สามวันผ่านไปภายในชั่วพริบตา
วันนี้คือวันที่ไป๋หว่านหนิงต้องกลับบ้านเดิม
เนื่องจากนางเป็เพียงเช่อเฟย จวนสกุลไป๋จึงไม่อาจต้อนรับอย่างเอิกเกริก ทำได้เพียงเปิดประตูข้างให้นางเดินเข้ามาเท่านั้น
ไป๋หว่านหนิงสลัดการแต่งกายของเด็กสาวในอดีตออกไป ตอนนี้การแต่งกายของนางดูภูมิฐานอย่างยิ่ง
ชุดกระโปรงยาวสีม่วงเข้มลายดอกเสาเย่า เสื้อคลุมบนไหล่สีเดียวกัน เรือนผมมัดเป็มวยผมของเด็กสาวที่ออกเรือนแล้ว ปักปิ่นดอกปิ้งปี้บาน ห้อยระย้าสองสามเส้น ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งยามก้าวเดิน
มารยาทของไป๋หว่านหนิงในฐานะเช่อเฟยของไท่จื่อล้วนไม่ขาดตกบกพร่อง ทว่ามองไม่เห็นความยินดีในแววตาของนางเลยแม้แต่น้อย
หากเปรียบเทียบกับตอนที่นางขึ้นเกี้ยวไป ความอาฆาตแค้นและความเกลียดชังในแววตามีแต่เพิ่ม ไม่ลดลง
ไป๋เซี่ยเหอรู้ว่าตนเองเดาถูก
อย่างน้อยสามวันมานี้ ไป๋หว่านหนิงน่าจะมีชีวิตที่ไม่ดีนักในตำหนักของไท่จื่อ
“เซี่ยถิง”
เซี่ยถิงซ่อนตัวเพื่อเฝ้าเรือนสุ่ยฉิงตลอดเวลา เมื่อได้ยินไป๋เซี่ยเหอเรียกเขาก็เดินออกมาทันที
“ไปสอบถามเื่ราวที่เกิดขึ้นในจวนไท่จื่อ่สามวันมานี้ ข้า้าทุกรายละเอียด กลับมารายงานข้าภายในครึ่งชั่วยาม”
“ขอรับ”
เมื่อก่อนยามที่เซี่ยถิงอยู่ในจวนสกุลฉินก็เป็ผู้ช่วยคนสนิทของผู้าุโฉิน เขาย่อมมีวิธีการของตัวเอง
น่าเสียดายที่ผู้าุโฉินต้องสูญเสียบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ผู้หนึ่งเพื่อฉินจิ่นยวน
ครึ่งชั่วยามต่อมา
เซี่ยถิงยืนตรงหน้าไป๋เซี่ยเหอตามเวลานัด บอกเื่ราวที่ตนเองสืบมาได้ทั้งหมดให้ไป๋เซี่ยเหอฟัง
วันที่ไป๋หว่านหนิงแต่งเข้าตำหนัก ตามหลักแล้วนับเป็วันมงคล ทว่าฮั่วิเชินกลับไม่ได้เหยียบย่างเข้าไปในเรือนของนางตลอดทั้งคืน กลับไปพักที่เรือนของเช่อเฟยอีกคนแทน
เช่นนี้จะให้ไป๋หว่านหนิงที่ถูกประคบประหงมมาั้แ่เล็กและมีนิสัยหยิ่งผยองทนไหวได้อย่างไร? พอฟ้าสว่าง นางรอให้ฮั่วิเชินจากไป จากนั้นก็พุ่งไปที่เรือนของเช่อเฟยคนนั้น คว้าตัวคนมาด่ายกหนึ่ง
อีกฝ่ายเองก็ไม่ยอม ทั้งสองคนจึงตบตีกัน จากนั้นไป๋หว่านหนิงก็ล้มลงโดยไม่ทันระวัง
เื่นี้แพร่กระจายไปถึงในวัง ฮ่องเต้ด่าไท่จื่อ เมื่อไท่จื่อกลับจวน เขาก็ไปด่าไป๋หว่านหนิงต่อ
เื่ที่เกิดขึ้นจริงช่างแตกต่างกับจินตนาการของไป๋หว่านหนิงเป็อย่างยิ่ง นางโมโหจนเป็ลมล้มพับไปทันที
หมอหลวงวินิจฉัยว่าครรภ์ของนางไม่มั่นคง ต้องพักผ่อนนิ่งๆ ดังนั้นไท่จื่อจึงถือโอกาสกักบริเวณนาง
เนื่องจากไป๋หว่านหนิงเป็เช่อเฟย ทั้งยังถูกกักบริเวณ ดังนั้นเวลาในการกลับบ้านเดิมจึงมีจำกัด เพียงกลับมาโขกศีรษะให้ไป๋เหล่าฮูหยินก็ถูกคนของไท่จื่อพากลับไปแล้ว
เพียงแต่กระบวนการกลับบ้านเดิมนี้เงียบเชียบเกินไป ทำให้ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกว่ามีความผิดปกติมากมายแฝงอยู่ในความเงียบสงบนี้
“คุณหนูใหญ่อยู่หรือไม่เ้าคะ?”
