27.
เื่นี้มันติดอยู่ในใจผมมาตลอดทั้งสัปดาห์
ก่อนหน้านี้ผมอยู่ใน่ที่ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคก่อนที่จะปิดภาคเรียนครั้งใหญ่ ทำให้ผมกับพี่ปรงแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย แต่เขาก็โทรมาหาผมบ้าง บางครั้งเขาก็ชวนผมออกไปกินข้าวที่ร้านประจำ แต่ผมกลับปฏิเสธไป ตอนนี้เขาอาจจะจับสังเกตผมได้แล้วว่าผมแปลกไป แต่เขาคงไม่อยากพูดอะไรมาก รอให้ผมสอบเสร็จก่อน
ซึ่งวันนั้นมันก็มาถึงแล้ว วันนี้เป็วันที่ผมสอบวันสุดท้าย พอออกจากห้องสอบมายังไม่ทันถึงห้านาที พี่ปรงเขาก็ส่งข้อความมาบอกว่ามีเื่อยากคุยด้วย เขาจะรอผมอยู่ที่ห้องภาคจนกว่าผมจะมา ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะขอกลับห้องไปนอนแล้วค่อยคุยกันวันอื่น แต่เขาดันส่งข้อความย้ำมาว่าจะรอจนกว่าจะมา ทำให้ผมไม่มีทางเลือกและต้องไปเจอในที่สุด
ผมรู้เลยว่าเขาจะพูดเื่อะไร
เื่ที่ผมหายหน้าหายตาไปและเื่ที่เขาจะต้องไปญี่ปุ่นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่บอกผมเื่ที่ผมได้ยินมาจากลูกพีช ซึ่งก็น่าจะเป็วันนี้แหละที่เขาตัดสินใจจะบอก แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันสายไปยังไงก็ไม่รู้
ส่วนเื่ลูกพีช เขาไปสารภาพกับอาจารย์ตามที่พูดเอาไว้จริง ๆ และเขาก็ถูกพักการเรียนหนึ่งภาคการศึกษา เพราะเื่ที่เขาทำถือว่าเป็เื่ใหญ่ที่สร้างผลกระทบต่อคนเยอะมาก นอกจากผมกับพี่ปรงแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีใครรู้เหตุผลว่าลูกพีชทำแบบนั้นไปทำไม และผมคิดว่าผมก็คงไม่ยกเื่นี้ขึ้นมาพูดอีกแล้ว ผมอยากให้มันจบ ๆ ไปสักที
“วันนี้มึงกลับไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูต้องไปหาพี่ปรงก่อนว่ะ” ผมหันไปบอกขนุนในระหว่างที่เรากำลังจะเดินออกจากห้องสอบพร้อม ๆ กัน หลังจากที่สอบเสร็จแล้ว เพื่อนในคณะก็มารวมตัวกันเพราะอยากจะประชุมเื่การจัดงานบายเนียร์ให้พวกพี่ปีสี่ที่เรียนจบในเทอมนี้ แต่ผมกับขนุนไม่ได้มีหน้าที่อะไรภายในงาน ก็เลยขอตัวออกมาก่อน
“พี่ปรงเขากลับมาแย่งมึงไปจากกูอีกแล้วเหรอเนี่ย อุตส่าห์จะชวนมึงไปกินชาบูร้านหน้ามอสักหน่อย” ขนุนพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ผมจึงยื่นมือไปเขกกระโหลกมันหนึ่งทีเป็การเรียกสติ
่ ๆ หลังมานี่ ผมกับขนุนไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เพราะเวลาสอบตรงกันหลายวิชา ประกอบกับพี่ปรงไม่ค่อยมาวุ่นวายกับผมเท่าไหร่ เขาคงรู้ว่าผมอยากเว้นระยะห่างจากเขาไปสักพัก เขาเองก็คงอยากให้ผมได้คิดทบทวนเหมือนกัน
