“อ้อ ยังมีอีกเื่ วันนี้ลุงหม่าตงบอกเื่หนึ่งกับข้าเ้าค่ะ” กู้เจิงเล่าเื่ขององค์รัชทายาทกับคุณหนูตระกูลเซี่ยให้เสิ่นเยี่ยนฟัง “ท่านควรไปบอกตวนอ๋องให้ไปทูลเตือนองค์รัชทายาทว่าไม่ควรมานัดพบกับคุณหนูเซี่ยที่หอสมุดนะเ้าคะ”
เสิ่นเยี่ยนส่งเสียงอืมเบาๆ
“ทำไมท่านไม่แปลกใจสักนิดเลยล่ะเ้าคะ?” กู้เจิงถามอย่างแปลกใจ
กู้เจิงเบิกตามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าเรียบเฉยของเสิ่นเยี่ยนปรากฎรอยยิ้มขึ้น “มันเป็เื่ใหญ่หรือ?”
“แน่สิเ้าคะ” กู้เจิงพยักหน้า “องค์รัชทายาทผู้สูงส่ง จะมาแอบนัดพบหญิงสาวในหอสมุดได้ยังไง ทั้งยังให้นางแต่งตัวเป็บุรุษ ไม่ว่าจะพูดยังไง ก็ดูไม่งามเ้าค่ะ” นางว่าพลางชำเลืองมองเสิ่นเยี่ยน “ หากเขาชอบคุณหนูเซี่ยจริงๆ ทำไมไม่ไปสู่ขอนางอย่างเป็ทางการเล่าเ้าคะ”
เสิ่นเยี่ยนมองกู้เจิงด้วยแววตาชมเชย “องค์รัชทายาททำเช่นนี้ไม่เหมาะสมจริงๆ หลังจากเสร็จจากงานแล้วข้าจะไปบอกตวนอ๋อง”
พูดถึงคุณหนูเซี่ย กู้เจิงก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองยังมีเื่ที่ยังไม่ได้ถามเสิ่นเยี่ยนอีก “ท่านพี่ ท่านแม่กับแม่ทัพเซี่ยเกี่ยวข้องกันทางสายเืหรือเปล่าเ้าคะ?”
เสิ่นเยี่ยนชะงัก ดวงตาดำขลับของเขาหลุบลงเล็กน้อย “ทำไมถึงถามแบบนี้?”
“ทุกครั้งที่ข้าพูดถึงท่านแม่ทัพเซี่ย สีหน้าของท่านแม่จะดูแปลกไป และท่านแม่ก็เคยบอกข้ามาว่านางมีพี่น้องเ้าค่ะ”
“เ้าจึงคิดว่าแม่ทัพเซี่ยเป็น้าของข้าหรือ?” เขามองภรรยาอย่างขบขัน
กู้เจิงอ้าปากค้าง กะพริบตาปริบๆ เห็นเสิ่นเยี่ยนมองตนเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ท่าทางของท่านแม่เวลาได้ยินคนพูดถึงแม่ทัพเซี่ยแปลกมากจริงๆ นะเ้าคะ อีกอย่างเหล่าท่านป้าก็เคยพูดไว้ว่า ท่านพ่อรู้จักท่านแม่จากทางชายแดน”
“แม่สามีของเ้าแซ่อะไร?”
“ซินเ้าค่ะ” กู้เจิงจำได้ว่าแม่สามีชื่อซินอี้หลัน
“แล้วแม่ทัพเซี่ยแซ่อะไร?”
กู้เจิงชะงักไป คนหนึ่งแซ่ซิน อีกคนแซ่เซี่ย ไม่มีทางเป็พี่น้องกันได้จริงๆ อ้อ นางยังไม่เคยคิดเื่นี้มาก่อน “อาจจะเป็ลูกพี่ลูกน้องกันก็ได้นะเ้าคะ?”
“ในเมื่อเป็ลูกพี่ลูกน้อง งั้นทำไมน้าเฝิงแห่งหลัวฉี่เก๋อถึงรู้จักแค่ท่านแม่ข้า แต่ไม่รู้จักแม่ทัพเซี่ยเล่า?”
กู้เจิงปิดปากฉับ นางลืมไปว่ายังมีน้าเฝิงอีกคน นางจึงพึมพำว่า “ท่านกับแม่ทัพผู้นั้นมีรูปร่างด้านหลังที่คล้ายกันมาก” ความจริงแล้วเค้าโครงหน้าก็คล้ายกันหลายส่วน
เสิ่นเยี่ยนเปลี่ยนเื่คุย “วันนี้เ้าพักผ่อนให้เร็วหน่อยเถอะ”
“ข้านอนมาตลอดบ่าย ยังไม่ง่วงเลยเ้าค่ะ”
“ร่างกายหายดีแล้วหรือ?”
