หลังจากมู่เฟิงฝึกฝนไปได้สักพักแล้ว เขาก็ตัดสินใจไปยังโรงม้าของตระกูลมู่ต่อ ก่อนจะเลือกม้าพันธุ์ดีมาหนึ่งตัว จากนั้นจึงได้เตรียมคันธนู ลูกศร อาหารแห้ง แผนที่และข้าวของสำหรับการเดินทางอย่างอื่น เด็กหนุ่มกำลังเตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปยังหุบเขาอัคคีด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าทั้งไป๋จื่อเยว่และมู่ขวงต่างก็โวยวายขอติดตามไปด้วย เมื่อไม่มีทางเลือกมู่เฟิงจึงจำใจต้องให้พวกเขาเดินทางไปด้วยกัน นอกจากนี้อาการาเ็ของมู่ขวงก็เกือบจะหายดีแล้วด้วย
ทั้งสามคนต่างก็ควบม้าเร็วมุ่งหน้าไปยังประตูทิศตะวันตกของเมืองอันหนาน พวกเขาควบม้าไปบนถนนสายหลักตามเส้นทางบนแผนที่ โดยปลายทางคือหุบเขาอัคคี
บนถนนยังคงมีกองหิมะสีขาวปุยปกคลุมอยู่ เนื่องจากเพิ่งผ่านพ้นวันปีใหม่ไปได้ไม่นาน ด้วยเหตุนี้หากเทียบกับยามปกติจึงมีผู้คนสัญจรไปมาบนท้องถนนค่อนข้างน้อย แม้แต่ขบวนคาราวานก็ยังพบเห็นได้น้อยมาก
เส้นถนนทอดตัวยาวเหยียดถูกปกคลุมด้วยหิมะจนกลายเป็สีขาวโพลน แม้จะมองออกไปจนสุดลูกหูลูกตาก็ยังเห็นไม่แม้แต่เงาของผู้คน ดังนั้นบนถนนจึงค่อนข้างเงียบเหงา ดูแล้วบรรยากาศในตอนนี้ช่างคล้ายคลึงกับบทบรรยายในบทประพันธ์ที่ว่า พันขุนเขากลับไร้นกบิน เส้นทางนับหมื่นกลับไร้รอยเท้าคน
“พี่เฟิง ข้าเคยได้ยินเื่ของหุบเขาอัคคีจากมู่ลี่มาบ้างแล้ว เขาเล่าว่าที่นั่นมีูเาไฟลูกหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีเผ่าปีศาจด้วย ั้แ่ข้าเกิดมาจนถึงตอนนี้ข้ายังไม่เคยเห็นูเาไฟและเผ่าปีศาจมาก่อนเลย”
มู่ขวงพูดเสียงดัง ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนได้ควบม้าขึ้นมาเคียงกันแล้ว ลมจากทิศเหนือพัดผ่านใบหูดังหวีดหวิวราวกับเสียงกรีดของคมมีด ทำให้เส้นผมยาวสลวยปลิวสะบัดไปตามแรงลม
“ใช่แล้ว ข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นูเาไฟและเผ่าปีศาจมาก่อน โดยเฉพาะเผ่าปีศาจ ข้าไม่รู้เลยว่าพวกเขามีหน้าตาเป็อย่างไร”
ไป๋จื่อเยว่กล่าวขึ้นด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ข้าเคยเห็นูเาไฟมาก่อนแล้ว ส่วนเผ่าปีศาจข้าก็เคยเห็นตอนอยู่ที่เมืองหลวง ระหว่างเผ่าปีศาจกับอสูรร้ายนั้นมีรูปลักษณ์ที่ไม่ต่างกันมากนัก เพียงแต่ภายในร่างกายของพวกมันจะมีพลังปีศาจอยู่ และพวกมันยังสามารถแปลงเป็มนุษย์ได้ด้วย”
“ข้าเคยได้ยินท่านพ่อบอกว่าในเวลาที่พวกมันแปลงกายเป็มนุษย์พลังของพวกมันจะต่างจากยามปกติ ดังนั้นเผ่าปีศาจส่วนใหญ่จึงชอบที่จะอยู่ในร่างเดิมของตนมากกว่า อีกทั้งเวลาที่แปลงกายเป็มนุษย์ยงทำให้สิ้นเปลืองพลังปีศาจในร่างอีกด้วย”
มู่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พี่เฟิง เผ่าปีศาจเก่งกาจหรือไม่ขอรับ?”