“ไว้ค่อยไปกินกันพรุ่งนี้ก็ได้ กูอยู่กับมึงยาว ๆ อีกสองปีเลยเพื่อนรัก”
“แต่พี่ปรงเขาจะไม่อยู่กับมึงแล้วใช่ไหม”
“…”
“ใจหายเหมือนกันเนาะ ถ้ามึงไม่บอกกูว่าพี่ปรงจะไปเร็ว ๆ นี้แล้ว กูก็คงไม่รู้เลยอะ” ขนุนพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา เราสองคนเดินออกมายังบริเวณโถงกลางใต้ตึกคณะที่ยังมีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่
“นั่นสิ ถ้ากูไม่รู้จากคนอื่นก็คงไม่รู้เลยเหมือนกัน”
“ไม่หรอกมึง พี่ปรงเขาก็คงหาโอกาสเหมาะ ๆ อยู่”
“…”
“จริง ๆ กูก็ไม่ได้อยากจะยุ่งหรอกนะ แต่กูว่ากูเข้าใจพี่ปรงเขาว่ะ ตั้งหน้าตั้งตาเรียนมาตั้งสี่ปีจนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งแถมยังได้ทุนไปต่างประเทศอีก เป็กูกูก็อยากไปนะ” ขนุนตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง เหมือนมันพยายามจะพูดกับผมแทนพี่ปรง ผมเล่าเื่ทั้งหมดให้มันฟังแล้ว รวมถึงเื่ลูกพีชกับพี่อูนด้วยเหมือนกัน
“กูไม่ได้โกรธเขาที่เขาจะไปนะ”
“อ้าว แล้วมึงโกรธเื่อะไรวะ”
“กูโกรธที่เขาไม่คิดจะบอกกูเลย เขามีโอกาสตั้งหลายรอบที่สามารถบอกกูได้ แต่สุดท้ายกูก็ไปรู้จากปากคนอื่น มันรู้สึกแย่มากเลยนะเว้ย แล้วอีกอย่าง เื่ของกูกับเขามันก็กำลังจะดีแล้วแท้ ๆ” ผมตอบกลับไปก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
ผมพยายามจะไม่คิดเื่ของพี่ปรง เพราะผมไม่อยากเสียสมาธิตอนที่อ่านหนังสือสอบ แต่เชื่อเถอะ เวลาที่ผมพักจากการอ่านหนังสือ ผมก็คิดถึงแต่เขาจนหัวแทบจะะเิ เขาแทรกซึมอยู่ในทุกเซลล์สมองของผม จนในที่สุดผมก็ทำใจยอมรับได้ว่า ผมไม่สามารถหยุดคิดถึงเขาและเื่ของเขาได้เลย
“งั้นกูขอเปลี่ยนข้าง กูเห็นด้วยกับมึง”
“เปลี่ยนสีไวจังนะมึง”
“แต่กูก็อยากให้มึงกับเขาเข้าใจกันนะมึง เขาเป็คนเดียวเลยที่ทำให้มึงมีความรักแบบความรักจริง ๆ สักที กูไม่เคยเห็นมึงมีความสุขมากเท่ากับตอนที่อยู่กับเขาเลยนะ ทานตะวัน”
“…”
“มึงสมควรได้เจอคนดี ๆ และกูคิดว่าคน ๆ นั้นคือพี่ปรงนะ”
“มึงไม่ต้องบิ้วกูขนาดนั้นก็ได้” ผมตอบกลับไปก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ ถึงแม้ว่าขนุนมันจะพูดด้วยสีหน้าจริงจังแค่ไหนก็ตาม เื่ระหว่างผมกับพี่ปรง แน่นอนว่าผมคิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้วล่ะ ไม่งั้นผมคงไม่ตัดสินใจยอมไปเจอเขาหรอก