น้ำเสียงขลาดกลัวดังขึ้นที่หน้าประตู ไป๋เซี่ยเหอโบกมือ เซี่ยถิงจึงซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว
จากนั้นสาวใช้ตัวน้อยที่ดูเยาว์วัยซึ่งไป๋เซี่ยเหอไม่คุ้นหน้าก็เดินเข้ามา
“อยู่ มีเื่อันใด?”
ฝูเอ๋อร์รุดหน้าไปถาม
สาวใช้ตัวน้อยเดินเข้ามา ตัวของนางสั่นงันงก ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า “ไป๋เหล่าฮูหยินสั่งให้บ่าวมาเชิญคุณหนูใหญ่ไปหารือเื่สำคัญเ้าค่ะ”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพ ไม่อาจหาข้อตำหนิใดๆ ได้
ฝูเอ๋อร์หมุนกายไปมองไป๋เซี่ยเหอที่มีท่าทีสงบนิ่ง “คุณหนู ไป๋เหล่าฮูหยินให้ท่านไปหารือเื่สำคัญที่เรือนโซ่วอัน ท่านจะไปหรือไม่เ้าคะ?”
สาวใช้ตัวน้อยกลั้นหายใจอย่างอดไม่ไหว ด้วยกลัวว่าคุณหนูใหญ่จะบอกว่าไม่ไป
สาวใช้คนก่อนที่รับใช้ไป๋เหล่าฮูหยินไม่สามารถทำตามคำสั่งของนางได้ จึงถูกไล่ไปทำงานที่หนักที่สุดทันที
ส่วนตนเองเพิ่งมารับใช้ไป๋เหล่าฮูหยินได้ไม่กี่วัน นึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำสั่งที่ยากเย็นเช่นนี้
ใบหูของไป๋เซี่ยเหอขยับเล็กน้อย นางกวาดตามองใบหน้าของสาวใช้ตัวน้อย และมองเห็นเงาของฝูเอ๋อร์ทับซ้อนอยู่เล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้
“ไปกัน ข้าอยากรู้นักว่าในจวนมีเื่ใดถึงต้องเรียกข้าไปหารือ”
ณ เรือนโซ่วอัน
ไป๋เหล่าฮูหยินเอนกายอยู่บนเก้าอี้ นางแต่งหน้าหนาเตอะ ทว่าไม่อาจปกปิดรอยคล้ำขนาดใหญ่ใต้ตาได้
ในเรือนมีเพียงนางกับแม่นมโจวที่สนิทกับนางที่สุด ส่วนบ่าวรับใช้ที่เหลือล้วนรออยู่ข้างนอก
“เ้ามาแล้ว”
น้ำเสียงอันแก่ชราแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม ราวกับพยายามทำให้ตนเองมีความมั่นใจมากขึ้นเล็กน้อย
“เ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่ไม่แข็งกร้าว ทว่าก็ไม่ถ่อมตัว ดูงดงามและเป็ธรรมชาติในแบบของตนเอง
“เ้ามาจับชีพจรให้ข้าที”
ไป๋เหล่าฮูหยินเอนกายอยู่ตรงนั้น นางยกมือขึ้นสูง ท่าทีเป็ธรรมชาติราวกับต้องเป็เช่นนั้น
ไป๋เซี่ยเหอยืนอยู่ไกลๆ ด้วยท่าทีเฉยเมย ในจวนมีหมอประจำจวน ทว่ากลับตั้งใจเรียกนางมาจับชีพจรหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่ใช่แพทย์หญิงที่ต้องตรวจอาการให้ผู้อื่นตลอด นางทำตามอารมณ์เท่านั้น ทว่ากลับเรียกนางมาใช้งานอย่างนั้นหรือ?
เฮอะ...
เมื่อเห็นไป๋เซี่ยเหอไม่ขยับ ไป๋เหล่าฮูหยินก็โมโหจนจุดไท่หยางเต้นตุบๆ นางส่งสายตาให้แม่นมโจวที่ยืนอยู่ข้างกายทันที
แม่นมโจวเดินหน้ามาหนึ่งก้าว ก่อนจะยิ้มแย้มอย่างมีเมตตา “คุณหนูใหญ่เ้าคะ วันนี้หมอในจวนลากลับบ้าน ทว่าวันนี้ไป๋เหล่าฮูหยินไม่สบาย จึงทำได้เพียงรบกวนท่านแล้ว”
คนอย่างไป๋เซี่ยเหอชอบใช้ไม้อ่อน ไม่ชอบใช้ไม้แข็ง เมื่อได้ฟังถ้อยคำนี้จึงเดินหน้าไปหาไป๋เหล่าฮูหยิน เพียงแต่ความระแวดระวังในใจไม่ได้บรรเทาลงเลยแม้แต่น้อย
ทำดีต่อหน้า ทว่าใจจริงไม่ประสงค์ดีใช่หรือไม่?
