เส้นทางสายนี้ไม่มีคนเดินผ่านเซียวจื่อเซวียนนำอยู่ด้านหน้า ถือท่อนไม้ไว้หนึ่งท่อนเพื่อเปิดทางเซี่ยยวี่หลัวกลัวเซียวจื่อเมิ่งจะหกล้ม จึงแบกนางไว้ตลอด นางมองดูทางข้างหน้า แต่ก็ไม่ได้ละเลยต้นไม้ขนาดเล็กริมทางที่มีใบไม้สีเขียวมรกต
ใบไม้ของต้นไม้บางชนิดสามารถนำมาผัดเป็อาหารได้ยกตัวอย่างเช่น...
บนกิ่งเถาวัลย์เรียวยาวที่อยู่ตรงหน้าใบไม้ที่ทั้งเขียวทั้งอ่อนนั่น คือใบอ่อนเก๋ากี้ไม่ใช่หรือ!
ใบอ่อนเก๋ากี้สามารถนำมาผัดน้ำมันกินได้!
เซี่ยยวี่หลัวเรียกให้เซียวจื่อเซวียนหยุดด้วยความตื่นเต้นดีใจ“จื่อเซวียน รีบมาดู”
เซียวจื่อเซวียนกลับมา “พี่สะใภ้ใหญ่เป็อะไรไป? ”
“รีบดูเร็ว ใบอ่อนเก๋ากี้พวกเราเก็บกลับไปผัดกินได้! ” เซี่ยยวี่หลัววางเซียวจื่อเมิ่งลงด้วยความตื่นเต้นก่อนไปเก็บใบอ่อนเก๋ากี้
เมื่อเซียวจื่อเซวียนเห็นใบอ่อนเก๋ากี้จึงเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ใหญ่ นี่คือผักหวานไม่ใช่หรือ? มันขมมาก! ”
ใบอ่อนเก๋ากี้มีรสขมจริงคนที่ชอบกินรสชาติแบบนี้จะชอบมาก ส่วนคนที่ไม่ชอบก็จะเกลียดมาก
แต่ใครให้เซี่ยยวี่หลัวชอบรสชาตินี้ล่ะ!
“ไม่เป็อะไร กลับไปข้าจะทำให้พวกเ้าชิมก่อนหากไม่ชอบจริงๆ เราก็ตากแห้งไว้ชงเป็ชาดื่มก็ได้ คลายร้อนดีต่อร่างกายบำรุงตับและสายตา! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ
รอให้เซียวยวี่กลับมาหากอ่านตำรามากเกินไป สายตาไม่ดี ยังสามารถนำไปชงชา เพื่อบำรุงสายตาได้!
เมื่อเซียวจื่อเซวียนได้ยินว่านี่เป็ของดีจึงช่วยนางเก็บด้วย ที่นี่มีต้นเก๋ากี้สองต้น ตอนนี้เป็่แตกใบอ่อนทั้งสองคนใช้เวลาสองเค่อ [1] ก็เก็บใบอ่อนจากทั้งสองต้นจนเกลี้ยง ได้มากว่าครึ่งตะกร้า
หลังจากเก็บใบอ่อนเก๋ากี้เสร็จเซี่ยยวี่หลัวให้เซียวจื่อเซวียนจดจำสถานที่นี้ไว้ มีต้นเก๋ากี้ ย่อมมีผลเก๋ากี้ถึงเวลาลองมาดูเก๋ากี้ เก็บกลับไปตากแห้ง แช่น้ำแล้วนำไปตุ๋นซุปได้เป็เครื่องบำรุงที่ไม่ต้องเสียเงิน
เมื่อเซียวจื่อเซวียนได้ยินว่าเก๋ากี้มีสรรพคุณมากถึงเพียงนี้จึงสอดส่ายสายตามองดูรอบๆ จดจำสถานที่แห่งนี้ไว้
เก็บเสร็จแล้วทั้งสามคนจึงเดินไปข้างหน้าต่อเดินจนใกล้ถึงริมแม่น้ำ ก็ไม่พบต้นเก๋ากี้อีก
แม่น้ำสายเล็กไม่กว้างมากแต่ก็ไม่แคบเท่าไหร่ เซี่ยยวี่หลัวล้างมือน้ำในแม่น้ำสายเล็กใสสะอาดจนเห็นก้นแม่น้ำ สามารถเห็นก้อนหินที่อยู่ด้านล่างหินกรวดแต่ละก้อนถูกน้ำชะล้างจนผิวเรียบละเอียดแวววาว เซี่ยยวี่มีใจนึกสนุกขึ้นมาจึงเก็บหินกรวดทรงกลมสีขาวแวววาวดุจหยกที่มีรูปร่างแปลกประหลาดขึ้นมาหลายก้อน
“พี่สะใภ้ใหญ่ ปลา ปลา ปลา มีปลา...”เซี่ยยวี่หลัวกำลังเก็บหินกรวดก็ได้ยินเซียวจื่อเมิ่งร้องะโด้วยความตื่นเต้น
จากนั้นก็มีปลาความยาวประมาณหนึ่งนิ้วว่ายผ่านตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัวไปหลายตัวเซี่ยยวี่หลัวไม่ทันได้มองอย่างชัดเจนด้วยซ้ำว่านั่นคือปลาอะไรก็เห็นพวกมันว่ายผ่านไปแล้ว
มีปลาก็ดี