“ใช่น่ะสิเ้าคะ”
“งั้นก็ดี” เสิ่นเยี่ยนอมยิ้มมองกู้เจิงอย่างมีเลศนัย
สายตาอันร้อนแรงของเขา ทำเอาร่างของกู้เจิงแข็งค้าง นางรีบเอ่ยว่า “ยัง ยังไม่หายดีเ้าค่ะ ข้าเพลียมากเลย”
กู้เจิงคิดว่าคืนนี้ นางคงจะหนีไม่พ้นแล้ว แต่เสิ่นเยี่ยนกลับแค่นอนกอดนางเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
เช้าวันถัดมาอากาศมืดครึ้ม มีฝนตกโปรยปรายลงมาตลอดวัน
กู้เจิงกินข้าวเช้าเสร็จก็เดินเตร่อยู่แถวโถงทางเดิน นางเห็นสาวใช้ที่เพิ่งมาใหม่ทั้งห้าคนสวมชุดสาวใช้เรียบร้อย พวกนางทั้งห้าคนล้วนมีท่าทีจริงจังตั้งใจเวลาเหอเซียงสั่งสอน
กู้เจิงถามซู่หลันที่คอยเดินตามมารับใช้นางอยู่ “ห้าคนนี้แบ่งงานกันยังไง?”
“จะส่งไปดูแลที่เรือนนายหญิงคนหนึ่งเ้าค่ะ ส่วนที่เหลือจะรับผิดชอบทำความสะอาดเรือนชั้นใน ส่วนคนงานใหม่อีกสองคนกับคนเลี้ยงม้าจะมาถึงในตอนบ่ายวันนี้เ้าค่ะ ”ซู่หลันเอ่ยเสริมอีกว่า “ส่วนคนครัว บ่าวกับเหอเซียงยังหาอยู่เ้าค่ะ”
“ตอนนี้นับพวกเ้าด้วยแล้ว ในจวนของเรามีคนทั้งหมดสิบเอ็ดคน ใช่ไหม?” กู้เจิงคำนวณดูก่อนถาม
“เ้าค่ะ”
“งานในจวนเยอะมากไหม?” กู้เจิงมองไปทางซู่หลัน ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่อยากฟังคำเท็จที่ว่าทำงานไม่เหนื่อย ข้าอยากให้เ้าบอกข้าตามความจริง”
“จวนของเรามีคนไม่เยอะ แต่ละคนก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่ แต่บ่าวที่เพิ่งมาใหม่ ทำงานยังไม่คล่อง บ่าวเลยกังวลว่าจะทำได้ไม่ดีเ้าค่ะ”
“่แรกๆ ถ้ายังทำได้ไม่ดีก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ สอนไปก็แล้วกัน” กู้เจิงกําชับ
“เ้าค่ะ”
กู้เจิงคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนเอ่ย “ให้ทุกคนทำงานหกวันพักผ่อนหนึ่งวัน วันที่ให้พักผ่อนนี้สามารถกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัว หรือไปไหนก็ได้ตามใจชอบ”
“อะไรนะเ้าคะ?” ซู่หลันประหลาดใจ
“เอาตามนี้แหละ ไปเตรียมรถม้าให้ข้าหน่อย ข้าจะไปบ้านตระกูลกู้” กู้เจิงกล่าวจบก็เดินไปทางประตูใหญ่
เมื่อรถม้ามาถึงจวนกู้
ขณะที่ซู่หลันกางร่มประคองนายหญิงลงจากรถม้า ก็ได้ยินเสียงของหวังซู่เหนียงดังมาจากประตูจวน “เจิงเอ๋อร์ เ้ากลับมาแล้วหรือ?”
“ซู่เหนียง? นี่ท่านจะไปไหนเ้าคะ?” กู้เจิงหิ้วชายกระโปรงวิ่งไปหา วันนี้ซู่เหนียงสวมชุดผ้าไหมเนื้อละเอียด ผมสีดำสนิทใช้ปิ่นผีเสื้อม้วนเก็บขึ้นไป เผยให้เห็นลำคอระหงงดงาม
“อยู่บ้านว่างจนเบื่อ ได้ยินว่าร้านเครื่องประดับมีสินค้าใหม่มาเลยว่าจะไปดูสักหน่อย แล้วเ้ามาได้ยังไง?” หวังซู่เหนียงถาม
“มาหาท่านแม่เพื่อปรึกษาเื่เล็กน้อยเ้าค่ะ” กู้เจิงเล่าเื่ที่แม่ทัพเยี่ยนจะแต่งงาน แต่นางไม่รู้ว่าจะมอบอะไรเป็ของขวัญดี
“เื่เล็กน้อยแค่นี้ยังต้องถามนางอีกหรือ? ข้าก็รู้ ไป แม่จะเ้าพาไปซื้อ”
กู้เจิงดึงหวังซู่เหนียงไว้ “ซู่เหนียงคิดว่าจะมอบอะไรให้ดีเ้าคะ?”
