยนเดินถือดาบเข้าไปหามู่เฟิงอย่างใจเย็น
“เ้าหนุ่ม หากเ้ายังมีลูกเล่นใดอีกก็แสดงมันออกมาเสีย เ้าคงได้เห็นแล้วว่าเมื่อต้องเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง แผ่นยันต์พวกนั้นของเ้ามันไร้ประโยชน์เพียงใด”
อินเหมี่ยนกล่าวอย่างเ็า
สีหน้าของมู่เฟิงพลันเย็นะเื ภายในใจของเขากำลังคิดหาวิธีอย่างหนัก
“หรือว่าต้องเผยร่างชูร่าออกมาจึงจะมีทางรอด?”
หัวใจของมู่เฟิงกำลังจมลงสู่ก้นบึ้ง วรยุทธ์ของฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งเกินไปสำหรับเขา
“ดึงร่างซู่เหลียนมานี่ จากนั้นส่งพลังปราณทั้งหมดของเ้าไปยังซู่เหลียน”
เสียงของซีเยว่ดังขึ้นอย่างฉับพลัน
มู่เฟิงประหลาดใจเมื่อได้ยินดังนั้น แต่เขาก็รีบทำตามคำพูดของซีเยว่อย่างรวดเร็ว มู่เฟิงควบคุมซู่เหลียนให้มาอยู่ด้านข้าง จากนั้นเขาก็ตบฝ่ามือไปยังจุดตันเถียนของซู่เหลียน ก่อนจะถ่ายทอดพลังปราณทั้งหมดของเขาเข้าสู่ร่างกายของนาง
ทันใดนั้นลำแสงสีทองจากหยกเทพชูร่าซึ่งอยู่ภายในร่างของมู่เฟิงก็พุ่งไปเข้าไปในศีรษะของซู่เหลียนอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของซู่เหลียนพลันเปลี่ยนเป็สีทองทอประกาย เวลานี้แววตาของนางไม่ได้ดูว่างเปล่าอีกต่อไป มันเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ทั้งยังดูสูงส่งและเปล่งประกาย
ซู่เหลียนยกมือทั้งสองข้างขึ้นมอง จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เลว ข้ายังสามารถควบคุมมันได้”
เสียงของซู่เหลียนดังขึ้นอย่างชัดเจน สิ่งนี้ทำให้มู่เฟิงใเป็อย่างยิ่ง
“ซู่เหลียน เ้า เ้าพูดได้!”
มู่เฟิงตกตะลึง
เด็กสาวกลอกตามองมู่เฟิง ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าคือซีเยว่ เ้าโง่”
“อ่า”
มู่เฟิงผงะไปครู่หนึ่ง แต่เหมือนจะยังไม่ได้สติดีนัก
“เ้าหนู เ้าเตรียมตัวไปลงนรกได้แล้ว”
อินเหมี่ยนแผดเสียงออกมาอย่างดุดัน จากนั้นเขาก็ยกดาบในมือขึ้นพร้อมกับกระโจนร่างไปข้างหน้าและฟันดาบลงมาอย่างแรง ลำแสงดาบสีดำที่ความยาวราวเจ็ดถึงแปดเมตรพุ่งผ่านอากาศไปทางมู่เฟิงทันที จากอานุภาพพลังของดาบเล่มนี้ เด็กหนุ่มย่อมไม่มีทางต้านทานมันได้อย่างแน่นอน
“เ้าคนบัดซบ รีบส่งพลังปราณทั้งหมดของเ้ามาให้ข้า!”
ซู่เหลียนะโลั่น ทันใดนั้นมู่เฟิงก็รีบส่งมวลคลื่นพลังทั้งเก้าลูกในจุดตันเถียนของเขาไปยังร่างของซู่เหลียนอย่างรวดเร็ว
ซู่เหลียนยกกระบี่เซวียนหยินขึ้น นางกำลังถ่ายโอนพลังทั้งหมดของมู่เฟิงเข้าไปในตัวกระบี่
“จันทราผ่า์!”
ซู่เหลียนแผดเสียงคำรามออกมาอย่างดุดัน พร้อมกับเหวี่ยงกระบี่ออกไป กลิ่นอายพลังฟ้าดินไหลทะลักออกมาครอบคลุมบริเวณรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง และในพริบตานั้นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้มีเพียงลำแสงสีขาวของจันทร์เสี้ยวที่ถูกห่อหุ้มอไว้ด้วยพลังสายฟ้าที่กวาดออกไปเบื้องหน้าเท่านั้น จากคลื่นพลังที่แผ่ออกมาทำให้รู้ได้ว่าอานุภาพพลังของลำแสงนี้น่าสะพรึงกลัวเพียงใด
ลำแสงกระบี่พุ่งเข้าปะทะกับลำแสงของดาบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ลำแสงดาบจะถูกทำลายจนแตกเป็เสี่ยงๆ ในพริบตา จากนั้นลำแสงกระบี่แสงจันทร์ก็พุ่งไปทางอินเหมี่ยนต่อทันที
ร่องรอยของความตื่นตระหนกฉายชัดในแววตาของอินเหมี่ยน เขารีบรวบรวมพลังกังหยวนไปยังดาบและเหวี่ยงตวัดดาบออกไปอีกครั้งเพื่อเป็ชั้นปราการป้องกันตัวเอง
เปรี้ยง!
