เบื้องหน้าสุสานโดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง มีเด็กหนุ่มยืนอยู่เนิ่นนาน แต่ท้องฟ้ายามสายัณห์สีแดงฉาน กลับทำให้บนเวิ้งนภางามตระการเป็พิเศษ
สายตาของเด็กหนุ่มไม่คลาดจากสุสานเลยสักนิดเป็เวลานาน ตัดใจไม่ได้แต่ก็จำต้องไปแล้วแสดงความแน่วแน่
“ท่านแม่ เฉินเอ๋อร์จะไปจากเมืองอวิ๋นไห่ แต่ข้าจะไม่ลืมการที่ตระกูลเนี่ยหยามเกียรติท่านกับข้า ยามที่ข้ากลับมาก็คือเวลาที่ตระกูลเนี่ยต้องชดใช้” สายตาของเซียวเฉินเปล่งแววเย็นเยียบ สีหน้าไร้ความรู้สึก เขาไม่มีความผูกพันใดๆ กับตระกูลเนี่ยให้เอ่ยถึงนานแล้ว
ยามที่เนี่ยอวิ๋นเหอทำลายเถ้ากระดูกท่านแม่ของเขา เนี่ยเทียนไห่มิเพียงไม่ได้ห้ามปราม แต่ถึงขั้นไม่พูดจาแทนเขาเลยสักประโยคเดียว เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะรู้ได้ว่าเขามีความผูกพันกับตนเบาบางขนาดไหน
ในเมื่อเป็เช่นนี้แล้ว ไยต้องมีความผูกพันกับเขาอีก
เซียวเฉินมีเพียงความเกลียดชังต่อเขาเท่านั้น!
เซียวเฉินแบกสัมภาระไว้บนหลังแล้วหันกายเดินจากไป แต่ในเวลานี้เอง พลันมีเสียงลมดังขึ้นจากด้านหลัง เซียวเฉินสะท้านในใจ แต่ก็สายเกินไป มีดคมกริบเล่มหนึ่งทะลุร่างของเขาแล้ว เขากระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่ง ร่างล้มปลิวออกไปร่วงพื้นโดยแรง
พรวด!
เมื่อหลังล้มลงพื้น เซียวเฉินก็กระอักเืออกมาอีกคำหนึ่ง
“คุณชายใหญ่ ล่วงเกินแล้ว พวกเรารับคำสั่งมากระทำการ” ลู่เหิงมองเซียวเฉินด้วยสีหน้าหนักอึ้ง เขาอยู่ในตระกูลเนี่ยมานานปี นี่คือครั้งแรกที่เขาสังหารคนตระกูลเนี่ย อีกทั้งคนผู้นี้ยังเป็บุตรชายคนโตในภรรยาเอกของตระกูลเนี่ยด้วย
ต่อให้ถูกไล่ออกจากตระกูล ทว่าสายโลหิตยังคงอยู่
จะโทษก็ได้แต่โทษว่าคนที่ถูกไล่ออกจากตระกูลคือเขา มิใช่ผู้อื่น
ดังนั้น นี่คือชะตา
เซียวเฉินมองคนทั้งสอง ในใจหดหู่
ท่านพ่อคนนี้ของตนตัดสินใจเด็ดขาดจริงๆ ไล่ตนออกจากตระกูลไม่พอ ยังส่งคนมาลอบสังหารตนอีก ไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์พ่อลูกโดยแท้
คิดถึงตรงนี้ เซียวเฉินก็ยิ้ม
เพียงแต่รอยยิ้มอ้างว้างและโดดเดี่ยวถึงเพียงนั้น
“ท่าทางคนตระกูลเนี่ยคงทนเห็นข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้จริงๆ” เซียวเฉินไอสองที จากนั้นก็ยิ้ม “หรือว่าพวกเขากลัวข้าจะกลับมาแก้แค้น ขี้ขลาดเหมือนหนูขนาดนี้ คู่ควรที่จะเป็ผู้ทรงอิทธิพลแห่งเมืองอวิ๋นไห่จริงหรือ”
เซียวเฉินยิ่งยิ้มแย้ม ขณะที่สีหน้ายิ่งเยียบเย็น
“ต่อให้ข้าตาย ข้าก็ต้องกัดเนื้อบนร่างพวกเ้าออกมาชิ้นหนึ่ง” ระหว่างที่พูด เซียวเฉินคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว หยัดร่าง เดินไป ในมือมีมีดสั้นเพิ่มมาเล่มหนึ่ง แทงคนทั้งสองโดยแรง
ลู่เหิงและลู่หยวนต่างมีความสามารถขั้นแรกกำเนิดสามชั้นฟ้าระดับสูงสุด ส่วนเซียวเฉินมีความสามารถแค่ขั้นฐานจิตสามชั้นฟ้าเท่านั้น ถึงมีดสั้นของเขาจะแทงโดนคนทั้งสองจริงๆ ก็อาจทำร้ายคนทั้งสองไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น เป็ไปไม่ได้ที่คนทั้งสองจะยืนให้เขาโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว
ฟุ่บ!
