“เ้ากำลังทำอันใด?”
จ้าวต้านเอ่ยถาม พลางหักของทุกอย่างแบ่งใส่ถ้วยตามที่เวินซีทำ
“ยาสระผม” เวินซีตอบ เพราะเวลามีกำจัด การเคลื่อนไหวในมือของนางจึงมิได้ช้าลงแม้แต่น้อย
จ้าวต้านแข็งแกร่งมาก เขาหักสมุนไพรเ่าั้ในมืออย่างง่ายดาย เมื่อเห็นเช่นนั้นเวินซีจึงนำสมุนไพรให้เขาจัดการ
ส่วนนางก็ลุกขึ้นไปจุดไฟ แล้วใช้หม้อใบใหม่ต้มน้ำ
“ยาสระผมคือสิ่งใด?” จ้าวต้านมองดูนางที่วิ่งวุ่นไปมาก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ใช้ทำความสะอาดผม ทำให้ผมแยกออกเป็เส้นๆ ไม่พันกัน” เวินซีตอบสั้นๆ
“ทำความสะอาดผมหรือ?” จ้าวต้านเลิกคิ้วพร้อมกับอยากรู้อยากเห็นมาก
ั้แ่เกิดมา เขาเพิ่งเคยได้ยินว่ามันมีวิธีดูแลเส้นผมด้วย
“การสระผมเป็สิ่งสำคัญมาก หากไม่สระให้สะอาด หนังศีรษะจะเกิดความคัน แห้งและชี้ฟู มันส่งผลต่อภาพลักษณ์ของผู้คน เื่พวกนี้ยังเล็กนะ แต่หากว่าผู้ใดเป็เหา...”
ขณะที่เวินซีพูดก็สั่นไปทั้งตัว
ดีที่นางใส่ใจกับการสระผมทุกครั้ง แม้ไม่มียาสระผมนางก็จะใช้น้ำข้าว ผมจึงไม่สกปรกเกินไป
จ้าวต้านตกตะลึงเมื่อได้ยิน ริมฝีปากบางๆ ของเขาเม้มเป็เส้น ไม่พูดอันใดอีก
ไม่นานนัก ส่วนประกอบของสมุนไพรทั้งหมดก็ถูกบดจนละเอียดและวางไว้
เวินซีแบ่งสมุนไพรออกเป็สามส่วนแล้วเทลงในหม้อเพื่อเคี่ยว นางเติมผงหอมกลิ่นต่างๆ ลงไปเพื่อให้ยาสระผมมีกลิ่นหอม
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วยาม ของเหลวในหม้อก็เริ่มข้นขึ้น เมื่อเห็นว่าได้ที่แล้ว นางจึงยกหม้อ แล้วตักของเหลวทั้งหมดออกมาใส่ในขวดกระเบื้องเคลือบ
ดูเหมือนจะไม่มาก แต่ยาสระผมทั้งสามหม้อสามารถใส่ในขวดกระเบื้องเคลือบได้ถึงหกร้อยกว่าขวด
เมื่อมองดูขวดที่อยู่บนพื้นและกลิ่นยาสระผมที่เป็เอกลักษณ์ เวินซีก็ดับไฟอย่างพอใจ
มันง่ายกว่าที่คิดไว้มาก นางทำสำเร็จภายในครั้งเดียว จึงตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้จะขายเพียงเท่านี้ก่อน
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางก็หยิบตะกร้าขึ้นมา แล้วค่อยๆ หยิบขวดกระเบื้องเคลือบวางลงไปในตะกร้า จ้าวต้านที่อยู่ข้างกายคอยช่วย ทั้งสองจึงจัดการกับยาสระผมเสร็จอย่างรวดเร็ว
เวินซีเหนื่อยมากจนเหงื่อออกไปทั้งตัว นางหยิบยาสระผมขวดหนึ่งที่มีกลิ่นลูกท้อมาเทใส่น้ำ จากนั้นก็ลุกขึ้นต้มน้ำ
“จะสระผมหรือ?” จ้าวต้านมองดูท่าทีของนางจึงถามขึ้น
เวินซีพยักหน้า “จะลองดูผลน่ะ”
“ข้าช่วยเ้าเอง”
“หือ?” เวินซีสงสัยว่าตนเองจะฟังผิด จึงมองเขาอย่างสงสัย