เซี่ยยวี่หลัวนำตะกร้าเปล่าออกมาหนึ่งอันวางไว้ใต้ตำแหน่งที่ปลาว่ายผ่านเมื่อครู่ เพียงครู่เดียวก็มีปลาอีกหลายตัวว่ายผ่านมา เซี่ยยวี่หลัวยกตะกร้าขึ้น จับได้หนึ่งตัวปลาตัวหนึ่งดีดดิ้นไปมาอยู่ในตะกร้า เซี่ยยวี่หลัวทำซ้ำด้วยความตื่นเต้นยินดี
ในภายหลัง นางวางตะกร้าอีกหลายครั้งไม่ใช่เพราะไม่มีปลา แต่เป็เพราะปลาเ่าั้ไหวตัวทันทั้งยังว่ายไปตามน้ำอย่างรวดเร็ว เซี่ยยวี่หลัววนเวียนอยู่ริมแม่น้ำนานกว่าครึ่งชั่วยามก็จับปลาจี้ที่มีความยาวประมาณนิ้วหนึ่งได้ห้าตัวเท่านั้น
ทว่า เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ท้อใจ
มีใบอ่อนเก๋ากี้และมีปลาจี้ตัวเล็กอีกห้าตัว กลับไปต้มซุปปลาจี้ ทั้งหอมอร่อยและดีต่อร่างกายยังมีข้าวอีกคนละหนึ่งชาม ก็เพียงพอแล้ว
เมื่อเห็นว่าใกล้ถึง่เที่ยงพวกเขาจึงกลับบ้าน เซี่ยยวี่หลัวคิดจะมาลองดูอีกครั้งใน่บ่าย
กลับถึงบ้านเซี่ยยวี่หลัวล้างปลาจนสะอาด หลังจากอุ่นกระทะ จึงเหยาะน้ำมันเล็กน้อยทอดปลาทั้งห้าตัวในน้ำมันครู่หนึ่ง ก่อนจะเทลงไปในน้ำที่เดือดแล้ว เคี่ยวไปเรื่อยๆเมื่อเคี่ยวจนซุปปลากลายเป็สีขาว กลิ่นหอมที่ลอยมาแตะจมูกลอยตลบอบอวลอยู่เต็มห้องครัว ทั้งสามคนอยากกินจนน้ำลายแทบไหลออกมา
เพราะเป็ปลาจี้ทั้งตัวเล็กและมีก้างจำนวนมาก เซี่ยยวี่หลัวมอบไข่ปลาทั้งหมดในท้องปลาให้เด็กสองคนเนื้อส่วนท้องของปลาไม่ค่อยมีก้าง เซี่ยยวี่หลัวล้างจนสะอาดเมื่อมั่นใจแล้วว่าท้องปลาไม่มีก้าง จึงคีบให้เด็กสองคน
แต่นางก็ยังรู้สึกเป็ห่วง “พวกเ้ากินช้าๆกินระวัง ไม่รู้ว่าเอาก้างออกหมดหรือยัง”
เด็กสองคนกล่าวขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานก่อนกินอย่างเอร็ดอร่อย
เพราะปลาเหล่านี้ถูกทอดด้วยน้ำมันก่อนแล้วดังนั้นจึงไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อย ซุปปลาหอมหวน เนื้อปลาอ่อนนุ่ม อร่อยยิ่งนัก
หลังจากล้างใบอ่อนเก๋ากี้จนสะอาดเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ใช้มันมาผัดมากเท่าไหร่ ด้วยเกรงว่าเด็กสองคนจะไม่ชอบรสขมเด็กสองคนแทบไม่ได้กิน ต่างก็ไม่ชอบเพราะรสชาติขม เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่ฝืนกินใบอ่อนเก๋ากี้ที่เหลือกว่าครึ่งจานจนหมดคนเดียว
ทั้งสามคนมีข้าวคนละหนึ่งชามซุปปลาคนละสองถ้วย กินจนอิ่ม
หลังกินอาหารเที่ยงเซียวจื่อเซวียนยังคงไปล้างชาม เซี่ยยวี่หลัวและเซียวจื่อเมิ่งนำใบอ่อนเก๋ากี้ไปตาก
วางใบอ่อนเก๋ากี้ไว้ในกระด้งสะอาดตากแดดไว้ เซี่ยยวี่หลัวมองดูลานหน้าบ้าน ลานหน้าบ้านถือว่าไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่มาก จู่ๆนางก็นึกถึงด้านหลังตัวบ้าน นางยังไม่เคยไปดูมีแค่บางครั้งที่เปิดหน้าต่าง เห็นหญ้ารกขึ้นอยู่ด้านหลัง
เซี่ยยวี่หลัว “จื่อเมิ่งเราข้ามไปด้านหลังบ้านได้หรือไม่? ”
เซียวจื่อเมิ่งพยักหน้า “ข้ามไปได้ในห้องพี่รองมีประตูบานหนึ่ง! ”
เมื่อเปิดประตูบานนั้นในห้องเซียวจื่อเซวียนก็มองไม่เห็นเลยว่าสวนหลังบ้านมีอะไรบ้าง
เพราะพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้ารกไม่ต่างจากที่ร้างที่ยังไม่ถูกบุกเบิก ดูโทรมเสียยิ่งกว่าอะไร
เซี่ยยวี่หลัว “...”