เงาร่างคนทั้งสองขยับหลบได้สบายๆ จากนั้นก็ประทับหนึ่งฝ่ามือตรงเสื้อกั๊กของเซียวเฉิน เซียวเฉินถูกโจมตีลอยไปอย่างง่ายดาย โลหิตสดไหลลงมาตามมุมปากของเขาช้าๆ
เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนทั้งสองเลย
ท่านแม่ ข้าต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว มิอาจล้างแค้นให้ท่านได้...
เซียวเฉินมองรอบด้าน จากนั้นก็เคลื่อนไหวหลอกล่อหนึ่งกระบวนท่า แล้ววิ่งสุดกำลังและพุ่งทะลวงโดยไม่สนใจสิ่งใด พวกลู่เหิงสองคนก็ตามติดอยู่ด้านหลัง
วิ่งมาพักหนึ่ง เซียวเฉินพลันหยุดลง
เบื้องหน้า คือหน้าผา
ส่วนด้านหลัง คนทั้งสองไล่ตามมาทันแล้ว เซียวเฉินหมดหนทางถอย
“เนี่ยเฉิน ไม่ต้องวิ่งแล้ว วันนี้เ้าจำเป็ต้องตาย” ดาบในมือลู่หยวนวาบประกายเย็นเยียบแสบตาอย่างยิ่ง ลู่เหิงที่อยู่ทางด้านข้างก็ล้อมปิดหนทางถอยของเซียวเฉินกับเขาหนึ่งซ้ายหนึ่งขวา
เซียวเฉินอดยิ้มไม่ได้
“ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะไม่ตายด้วยน้ำมือของพวกเ้า” ว่าแล้วก็ะโ ร่วงลงหน้าผา
คนตระกูลเนี่ย ถ้าข้าเซียวเฉินไม่ตาย ก็คือเวลาฆ่าล้างตระกูลพวกเ้า
เงาร่างเซียวเฉินร่วงลงสู่ใต้หน้าผาลึกหมื่นจั้ง
เมื่อเห็นเซียวเฉินะโหน้าผา ลู่หยวนจึงมองลู่เหิงแล้วเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ ทำอย่างไรดี?”
ลู่เหิงมองหน้าผาแห่งนั้น
“เป็ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ”
......
เนื่องจากเซียวเฉินถูกลู่เหิงฟันเข้าหนึ่งดาบจนเสียเืมากเกินไป ยามนั้นสติจึงเลื่อนลอยอยู่บ้าง สุดท้ายเขาค่อยๆ หลับตาทั้งสองข้างลง ทว่าก่อนหลับตา เขากลับยังเห็นความไม่ยินยอมในดวงตาของตนเอง
ต้องตายแล้วหรือ?
แถมข้ายังต้องตายด้วยน้ำมือของคนตระกูลเนี่ย
แต่ข้ายังไม่อยากตาย ข้ายังไม่ได้ชำระแค้นเลย...
