ทว่าเมิ่งซวี่ซวีกลับไม่ยินยอม นางลุกขึ้นยืนทันควัน ก่อนจ้องมองเมิ่งเจียนเจียด้วยสายตาเคียดแค้น "ไฉนจึงต้องเป็นาง! ข้าเป็คนชมชอบเฉินฟางก่อน!"
นางเย่รู้ดีแก่ใจ เมิ่งซวี่ซวีนั้นเทียบกับเมิ่งเจียนเจียไม่ได้ รูปโฉมแย่ไปสักหน่อย หนำซ้ำนิสัยก็ไม่อ่อนโยนและไม่ใจกว้างเท่าเมิ่งเจียนเจีย
นางเหอถลึงตาจ้องเมิ่งซวี่ซวี แล้วดุด่านาง “นางเด็กเวร! เพิ่งจะอายุเท่าไรก็รู้จักมารยาหญิงแล้วหรือ?”
เมิ่งซวี่ซวีน้ำตาคลอ กล่าวว่า “ั้แ่เล็กจนโต พวกท่านเอาแต่ยกของดีๆ ให้นางจนหมด! ยามนี้แม้แต่บุรุษดีๆ ก็ยังจะยกให้นาง!”
เมิ่งเจียนเจียเอ่ย “ซวี่ซวี ข้าเคยบอกแล้วว่าข้าจะไม่แย่งเ้า หากเ้าชมชอบ ข้าก็ยอมยกให้”
เมิ่งซวี่ซวีเบิกสองตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง ไม่ได้ยินน้ำเสียงเหมือนให้ทานที่เจืออยู่ในคำพูดของนางเลย
นางเย่บ่นอุบ “ดูซิว่าเ้าเป็อย่างไร รีบไปแต่งตัวแต่งหน้าให้ดีๆ หน่อย!”
ในพี่น้องสองคนนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามสมหวังกับซวี่เฉินฟาง ก็นับว่าแผนการของนางสำเร็จลุล่วง มิเช่นนั้นด้วยนิสัยของเมิ่งซวี่ซวีที่มักเอาแต่ใจและเกเร หากนางไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา เมิ่งเจียนเจียก็อย่าหวังว่าจะได้เช่นกัน
เมิ่งซวี่ซวีพลันเปลี่ยนจากโกรธเกรี้ยวเป็ตื่นเต้นดีใจ เดินเข้าห้องไปแต่งตัวอย่างร่าเริง
เมิ่งเจียนเจียไม่ได้แย่งนาง ปล่อยให้นางเป็คนไปเชิญคุณชายเฉินฟาง เมิ่งเจียนเจียอยู่ที่เรือนเพื่อจัดเตรียมอาหารเย็น ขณะที่นางเย่เดินทางไปซื้อยาที่เรือนของหมอหยางให้นางเหอ
พอตกเย็น เมิ่งซวี่ซวีก็มาที่เรือนของเมิ่งอู่
นางแต่งกายเรียบร้อย ถักเปียอย่างน่ารัก เปลี่ยนจากท่าทางดุร้ายในกาลก่อนมาเป็แย้มยิ้มไร้เดียงสาต่อหน้าเมิ่งอู่
เมิ่งอู่อดเหลียวกลับไปมองไม่ได้ พบว่าซวี่เฉินฟางยืนอยู่ข้างหลังนางจริงๆ
เมิ่งซวี่ซวีกล่าวว่า ตอนกลางวันพี่สาวของนางหกล้ม และได้คุณชายเฉินฟางช่วยพยุงพี่สาวของนางขึ้น คนในเรือนจึงอยากตอบแทนน้ำใจ ด้วยการเชิญเขาไปกินอาหารเย็นที่เรือน
เมิ่งซวี่ซวีเอ่ยปากก็มีแต่คำว่าน้องสาว แสดงถึงความรักใคร่ระหว่างพี่น้องที่ลึกซึ้งจริงๆ ปากหวานปานน้ำผึ้งหก
ซวี่เฉินฟางเพิ่งตื่นนอนหลังงีบหลับใน่บ่าย ยังไม่ค่อยได้สติดี พอได้ยินดังนั้นก็แย้มยิ้มก่อนเอ่ย “เอาสิ ในเมื่อสาวงามเอ่ยปากเชิญเช่นนี้ ข้าย่อมต้องไปร่วมงานเลี้ยง”
รอยยิ้มนั้นทำเอาเมิ่งซวี่ซวีลุ่มหลง ก่อนเดินกลับเรือนด้วยความเขินอาย
เมิ่งอู่รู้สึกทอดอาลัย บุรุษผู้นี้ช่างทรงเสน่ห์ยิ่งนัก ต่อให้เป็ั์ร้ายที่โเี้เพียงใด เมื่อเจอรอยยิ้มของซวี่เฉินฟางก็กลายเป็แมวน้อยเชื่องๆ ได้
นางยังตระหนักได้ว่า กฎเกณฑ์ใดๆ ในใต้หล้าล้วนใช้ไม่ได้ผลกับซวี่เฉินฟาง เพียงคลี่ยิ้มเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว
เมิ่งอู่จึงอดถามไม่ได้ “ผู้ใดเชิญเ้าไป เ้าไม่คิดพิจารณาสักหน่อยก่อนหรือ?”
