ภาพทิวทัศน์ราชันผู้พิชิตชมดวงอาทิตย์อันสวยงามถูกหลัวเลี่ยทำลายด้วยกวีเพียงหนึ่งบทนั้น และความใของหญิงสาวทั้งสองก็ถูกทำลายลงเช่นกัน
ในตอนเช้า ซูชิวเชิงก็กลับมาพร้อมกับเหล่าองครักษ์
หลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงทำได้เพียงเก็บด้านที่น่าใของหลัวเลี่ยในค่ำคืนนี้ไว้ในใจ แต่สายตาที่พวกนางมองหลัวเลี่ยได้เปลี่ยนไปแล้ว
บางทีพวกนางอาจกำลังเห็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตอยู่
ด้วยความงุนงง หลิวหงเหยียนรู้สึกว่าบางทีหลัวเลี่ยอาจได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการเดินทางลับๆ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้
หลังจากกินมื้อเช้าอย่างเร่งรีบ พวกเขาก็ออกเดินทางอีกครั้ง
สถานที่นี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง ดังนั้นจึงไม่มีการหยุดพักระหว่างเดินทาง เมื่อใกล้ค่ำก็ถึงเมืองหลวง
เป็ครั้งแรกที่หลัวเลี่ยเข้ามาในเมืองหลวง เขารู้สึกแปลกใหม่
เมืองหลวงของแคว้นเป่ยสุ่ยค่อนข้างรุ่งเรือง ผู้คนเดินกันขวักไขว่
หลังจากเข้าเมืองหลวง หลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงก็แยกออกไป ตัวตนของพวกนางสูงส่ง ไม่อาจให้ผู้อื่นพบเจอได้
หลัวเลี่ยลงจากรถม้า เดินนำพาซูชิวเชิงและทหารองครักษ์ไปเดินเล่นในเมืองหลวงเพื่อชมทิวทัศน์ที่แปลกตา และในขณะเดียวกันก็ถามซูชิวเชิงบ้างเป็ครั้งคราว
จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน หลัวเลี่ยก็ก้าวเข้าไปในบ้าน ‘ของเขา’ จวนอ๋องหนานหลี่
หลิวหงเหยียนสวมมงกุฎและเสื้อคลุมัดำที่เป็เอกลักษณ์ของแคว้นเป่ยสุ่ย นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ัหยกสีขาว นางดูไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ให้ความรู้สึกของความกล้าหาญ ความสง่างามมากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงขาม
เสวี่ยปิงหนิงอยู่ไม่ห่างกัน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ยืนสงบนิ่งราวกับดอกบัวหิมะอายุพันปีอยู่ข้างๆ หลิวหงเหยียน
และฝั่งตรงข้ามเป็ชายวัยกลางคน ตัวสูง สวมชุดคลุมทางการ ดวงตาคมกริบ จมูกตรง ปากทรงสี่เหลี่ยม และหนวดเคราสั้นสามเส้น บุคคลนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็ผู้ที่สร้างความกดดันให้จักรพรรดินีหลิวหงเหยียน เขาเป็หนึ่งในสองอ๋องแห่งแคว้นเป่ยสุ่ยที่มีนามสกุลต่างกัน คืออ๋องชวนหลง นามรองชงโหวหู่ ซึ่งเป็ที่รู้จักกันดีในเื่ความดุร้าย!
“ข้าปิดตำหนักมาหลายวัน อ๋องชวนหลงมาขอเข้าพบข้าหลายครั้ง รบกวนข้าเช่นนี้ มีเื่อันใด” เสียงของหลิวหงเหยียนเ็าด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
ชงโหวหู่ไม่ได้รับผลกระทบจากความเ็าของหลิวหงเหยียนเลย รอยยิ้มจางๆ ปรากฏตรงมุมปากของเขา ดูเหมือนจะเยาะเย้ยเพิกเฉยต่อความโกรธของหลิวหงเหยียน “ข้าจะกล้ารบกวนพระองค์ได้อย่างไร เพียงแต่เื่นี้เป็เื่ใหญ่”
ต่อหน้าจักรพรรดินีกล้าเรียกแทนตนเองว่าข้า ไม่ใช้หม่อมฉัน นี่คือความหยิ่งทะนงของชงโหวหู่
หลิวหงเหยียนกล่าว “พูดมา!”