หึหึ เซียวเฉิน ์้าพิฆาตเ้า!
ร่างของเซียวเฉินร่วงลงไปด้วยความเร็วสูงสุด ทว่าในเวลานี้เอง ร่างของเซียวเฉินพลันเปล่งแสงสีทองที่ห่อหุ้มเขาไว้เป็ชั้นๆ หากเวลานี้เซียวเฉินตื่นขึ้นมาก็จะค้นพบอย่างน่าประหลาดใจว่าแสงสีทองที่ช่วยตนเอาไว้คือหยกประดับที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้
ในหยกประดับมีอัญมณีดั่งคริสตัลเม็ดหนึ่งสาดแสงิญญาได้ไม่สิ้นสุด หลอมรวมเข้าสู่ร่างของเซียวเฉิน รักษาอาการาเ็ของเขาและถึงขั้นกำลังปรับปรุงร่างกายของเขาด้วย
าแของเซียวเฉินกำลังฟื้นฟูด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเนื้อ ถึงขั้นร่างกายค่อยๆ โปร่งใส เห็นโลหิตและชีพจรภายในร่างได้อย่างชัดเจน กระทั่งชีพจริญญาของเขาโปร่งใสดั่งคริสตัลทั้งหมด
เดิมทีเซียวเฉินเพียงทะลวงชีพจริญญาไปสามสาย ทว่าเส้นทางแห่งมรรคาบู๊จำเป็ต้องทะลวงชีพจริญญาถึงหกสายจึงจะสามารถเหยียบย่างเข้าสู่การฝึกบำเพ็ญ ดังนั้น เซียวเฉินจึงหยุดอยู่ที่ขั้นฐานจิตมาตลอด
ทว่า เวลานี้ชีพจริญญาของเซียวเฉินค่อยๆ ทะลวงทีละจุดภายใต้การสาดส่องของแสงิญญา
เมื่อเซียวเฉินได้สติก็มีสีหน้างุนงง
“ข้าไม่ตายหรือ?” เซียวเฉินรู้สึกได้ว่าตนมีกำลังวังชาเปี่ยมล้นผิดปกติ หลังจากตรวจสอบถึงกับเผยสีหน้าลิงโลดแทบคลุ้มคลั่ง
“ขั้นแรกกำเนิด...ข้าย่างเข้าสู่ขั้นแรกกำเนิดแล้ว”
ตูม!
เซียวเฉินต่อยหนึ่งหมัด เปลวเพลิงพวยพุ่งสู่ฟ้า แกร่งกล้าอย่างน่าประหลาด อานุภาพเทียบได้กับเคล็ดวิชาขั้นนิล
“ไม่ว่าด้วยเหตุใดที่ทำให้ข้าเปลี่ยนเป็แข็งแกร่ง แต่นับจากวันนี้ไป มีข้าเซียวเฉิน ในโลกนี้ก็ไม่อนุญาตให้มีการคงอยู่ของตระกูลเนี่ย” สายตาเซียวเฉินสาดประกายเย็นเยียบ น้ำเสียงหยิ่งผยอง
สามวันต่อมา พวกลู่เหิงสองคนยังไม่ได้จากไป เพราะพวกเขากำลังค้นหาศพของเซียวเฉินหลังะโลงจากหน้าผา แต่การค้นหากลับไร้ผล ไม่พบร่องรอยเลยสักนิด พวกเขาไม่มีทางกลับไปรายงาน ได้แต่เดินลาดตระเวนต่อ
“พี่ใหญ่ เ้าเศษสวะเนี่ยเฉินคนนั้นอาจจะถูกสัตว์ร้ายกินไปแล้วก็เป็ได้” ลู่หยวนเอ่ยกับลู่เหิงแบบหมดความอดทน
“ในเมื่อถูกสัตว์ร้ายกิน หรือว่าไม่มีรอยเืเลยสักนิด ก็เป็ไปได้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่” ลู่เหิงเอ่ยช้าๆ
ลู่หยวนมีสีหน้าดูแคลน “พี่ใหญ่ ท่านคิดมากเกินไป อย่าว่าแต่เ้าเศษสวะนั่นเลย ด้วยความสามารถของพวกเรา ถ้าร่วงลงมาจากข้างบนก็เป็ไปไม่ได้ที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะยังไม่ตายได้อย่างไร?”
