เพราะเนื้อกระต่ายที่สดใหม่บวกกับฝีมือการปรุงอาหารของเราสองคนทำให้อาหารมื้อนี้ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนไปทั่วทั้งโรงเกลาหากใครได้กลิ่นก็อดไม่ได้ที่จะหิวขึ้นมาทันทีรวมถึงซูเหยียนที่มองมาอยู่หลายครั้งเหมือนกัน
“กินได้แล้ว!”
ซ้งเชียนว่าพูดก่อนจะยกเนื้อกระต่ายหม้อใหญ่ออกมา“พี่เชวียน ท่านกินให้อิ่มเลยนะ ในหม้อยังมีอีกเยอะ”
“เ้าก็เหมือนกัน”
“อืมๆ”
ข้าหันไปมองซูเหยียนก่อนจะถามเชิงเชิญชวนอีกฝ่าย“ซูเหยียน เ้าไม่มากินมื้อดึกด้วยกันเหรอ?”
“ไม่ล่ะ ขอบใจ...ท่านพ่อเคยบอกว่า ผู้ที่ฝึกฝนิญญาไม่ควรกินอาหารมื้อดึกเพราะจะทำให้รูปร่างเปลี่ยนไปได้ง่าย และยังดึงเอาพลังที่สูงสุดของพลังิญญาออกมาได้ยากขึ้น...”ซูเหยียนปฏิเสธอย่างสุภาพพร้อมกับอธิบายเหตุผล
แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเนื้อกระต่ายมันช่างหอมเตะจมูกเกินกว่าจะปฏิเสธได้ขนาดข้าเองก็ยังกินเข้าไปแล้วหลายถ้วยและไม่ลืมที่จะแสดงน้ำใจด้วยการตักเนื้อและน้ำซุปยื่นให้แก่ซูเหยียนบ้าง “กินสักหน่อยเถอะคงไม่เป็ไรหรอกน่า”
“ขอบใจ...”
ครั้งนี้นางไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ดื่มเพียงแค่ซุปดับความอยากเท่านั้น...
หลังจากนั้นนางก็ฝึกกระบวนท่าใหม่จนคุ้นเคยก่อนจะกลับไปซึ่งหอพักหญิงของสำนักหมื่นิญญาอยู่ห่างจากโรงเกลากระบี่ไม่ไกลก็เลยไม่ต้องเป็ห่วงเื่ความปลอดภัย
...
“พี่เชวียน ท่านฝึกวรยุทธ์แล้วกินอันนี้เนี่ยนะ?” ซ้งเชียนที่เห็นหญ้าร้อยิญญาวางอยู่ในกระท่อมถามขึ้นมา
ข้าพยักหน้ารับไปแบบเก้อเขินแล้วพูดขึ้น“ก็มันไม่มีทางเลือก ในตอนนี้หญ้านี่เหมาะกับข้าที่สุดแล้วล่ะ”
“ตอนมาพ่อของท่านไม่ได้ให้เงินมาใช้เลยเหรอ?”
“ไม่...”
“แล้วนี่มันอะไร ท่านฝึกวิชาลมหายใจัด้วยใช่ไหม?”
“อืม”
ได้ฟังดังนั้นซ้งเชียนก็พูดขึ้นอย่างรีบร้อน“วิชาลมหายใจัเป็วิชาที่ทำให้สูญเสียพลังิญญาและลมปราณมากปกติก็ไม่มีผู้ฝึกคนไหนทนได้อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่านที่อยู่ในสภาพแบบนี้เลยท่านกินแต่ของพวกนี้เข้าไปมันช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิดข้าเองก็เคยกินมาก่อนจึงพอจะรู้รสชาติมาบ้าง แล้วท่านยังทนได้งั้นเหรอ?”
ข้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาแล้วตบที่บ่าของอีกฝ่ายไปสองสามที“ข้าไม่เป็ไรหรอกน่า อย่าว่าแต่หญ้าร้อยิญญาเลย หญ้าที่ขมกว่านี้ข้าก็เคยกินมาแล้วแถมยังกินแทนข้าวอีกต่างหาก”
“ท่านหมายถึงบนถนนแห่งความตายนั่น...”
