“กัวไฮว่ ที่นี่บ้านตระกูลมู่หรงนะ เธอไม่ควรทำแบบนั้น” มู่หรงกูทนพูดออกมาไม่ได้
“เขาเป็คนของตระกูลหนานกง เดิมชื่อหนานกงชิวคุณสอบประวัติคนมาได้แย่มากเลยนะ” กัวไฮว่พูดพลางส่ายศีรษะ “ถ้าผมไม่ฆ่าเขาตอนนี้ คุณก็จะไม่มีโอกาสลงมืออีกแล้วเพราะหนานกงเชี่ยนเมียคุณไม่ยอมให้คุณลงมือกับลุงแท้ๆ ของเธอแน่ครั้งนี้ถือว่าผมช่วยคุณได้เยอะมากเลยนะ” พูดจบกัวไฮว่ก็เดินเข้าไปในห้องของมู่หรงหลงอีกครั้ง
เสียง “เพล้ง!” ดังขึ้น แก้วน้ำที่อยู่ในมือของกัวไฮว่ถูกบีบจนแตก “หนานกงเชี่ยน...”
“นายท่าน ไม่ทราบเรียกผมมามีอะไรเหรอครับ” ชายวัยกลางคนหน้าตาสะอาดสะอ้านคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้ามู่หรงกูเขาเหลือบมองชิวอี้เจินที่นอนอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เมิ่งจวง เธออยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว” มู่หรงกูนั่งบนโซฟาหันหลังถามชายผู้นี้เบาๆ
“เจ็ดปีแล้วครับ ผมจำได้ว่าตอนที่ผมมา เป็วันเกิดเก้าขวบของคุณหนูพอดี” เมิ่งจวงพูดเบาๆ
กัวไฮว่ไม่ได้สนใจสถานการณ์ข้างนอก เขากลับเข้าไปในห้องอีกครั้งมีของเหลวสีดำซึมออกมาบนเข็มทั้งแปดสิบเอ็ดเล่ม
“ช่วยชีวิตคนไม่สู้สร้างเจดีย์เจ็ดชั้น[1] เสียจริงอวี้เอ๋อร์ เ้าน่าจะเห็นแล้วนะว่าข้าช่วยคนอยู่ช่วยข้าบันทึกแต้มกุศลที่ควรจะให้ข้าหน่อยสิ” กัวไฮว่ลอบพูดในใจ
“พี่เขย ตั้งสตินะ ไม่ต้องกังวล นี่แค่เพิ่งเริ่มต้นถ้าพี่ไม่อยากให้มีอาการข้างเคียง ก็ทำตามผมนะ” กัวไฮว่ส่งกระแสจิตไปเพื่อสื่อสารกับพี่หรงหลง
“ขอบคุณนายมากนะ รอฉันหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะไปขอบคุณนายแน่” มู่หรงหลงััได้ถึงกระแสจิตของกัวไฮว่ จึงตอบกลับมาโดยทันที
“พี่ไม่ได้แค่ถูกพิษเก้าแมลงเก้าหญ้าเท่านั้น ตอนที่พี่เริ่มถูกพิษอาหารการกินพี่ก็มีปัญหาด้วย พลังหยินหยางปะทะกันเลยทำให้พี่เป็อย่างในตอนนี้ที่พี่อมอยู่ในปากน่ะคือยาคืนชีพ เดี๋ยวจะรู้สึกเจ็บมาก ถ้าพี่ทนได้ก็จะเก็บสิ่งที่พี่บำเพ็ญมาหลายปีนี้เอาไว้ได้ ถ้าทนไม่ได้ก็จะต้องเริ่มใหม่ั้แ่ต้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
ใน่ขณะที่ยาคืนชีพในปากของมู่หรงหลงกำลังหายไปนั่นเองกัวไฮว่ก็เอายาลูกกลอนสีดำขลับยัดเข้าไปในปากของมู่หรงหลงไม่นานร่างกายของมู่หรงหลงก็สั่นขึ้นมา