“เป็เพียงโรคเดิมๆ เท่านั้น”
ไป๋เหล่าฮูหยินเป็โรคใจสั่นและชี่พร่องเสมอมา บางทีอาจเป็เพราะหลายวันมานี้ถูกเื่ของไป๋หว่านหนิงทำให้โมโห ดังนั้นโรคเดิมจึงกำเริบ
“เ้าดูสิ สังขารของข้าย่ำแย่ลงทุกปี ส่วนบิดาของพวกเ้าก็อยู่ข้างนอกมานาน ในจวนไม่มีสตรีที่จัดการเื่ราวต่างๆ ได้เลย”
ระหว่างที่ไป๋เหล่าฮูหยินกล่าว นางก็หยั่งเชิงท่าทีของไป๋เซี่ยเหอไปด้วย ผลลัพธ์คือจ้องมองอยู่นาน คนหลังยังคงไม่เปลี่ยนท่าที สีหน้ากลับมืดครึ้มยิ่งกว่าเดิม
“เ้าคือบุตรสาวของภรรยาเอกในจวนสกุลไป๋ และเป็บุตรสาวคนโตด้วย ดังนั้นเจตนาของข้าคือสอนให้เ้าบริหารจัดการตระกูล แม้เ้าจะต้องออกเรือนในอนาคต ทว่าการบริหารจัดการเื่ในจวนของสามีไม่อาจไม่คุ้นชิน”
ไป๋เหล่าฮูหยินเชิดคางขึ้นสูง แล้วตวัดสายตามองลงต่ำราวกับกำลังทำทานก็ไม่ปาน
“ไม่จำเป็”
ไป๋เซี่ยเหอปฏิเสธโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ไม่เคยมีผู้ใดในจวนสกุลไป๋ที่ปฏิบัติกับนางที่เป็บุตรีของภรรยาเอกอย่างจริงใจ ทว่าจู่ๆ กลับบอกว่าจะมอบผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ปานนี้ให้นาง หากไม่มีลับลมคมในก็แปลกแล้ว
ราวกับว่าปกติทำใจไม่ได้แม้แต่จะมอบโจ๊กให้นางกินสักคำ ทว่าจู่ๆ กลับมาบอกว่าจะให้ตั้นเกา[1]ชิ้นใหญ่เสียอย่างนั้น
เกรงว่าจะไม่ใช่ขนมที่ตกลงมาจากฟ้า ทว่าเป็จักร
ไม่ต้องพูดถึงว่าคว้าไว้ไม่ได้ ทว่ายังถูกกระแทกตายอย่างง่ายดายด้วย
“เ้าช่างไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีจริงๆ ข้าหวังดีกับเ้า ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ!”
อารมณ์ดีที่เสแสร้งแสดงออกมาเมื่อครู่มลายหายไปในชั่วพริบตา ไป๋เหล่าฮูหยินมองสตรีที่อยู่เบื้องล่างด้วยใบหน้าเ็า
ยิ่งมองก็ยิ่งรังเกียจ
ใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอแปรเปลี่ยนเป็เ็าทันที นางทนมองใบหน้าที่คิดไปเองตรงหน้าไม่ได้จริงๆ
“เกรงว่าไป๋เหล่าฮูหยินจะลืมไปเสียแล้ว ข้าคือชายาเซ่อเจิ้งอ๋องในอนาคต ข้าต้องแต่งเข้าจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง เื่บริหารจัดการภายในจวนย่อมมีผู้ดูแลของจวนทำหน้าที่นี้ หากทุกเื่ต้องให้หวังเฟยที่มีเกียรติลงมือจัดการเอง เหตุใดจวนเซ่อเจิ้งอ๋องต้องเลี้ยงบ่าวรับใช้ไว้มากมายปานนั้นด้วยเล่า? ขุนให้อ้วนแล้วค่อยกินหรือ?”
“เ้า เ้า...ถึงอย่างนั้นเ้าจะไม่เข้าใจอะไรเลยไม่ได้ ข้าไม่สน เ้าต้องเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการจวน มิฉะนั้นในอนาคตเ้าจะทำให้จวนสกุลไป๋ของข้าต้องเสียหน้า”
ไป๋เซี่ยเหอจ้องไป๋เหล่าฮูหยินด้วยแววตามืดมน นางมีคำตอบในใจอย่างคร่าวๆ แล้ว ตอนนี้โทสะผุดขึ้นในใจนางทันที
ไป๋เหล่าฮูหยินตัวดี นึกไม่ถึงว่าจะกล้าวางแผนกับนาง!
นางดูเหมือนรังแกได้ง่ายปานนั้นเชียว?
“ไป๋เหล่าฮูหยิน ข้าขอแนะนำท่านหน่อยนะ หากในจวนขัดสนเงินทอง ก็เอาสิ่งของในเรือนของท่านออกไปขาย ลดความคิดชั่วร้ายให้น้อยลงหน่อย”
“หรือท่านมีความคิดที่หน้าไม่อายว่า จะสามารถยื่นมือเข้ามายุ่งกับทรัพย์สินของจวนเซ่อเจิ้งอ๋องได้อย่างนั้นหรือ?”
------------------------
[1] ตั้นเกา หมายถึง ขนมเค้ก