“กูพูดจริง ๆ นะ มึงดูมีความสุขมากเลยตอนที่อยู่กับพี่ปรง จากที่ตอนแรกมึงกลัวเขาจะเป็จะตาย เดี๋ยวนี้เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ตัวติดกันอย่างกับแฝดอินจันทร์” ขนุนพูดเปรียบเปรยซะจนผมยังเห็นภาพ แอบรู้สึกผิดเลยที่่หนึ่งเคยทิ้งขนุนไปอยู่แต่กับพี่ปรง ถึงขนุนมันจะไม่เคยบ่นผมเื่นั้นเลย แต่ผมก็รู้สึกผิดกับมันอยู่ดี
“กูก็ชอบนะเวลาที่อยู่กับเขา แต่อีกแค่ไม่กี่วันเขาก็จะไปแล้ว เขาไม่ได้ไปแค่ปากซอยหรือย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดนะ เขาไปต่างประเทศ ซึ่งมันไกลเกินกว่าที่กูจะไปหาเขาได้ มึงเข้าใจใช่ไหม”
ต่อให้พี่ปรงเขาจะรวยล้นฟ้าหรือเป็ลูกเศรษฐีบ่อน้ำมันจากตะวันออกกลาง แต่เขาก็ไม่สามารถบินไปกลับมาหาผมได้บ่อย ๆ หรอก ส่วนผมก็ไม่สามารถบินไปหาเขาได้แน่ ๆ ผมไม่ได้รวยขนาดนั้น แล้วอีกอย่างคือเขาไปเรียนต่อปริญญาโท เขาจะต้องเรียนหนักมากขึ้นกว่าตอนเรียนปริญญาตรีมาก ๆ เขาคงไม่มีเวลามานั่งคุยกับผมให้ผมหายคิดถึงได้หรอก
มันมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ซึ่งผมก็ไปนอนคิดมาแล้วว่าผมควรจะเลือกทางไหนให้เราทั้งสองคนรู้สึกแย่น้อยที่สุด แต่เอาเข้าจริงมันก็แทบไม่มีทางไหนเลยที่ดีสำหรับเราทั้งสองคน
“กูเข้าใจ”
“กูถึงบอกไงว่าเื่นี้มันต้องใช้เวลาคิด กูนอนคิดมาทุกคืนเลย หัวแทบแตก”
“กูแนะนำนะ ทำตามที่หัวใจมึงบอกเลย”
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีดิ”
“แล้วมันยากตรงไหนเนี่ย”
“อย่างที่กูบอกไปแหละว่าเื่ของกูกับเขามันกำลังจะดีแล้วแท้ ๆ ถ้าเขาบอกกูเร็วกว่านี้ กูอาจจะไม่โกรธเขามากขนาดนี้ก็ได้” ผมตอบกลับไปก่อนจะถอนหายใจออกมา ผมไม่ได้อยากเป็แบบนี้เลยนะ ผมรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองงี่เง่ามาก ถึงได้โกรธพี่ปรงกับเื่เล็กน้อยแค่นี้ แต่เพราะผมชอบเขามาก ๆ มันเลยทำให้ผมยิ่งรู้สึกมาก
“บอกเร็วบอกช้ามันต่างกันตรงไหนวะ สุดท้ายเขาก็ไปอยู่ดี”
“อย่างน้อยกูก็จะได้เตรียมใจ”
“…”
“ที่ผ่านมา กูทำตัวไม่ดีกับเขาหลายอย่างเลย กูเลยรู้สึกว่าถ้ากูรู้ก่อนว่าเขาจะไม่อยู่แล้ว กูจะได้ใช้เวลากับเขาให้มีค่าที่สุด ไม่ใช่ปล่อยให้มันเสียไปเปล่า ๆ แบบนี้ไง” ขนุนยกยิ้มขึ้นมาในตอนที่ผมตอบไปแบบนั้น หลังจากนั้นมันก็หัวเราะออกมาอย่างใหญ่โตจนผมเริ่มสงสัยว่ามันเป็อะไรของมัน แต่ยังไม่ทันที่มันจะตอบอะไรกลับมาให้ผมหายสงสัย จู่ ๆ ก็มีเสียงกระแอมของใครบางคนดังขึ้นเบา ๆ ที่ด้านหลังของผม จนทำให้ผมต้องเอี่ยวตัวหันไปมอง
พี่ปรง
เขามายืนตรงนี้ั้แ่เมื่อไหร่?!