“พี่ไฮว่ พี่ช่วยชีวิตพี่หลงได้แล้วเหรอ” มู่หรงเฟยฝึกจิตไปแล้วสามสิบรอบในขณะที่ตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าทั้งร่างกายของมู่หรงหลงสั่นสะท้านถึงขั้นมีเสียงขึ้นที่เข็มที่อยู่บนตัว เขาจึงถามขึ้น
“ถ้านายอยากตายก็เข้ามาพิษที่ซึมออกมาจากร่างของพี่เขยไม่ได้มีแค่พิษเก้าแมลงเก้าหญ้าจะรักษาได้ไหมนั้นฉันก็ยังคอนเฟิร์มไม่ได้” กัวไฮว่ที่ยืนอยู่ข้างๆมองมู่หรงเฟยที่เดินก้าวมาข้างหน้าแล้วพูดยิ้มๆ
“ครืน!” บนผืนฟ้าหมื่นลี้เดิมทีก็ไร้เมฆ แต่จู่ๆก็มีเสียงฟ้าร้องขึ้น ทำให้กัวไฮว่นิ่งอึ้งไปโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็ยกมือขึ้นมาคำนวณดู เพียงชั่วขณะแผ่นหลังของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“อามิตาพุทธ! วันนี้บังเอิญมากเลยมาช้ากว่านี้อีกสักสองสามวันเถอะ ถ้าจิตของเด็กนี่ถูกใครเอาไปต่อให้เป็เทพก็ยากจะช่วยแล้ว” กัวไฮว่ลอบพูดในใจ “ท่านเซียนทั้งสอง ขออภัยเสียจริง ข้าช่วยคนผู้นี้ไว้แล้วทั้งสองท่านโปรดจากไปเถอะ ครั้งนี้มีโทษมหันต์นักภายหลังข้าจะหาวิธีตอบแทนท่านทั้งสอง” กัวไฮว่พูดขึ้นกับอากาศจากนั้นเสียงฟ้าร้องก็ลอยไปไกล
“มองอะไรล่ะ ยาลูกกลอนที่อยู่ในมือผู้นั้นมีกลิ่นแห่งเซียนอยู่ถึงยังไงเขาก็เป็แค่มนุษย์ธรรมดา พวกเราจะไปเอาโทษเขาไม่ได้ ไปกันเถอะเด็กนี่ก็ยังไม่ชะตาขาด” เงาดำกับเงาขาวค่อยๆ หายตัวไป
“ชู่ว ยังดีนะที่มีคนปิดบังความลับ์ไม่งั้นถ้าสายฟ้าล่าิญญาเมื่อกี้ฟาดเข้าที่ร่างของเขาสิ่งที่ข้าทำมาทั้งหมดได้สูญเปล่าแน่ๆ” กัวไฮว่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้น
“อ๊าก!” มู่หรงหลงที่เดิมที่ร่างกายสั่นไหวก็ลุกขึ้นมานั่งจากเตียงอย่างรุนแรงเขาะโร้องเสียงดัง พ่นไอดำออกมาจากปาก จากนั้นก็พิงอยู่บนเตียง
“พี่ไฮว่ พี่หลงไม่เป็อะไรใช่ไหม” มู่หรงเฟยเห็นมู่หรงหลงไม่เคลื่อนไหวก็ถามขึ้นเบาๆ
“จะอะไรอีกล่ะ เจ็บจนเป็ลมไปน่ะสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “นายก็หยุดดูได้แล้ว ออกไปบอกมู่หรงกูนะ ให้เขาเตรียมอ่างไม้เอาไว้ถ้าไม่มีก็เอาสิ่งมีชีวิตในอ่างเลี้ยงปลาข้างนอกนั่นออกไปให้หมดแล้วก็ทำเป็สระน้ำเติมน้ำร้อนให้เต็ม มัวมองอะไรอยู่ รีบไปสิ”
“ได้ครับ” มู่หรงเฟยหมุนตัววิ่งออกไปข้างนอก “ลุงสาม พี่ไฮว่ให้ลุงเตรียมอ่างไม้ใหญ่ๆ หน่อย แล้วก็ต้มน้ำร้อนถ้าไม่มีอ่างไม้ก็ใช้สระน้ำได้”