“แน่นอนว่าต้องมอบเครื่องทองเครื่องหยกจะเป็การดี พวกขุนนางคนไหนบ้างจะไม่ชอบกันเล่า?” หวังซู่เหนียงกล่าวตามหลักเหตุผล
กู้เจิง “...”
เห็นท่าทางลังเลของบุตรสาว หวังซู่เหนียงก็ถลึงตาใส่นาง “ทำไม เ้าไม่เชื่อสิ่งที่แม่พูดหรือ?”
“เชื่อ เชื่อแน่นอนเ้าค่ะ” กู้เจิงคล้องแขนซู่เหนียงไว้แล้วเอ่ยอย่างฉอเลาะ “ไม่ว่าใครก็ชอบของพวกนี้ แต่ในเมื่อลูกอยากจะมอบให้แล้ว ก็อยากมอบในสิ่งที่อีกฝ่ายชอบจริงๆ เพื่อที่แม่ทัพเยี่ยนผู้นั้นจะได้ประทับใจในตัวท่านพี่เ้าค่ะ” ครั้งก่อนที่นางกับแม่ทัพเยี่ยนได้ถกเถียงกันเื่การแบ่งกำไรของหอสมุด ไม่รู้ว่าเขาจะเกลียดนางหรือไม่ ในเมื่อธุรกิจล้วนทำด้วยกัน นางจึงอยากอาศัยโอกาสนี้ญาติดีกันไว้หน่อยจะดีกว่า
“ก็จริง” หวังซู่เหนียงพยักหน้า บุตรสาวพูดมีเหตุผล “นายหญิงไม่ได้อยู่ในจวน วันนี้มีงานเลี้ยงน้ำชา ตอนบ่ายถึงจะกลับมา ถ้าเ้าไม่มีเื่อะไรอื่นแล้ว ก็ไปดูเครื่องประดับเป็เพื่อนข้าสิ?”
กู้เจิงตอบตกลง
นางหวนคิดถึงวันเวลาที่เคยได้ออกไปเดินเที่ยวเล่นกับหวังซู่เหนียงนั้นแทบจะนับครั้งได้ แม้ว่าสองแม่ลูกจะไม่ต้องกังวลเื่เสื้อผ้าอาหารการกิน และการใช้ชีวิต แต่ทว่าพวกนางกลับไม่มีอิสระที่จะออกไปไหน
เห็นหวังซู่เหนียงตื่นเต้นดีใจที่ได้ออกมาเที่ยวเล่น กู้เจิงก็พลันรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย นางน่าจะพาซู่เหนียงออกไปเที่ยวเล่นบ้าง
“ตอนนี้บุตรเขยใหญ่เป็ถึงขุนนางขั้นสองแล้ว แต่ดูชุดที่เ้าสวมสิ เรียบง่ายเกินไปหน่อยแล้ว ยังสู้แม่ไม่ได้เลยนะ” หวังซู่เหนียงมองการแต่งกายบุตรสาวด้วยแววตารังเกียจเล็กน้อย
“แน่นอนว่าเทียบซู่เหนียงไม่ได้หรอกเ้าค่ะ ดูซู่เหนียงของข้าสิ หากบอกกับคนอื่นว่ายังเป็คุณหนูอยู่ คนอื่นต้องเชื่อแน่เ้าค่ะ” กู้เจิงหัวเราะคิกคักอย่างล้อเลียน วันนี้นางสวมผ้าไหมชั้นหนึ่ง เพียงแต่ลวดลายไม่ได้สดใสเท่านั้น แต่ก็นับว่าเหมาะสม เพียงแต่ความชอบในการแต่งตัวของนางกับซู่เหนียงไม่เหมือนกัน
หวังซู่เหนียงหยิกแก้มบุตรสาวด้วยความเอ็นดู
ทันใดนั้น จู่ๆ รถม้าก็หยุดลง มีเสียงซู่หลันที่อยู่ด้านนอกร้องอุทานออกมา และมีเสียงโกลาหลอยู่ด้านนอก
กู้เจิงกับซู่เหนียงมองหน้ากัน นางรีบยกม่านรถขึ้นดู ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งรายล้อมกันอยู่ไม่ไกลนัก
“นายหญิง หวังซู่เหนียง เหมือนจะมีรถม้าชนเด็กเข้า ไม่รู้ว่าเป็ยังไงบ้างเ้าค่ะ?” ซู่หลันรายงาน “ถนนถูกปิดกั้น รถม้าของพวกเราไปไหนไม่ได้เ้าค่ะ”
“ร้านเครื่องประดับอยู่ไม่ไกล ข้ากับเจิงเอ๋อร์จะเดินไปก็แล้วกัน” หวังซู่เหนียงกล่าว