นี่มันที่บ้าอะไรกันมีหญ้ารกมากถึงเพียงนี้ ในนั้นคงไม่มีงูใช่ไหม?
เช่นนั้นทุกวันที่นางเปิดหน้าต่าง...
เซี่ยยวี่หลัวแค่ลองคิดดูก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ตอนนี้อากาศกำลังค่อยๆอุ่นขึ้นจะปิดหน้าต่างทุกวันก็ไม่ได้เซี่ยยวี่หลัวอยากหาผ้าโปร่งที่ระบายอากาศและแสงลอดผ่านมาได้สักผืนหนึ่งตอกปิดหน้าต่างอย่างเร่งด่วน
หากมีงูเลื้อยเข้ามา เช่นนั้นก็จบกันแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวกลัวงู!
แม้จะกลัว หากมีงูจริงเซี่ยยวี่หลัวก็รู้ว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ถึงอย่างไรในูเาลึก สถานที่ที่ไม่มีคนต้องมีงูจำนวนมากแน่
เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป ต่อให้รู้ว่ามีงูก็ได้แต่ฝืนเผชิญหน้า
แต่หากหักร้างถางพงที่ผืนหนึ่งในบ้านตัวเองปลูกผักเลี้ยงปลาล่ะ?แบบนั้นนางก็ไม่ต้องขึ้นเขาบ่อยนักไม่ใช่หรือ?
ดวงตาของเซี่ยยวี่หลัวเหมือนกำลังเปล่งประกายแสง
เซียวจื่อเซวียนล้างชามกับตะเกียบเสร็จแล้วกำลังจะออกไป จึงมาบอกกล่าวกับเซี่ยยวี่หลัวที่สวนหลังบ้านก่อน “พี่สะใภ้ใหญ่ข้าจะออกไปแล้ว! ”
“เดี๋ยวก่อน...”
เซี่ยยวี่หลัวเรียกเขาไว้ “จื่อเซวียนพื้นที่ว่างด้านหลังนี่ เป็ของบ้านเรางั้นหรือ? ”
เซียวจื่อเซวียนมองดูสวนหลังบ้านที่เต็มไปด้วยหญ้ารกก่อนพยักหน้า “เป็ของบ้านเรา”
ข้างๆไม่มีใครอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นด้านหลังเต็มไปด้วยหญ้ารก ล้วนเป็ที่ของพวกเขา
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยท่าทางยินดียิ่ง“เช่นนั้นพวกเราก็หักร้างถางพงที่ผืนนี้ด้วยแล้วกัน! ”
นางอยากปลูกผัก ปลูกดอกไม้ทำให้ที่นี่กลายเป็สวนดอกไม้หลังบ้าน แบบนี้ดีกว่าบ้านปูนที่อยู่อาศัยในยุคปัจจุบันมากทีเดียวมีสวนกว้างขนาดนี้ด้วย!
ความใฝ่ฝันั้แ่เด็กของนางคือการสร้างสวนดอกไม้ของตัวเองนางอยากทำอะไรในนั้นก็ได้ ตอนนี้มีที่ดินที่ยังไม่ได้บุกเบิกผืนใหญ่ขนาดนี้ก็คือสิ่งที่นางเฝ้าใฝ่ฝันมาตลอดไม่ใช่หรือ?
เมื่อเห็นท่าทางพี่สะใภ้ใหญ่ที่แสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจเซียวจื่อเซวียนมองหญ้ารกอย่างไม่เข้าใจ พี่สะใภ้ใหญ่คิดอยากทำอะไร!
สิ่งที่เซี่ยยวี่หลัวคิดอยากทำนั้นมีมากมายแต่ทั้งหมดนี้ต้องรอให้ที่บ้านไม่ขาดอาหารก่อน อาหารในบ้านใกล้จะหมดแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องออกไปหาอาหาร
เซี่ยยวี่หลัวพาเซียวจื่อเมิ่งและเซียวจื่อเซวียนออกไปพร้อมกัน
เชิงอรรถ
[1] เค่อ คือหน่วยวัดเวลาของจีน 1 เค่อ= 15 นาที