“ชู่ววว...เ้าห้ามเอาเื่นี้ไปพูดกับใครเป็อันขาด”
“อื้ม! ข้าจะไม่พูด”
ซ้งเชียนพยักหน้ารับแล้วพูดต่อ“พี่เชวียน ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วข้าต้องกลับหอพักแล้วล่ะเพราะอีกเดี๋ยวประตูหอก็คงจะปิด ไว้วันหลังจะมาเยี่ยมท่านใหม่ส่วนเนื้อกระต่ายที่เหลือท่านก็เก็บไว้อุ่นกินตอนเช้าสักหน่อยละกันจะได้ไม่ต้องกินข้าวที่โรงอาหารซึ่งนอกจากจะไม่อร่อยและยังไม่อิ่มอีกต่างหาก”
“รู้แล้วน่า เ้าเองก็ไปได้แล้ว!”
“ก็ได้ งั้นข้าไปล่ะ ไว้เจอกันนะพี่เชวียน”
ข้าเฝ้ามองซ้งเชียนเดินออกไปจนหายลับไปในความมืดพอมองกลับมาที่โต๊ะก็เห็นเนื้อกระต่ายที่ซ้งเชียนเก็บไว้ให้ข้าจริงๆกะดูด้วยสายตาก็น่าจะเหลืออยู่เป็กิโล พรุ่งนี้เช้าค่อยกินแล้วกันอย่างน้อยก็ประทังความหิวไปได้ทั้งวัน
เมื่อกินจนอิ่มแปล้ก็เริ่มฝึกต่อ
ฟุ่บ...
หมัดที่ซัดออกไปบังเกิดเป็เสียงลมดังขึ้นมาทั้งยังมีพลังโบราณที่เกิดขึ้นระหว่างแขนทั้งสองข้างหรืออาจเป็สัญลักษณ์ของวิชาลมหายใจัก็เป็ได้ พลังยังคงไหลเวียนอยู่อย่างนั้นจนรับรู้ได้ถึงความร้อนที่ถูกส่งผ่านจากพลังิญญาค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับจะทะลุผ่านชั้นิัออกมาให้ได้เมื่อยิ่งพยายามควบคุมพละกำลังและลมปราณให้ยาวนานมากขึ้นเท่าไรพลังของข้าก็ยิ่งหนาแน่นและเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้นคล้ายกับัที่พร้อมจะลืมตาตื่นจากนิทราร่วมพันปี
หลังจากพลังเคลื่อนไปมากว่าหกรอบความเจ็บจากการสูญเสียพลังก็แล่นกลับเข้ามาอีกครั้งทำให้นึกถึงสิ่งต้องห้ามสำหรับการฝึกพลังที่ว่าห้ามฝืนตัวเองสิ่งเดียวที่ข้าทำได้คือการดึงพลังิญญาที่ใช้ไปกลับเข้ามากระทั่งเส้นพลังิญญาค่อยๆ แทรกซึมกลับเข้าร่างกายจนหมด
ข้าทิ้งตัวลงนอนบนเตียงและเข้าสู่ห่วงแห่งนิทราอีกครั้งแต่พลังิญญาในเส้นลมปราณกลับตื่นตัวและเคลื่อนไหวตามที่ปรากฏในวิชาลมหายใจักระทั่งเช้าข้าตื่นขึ้นพร้อมกับร่างกายที่เปียกชุ่มและสกปรกจากสิ่งที่แทรกซึมขึ้นมาพร้อมเม็ดเหงื่อ
อาบน้ำดีกว่า
ที่โรงเกลากระบี่ถึงแม้จะไม่มีใครนอกจากข้าที่นี่ก็ยังไม่มีห้องอาบน้ำด้วยเช่นกันข้าจึงต้องนำถังมาใส่น้ำเพื่อใช้อาบตรงมุมหนึ่งของกระท่อมหลังจากที่อาบน้ำจนรู้สึกสบายตัวแล้วร่างกายก็เริ่มรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายเนื้อตัวเปล่งแสงออร่าและนุ่มนวลดั่งหยดน้ำแสงแบบนี้ข้าเคยเห็นปรากฏอยู่บนตัวของซูเหยียนและตั้นไถเหยาซึ่งเป็ผลมาจากวิชาลมหายใจัได้หลอมรวมเข้าสู่ร่างกายแล้ว และเห็นได้ชัดว่าขั้นพลังของซูเหยียนและตั้นไถเหยานั้นอยู่สูงกว่าไม่น้อยเลย
...
่เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงเวลากลางวันอีกครั้งเมื่อเสร็จจากงานใน่ครึ่งวันแรกแล้ว ข้าก็กลับมาที่โรงเกลากระบี่ตามเดิมพอหันไปมองหญ้าร้อยิญญาก็แอบใที่ลดลงเหลือแค่กำมือเดียวเท่านั้นและคงไม่พอสำหรับการฟื้นฟูลมปราณจนครบสามรอบเป็แน่!
ตอนนี้ถึงได้เชื่อคำโบราณที่ว่าของถูกไม่ดีของดีไม่ถูกนั้นช่างมีเหตุผลตามที่กล่าวไว้จริงๆ
ก๊อกก๊อก...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอกก่อนจะเว้นระยะให้เสียงของซ้งเชียนเล็ดลอดเข้ามา “พี่เชวียน อยู่หรือเปล่า?”
“เข้ามาสิ”ซ้งเชียนที่เวลานี้ควรจะพักเช่นกันกลับเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่
ตุบ!
เขาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วยิ้ม“พี่เชวียน ข้าเอาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้ท่านด้วย”
“อะไร?”
“ท่านเปิดดูเองสิ”
เมื่อกระเป๋าเปิดออกข้าก็ต้องตกตะลึงกับกองยาบำรุงที่เห็นตรงหน้าไม่เพียงแค่ของชั้นดีอย่างหญ้าทางิญญา ปะการังเื และเนื้อเสือัเท่านั้นแต่ยังมีของอย่างโสมโลหิตอีกต่างหาก!
ข้าค่อยๆหยิบเอาท่อนโสมโลหิตขึ้นมาอย่างเบามือ กะความยาวน่าจะประมาณหนึ่งฝ่ามือได้โดยมักมีคนพูดว่า ‘หนึ่งนิ้วโสมโลหิตเท่ากับหนึ่งนิ้วทองหนึ่งฝ่ามือโสมโลหิตมีค่ามากกว่าทอง’และนี่ก็หมายความว่าโสมโลหิตที่ยาวเท่าฝ่ามือเป็ของล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้และเป็สิ่งที่ผู้ฝึกฝนิญญาทุกคนต่างก็ใฝ่ฝันหาเพราะสรรพคุณของโสมโลหิตจะช่วยเสริมลมปราณและพลังิญญาให้เพิ่มขึ้นอีกด้วยและถ้าเดาไม่ผิดโสมโลหิตแท่งนี้จะต้องราคาไม่ต่ำกว่าแสนเหรียญหลงหลิงแน่นอน!
“ซ้งเชียน!!!” ข้าะโเรียกชื่อและมองด้วยแววตาที่เดือดดาล “เกาะหุ้มข้อเงินจันทราของเ้าล่ะ!”
เกาะหุ้มข้อเงินจันทราเป็อาวุธิญญาชนิดหนึ่งที่แพร่หลายในแผ่นดินใหญ่ที่ภายในบรรจุิญญาพิภพ์ที่ช่วยเพิ่มพลังให้แก่วรยุทธ์และพลังิญญาแต่ก็หาได้ยากนัก เพราะต้องมีเงินเท่านั้นจึงจะสามารถได้โดยอาวุธิญญาจะแบ่งออกตามขั้นความรุนแรงเรียงจากระดับเทา ระดับขาว ระดับเงินระดับทอง และอื่นๆ ที่มีเพียงไม่คนเท่านั้นอย่างเกาะหุ้มข้อเงินจันทราของซ้งเชียนก็เป็หนึ่งในอาวุธระดับเงินที่พ่อของเขาใช้เงินก้อนโตซื้อมานี่อย่าบอกนะว่าเ้าเด็กนี่เอาไปขายเพื่อซื้อโสมโลหิตนี้มาให้ข้า?