ไป๋จื่อเยว่ถามขึ้น
“ข้าไม่เคยสู้กับเผ่าปีศาจมาก่อน ดังนั้นข้าจึงไม่รู้แน่ชัด แต่ในใต้หล้านี้ระหว่างเผ่าปีศาจกับผ่ามนุษย์ต่างก็อยู่ในสถานะที่ทัดเทียมกัน ทั้งยังตั้งตัวเป็ปรปักษ์ต่อกันด้วย ดังนั้นหากถามถึงความแข็งแกร่ง พวกเขาย่อมต้องแข็งแกร่งอยู่แล้ว เพียงแต่ในอาณาจักรหนานหลิงนี้มีเผ่าปีศาจดำรงอยู่ไม่มากนัก ข้าได้ยินมาว่ามีสถานที่แห่งหนึ่งที่เป็แหล่งชุมนุมของพวกปีศาจ ซึ่งสถานที่แห่งนั้นเรียกขานกันว่าหวงโจว”
มู่เฟิงอธิบาย อาณาจักรหนานหลิงนั้นเป็อาณาจักรของมนุษย์ แม้จะมีเผ่าปีศาจดำรงอยู่ แต่พวกเขาก็อาศัยอยู่ภายในูเาลึกหรือป่าโบราณเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็เื่ยากที่จะได้พบเจอกับพวกเขาสักครั้ง
“รับไป อากาศหนาวมากแล้ว จิบสุราให้ร่างกายอุ่นขึ้นเสียหน่อย”
มู่เฟิงนำถุงสุราสองถุงออกมาจากแหวนเฉียนคุน เขาโยนมันให้กับไป๋จื่อเยว่และมู่ขวงคนละถุง จากนั้นเด็กหนุ่มก็ยกถุงสุราของตัวเองขึ้นจิบในทันใด
ขณะนี้เด็กหนุ่มทั้งสามกำลังจิบสุราพร้อมกับควบม้าเร็วมุ่งหน้าไปยังหุบเขาอัคคีไปด้วย
สองข้างทางของถนนสายหลักคือป่าสนที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ระหว่างทางมีขบวนคาราวานกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้า ในกลุ่มคาราวานนั้นมีจำนวนคนมากกว่าสิบคน มีรถม้าจำนวนสามคัน และดูเหมือนว่ารถม้าจะกำลังลากดึงอะไรบางอย่างอยู่
ภายในป่าที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะมีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องไปยังขบวนคาราวานกลุ่มนี้
“โจมตี!”
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว...!
ทันใดนั้นก็มีเสียงของอะไรบางอย่างพุ่งทะลวงผ่านอากาศดังขึ้น ห่าธนูอันแหลมคมจำนวนหลายดอกพลันพุ่งออกมาจากภายในป่า
ฉึก!
ฉับพลันนั้นชายผู้หนึ่งที่กำลังควบม้าอยู่ในขบวนก็ส่งเสียงร้องออกมา เขาถูกลูกธนูยิงเข้าที่สีข้างจนตกจากหลังม้า
ฉึก!
มีผู้เคราะห์ร้ายอีกคนถูกยิงเข้าที่ศีรษะโดยตรงและเสียชีวิตในทันที
และเพียงชั่วพริบตา ชายสี่คนก็ถูกลูกธนูยิงจนตกจากหลังม้าแล้ว
“แย่แล้ว มีโจรดักปล้น!”