“ข้าแก่แล้ว และเมื่อเร็วๆ นี้ก็รู้สึกเหนื่อยล้า ดังนั้นข้าจึงอยากออกจากตำแหน่งหัวหน้าของคณะผู้นำาุโ” หลังจากชงโหวหู่พูดจบ รอยยิ้มตรงมุมปากของเขาก็ยกสูงขึ้น
หลิวหงเหยียนตกตะลึง
แม้แต่ใบหน้าที่เ็าของเสวี่ยปิงหนิงก็คล้ายจะเป็น้ำแข็งที่ถูกละลาย
คณะผู้นำาุโประกอบด้วยเหล่าเชื้อพระวงศ์แห่งแคว้นเป่ยสุ่ย ซึ่งเป็กลุ่มคณะเดียวที่มีสิทธิ์ยกเลิกคำสั่งของกษัตริย์ หรือแม้แต่ยกเลิกตำแหน่งกษัตริย์
ั้แ่จักรพรรดิพระองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ และหลิวหงเหยียนขึ้นครองบัลลังก์ ชงโหวหู่ก็สามารถควบคุมขุนนางและสร้างคนของตนเองโดยพลการ และยังมีความเป็ไปได้ที่จะโค่นล้มแคว้นเป่ยสุ่ย โดยมีเหตุผลสนับสนุนสองประการ
ประการแรก อ๋องหนานหลี่ที่สามารถคานอำนาจกับอ๋องชวนหลงชงโหวหู่ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว
ประการที่สอง ในมือของชงโหวหู่ยังมีคณะผู้าุโอยู่
นานแล้วที่หลิวหงเหยียน้าถอดชงโหวหู่ออกจากตำแหน่งหัวหน้าของคณะผู้าุโ และเปลี่ยนแปลงคณะผู้าุโ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะแสดงความสามารถของนางได้ แต่ก็เป็เพียงความคิด ที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้า และตอนนี้นางก็ไม่้าให้ชงโหวหู่ลาออกเอง
“อ๋องชวนหลงมีความประพฤติดีตลอด ข้าเข้าใจอะไรผิดหรือไม่” หลิวหงเหยียนพูดอย่างราบเรียบ นางไม่ได้ยินดี เพราะนางรู้ว่าชงโหวหู่เป็หมาป่า และจะไม่มีวันละทิ้งตำแหน่งที่สำคัญอย่างหัวหน้าคณะผู้าุโแน่นอน
ชงโหวหู่ยิ้ม “ข้าถูกเข้าใจผิดจนชินแล้ว ท้ายที่สุดอ๋องที่มาจากต่างสกุลควรทำงานหนักเพื่อบ้านเมือง และไม่ควรเหมือนลูกหลานของอ๋องหนานหลี่ที่ไม่ทำอะไรเลย นี่เป็การดูิ่บ้านเมืองและดูิ่พระองค์ ดังนั้นข้าคิดว่าควรยกเลิกสิทธิสืบทอดบัลลังก์อ๋องหนานหลี่ให้หลัวเลี่ย แล้วเลือกคนอื่นที่โดดเด่นขึ้นมาเป็อ๋องหนานหลี่แทน นี่ก็เพื่อประโยชน์ของแคว้นเป่ยสุ่ย”
ที่แท้ก็เป็การถอยเพื่อะโไปข้างหน้า
หลิวหงเหยียนเข้าใจความทะเยอทะยานของชงโหวหู่ในทันที
แม้ว่าอ๋องหนานหลี่จะจากไปแล้ว แต่เมื่อตอนที่ยังมีชีวิตเขามีสหายสนิทมากมาย เลื่อนตำแหน่งทางการทหารให้หลายคน อาจกล่าวได้ว่าแม้เขาจะจากไปแล้วหลายปี แต่อิทธิพลของชงโหวหู่ในกองทัพก็ถือว่ายังตามหลังอยู่มาก นี่เป็หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ชงโหวหู่ไม่กล้าที่จะฏต่อองค์จักรพรรดิ
ตอนนี้ชงโหวหู่้าอ๋องหนานหลี่คนใหม่อีกครั้ง เขาต้องเลือกคนของตนเป็แน่ สิ่งนี้จะสามารถวางรากฐานให้เขาแทรกซึมเข้าไปในกองทัพได้อย่างสมเหตุสมผล แม้ว่าเขาจะสละตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้าุโ แต่การที่เขาบริหารคณะผู้าุโมาหลายปี ชงโหวหู่อาจเตรียมการรับมือในเื่นี้มาแล้ว
หลิวหงเหยียนจ้องมองอย่างเ็า นางอยากจะฉีกชงโหวหู่เป็ชิ้นๆ
ชงโหวหู่พูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “หากพระองค์ไม่เห็นด้วย เช่นนั้นก็คงต้องเป็ทางคณะผู้าุโออกหน้าแล้ว”
เขากำลังข่มขู่
พลังของคณะผู้าุโนั้นมีมากพอที่จะเลือกคนอื่นขึ้นเป็อ๋องหนานหลี่
ชงโหวหู่กำลังกดดันทุกทาง
“อ๋องชวนหลง เื่นี้ขอข้าขอคิดให้รอบคอบก่อน” หลิวหงเหยียนพูดอย่างเ็า
“นั่นคือสิ่งที่พระองค์ควรทำ” ชงโหวหู่กล่าว “หวังว่าพระองค์จะเห็นด้วย”
หลิวหงเหยียนพูดอย่างเ็า “ท่านจะใช้แรงขับเคลื่อนของคณะผู้าุโ ข้าจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร”
ชงโหวหู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พระองค์ฉลาดจริงๆ!”