แต่ลำแสงกระบี่แสงจันทร์นั้นได้ทำลายเกราะป้องกันลงไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่คมกระบี่จะพุ่งตัดผ่านร่างของอินเหมี่ยนในทันที
ดวงตาของอินเหมี่ยนเบิกกว้าง รูม่านตาขยาย กระบี่เมื่อครู่ผ่าร่างของเขาจนขาดออกเป็สองส่วน เืและอวัยวะภายในต่างก็ไหลทะลักออกมาข้างนอกจนหมด
ฉัวะ! ฉัวะ!
ร่างกายที่ขาดออกเป็สองท่อนล้มลงไปบนพื้นทันที เมื่อเห็นภาพนี้ก็ให้มู่เฟิงถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“หึ ได้ตายภายใต้น้ำมือข้านับว่าเป็เกียรติของเ้าแล้ว”
ซู่เหลียนย่นจมูกเล็กน้อย ขณะกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“โอ้ ช่างร้ายกาจนัก...”
มู่เฟิงพึมพำออกมาด้วยความประหลาดใจ
“แน่นอนว่าต้องทรงพลังอยู่แล้ว กระบวนท่านี้แม้แต่จันทราบน์ก็ยังตัดให้ขาดเป็สองส่วนได้เชียวนะ หากเพียงแค่มดปลวกที่ไร้ค่าเช่นนี้ข้ายังไม่สามารถบดขยี้มันได้ เปิ่นกูเหนี่ยงคงจะไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว”
ซู่เหลียนซึ่งถูกครอบงำโดยซีเยว่กล่าวขึ้น
“ผู้าุโอินเหมี่ยน!”
ผู้าุโทั้งสามที่กำลังต่อสู้พัวพันกับพวกหูเถี่ยหนิ่วต่างก็ะโออกมาพร้อมกัน พวกเขามองภาพนั้นด้วยสายตาสยดสยอง
“กระบี่เมื่อครู่...”
เว่ยอี้อวิ๋น ซือถูคง หยางฉานและคนอื่นๆ ต่างก็มองไปทางซู่เหลียนด้วยแววตาเหลือเชื่อ
“กระบี่เล่มนั้น...”
เว่ยอี้อวิ๋นหลับตาลงและพยายามนึกถึงภาพของกระบี่เมื่อครู่อย่างรวดเร็ว
“เ้าไสหันไปให้พ้นข้า!”
ผู้าุโคนหนึ่งของตระกูลอินรีบบีบให้ซานเหล่าเอ้อถอยออกไป ก่อนที่เขาจะถือดาบกระโจนร่างไปทางมู่เฟิง ซ่านเหล่าเอ้อ้าจะหยุดเขา แต่ถูกบรรดาหุ่นเชิดของศิษย์ตระกูลอินเข้ามาล้อมเอาไว้เสียก่อน
“เ้าคนสารเลว เ้าสังหารน้องรองของข้า ข้าจะให้เ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”
ผู้าุโคนหนึ่งของตระกูลอินทะยานร่างออกมา พร้อมกับแผ่พลังสะกดข่ม
“หึ ส่งตัวเองออกมาตายเปล่า ย่างก้าวตามจันทรา!”
ซู่เหลียนตวาดอย่างเ็า ก่อนจะทะยานร่างก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว ร่างของนางพลันเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วจนมองเห็นเป็เพียงประกายแสงสีขาวคล้ายแสงจันทร์
โดยแสงจันทร์นี้ได้พุ่งผ่านร่างของผู้าุโคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว
ฉัวะ!
ผู้าุโคนนั้นไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาเพียงรู้สึกว่าวิงเวียนไปชั่วขณะเท่านั้น
“อ๊ะ นั่นมัน...”
เขาเหลือบไปเห็นร่างไร้ศีรษะยืนอยู่บนพื้นและมีเืพุ่งกระฉูดออกมา
‘ตัวข้า!’
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเขาทันที ศีรษะของมนุษย์ร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง ในขณะร่างอันไร้ศีรษะก็ล้มลงไปบนพื้นดังโครมเช่นกัน
ก่อนที่เงาร่างของซู่เหลียนจะปรากฏขึ้นด้านหลังผู้าุโ ในขณะที่กระบี่ของนางกำลังมีเืไหลหยดลงมา
เงียบงัน ความเงียบงันเข้าครอบคลุมพื้นที่ทั่วบริเวณทันที
ทุกคนในที่นี้ต่างก็เงียบเสียงลง ความตื่นตะลึงและความหวาดกลัวกำลังครอบงำจิตใจของพวกเขา สายตาของทุกคนจ้องมองไปทางเด็กสาวร่างเล็กที่ดูเหมือนเด็กธรรมดาคนหนึ่งอย่างเหลือเชื่อ
ร่างของนางมีความสูงเกือบห้าฟุตเท่านั้น แต่นางกลับทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่ากำลังยืนอยู่หน้าูเาไท่ซานอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“กะ กระบี่เดียวสังหารในพริบตา!”
“นั่น นั่นมันทักษะวิชาใดกัน น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มองตามไม่ทันแม้แต่เงาแล้ว!”
“อ่า…นางเป็เพียงหุ่นเชิดจริงหรือ?”
สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปยังร่างเล็กของเด็กสาวที่ยังถือกระบี่เอาไว้ในมือด้วยความเหลือเชื่อ