ขณะที่เสียงของลู่หยวนเพิ่งสิ้นสุดลง อีกเสียงหนึ่งก็ค่อยๆ ดังขึ้นมา
“ข้าทำให้พวกเ้าผิดหวังแล้ว เพราะข้าดันมีชีวิตรอดมาได้”
ลู่เหิงและลู่หยวนตกตะลึงสุดขีด หันหน้าไปมองตามเสียงนั้น เห็นเซียวเฉินในสภาพร่างที่ไม่บุบสลายยืนอยู่ไม่ไกลและกำลังมองพวกตนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่คนทั้งสองกลับเห็นเจตนาสังหารในดวงตาของเขา
“มีชีวิตอยู่แล้วอย่างไรเล่า ก็ยังต้องตายอยู่ดี” ลู่หยวนถ่มน้ำลาย ยกดาบขึ้นพุ่งเข้าหา ดาบใหญ่ร่ายรำ เงาดาบเป็ชั้นๆ ดั่งเงามายา หากเป็เซียวเฉินคนก่อนต้องถูกสังหารภายใต้การโจมตีครั้งนี้เป็แน่ แต่เซียวเฉินในยามนี้มิใช่เซียวเฉินในตอนนั้นอีกแล้ว
ฟุ่บ!
เซียวเฉินขยับเท้า หลบการโจมตีคร่าชีวิตได้อย่างสบายๆ
ลู่เหิงที่อยู่ด้านหลังใสุดขีด
เป็ไปได้อย่างไร? ลู่หยวนมีความสามารถขั้นแรกกำเนิดสามชั้นฟ้าระดับสูงสุดนะ!
เนี่ยเฉินมีความสามารถแค่ขั้นฐานจิต จะหลบการโจมตีของเขาได้อย่างไร?
ครู่ถัดมา เซียวเฉินก็ฟาดหนึ่งฝ่ามือ เปลวเพลิงพวยพุ่ง สังหารลู่หยวนอย่างอำมหิต เวลานี้ลู่หยวนอยู่กลางอากาศหลบหลีกไม่ได้เลย การโจมตีในครั้งนี้เข้าไปที่ร่างของลู่หยวนอย่างหนักหน่วง
ตูม!
“อ๊า” ลู่หยวนกรีดร้องอย่างอนาถ ร่างกายถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนไม่เหลือิัที่สมบูรณ์ เขานอนอยู่บนพื้นแล้วร้องคร่ำครวญไม่หยุด แต่ไม่นานก็ไร้เสียง ลู่เหิงดูฉากนี้แบบอกสั่นขวัญแขวน ในใจยิ่งพรั่นพรึงไม่วาย
เซียวเฉินเปลี่ยนเป็แข็งแกร่งปานนี้ั้แ่เมื่อใด?
สายตาของเซียวเฉินมองไปทางลู่เหิง
“บอกข้ามา ใครใช้ให้พวกเ้ามาฆ่าข้า?” สายตาของเซียวเฉินทอแววเย็นเยียบ ห่อหุ้มลู่เหิงไว้ประหนึ่งหล่มน้ำแข็ง ลู่เหิงสีหน้าแปรเปลี่ยน ตกตะลึงพรึงเพริด
เห็นลู่เหิงไม่เอ่ยวาจา เซียวเฉินสืบเท้ามาก้าวหนึ่ง
“ไม่พูด เช่นนั้นตายเสียเถอะ”
พริบตานั้น ร่างของเซียวเฉินเปล่งแสงสีดำ พลังเสวียนอันไร้ขอบเขตนั้นทะลักทลายมาดุจคลื่นทะเล ในที่สุดดวงตาของลู่เหิงก็มีแววไหววูบวาบผ่าน
“เ้าถึงกับบรรลุขั้นแรกกำเนิด!”