“งั้นเดี๋ยวกูไปก่อนนะ มีอะไรก็โทรมา” ขนุนหันมาบอกผมเพียงเท่านั้น หลังจากนั้นมันก็รีบพาตัวเองออกไปทันที ตอนนี้เลยเหลือแค่ผมกับพี่ปรงที่ยังยืนอยู่โดยไม่มีใครพูดอะไรเลยสักคำ
“วันนี้สอบเป็ไงบ้าง” พี่ปรงเอ่ยถามหลังจากที่เราทั้งสองคนยืนเงียบกันอยู่นานหลายนาที พอเขาเห็นว่าผมไม่ยอมพูดอะไรสักที เขาก็เลยชิงพูดขึ้นก่อนเพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบรอบ ๆ ตัวเราสองคน
“ก็ดีครับ” ผมตอบกลับไปเพียงเท่านั้น นานมากแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับพี่ปรงแบบนี้ ซึ่งผมคิดว่าเขาเองก็คงรับรู้ได้ถึงความผิดปกติจากผม ผมกับเขาไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบอาทิตย์ได้
“แล้วจะไปไหนต่อ ให้พี่ไปส่งไหม”
“น่าจะกลับเลยครับ แต่พี่ไม่ต้องส่งหรอก ผมว่าจะเอาหนังสือไปคืนห้องสมุดก่อนกลับ” ผมตอบกลับไปเพียงเท่านั้น พี่ปรงเขาดูหงุดหงิดอยู่นิดหน่อยที่ผมขัดเขาแทบทุกอย่าง ถ้าเป็เวลาปกติที่เราสองคนไม่ได้เป็แบบนี้กัน พี่ปรงเขาคงล็อกคอผมให้ขึ้นรถไปกับเขาแล้ว แต่ตอนนี้เขาดูอ่อนลงให้ผมมาก ๆ เลย
“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่ห้องสมุดนะ จะได้เดินไปคุยกันไป” เขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่เข้มขึ้น เหมือนเขา้าจะบอกผมว่าห้ามผมปฏิเสธเขาเด็ดขาด ซึ่งผมก็คิดว่าผมน่าจะเลี่ยงเขาไม่ได้แล้ว
เราสองคนไม่ได้คุยกันมาประมาณหนึ่งอาทิตย์ โดยที่ยังมีเื่ค้างคาอยู่ในใจของเราทั้งสองคน พี่ปรงเขาพยายามอย่างมากที่จะมาเจอผม แต่ก็เป็ผมเองที่ยังไม่พร้อมจะเจอเขา ผมไม่อยากให้ตัวเองเสียสมาธิใน่สอบ
ห้องสมุดอยู่ไม่ไกลจากตึกคณะของผมเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าถ้าเดินไปตามทางเดินคัฟเวอร์เวย์ก็จะไกลกว่าปกติ เพราะมันจะอ้อมไปทางด้านหลังของตึกที่อยู่ตรงกลางระหว่างตึกของคณะผมและห้องสมุด แต่ถ้าจะให้เดินทางเท้าปกติก็คงจะไม่ได้เหมือนกัน เพราะแดดตอนนี้สามารถทำให้ผมกลายเป็ไก่ย่างได้เลย
“พี่จะไปเมื่อไหร่เหรอครับ” ผมเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เราเดินไปตามทางเดินเรื่อย ๆ โดยที่พี่ปรงเขาไม่พูดอะไรกับผมสักคำ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็คนพูดเองว่าเขามีเื่อยากจะคุยกับผม แต่ดูเหมือนว่าผมจะเป็คนที่ใจร้อนกว่าเขา
“หลังงานบายเนียร์ พี่ต้องรีบไปทำเื่ที่มหาวิทยาลัยที่นู้นด้วย มันก็เลยดูรีบ ๆ น่ะ” เขาตอบกลับมาโดยที่สายตาของเขามองไปข้างหน้า น้ำเสียงของเขานิ่งมากจนผมไม่รู้ว่าเขากำลังรู้สึกแบบไหนอยู่
“พี่รู้มานานแค่ไหนแล้วว่าตัวเองจะต้องไป”
“ประมาณเดือนนึง แต่พี่เพิ่งตอบรับไปเมื่อไม่นานนี้เอง”
“แล้วถ้าผมไม่รู้ก่อน พี่คิดจะบอกผมเมื่อไหร่เหรอครับ”
“วันนี้แหละ”
“มันแย่กว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก”