ชายผู้หนึ่งะโออกมาเสียงดัง ในขณะที่คนอื่นๆ ก็รีบะโลงจากหลังม้าทันที พวกเขารีบชักดาบและกระบี่ออกมา จากนั้นก็หันหลังชนกัน ก่อนจะกวาดตามองไปยังผืนป่าที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะด้วยท่าทางระแวดระวัง
“ฮ่าๆ ๆ ๆ มารดามันเถอะ รอตั้งนานในที่สุดก็มีเนื้อมาให้เขมือบเสียที”
เสียงหัวเราะดังออกมาจากป่าเขา จากนั้นกลุ่มคนจำนวนมากกว่ายี่สิบคนก็กระโจนออกมาจากป่าในทันที
คนเ่าั้ต่างก็สวมชุดที่ทำขึ้นจากหนังของสัตว์อสูร ขณะที่บนหัวของพวกเขากำลังสวมขวานสีดำ ทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเขาดูห้าวหาญและดิบเถื่อน ทุกคนต่างก็ถือดาบและกระบี่เอาไว้ในมือ
ในหมู่พวกเขามีชายร่างใหญ่ในชุดสีดำคนหนึ่งกำลังขี่อยู่บนหลังของสุนัขล่าเนื้อสีเทาตัวใหญ่ั์ ชายผู้นี้มีรูปร่างสูงกำยำ ใบหน้าอ้วนท้วน มือจับขวานด้ามยาวพาดไว้บนบ่า สายตาที่จ้องมองมานั้นเต็มไปด้วยความดุร้ายและเหี้ยมโหด
ชายร่างใหญ่ในชุดสีดำเดินนำกลุ่มโจรออกมาพร้อมกับขวานในมือ เขามองไปยังขบวนรถ ก่อนจะพูดเยาะเย้ยว่า “ในรถคันนี้มีอะไร?”
“ไอหยา นายท่าน นี่เพิ่งเริ่มต้นปีใหม่ ขอท่านโปรดเมตตาสักครั้งได้หรือไม่ บนรถนี้มีเพียงอาหารไร้ราคาเท่านั้น”
ชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัดในชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินก้าวมาข้างหน้า ก่อนจะกล่าวอย่างนอบน้อมด้วยรอยยิ้ม
“อาหาร? ฮึ่ม มานี่ มาเปิดให้ข้าดู”
หัวหน้าโจรป่ากล่าวขึ้นเสียงเย็น ใบหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
สมุนโจรผู้หนึ่งก้าวออกมาข้างหน้า และใช้ดาบในมือกรีดผ้าใบด้านนอกรถม้าจนขาดเป็ทางยาว จากนั้นจึงพบว่าบนรถม้าเต็มไปด้วยกล่องสมุนไพร แต่ไม่มีสมุนไพรที่มีราคาเลยสักนิด พวกมันล้วนเป็เพียงสมุนไพรขั้นหนึ่งเท่านั้น
“หัวหน้า เป็สมุนไพรขอรับ”
สมุนโจรหยิบสมุนไพรออกมา ก่อนจะกล่าวรายงาน
“อาหารมารดาเ้ารึ บังอาจโกหกข้า”
หัวหน้าโจรป่าขุ่นเคืองเป็อย่างมาก เขาเตะเท้าไปยังลำตัวของชายวัยกลางคนผู้นั้นทันที ทำให้ร่างของอีกฝ่ายกระเด็นออกไปไกลหลายเมตรและร่วงลงบนพื้น
“รถม้าขนสมุนไพรตั้งสามคัน อย่างน้อยก็คงมีมูลค่าหลายพันเหรียญตำลึงทอง หึๆ พี่น้องของข้า ชิงมันมาให้หมด”
หัวหน้าโจรป่าหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นพวกสมุนโจรทั้งหลายก็รีบเข้ามาเคลื่อนย้ายสมุนไพรเ่าั้ทันที
“นายท่าน โปรดเมตตาสักครั้งเถอะ ท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้ พวกเราทุกคนต่างก็ต้องพึ่งพาสมุนไพรเหล่านี้เพื่อปากท้อง”
ชายวัยกลางคนรีบคลานเข้าไปกอดขาหัวหน้าโจรป่าก่อนจะเว้าวอนออกมา
“พี่น้องของเหล่าจือก็ทำเพื่อปากท้องเช่น ฉะนั้นรีบไสหัวไป หากเ้ายังพูดมากข้าจะสังหารเ้าเสีย”
หัวหน้าโจรป่าเตะชายผู้นั้นออกไปอีกครั้ง
ฟิ้ว!