ซวี่เฉินฟางที่นั่งอยู่ใต้ชายคา ลูบพัดก่อนเอ่ย “ข้าไม่ค่อยปฏิเสธคำเชิญของสตรี”
เดิมทีเมิ่งอู่อยากจะเตือนเขาเื่คนในครอบครัวของเมิ่งต้า แต่เมื่อได้ยินซวี่เฉินฟางกล่าวเช่นนั้น นางจึงขบคิดทบทวนก่อนปิดปากเงียบ
เมิ่งอู่กล่าวเพียง “เช่นนั้นเ้าจงสนุกให้เต็มที่” นางหันไปพูดกับนางเซี่ยในห้อง “ท่านแม่ เย็นนี้ทำอาหารแค่สามคนก็พอเ้าค่ะ”
หลังจากนั้นเมิ่งอู่ก็ช่วยอินเหิงบริหารกล้ามเนื้อขาที่ลานเรือน ส่วนซวี่เฉินฟางก็ออกจากเรือนอย่างสง่างาม มุ่งหน้าไปยังเรือนของครอบครัวเมิ่งต้า
แผ่นไม้ที่ใช้ดามขาของอินเหิงถูกนำออกไปแล้ว ไม่ต้องพันผ้าพันแผลอีกต่อไป ขาทั้งสองข้างห้อยลงมาตามธรรมชาติ ชายเสื้อของเขาระลงมาที่เท้านิดๆ
เขารู้สึกชา ไม่เ็ปแต่อย่างใด ร่างกายฟื้นตัวค่อนข้างดี
หลังเมิ่งอู่นวดกล้ามเนื้อขาให้เขาแล้ว อินเหิงก็ออกแรงที่ขาทั้งสองข้างโดยพยายามลุกขึ้นยืน
เมิ่งอู่โน้มตัวเข้าไปใกล้ สอดแขนทั้งสองข้างไปใต้รักแร้ของเขา กอดเขาไว้หลวมๆ ให้เขายืมแรง ก่อนเอ่ย “อาเหิง เ้าอย่าฝืนเลย เพิ่งผ่านไปไม่นาน ลุกไม่ขึ้นก็ไม่แปลก”
อินเหิงกระซิบข้างหูของนาง “อืม ข้ารู้ เพียงแต่ลองดูเท่านั้น”
เมื่อพลบค่ำ เรือนของครอบครัวเมิ่งต้าจุดโคมเพิ่มอีกสองดวง จนสว่างไสวต่างจากทุกวัน
พอซวี่เฉินฟางก้าวเท้าเข้าประตูเรือน ทุกคนในครอบครัวเมิ่งต้าอดรู้สึกไม่ได้ว่าั์ตาของพวกเขาสว่างสดใสขึ้นโดยพลันเพียงเหลือบมองครั้งเดียว
นางเย่กับเมิ่งต้าเชื้อเชิญเขาให้นั่งอย่างกระตือรือร้น ขณะที่นางเหอเหลือบมองที่เอวของซวี่เฉินฟางโดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าที่เอวของเขามีหยกชิ้นหนึ่ง หยกชิ้นนี้เป็หยกที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านไม่เคยเห็นมาก่อน
นางเย่ยกน้ำชามารับรอง พร้อมกับสำรวจซวี่เฉินฟางรอบหนึ่งโดยไม่เผยพิรุธ
คู่สามีภรรยาเมิ่งต้ายิ่งมองยิ่งพึงใจประหนึ่งพบเจอก้อนทองหยวนเป่าก็มิปาน
เมิ่งเจียนเจียกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัว ใน่เวลาที่นางออกมาพบซวี่เฉินฟาง ควันหนาแน่นปกคลุมเต็มครัว ทำให้นางแลดูงามพิลาสภายใต้แสงไฟ รอยยิ้มนั้นงดงามอ่อนหวานดั่งสายน้ำ
ไม่นานครอบครัวเมิ่งต้าก็เริ่มกินอาหารเย็น
ในลานเรือนมีโต๊ะตัวหนึ่ง เมิ่งเจียนเจียทยอยยกอาหารมาวางเรียงรายเต็มโต๊ะ
นางเย่นำสุราเก่าที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยออกมาต้อนรับซวี่เฉินฟาง
ระหว่างกินอาหารเย็น นางเย่ลอบถามซวี่เฉินฟางเกี่ยวกับครอบครัวของเขา แม้ซวี่เฉินฟางเอ่ยถึงอยู่บ้าง แต่หากลองใคร่ครวญดีๆ คำพูดของเขากลับไม่มีข้อมูลที่เป็ประโยชน์มากนัก