“พี่อยากให้มันผ่าน่สอบไปก่อน พี่ไม่อยากให้น้องต้องมาเครียดกับเื่อื่นในระหว่างนี้” พี่ปรงหยุดเดินกะทันหัน เขาหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าปกติ
“ถ้าสมมติพี่เพิ่งมาบอกผมตอนนี้ ผมอาจจะโกรธพี่มากกว่าเดิมก็ได้ อาทิตย์หน้าพี่ก็ไปแล้วนะพี่ปรง” ผมตอบกลับไปพร้อมกับพยายามสะกดกั้นอารมณ์มากมายที่มันปะทุอยู่ในอกของผม
“พี่ไม่ได้อยากให้มันเป็แบบนี้”
“…”
“พี่ไม่อยากให้น้องต้องเสียใจกับเื่ของเรา”
น้ำเสียงของพี่ปรงอ่อนลง รวมถึงสายตาของเขาด้วย เขาแสดงออกทางสายตาว่าเขารู้สึกแย่กับเื่นี้มากแค่ไหน พอเห็นแบบนี้แล้วผมก็โกรธเขาไม่ลง อย่างที่เขาพูด เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เื่มันเป็แบบนี้ ผมเองก็ไม่ได้โกรธเขาอย่างที่พูดจริง ๆ หรอก แต่ผมแค่ไม่อยากยอมรับว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องไป
แน่นอนว่าผมไม่มีทางห้ามไม่ให้เขาไป
ผมรู้ว่าอนาคตมันสำคัญแค่ไหน หลังจากที่ผมได้เห็นลูกพีชยอมทำทุกอย่าง ขายิญญาแลกกับการที่ตัวเองจะได้ทุน มันทำให้ผมรู้เลยว่าใคร ๆ ก็อยากได้รับโอกาสนี้กันทั้งนั้น รวมถึงพี่ปรงด้วย ที่ผ่านมาเขาก็คงตั้งใจเรียนและพยายามมาตลอด ผมควรจะเป็คนที่ยินดีกับเขามากที่สุด แต่กลายเป็ว่าผมกลับมาทำตัวงี่เง่าใส่เขาแบบนี้
“ผมยินดีด้วยนะพี่ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะยังไม่รู้จักกัน แต่ผมคิดว่าพี่ก็คงพยายามและเหนื่อยมามาก ผมดีใจนะที่เห็นว่าความพยายามของพี่มันทำให้พี่ได้รับโอกาสดี ๆ แบบนี้” ผมตอบกลับไปหลังจากที่เรายืนเงียบกันอยู่นาน
“พี่ขอโทษนะ”
“ขอโทษเื่อะไรครับ”
“พี่ไม่รู้ว่าน้องจะเสียใจหรือเปล่าที่พี่จะไป แต่พี่ก็อยากขอโทษไว้ก่อน”
ผมเสียใจมาก ๆ
มันเป็ความรู้สึกที่ว่าอีกนิดมันก็จะดีอยู่แล้วจริง ๆ
“ผมก็คงเสียใจแหละที่พี่จะต้องไป”
“…”
“แต่ผมไม่เคยเสียใจเื่ของเราเลยนะ”
ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของผมกับพี่ปรงมันเริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก ถึงผมจะเคยสาปแช่งเขาหรือเกลียดเขามากแค่ไหน แต่สุดท้ายพอได้มารู้จักกับเขาจริง ๆ มันก็ทำให้ผมได้เห็นอีกมุมของเขาที่ไม่เคยมีใครได้เห็น ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันนั้นไม่หูเบาเชื่อขนุน แล้วไม่ไปขโมยเห็ด วันนี้ผมกับพี่ปรงก็อาจจะเป็แค่คนแปลกหน้าต่อกันก็ได้
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะจริง”
“เื่ไหน”
“เื่เห็ดไง คงไม่ใช่แค่เื่แต่งแล้วล่ะมั้ง”
“ทำไมเหรอครับ”
“อยู่ดี ๆ พี่ก็รู้สึกไม่อยากไป เพราะพี่กินเห็ดของทานตะวันเข้าไปหรือเปล่า” พี่ปรงพูดออกมาแบบทีเล่นทีจริง แต่สีหน้าของเขากลับดูจริงจังมาก ผมนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะแกล้งหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ไปเถอะครับ อย่าทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็ตัวถ่วงในชีวิตพี่เลย”