สิ่งที่ตอบคำถามเขาคือมีดสั้นของเซียวเฉิน ฝีเท้าของเซียวเฉินซ้อนทับกัน เงาร่างดุจภูติพราย เมื่อลู่เหิงออกจากอาการตกตะลึงก็ถูกเซียวเฉินตัดแขนไปข้างหนึ่งแล้ว โลหิตสดสาดออกมาเป็สาย
“คุณชายใหญ่ ไว้ชีวิตด้วย...ข้าบอก ข้าบอก...”
ลู่เหิงกอดแขนคุกเข่าล้มลงกับพื้น เวลานี้ความสามารถของเซียวเฉินมิใช่คนที่เขาสามารถเทียบได้อีกต่อไป หากแข็งขืนคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย เซียวเฉินมองลู่เหิงแล้วเอ่ย “ข้าออกจากตระกูลเนี่ยแล้ว ไม่ต้องเรียกข้าว่าคุณชายใหญ่ เ้าแค่ต้องบอกสิ่งที่เ้ารู้แก่ข้า”
ลู่เหิงพยักหน้าหงึกๆ อย่างรวดเร็ว
“ขอรับ ขอรับ ความจริงคนที่้าสังหารท่านมิใช่ประมุขตระกูลเนี่ย แต่เป็เนี่ยอวิ๋นเหอ เขาให้พวกข้าสองคนพี่น้องมาฆ่าปิดปากท่าน เพราะเขาไม่คิดจะทิ้งเภทภัยไว้ให้ตนเอง”
เอ่ยถึงตรงนี้ สายตาของเซียวเฉินเย็นเยียบ เจตนาสังหารลุกโชน
แม้เซียวเฉินกับเนี่ยอวิ๋นเหอจะมิใช่พี่น้องร่วมมารดา แต่ก็ถือว่าร่วมสายโลหิต เพราะเป็พี่น้องร่วมบิดากัน เื่ราวมากมายในอดีตน่ะช่างเถอะ คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เขาถึงกับลงมือสังหารตนอย่างอำมหิต
เซียวเฉินเงื้อมีดสั้น ปักเข้าหัวใจของลู่เหิง
“คุณชายใหญ่ ท่าน...”
เซียวเฉินยิ้มเอ่ยว่า “ข้าให้เ้าพูด แต่ข้ามิได้บอกว่าจะไม่ฆ่าเ้า”
ร่างของลู่เหิงค่อยๆ ล้มลงพื้น ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
เซียวเฉินได้ค้นเจอแหวนเก็บของจากร่างของลู่เหิง บัดนี้เซียวเฉินมีความสามารถขั้นแรกกำเนิด เขาใช้การรับรู้สำรวจภายในนั้น ใบหน้าเผยความปีติยินดีออกมาทันควัน นี่คือภายในแหวน มีพื้นที่ว่างสำหรับเก็บของประมาณสิบเมตร มีผลึกเสวียนอย่างน้อยนับร้อยก้อน แล้วยังมีเคล็ดวิชาฝึกปรืออีกหนึ่งชุด ส่วนสิ่งที่เหลือล้วนเป็ของใช้ทั้งสิ้น
เซียวเฉินลบรอยประทับการรับรู้ของลู่เหิงทิ้งและสลักรอยประทับของตนเองไว้ในนั้น ครู่หนึ่งจึงออกมา
“เ้าหมอนี่มีของดีไม่น้อย ท่าทางตระกูลเนี่ยต้องมีรายได้งามเป็แน่ แต่ตอนนี้แหวนเป็ของแซ่เซียวแล้ว” เซียวเฉินยิ้มแล้วสวมแหวนไว้บนนิ้วของตนเอง จากนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็ลึกล้ำสุดเปรียบปาน มองอารมณ์ใดๆ ไม่ออก
“เนี่ยอวิ๋นเหอ...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้