ต่อมาเมิ่งเจียนเจียรินสุราให้ซวี่เฉินฟาง เพื่อขอบคุณที่เขาช่วยเหลือนางเมื่อกลางวัน
เพียงดื่มไปหนึ่งจอก ใบหน้าของเมิ่งเจียนเจียก็แดงก่ำ เมื่อเมิ่งซวี่ซวีเห็นดังนั้นก็อยากดื่มบ้าง เมิ่งเจียนเจียจึงรินสุราให้นางจอกหนึ่ง นางยกจอกขึ้นชนกับซวี่เฉินฟาง
อาหารเย็นมื้อนี้ช่างครึกครื้นมากจริงๆ
ในเรือนของเมิ่งอู่ ไม่มีซวี่เฉินฟาง ทั้งสามคนจึงกินอาหารเย็นเร็วขึ้น
หลังนางเซี่ยล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้วก็กลับเข้าห้อง ในที่สุดเมิ่งอู่ก็ได้นั่งพักผ่อนบนเก้าอี้เอนพลางสนทนากับอินเหิงที่ลานเรือนอย่างสงบสุข
นอนหงายมองดูดวงดาว ฟังเสียงกบร้องอย่างร่าเริงในทุ่งนาไม่ไกลนัก สายลมพัดเอื่อยเฉื่อยช่างเป็่เวลาที่แสนวิเศษ
เนื่องจากซวี่เฉินฟางยังไม่กลับมา ประตูลานเรือนจึงเปิดแง้มไว้รอเขา
แสงสลัวลอดออกจากห้องสม่ำเสมอ พาให้ลานเรือนมืดสลัว แต่ก็ยังคงสว่างกว่าคืนที่ค่อยๆ มืดมิดข้างนอกเล็กน้อย
เวลานี้เองข้างนอกมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น คราแรกเมิ่งอู่คิดว่าซวี่เฉินฟางกลับมาแล้ว
ไม่คิดว่าจะมีคนหยุดอยู่หน้าประตูลานเรือน แล้วมองเข้ามาด้านในพร้อมเอ่ย “เมิ่งอู่ ดึกป่านนี้ยังไม่นอนอีกหรือ?”
เมิ่งอู่มองไปก็พบว่าเป็เหล่าเซินกับภรรยา จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้เอนไปทักทายพวกเขา
สามีภรรยาคู่นี้ไปเยี่ยมญาติที่หมู่บ้านข้างๆ ่บ่าย หลังกินอาหารเย็นที่เรือนของญาติแล้วค่อยเดินทางกลับ
สะใภ้สกุลเซินช่างพูดช่างซัก นางเอ่ยถาม “เมิ่งอู่ ท่านย่าของเ้าได้รับาเ็สาหัสหรือ? เท้าของนางยังไม่หายดีหรือ?”
เมิ่งอู่ไม่ตอบคำถาม กลับย้อนถาม “เหตุใดสะใภ้สกุลเซินถึงถามเช่นนี้เ้าคะ?”
สะใภ้สกุลเซินยิ้มเอ่ย “แค่ถามไปเรื่อยน่ะ ตอนบ่ายพวกเราออกจากเรือน เห็นสะใภ้ใหญ่เมิ่งไปเอายาที่เรือนของหมอหยาง แต่ต่อมาพวกเราลืมของที่ต้องนำไปฝากญาติไว้ที่เรือน จึงกลับไปเอาของ ปรากฏว่าเห็นเมิ่งเจียนเจียไปเอายาที่เรือนของหมอหยางอีกครั้ง”
เมิ่งอู่ผงะไปชั่วขณะ
สะใภ้สกุลเซินกล่าวต่อ “ข้าถามทั้งสองคนแล้ว ทั้งสะใภ้ใหญ่เมิ่งและเมิ่งเจียนเจียต่างก็บอกว่าเป็ยารักษาอาการาเ็ของท่านย่าของเ้า หากท่านย่าของเ้าไม่ได้รับาเ็สาหัส แล้วไยจะต้องไปเอายาถึงสองครั้งสามครั้งเช่นนี้?”
บรรยากาศสบายๆ ก่อนหน้านี้ของเมิ่งอู่ค่อยๆ อันตรธาน
สะใภ้สกุลเซินยังถอนหายใจก่อนเอ่ย “ไม่ว่าจะจ่ายเงินซื้อยาปลอมของหมอหยางเท่าไรก็ไม่ได้ผลอยู่ดี ฟ้ามืดแล้ว เมิ่งอู่ พวกเราขอตัวกลับก่อนนะ กลางคืนเ้าขัดดาลประตูลานเรือนให้ดีเล่า”
กล่าวจบ สามีภรรยาตระกูลเซินก็เดินจากไป