ใบหน้าของหลิวหงเหยียนแดงก่ำด้วยความโกรธ นิ้วของนางกลายเป็สีขาวจากการถูกบีบ นางกัดฟัน และพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “ท้ายที่สุดแล้วอ๋องหนานหลี่ได้สร้างความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา และเขาได้ช่วยชีวิตข้าไว้ จะเป็ไปได้อย่างไรหากเราไม่ให้โอกาสลูกชายเพียงคนเดียวของอ๋องหนานหลี่อย่างหลัวเลี่ย หากเป็เช่นนั้นคนทั้งแคว้นเป่ยสุ่ยคงได้สาปแช่งข้า”
“ความหมายของพระองค์คือ?” ชงโหวหู่ถาม
“แค่ให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง” หลิวหงเหยียนกล่าว “ให้เข้าร่วมบททดสอบแห่งผู้พิชิตในอีกครึ่งเดือน หากเขาสามารถผ่านการทดสอบได้สามครั้ง เขาจะสามารถรักษาสิทธิในการสืบทอดต่อไปได้ แต่หากเขาล้มเหลว สิทธิในการสืบทอดจะถูกยกเลิก ท่านคิดว่าเป็อย่างไรอ๋องชวนหลง?”
ชงโหวหู่ไม่คิดอะไรเกี่ยวกับเื่นี้ เขายิ้มและพูดว่า “ข้าเห็นด้วย แต่ไม่ว่าหลัวเลี่ยจะผ่านหรือไม่ ข้าจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าของคณะผู้าุโ”
หลิวหงเหยียนพยักหน้าด้วยสีหน้าเ็า “ไม่เป็ไร ท่านไปเถอะ”
“ข้าขอตัวลา”
ชงโหวหู่ไม่แม้แต่จะก้มหัว เขาหันหลังกลับและเดินออกไป ทว่าก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องโถง เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าเขาเป็ผู้ควบคุมทุกสิ่ง
หลังจากที่เขาจากไป ความโกรธบนใบหน้าของหลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงก็เปลี่ยนเป็รอยยิ้ม
“หงเหยียนฉลาดมาก!” เสวี่ยปิงหนิงยกนิ้วให้
ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวทั้งสองคนนั้นไม่เปลี่ยนแปลง เมื่ออยู่ในพื้นที่ส่วนตัวพวกนางจะปฏิบัติต่อกันและกันเหมือนเป็พี่น้อง
หลิวหงเหยียนเม้มริมฝีปาก ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “ชงโหวหู่คงคิดไม่ถึงว่าตอนนี้หลัวเลี่ยไม่ได้เป็อย่างที่เคยเป็ คนอื่นๆ มีวรยุทธ์ระดับสามของทักษะผู้พิชิต หรือพลังการฝึกร่างกายระดับหก แต่หลัวเลี่ยฝึกเคล็ดวิชาั์ได้ถึงระดับสาม และยังฝึกทักษะหมัดผู้พิชิตได้ถึงระดับถ่องแท้ มีความแข็งแกร่งพอที่จะผ่านสามด่าน ข้าจะรอดูว่าเมื่อหลัวเลี่ยผ่านสามด่านได้แล้ว ชงโหวหู่จะมีทีท่าอย่างไร”
เสวี่ยปิงหนิงถอนหายใจ “ใครจะคิดว่าหลัวเลี่ยซึ่งอายุเพียงสิบหกปี จะสามารถมีอิทธิพลต่อทิศทางของแคว้นเป่ยสุ่ยได้”
ชงโหวหู่กลับมาที่จวนอ๋องชวนหลงนั่งอยู่กลางห้องโถง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจอย่างปิดไม่มิด
ชงจ้านหยวนลูกชายคนสุดท้อง และเป็คนเดียวในบรรดาลูกชายและลูกสาวที่เขาจำได้ก็รีบเข้ามาทันที
เมื่อเห็นท่าทางที่ภาคภูมิใจของชงโหวหู่ ชงจ้านหยวนก็แสดงความยินดีกับเขา และกล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับท่านพ่อของข้าที่จะขึ้นครองราชย์ในเร็วๆ นี้!”
“ฮ่าๆ...”
ชงโหวหู่หัวเราะเสียงดัง “อย่าพูดเช่นนั้น หากจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันมาได้ยินเข้าจะไม่ดี”
สองพ่อลูกมองหน้ากันแล้วยิ้มกว้าง ไม่ห้ามกันอีก