แต่ทันใดนั้นเอง ศรธนูอันแหลมคมก็พุ่งทะลวงผ่านอากาศมาจากระยะไกล สมุนโจรผู้หนึ่งที่กำลังเคลื่อนย้ายสมุนไพรกรีดร้องออกมาอย่างน่าสงสาร เขาถูกลูกธนูยิงทะลุเข้ากลางหลัง ร่างของเขาทรุดลงบนพื้นก่อนจะเสียชีวิตในทันที
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
จากนั้นลูกศรแหลมคมอีกสามดอกก็ถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมุนโจรอีกสามคนถูกยิงตายในทันที
“ใครกัน?”
สีหน้าของพวกโจรป่าพลันเปลี่ยนไป จากนั้นพวกเขาก็มองไปบนถนน ก่อนจะพบว่าสุดปลายทางนั้นมีเด็กหนุ่มสามคนกำลังควบม้าเร็วตรงเข้ามา โดยหนึ่งในนั้นถือคันธนูไว้ในมือ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็คนยิงลูกศรเมื่อครู่ออกมา
พวกมู่เฟิงควบม้าเร็วตรงเข้ามาจ้องมองกลุ่มโจรป่าด้วยสายตาแข็งกร้าว จากนั้นมู่เฟิงก็กล่าวขึ้นอย่างเ็าว่า “เพิ่งผ่านปีใหม่มาได้ไม่นานก็คิดจะปล้นชิงคนอื่นกลางวันแสกๆ แล้ว พวกเ้าเห็นกฎหมายเป็อะไรกัน”
ใบหน้าของหัวหน้าโจรป่าพลันมืดครึ้มลง เขาหันไปมองลูกสมุนทั้งสี่คนที่ถูกลูกศรยิงตาย จากนั้นเขาก็ตวัดสายตาไปทางมู่เฟิงและกล่าวอย่างเ็าว่า “ไอ้หนู เื่ที่ไม่ควรยุ่งก็อย่าได้สอดมือเข้ามา แต่ในเมื่อเ้าสังหารคนของข้าไปแล้ว เช่นนั้นก็จงตายไปพร้อมกับพวกเขาเถอะ สังหารเ้าเด็กสามคนนี้ให้ข้า”
เมื่อหัวหน้าโจรป่าออกคำสั่ง เหล่าสมุนโจรทั้งหลายก็ร้องคำรามและพุ่งกระโจนไปทางเด็กหนุ่มทั้งสามทันที
ไป๋จื่อเยว่และมู่ขวงหัวเราะเยาะ พวกเขาดึงดาบและกระบี่ของตัวเองออกมา จากนั้นทั้งคู่ก็กระโจนเข้าหากลุ่มโจรป่าโดยไม่รีรอ
มู่ขวงะโขึ้นกลางอากาศก่อนจะฟาดดาบเข้าใส่สมุนโจรผู้หนึ่งอย่างดุดัน โจรผู้นั้นรีบยกดาบขึ้นมากันเอาไว้ แต่ดาบของเขากลับถูกดาบปราณขั้นหนึ่งของมู่ขวงตัดขาดในทันที ส่งผลให้ร่างของเขาถูกผ่าออกเป็สองส่วน เืสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
จากนั้นมู่ขวงก็เหวี่ยงดาบของเขาออกมาอีกครั้ง ปราณดาบสีน้ำเงินพลันกวาดไปทางโจรป่าอีกคนที่กำลังพุ่งเข้ามา
ด้านไป๋จื่อเยว่ก็ชักกระบี่เล่มยาวออกมาจากเอวของเขา โจรผู้หนึ่งมองเห็นเพียงประกายแสงกระบี่สีขาวแวววาว โดยไม่ทันรู้ตัวศีรษะของเขาก็ถูกฟันแยกออกจากร่างเสียแล้ว ก่อนที่เืสีแดงสดจะพุ่งกระจายออกมา
จากนั้นเด็กหนุ่มก็กวัดแกว่งกระบี่ในมืออย่างรวดเร็ว จนปรากฏเงาร่างกระบี่หลายเล่มพุ่งทะลวงออกมา ทำให้โจรอีกสองคนที่กำลังกระโจนเข้ามาหาเขาถูกคมกระบี่เ่าั้ทะลวงผ่านลำคอจนร่างของพวกเขาทรุดลงนอนเสียชีวิตบนพื้น
ระดับวรยุทธ์ของโจรป่าเ่าั้ไม่ได้สูงมากนัก ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงจะไม่เลือกอาศัยอาชีพนี้ในการหาเลี้ยงตนเอง