“พี่คะ พี่คะ!” มู่หรงเวยเวยที่รอข่าวอยู่ในห้องข้างๆอยู่ตลอดได้ยินเคลื่อนไหวจากทางฝั่งนี้ ก็ปรากฏตัวที่ห้องของมู่หรงหลงอีกครั้งและเมื่อเห็นมู่หรงหลงมีเข็มฝังไว้อยู่ทั่วร่างกาย ร่างกายพิงเตียงไว้ไม่ขยับไม่มีลมหายใจแม้แต่นิด จึงะโร้องเสียงดัง
“ยายหนู อย่าไปแตะตัวเขา เขาขับพิษอยู่” กัวไฮว่รีบดึงมู่หรงหลงเอาไว้ “คนที่เหนื่อยที่สุดคือฉันนะ เฮ้อ เจ็บใจจริงๆ เธอห่างจากพี่เธอหน่อยก็ดี”
“พี่ไฮว่ ไม่เป็ไรใช่ไหม” มู่หรงเวยเวยเห็นกัวไฮว่มีเหงื่อท่วมตัวจึงถามขึ้นด้วยความปวดใจ
“พี่เขาเป็อะไรไป ทำไมไม่มีลมหายใจเลยล่ะ”
“ไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว ประมาณพรุ่งนี้ก็กินข้าวเช้ากับพวกเราได้แล้วล่ะไปบอกข้างนอกนะ เดี๋ยวพอเตรียมน้ำร้อนไว้แล้วก็โยนพี่เขยลงไปได้เลยรอให้ร่างกายไม่มีสิ่งดำๆ ซึมขึ้นมาอีกก็พาเขาขึ้นมา แล้วก็เรียกฉันอีกครั้งฉันจะพักแล้ว” พูดจบกัวไฮว่ก็เดินตรงเข้าไปในห้องของมู่หรงเวยเวย
ไม่นานนัก มู่หรงกูก็หาอ่างไม้ขนาดใหญ่มา เติมน้ำร้อนไว้จนเต็ม
“ลุงสาม ต้องให้พี่หลงเข้าไปแช่จริงๆ เหรอ” มู่หรงเฟยเห็นอ่างไม้มีไอร้อนออกมาก็ถามขึ้นเบาๆ
“ยาลูกกลอนที่เด็กนั่นให้แกกินได้ผลหรือเปล่าล่ะ” มู่หรงกูมองมู่หรงเฟยแล้วถามขึ้น
“อาการแฝงที่เหลือจากการฝึกมวยแปดสุดยอดหายดีหมดแล้วครับพลังภายในที่ผมมีตอนนี้อย่างน้อยๆ ก็เพิ่มมาสามส่วน” มู่หรงเฟยพูดอย่างไม่ปิดบัง
“พาเสี่ยวหลงลงไป” มู่หรงกูพูดเสียงดัง “กัวไฮว่”
“ลุงสาม ทำไมจู่ๆ ก็เย็นแบบนี้ล่ะ” ในขณะที่นำตัวมู่หรงหลงลงอ่างไม้นั่นเองความร้อนทั่วทั้งอ่างก็พลันหายไปถึงขั้นที่ว่าคนที่อยู่รอบข้างอ่างไม้ต่างััได้ถึงไอเย็นเยือก
“แกไปถามกัวไฮว่หน่อยไป ว่าตอนนี้ให้ทำยังไง” มู่หรงกูพูดขึ้นเสียงดังกับมู่หรงเฟยจากนั้นมู่หรงเฟยก็วิ่งเข้าไปในห้อง
“เติมน้ำร้อนครับ พี่ไฮว่บอกให้เติมน้ำร้อนตลอด เมื่อไหร่น้ำไม่เย็นแล้วตัวพี่หลงก็คงไม่มีอะไรซึมออกมาแล้ว” มู่หรงเฟยไม่ได้เข้ามาในห้องทว่าะโขึ้นเสียงดัง
ขณะนี้บ้านตระกูลมู่หรงมีควันโขมงเต็มไปหมดตอนแรกก็มีคนคิดว่าเกิดไฟไหม้ ต่อมามีคนบอกว่าที่จริงพวกเขากำลังต้มน้ำร้อนอยู่ขณะนี้เฟอร์นิเจอร์ไม้แดงในห้องรับแขกถูกเผาเป็ฟืนเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง และก็ไม่ทราบว่าเปลี่ยนน้ำไปกี่แล้วครั้งน้ำที่เติมไปก็ไม่เย็นแล้ว มู่หรงกูมองลูกชายที่นอนพิงอยู่ด้านในทั่วทั้งร่างกายไม่มีรอยน้ำลวกแม้แต่น้อยในสุดเขาก็วางภาระอันหนักอึ้งในใจลงได้เสียที
[1] อุปมาว่าสร้างกุศลให้คนตาย ไม่สู้ช่วยชีวิตคนเป็