“แล้วเื่ของเรามันจะเป็ยังไงต่อ”
มันจะไม่เป็ยังไงต่อ
ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผมกับพี่ปรงห่างกันไป ผมได้ไปนอนคิดทบทวนเื่ต่าง ๆ และพยายามจะหาทางออกให้กับปัญหานี้ แต่มันไม่มีทางไหนเลยที่จะไม่มีใครต้องเสียใจ ผมเลยตัดสินใจมาแล้วว่าผม้าแบบไหน และผมก็ยังไม่เคยพูดกับพี่ปรงตรง ๆ เลยว่าผมรู้สึกยังไงกับเขา อาจเป็เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อเขามันคืออะไรกันแน่ ตอนนี้ผมมั่นใจแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าพอพี่ปรงรู้แล้วเขาจะเสียใจกับมันหรือเปล่า
“พี่ปรง” ผมเอ่ยเรียกเขาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขา ไม่รู้ว่าเราสองคนยืนอยู่ตรงนี้กันมานานแค่ไหน แต่ไม่มีใครเดินสวนไปสวนมาเลยสักคนเดียว แถมยังมีลมเย็น ๆ พัดผ่านจนทำให้บรรยากาศตอนนี้มันดีสุด ๆ
“ว่าไง”
“ผมชอบพี่นะ” ผมตัดสินใจบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป และยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบอะไรกลับมา ผมก็ชิงพูดต่อเลย “ผมชอบเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน พี่เป็คนเดียวที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจมากที่สุด”
“พี่ดีใจนะที่ได้ยินแบบนี้”
“ผมไม่คิดเลยว่าเราจะมาชอบกันได้ เพราะตอนแรกพี่ดูเกลียดผมมากจริงๆ”
“พี่ไม่ได้เกลียดน้อง ตอนนั้นพี่ก็แย่ด้วยที่ชอบเข้าไปแกล้ง” พี่ปรงหัวเราะออกมาเสียงดังในตอนที่เขาได้ฟังผมพูด แววตาของเขาเริ่มเปลี่ยนไป จากตอนแรกที่เหมือนเขาจะดูเศร้านิด ๆ ตอนนี้เขาดูผ่อนคลายมากขึ้นจนผมเริ่มหนักใจ
“ผมเคยคิดนะว่าหลังจากที่ผมสารภาพกับพี่ไปแล้ว เราจะได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น เผื่อว่าในอนาคต ความสัมพันธ์ของเรามันจะพัฒนาไปได้มากกว่านี้อีก แต่เราไม่มีโอกาสนั้นเลย พี่ปรง”
“…”
พี่ปรงเหมือนเริ่มจะจับทางได้แล้วว่าผมจะพูดอะไรต่อ เขาหุบยิ้มแทบจะในทันที ผมเบือนหน้าหนีเขาไปทางอื่นเพื่อให้ตัวเองสามารถพูดต่อไปได้ เพราะถ้าผมยังสบตาเขาอยู่แบบนี้ ผมคงพูดไม่จบแน่ ๆ
“ผมว่าไม่เวิร์คหรอกพี่ เราไม่ได้ชอบกันมากขนาดที่ระยะทางมันจะไม่ใช่ปัญหา พี่เข้าใจใช่ไหม” ผมพูดออกไป และพยายามจะอธิบายให้พี่ปรงเข้าใจ แต่ผมได้ยินเสียงเขาพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด
“รู้ได้ไงว่าเราไม่ได้ชอบกันมากขนาดนั้น”
“ความสัมพันธ์ของเรามันเพิ่งจะเริ่มต้น แล้วพี่ก็กำลังจะได้ไปเจอสังคมใหม่ ๆ ไปเจอผู้คนอีกเยอะแยะมากมาย พี่อาจจะเจอคนที่พี่ชอบเขามากกว่าผมก็ได้ ผมไม่อยากกั๊กพี่ไว้”
“…”
“พี่ปรง ไม่ใช่ว่าผมรอพี่ไม่ได้นะ”
“…”
“แต่ผมว่าเราพอแค่นี้เถอะ”
ก่อนที่เราจะถลำลึกกันไปมากกว่านี้