และก็เป็ไปตามคาดเขาอ้ำอึ้งสักพักและพยักหน้ายอมรับอย่างไม่มีข้อแก้ตัว“เกาะหุ้มข้อเงินจันทรานั่นข้าขายมันไปแล้ว...แต่ข้าก็ไม่ได้เสียเปรียบสักหน่อยเพราะขายได้ตั้งสองแสนห้าหมื่นเหรียญแน่ะเงินส่วนหนึ่งก็เอามาซื้อโสมโลหิตประมาณห้าหมื่นเหรียญ ร่างกายของท่านอ่อนแอและโสมโลหิตก็จะช่วยให้การฝึกฝนวิชาลมหายใจัของท่านได้ผลอย่างคาดไม่ถึงท่านเองก็น่าจะรู้ว่าข้าไม่เหมาะกับการฝึกฝนด้านการต่อสู้เลยสักนิด...เกาะหุ้มข้อนั่นอยู่กับข้าก็ไม่เกิดประโยชน์สู้ขายแล้วซื้อโสมโลหิตให้ท่านดีกว่า”
ข้าทั้งโมโหและตื้นตันระคนกันและพุ่งหมัดลงบนแขนของเ้าเด็กนี่เบาๆ “เ้านี่มันจริงๆ เลยแล้วจะให้ข้าไปอธิบายกับพ่อเ้ายังไงฮะ!ถ้าเกิดพ่อเ้ารู้ขึ้นมาคงได้จับข้ามาถลกหนังแน่ๆ”
“ข้ายังไม่รู้เลยว่า่สองสามปีนี้จะได้เห็นหน้าเขาหรือเปล่าอย่างมากก็แค่เอาเงินมาให้ข้าเท่านั้นแหละ ท่านอย่าได้กังวลไปเลยพี่เชวียนใครจะรู้ล่ะว่าถ้าวันหนึ่งเขากลับมาข้าอาจจะกลายเป็ผู้ฝึกฝนที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแล้วก็ได้ ท่านว่าไหม?” เขายังคงยิ้มออกมาเหมือนเดิม
ข้าขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างลำบากใจ“ข้าคงจะรับของมีค่าพวกนี้ไว้ไม่ได้หรอกนะ”
“ถ้าท่านไม่รับไว้ก็น่าเสียดายแย่” ซ้งเชียนหัวเราะออกมาเล็กน้อยแล้วพูดต่อ“ถึงจะเป็ของดี แต่มันก็มีวันหมดอายุเหมือนกันนะอย่างโสมโลหิตอายุกว่าห้าสิบเจ็ดปีถ้าเกิดท่านไม่กินแล้วทิ้งไว้สักเดือนก็คงจะแห้งหรือเน่าเสียไปส่วนเื่วิชาลมหายใจัของข้าก็ยังไม่บรรลุขั้นที่สามด้วยซ้ำ ถึงจะอยากใช้แค่ไหนก็ใช้ไม่ได้!”
ข้ามองเขาหัวเราะออกมาแบบนี้จึงต้องรับของพวกนี้ไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วพูดขึ้น “รอข้ามีเงินเมื่อไรจะต้องคืนให้เ้าเป็สองเท่าเลยล่ะแล้วก็จะช่วยเ้าสร้างอาวุธที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเกาะหุ้มข้อเงินจันทราของเ้าด้วย”
ซ้งเชียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้นเหมือนกัน“เราสองคนก็เหมือนพี่น้องแท้ๆ จะมาพูดเื่แบบนี้อีกทำไมข้าเองก็ไม่ได้อยากจะให้ท่านคืนสักหน่อยนี่! เอาล่ะข้าไม่รบกวนเวลาฝึกวรยุทธ์ของท่านแล้วล่ะ ว่าจะกลับไปงีบสักหน่อยเดี๋ยวตอนบ่ายยังต้องไปฝึกนอกสนามอีก อาจารย์ผู้ช่วยประจำห้องของพวกข้าก็ดุซะเหลือเกินให้ตายเถอะ...ดูก็รู้ว่าสามีนางไม่ถึงใจ
“ทำไม เ้าอยากจะไปทำหน้าที่แทนสามีนางงั้นเหรอ!”
“ข้าไม่กล้ายุ่งกับแม่เสือสาวนั่นหรอกนะ ฮ่าๆๆ ข้าไปก่อนนะ
พี่เชวียนท่านเองก็สู้ๆ ละกัน”
“อืม”
เขาหันหลังเดินออกไปแต่ไม่นานก็กลับเข้ามาอีก “เอ้อพี่เชวียน...ครั้งนี้ข้าเอาเงินกับอาวุธิญญาไปขายเอาเงินมาซื้อยาพวกนั้นให้พี่หมดแล้วก็เลยไม่มีเงินสำหรับซื้อกระต่ายเอาเป็ว่า...ข้าซื้อลูกเจี๊ยบมาให้ท่านเลี้ยงแทนแล้วกันข้าเห็นว่าป่าข้างโรงเกลากระบี่ยังมีที่ว่างอยู่ แล้วก็มีพืชผักและผลไม้ตกอยู่เยอะแยะท่านจะได้ทำเป็ที่เลี้ยงไก่ จะได้มีทั้งเนื้อและไข่ไก่ไว้กินยามหิว...”