“ข้าจะช่วยเ้าสระผม” เขาพูดซ้ำอีกครั้ง
อยู่ด้วยกันมานานเช่นนี้ เขายังไม่เคยสระผมให้นางเลย วันนี้จึงเป็โอกาสดี
“ได้สิ” เวินซีมิได้คิดมาก นางตอบตกลงทันที
จ้าวต้านนำเก้าอี้สองสามตัวออกมาจากในห้องแล้วทำเป็เตียงชั่วคราวให้เวินซีนอนลง นางทำตามที่เขาบอกอย่างเชื่อฟัง
นางนอนบนผ้าขาวที่ปูไว้ ส่วนจ้าวต้านก็นั่งลงแล้วค่อยๆ ช่วยแกะมวยผม
ผมของเวินซีสยายลงมาทันใด จ้าวต้านนำหวีไม้มาหวีให้
หลังจากที่ต้มน้ำร้อนเสร็จแล้วเขาก็ใส่น้ำเย็นลงไปเล็กน้อย เทน้ำลงบนศีรษะของนาง เวินซีรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นก็ค่อยๆ หลับตาลง
มือของจ้าวต้านค่อยๆ กดนวดลงบนศีรษะของนางพร้อมกับยาสระผม ให้ความรู้สึกสบายเสียจนนางผ่อนคลายอย่างไม่รู้ตัว
มีทั้งฟองและกลิ่นลูกท้อโชยออกมาจางๆ จ้าวต้านแอบมองเวินซีแวบหนึ่ง รอยยิ้มของเขาก็อ่อนโยนมากยิ่งขึ้น
“ฟองพวกนี้ต้องล้างออกใช่หรือไม่?” เมื่อสระผมเสร็จเขาก็เอ่ยปากถาม
“อื้ม ล้างออกให้หมดอย่าให้เหลือนะ” เวินซีตอบ ก่อนที่น้ำอุ่นๆ จะเทลงมา
ไม่นานนักจ้าวต้านก็ช่วยนางสระผมเสร็จ เขาใช้ผ้าเช็ดผมให้ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีน้ำหยดลงมาแล้วจึงพยุงนางให้ลุกขึ้น
“เข้าไปในห้องเถิด ในห้องมีเตาผิง ไปผิงไฟเถิด ข้าใส่มันเทศลงไปด้วย ยามนี้มันน่าจะสุกแล้ว หากเ้าหิวก็หยิบทานได้เลย”
เพราะเกรงว่านางจะเป็หวัดอยู่ด้านนอก เขาจึงรีบพยุงนางเข้าไปในห้องทันที
ความอบอุ่นภายในเรือนได้เข้ามาห่อหุ้มร่าง ความหนาวเย็นพลันหายวับไปทันใด
จ้าวต้านปิดประตู พาเวินซีไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตาผิง แล้วเช็ดผมให้
“หอมมาก” เขาเอ่ยชมพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เมื่อได้กลิ่นหอมที่โชยออกจากเส้นผม
เวินซียิ้มด้วยสีหน้าสุขใจ
นี่คือผลลัพธ์ที่นาง้า
“พรุ่งนี้เปิดร้าน ข้าขอพาเอ้อเอ้อร์ไปด้วยได้หรือไม่?” เมื่อเขาเช็ดผมเสร็จ นางก็หันหน้าไปถามจ้าวต้านที่ยืนอยู่ด้านหลัง
คนในเมืองไม่เคยรู้จักยาสระผมมาก่อน เวินซีเกรงว่าจะไม่มีผู้ใดมาซื้อ หากพาเอ้อเอ้อร์ไปแล้วสระผมของนางให้ดูต่อหน้าทุกคน อาจเป็การโฆษณาที่ดีที่สุด
“พาซันซานไปด้วยสิ ข้าก็จะไปกับเ้าด้วย”
“ยาสระผมของเ้าเป็ของดี ข้าเกรงว่าวันพรุ่งเ้าจะต้องยุ่งมาก” เขากล่าวเสริม
“เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด จริงสิ ท่านคิดว่าเราจะย้ายไปยังร้านที่ข้าซื้อวันนี้ดีหรือไม่ ที่นั่นใหญ่กว่าที่นี่มาก” เวินซีเอ่ยถามขึ้นมา นางคิดเื่นี้มานานแล้ว
“ไม่ต้องย้ายหรอก ที่นี่ก็ดีแล้ว”
“ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องย้ายหรอก”
พวกเขามีเวลาว่างหลังจากที่สระผมเสร็จ จึงได้ทำเื่ที่ตนเองตั้งใจไว้
จนถึงตอนกลางดึก ในขณะที่ทั้งสองกำลังจะปิดไฟพักผ่อน ก็มีเสียงเคาะหน้าต่างดังขึ้น
เวินซีเดินไปอย่างระวังตัว แล้วเปิดหน้าต่างออกเล็กน้อย
ทันทีที่เปิดออกก็มีนกพิราบสีเทาขาวตัวเล็กๆ บินมาเกาะไหล่ของนางทันที
เวินซีหันไปดูและเห็นว่ามีจดหมายอยู่ที่ขาของมัน จึงเอื้อมมือออกไปหยิบ
ก่อนจะพบว่าจดหมายเป็ของโจวอวี่ชาง
เขาไปถึงเมืองแห่งหนึ่งได้สำเร็จ และเปิดร้านเครื่องหอมที่นั่นด้วย ธุรกิจเป็ไปได้สวย เพียงแค่วันเดียวก็สามารถทำกำไรได้เกือบร้อยตำลึง
ส่วนยียีมีอาการดีขึ้นหลังจากที่ย้ายออกไป ยามนี้เขาเริ่มไปสำนักศึกษาได้แล้ว
ทุกอย่างกำลังไปได้ดี เมื่อเห็นเช่นนี้เวินซีก็คลายความกังวล
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่ต้องกังวลนะเ้าคะ” นางเขียนประโยคนี้พลันใส่ลงกล่องจดหมายของนกพิราบ
นกพิราบเอียงคอมองดูนาง แต่ยังมิได้บินออกไป
เวินซีนึกว่ามันไม่รู้จะออกไปเช่นไร จึงเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้น
ไม่คิดเลยว่ามันจะบินเข้าไปด้านในห้องและหยุดลงที่โต๊ะ
“นกพิราบเป็อันใดไปเ้าคะ?” เวินซีมองจ้าวต้านเพื่อขอความช่วยเหลือ
“น่าจะหิว หรือไม่ก็หิวน้ำล่ะนะ รอประเดี๋ยว”
จ้าวต้านหยิบถุงอาหารนกพิราบออกมาจากอก ก่อนจะเทลงบนโต๊ะแล้วรินน้ำให้มันถ้วยหนึ่ง
มันทานอาหารจนหมดอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็บินออกไปทางหน้าต่าง พลันหายไปในความมืด
“พักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ยังมีเื่ที่ต้องทำมากมาย” เวินซีปิดหน้าต่างแล้วเดินไปที่เตียง
“อื้ม พักผ่อนเถิด” จ้าวต้านดับตะเกียง ทั้งห้องพลันตกอยู่ในความเงียบสงบ
ในขณะนั้นบนหลังคา สืออีที่มองดูทั้งสองอยู่ตลอดเวลากำมือแน่น เมื่อเห็นว่าตะเกียงดับลง เขาก็ย่องออกไปที่ห้องเก็บฟืน
หลานเยว่เฉิงเห็นเขามาก็มิได้แปลกใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็เช่นนี้
“คิดดีแล้วหรือ?”
“หากข้าช่วยท่าน ท่านจะไว้ชีวิตคุณหนูเวินซีได้หรือไม่? นางเป็คนดี”
“เื่นี้เ้ามิต้องพูดข้าก็คิดไว้อยู่แล้ว หากนางยอมรับใช้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตนาง แต่หากนางจะช่วยจ้าวต้าน ข้าก็ทำได้เพียงต้องฆ่านาง ตอนนี้เ้าไปดับธูปเสีย” หลานเยว่เฉิงพูดอย่างสบายใจ
สืออีเดินไปที่ธูปแล้วดับมันลง