ข้าคิดๆดูแล้วการเลี้ยงไก่ไว้กินเองก็เป็วิธีที่ไม่เลวทีเดียว จึงพยักหน้ารับและตอบไป“ก็ดี เ้าอยากทำอะไรก็ทำแล้วกัน ขอบใจเ้ามากนะเสี่ยวเชียน”
“พี่น้องอย่างพวกเราจะมาพูดเหมือนเกรงใจกันทำไม ข้าไปล่ะ”
“กลับดีๆ ล่ะ” ครั้งนี้เสี่ยวเชียนไปแล้วจริงๆส่วนข้าก็ไม่ได้คิดเื่เลี้ยงไก่ต่อแต่หันมาสนใจกับของที่ซ้งเชียนเอามาให้แทนยาพวกนี้ต่างก็มีสรรพคุณที่สูงส่ง น่าจะพอสำหรับการฝึกฝนวิชาลมหายใจัจนถึงขั้นที่สี่แต่นั่นคือในกรณีที่มันราบรื่น แต่ถ้าเกิดขัดข้องมันก็อีกเื่หนึ่ง
...
ฝึกฝนต่อ!
ข้าลุกขึ้นแล้วยืนในกระบวนท่าขั้นที่หนึ่งของวิชาลมหายใจัพลังิญญาและพลังภายในเริ่มไหลเวียนเรื่อยๆ ไปครั้งแล้วครั้งเล่าแม้จะเกิดจากกำลังภายในที่มีอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่จำเป็ต้องออกกระบวนท่าให้เสียแรงเปล่าขอแค่มั่นคงอยู่ในท่านี้เท่านั้น การฝึกฝนก็จะดำเนินต่อไปด้วยตัวมันเอง
ผ่านไปไม่นานร่างกายก็เริ่มปลดปล่อยพลังแบบเดิมขึ้นมาอีกครั้งจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ามีไอหมอกสีเขียวอ่อนๆลอยวนขึ้นกลางอากาศและไหลไปตามร่างกายอย่างต่อเนื่องก่อนจะรู้สึกเย็นวาบที่ิัราวกับกำลังแช่อยู่ในน้ำพุเย็นเยือกนับหมื่นปี
ความหนาวเย็นก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆจนสั่นสะท้านไปทั่วร่าง
คงเป็เพราะสูญเสียลมปราณมากเกินไป!
ข้าหยิบโสมโลหิตขึ้นมากัดประมาณหนึ่งเิเแล้วกลืนลงไปอย่างไม่ทันได้คิดอะไรนึกไม่ถึงว่าโสมโลหิตท่อนนี้จะละลายในปากได้ทันทีเพียงไม่กี่อึดใจข้าก็รู้สึกเหมือนมีลูกไฟกดทับอยู่ที่หน้าอกสิ่งที่อุดกั้นเส้นปราณกับพลังิญญาก็สลายออกอย่างคาดไม่ถึงเมื่อลองใช้พลังอีกครั้งพลังที่แขนทั้งสองข้างได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นราวกับัที่ถูกปลุกจากการหลับใหลั์ตาเปิดกว้างบ่งบอกถึงความเฉลียวฉลาดทางสติปัญญาและความกล้าหาญยิ่งใหญ่แม้มิได้เคลื่อนไหว
ขณะที่ข้ากำลังถอนหายใจออกมายาวๆก็รับรู้ได้ถึงพละกำลังที่ปะทุขึ้นมาจากเส้นลมปราณก่อนที่แสงสว่างจะวาบขึ้นมาในสมองราวกับ้าให้ข้าจดจำรายละเอียดของกระบวนท่าใหม่ไว้ให้ขึ้นใจ
ปราณัหมื่นปี!กระบวนท่าที่เกิดจากการฝึกฝนจนสำเร็จของขั้นที่หนึ่งในระดับที่สมบูรณ์!